บทที่ 188 : วิฬารมากเล่ห์
ความสนใจของจ้าวเฟิงถูกดึงดูดไปโดยกำไลมิติ
ภายในกำไลมิตินั้นมีขนาดราวๆ 1 ลูกบาศก์เมตร และมีของที่เขาได้รับจากการทดสอบจำนวนมาก
การเคลื่อนไหวเกิดขึ้นจากภายในนั้น
เมื่อหลอมรวมสำนึกของเขาเข้าไปภายใน จ้าวเฟิงก็ค้นพบว่าสมบัติภายในนั้นกำลังสั่นสะท้านเล็กๆ พร้อมกับที่สมุนไพรผลไม้กว่าครึ่งได้ถูกกัดกินไป
ผู้ร้ายนั้นคือแมวขนฟูสีเทาตัวหนึ่งที่ดูราวกับเพิ่งจะเกิด มีขนาดเพียงราวๆ ฝ่ามือหนึ่ง ดวงตาใสกระจ่างของมันกวาดมองไปรอบๆ
แมวที่รักการกินตัวนั้นดูจะรับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวขึ้นของจ้าวเฟิง ร่างของมันแข็งเกร็งขึ้นกลางคัน
เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวชะงักไปในคราแรก แต่จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าสมุนไพรของเขาได้ลดลงไปกว่าครึ่ง
“เจ้าแมวขโมยที่กินสมุนไพรของข้าไปกว่าครึ่งนี่มาจากที่ใดกัน?”
จ้าวเฟิงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
สมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้ได้ถูกกวาดมาจากการทดสอบโดยเขา และตอนนี้มันก็ได้ลดลงกว่าครึ่ง แม้ว่าจะเป็นจ้าวเฟิงที่มักจะเยือกเย็นอยู่เสมอก็รู้สึกราวกับควันกำลังลอยขึ้นจากศีรษะของเขา
อึกอึก! อึกอึก!
แมวสีเทาตัวจ้อยมีสีหน้าหยามหยัน มันยกเหยือกไวน์ขึ้นและเริ่มที่จะดื่มจากมัน
“เฮ้! นั่นมันไวน์จิตวิญญาณของข้า!”
จ้าวเฟิงอุทานออกมาและนำไวน์จิตวิญญาณออกมาด้วยความคิด
ทว่าแมวสีเทาตัวนั้นได้เกาะมาพร้อมกับเหยือกนั้นและออกมาจากกำไลมิติเช่นกัน
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวสีเทาดูดไวน์ในนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
“ไอ้แมวขโมยนี้มาจากที่ใดกัน? หรือเป็นว่า…?”
เด็กหนุ่มนิ่งงันไปเมื่อเขาคาดเดาถึงที่มาของแมวตัวจ้อยนี้
มันเหลือเพียงเปลือกไข่ที่แตกหักที่บริเวณที่ไข่ควรจะวางอยู่ในมุมหนึ่งของกำไลมิติ
แมวขโมยตัวนี้ย่อมมาจากไข่นั้นโดยมิต้องสงสัย ทว่าจ้าวเฟิงไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแมวจะฟักออกจากไข่เพราะมันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งไปกว่านั้นก็คือการที่แมวขโมยตัวนี้มีสติปัญญาสูงตั้งแต่วินาทีที่มันถือกำเนิด การกระทำที่ราวกับมนุษย์ได้ทำให้มันดูราวกับจิ้งจอกเฒ่าเสียมากกว่า
นอกจากนั้น แมวขโมยตัวจ้อยนี้ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกเสียจากท้องที่ป่องขึ้นเล็กน้อย ทั้งที่กินสมุนไพรเข้าไปจำนวนมากในคราเดียว
อึก! อึก!
ในขณะที่จ้าวเฟิงกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด ไวน์ที่เหลือก็ได้ถูกดื่มไปโดยลูกแมวตัวเล็กจนหมด
“มะ…มันเป็นสัตว์อสูรประเภทใดกัน?”
จ้าวเฟิงเดาะลิ้นอย่างเงียบๆ
กระทั่งผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณก็อาจจะระเบิดออกหลังจากที่กินเข้าไปจำนวนมากเช่นนั้นในคราเดียว ทว่าแมวตัวนี้กลับทำเพียงเรอออกมาก่อนที่จะมองไปยังจ้าวเฟิงอีกหน่อย
“หึ! เจ้าไม่ควรที่จะอธิบายให้ข้าฟังถึงการที่เจ้ากินเข้าไปมากเช่นนี้หน่อยหรือ?”
เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปจับยังใบหูของแมวขโมย ตัดสินใจที่จะสั่งสอนมัน
เมี้ยวเมี้ยว!
ร่างของแมวขโมยพุ่งวูบและหลบการเคลื่อนไหวของเขาไป
หืมมม?
จ้าวเฟิงตื่นตะลึง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การจับธรรมดาๆ กระทั่งผู้ฝึกตนในนภาที่สี่ก็ไม่อาจที่จะหลบหลีกมันไปได้ด้วยระยะที่สั้นเพียงนี้
แมวขโมยตัวเล็กไม่เพียงหลบได้อย่างง่ายดาย มันกระทั่งแสดงสีหน้าเยาะเย้ยออกมา
ถูกเยาะเย้ยโดยแมวตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง?
เด็กหนุ่มกลับกลายเป็นไร้คำพูดและรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้นว่าแมวตัวนี้มาจากที่ใด
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเดรัจฉานจะมีปัญญาสูงเช่นนี้ตั้งแต่เกิด และสามารถกลืนกินสมุนไพรได้ราวกับของขบเคี้ยว
ฟุ่บ!
ร่างเล็กของแมวขโมยกระโดดแผล็วขึ้นบนแขนของเด็กหนุ่มและวางอุ้งเท้าของมันไปยังกำไลมิติของเขา
ไม่ช้าจ้าวเฟิงก็ตระหนักได้ว่ามันต้องการสิ่งใด
ฟุ่บ!
แมวขโมยตัวจ้อยนำผลไม้จิตวิญญาณออกมาก่อนจะเริ่มกินมันอย่างมีความความสุข
มันเป็นไปได้หรือ?
จ้าวเฟิงไร้คำพูดจนถึงขีดสุด สิ่งของของเขาจากกำไลมิติของเขาได้ถูกขโมยไปโดยแมวขโมยตัวนี้
เขาเพียงเกือบจะจับมันได้อีกครั้ง ทว่าลูกแมวตัวเล็กก็ได้ลื่นไหลออกไปและร่อนลงห่างออกไปหลายหลาพร้อมด้วยสีหน้าเหยียดหยามขณะที่ปากของมันยังคงเคี้ยวผลไม้อยู่
“มันกล้ามองข้าด้วยสีหน้าเยาะหยันเช่นนั้นทั้งๆ ที่ยังกินผลไม้ของข้าได้เยี่ยงไร!?”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงเปลวเพลิงที่แผดเผาอยู่ภายในใจ ทว่าเขาไม่ได้กระทำการเร่งร้อนใดๆ ออกไปและสงบเยือกเย็นลงในไม่ช้า
กระทั่งเขาก็ไม่มีความมั่นใจใดๆ ในการจับแมวตัวนั้นด้วยความคล่องแคล่วของมัน
หากเขากระทำการผลีผลามใดๆ และทำให้มันหนีไป เช่นนั้นนับว่ามิคุ้มค่า
ทุกคนควรจะรู้ว่าระหว่างเขากับมันนั้นยังไม่มีสัญญาใดๆ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน
นอกจากนั้น จากท่าทางของมัน แมวขโมยตัวจ้อยนี่ดูราวกับจะไร้ซึ่งความเคารพใดๆ ต่อ ‘เจ้านาย’ ผู้นี้ที่เป็นผู้ปลุกให้มันตื่นขึ้น
หลังจากกินผลไม้จิตวิญญาณแล้ว แมวขโมยตัวเล็กก็แสยะยิ้มเหยียดหยามใส่เด็กหนุ่ม
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวตัวเล็กโบกกรงเล็บของมันราวกับว่ากำลังเอ่ย ‘ลาก่อน’ จากนั้นมันจึงหมุนตัวและจากไป
หนี?
จ้าวเฟิงหัวเราะเย็นเยียบ มันได้กินสมุนไพรของเขาไปจำนวนมากและต้องการที่จะจากไปเช่นนั้น?
เพื่อที่จะได้ครอบครองไข่ใบนี้ เขาได้เสียเวลานับสิบวันในบททดสอบ มันจะไปเช่นที่ต้องการได้เยี่ยงไร?
ชี่! ชี่!
แมวขโมยตัวเล็กหมุนตัวกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วหัวเราะใส่จ้าวเฟิง เด็กหนุ่มกระทั่งเกือบจะได้ยินถึงสิ่งที่มันต้องการสื่อ ‘คนเช่นเจ้าต้องการที่จะเป็นนายข้าหรือ?’
ความฉลาดของแมวตัวเล็กนี้ไม่เพียงสูงส่ง มันฉลาดอย่างมากเมื่อมันกระทั่งรับรู้ถึงความต้องการของเด็กหนุ่ม
นั่นหมายความว่าข้าไม่อาจที่จะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้มากเสียยิ่งกว่าเก่า
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกและดึงที่ปิดตาลง เปิดเผยดวงตาสีครามคมกริบที่ส่งพลังจิตที่สั่นสะท้านหัวใจของผู้คนออกมา
ในด้านของความเร็ว เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั้นรวดเร็วกว่าแมวขโมย ทว่าในด้านของความคล่องแคล่ว แมวตัวนั้นมีขนาดเพียงฝ่ามือหนึ่ง ตัวของเด็กหนุ่มนั้นราวกับยักษ์ที่เทอะทะ
ดังนั้นแล้วจ้าวเฟิงจึงใช้ท่าไม้ตายของเขา เด็กหนุ่มเปิดดวงตาซ้ายออกและจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของแมวนั้น
ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มก็ใช้พลังจิตของเขาในการก่อกวนแมวขโมย ทว่าไม่ได้ใช้การโจมตีเสียงพลังจิตเมื่อเขากังวลว่าจะเป็นการทำร้ายมัน เพราะมันดูราวกับเพิ่งเกิด
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวที่คล่องแคล่วนั้นพลันแข็งค้างขณะที่มันหันกลับมามองจ้าวเฟิง ร่องรอยความกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำขลับของมัน
ดวงตาสีดำกระจ่างนั้นจับจ้องไปยังดวงตาสีครามของจ้าวเฟิงก่อนที่ทั่วทั้งร่างของมันจะเริ่มสั่นเทา
หืมมม?
จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ เมื่อเขาไม่คาดว่าแมวตัวนั้นจะยอมแพ้รวดเร็วเพียงนี้
ทว่าสัญชาตญาณได้บอกเขาว่าแมวตัวนั้นไม่ได้ถูกหยุดไว้ และมันหวาดกลัวเพียงดวงตาซ้ายของเขาเท่านั้น
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวขโมยตัวเล็กจ้องมองไปยังดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงด้วยความหวาดกลัว ทว่าไม่ช้าความกลัวนั้นก็จางหายไปและถูกแทนที่ด้วยท่าทีเชื่อฟังแทน
เด็กหนุ่มรู้สึกงุนงงขณะที่เขาปิดตากลับไปเช่นเดิม
ฟุ่บ!
ลูกแมวตัวเล็กกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของจ้าวเฟิงด้วยความกระตือรือร้น
เมี้ยวเมี้ยว!
มันยื่นอุ้งเท้าเล็กๆ สองข้างออกมาก่อนจะเริ่มนวดจ้าวเฟิง
ท่าทีที่แตกต่างออกไป 180 องศาจากก่อนหน้า
บัดซบอันใดกัน!?
ตาของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวกระตุกยิบ ความฉลาดของแมวตัวนี้กระทั่งเหนือล้ำกว่าราชาสัตว์อสูรเหยา มันเป็นราวกับจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่ง
“ไอ้แมวขโมย! หากเจ้ากินสมุนไพรของข้าอีกครั้ง ข้าจะกินเจ้า!”
จ้าวเฟิงจับหูของแมวตัวเล็กก่อนจะเอ่ยเตือน
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวสีเทาผงกศีรษะของมันรัวๆ เป็นนัยว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
มันไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่จ้าวเฟิงสามารถเข้าใจการกระทำของมันได้
“เช่นนั้นข้าจะเชื่อเจ้า”
เด็กหนุ่มปล่อยมือ ลูกแมวสีเทาวิ่งขึ้นจากแขนของเขาไปยังไหล่ราวกับสัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟังตัวหนึ่ง
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวขโมยตัวจ้อยพลันชี้ไปยังทิศทางหนึ่งก่อนจะเริ่มกระโดดโลดเต้น
หืมม?
จ้าวเฟิงเห็นเด็กหนุ่มสีหน้าไร้อารมณ์ที่สวมใส่เสื้อสีเขียวทองและน้ำเต้าผู้หนึ่งกำลังลอยมา
“เป่ยโม่ย?”
จ้าวเฟิงพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นซีดขาวและเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
เบื้องหลังเด็กหนุ่มตระกูลเป่ยได้ปรากฏสัตว์อสูรโลหะทมิฬสี่ตัวที่มาจากทิศทางที่แตกต่างกัน พยายามที่จะล้อมกรอบเป้าหมายของพวกมันไว้
“ศิษย์น้องจ้าว!”
เป่ยโม่ยเห็นอีกคนจากกลางอากาศและวิ่งไปหา
สัตว์อสูรโลหะทมิฬทั้งสี่พลันติดตามไปในทันที กลิ่นอายของพวกมันได้สลักลงบนอากาศ ด้วยแรงกดดันอันรุนแรง
“ศิษย์พี่เป่ย สวัสดี”
จ้าวเฟิงไม่ได้กังวลใดๆ แม้แต่น้อย เพราะเขารู้ว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นจะโจมตีเพียงแค่บุคคลที่มีตราเฉพาะ
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวขโมยตัวจ้อยบนไหล่ของจ้าวเฟิงโบกอุ้งมือของมันและเบี่ยงเบนกลิ่นอายของสัตว์อสูรโลหะทมิฬไป
นั่นทำให้เด็กหนุ่มผมครามกระทั่งประหลาดใจมากขึ้น สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ทว่าแมวตัวนี้กลับยังคงสงบอยู่เช่นเขา
“ศิษย์น้องจ้าว เหตุใดเจ้าจึงไม่ได้ถูกไล่ล่ากัน?”
เป่ยโม่ยหอบหายใจขณะที่มองไปยังมนุษย์และแมวเบื้องหน้าเขาด้วยความตื่นตะลึง
จ้าวเฟิงลังเลว่าเขาควรที่จะบอกถึงแผนให้อีกฝ่ายหรือไม่ ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทันเอ่ยสิ่งใดออกไป
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวขโมยตัวจ้อยโบกอุ้งมือของมันไปยังใจกลางมหาสมุทรเถาวัลย์
ไอ้แมวจอมทรยศนี่! กล้าดีอย่างไร!?
เส้นสีดำปรากฏขึ้นบนศีรษะของจ้าวเฟิงขณะที่เขาจับหูของสัตว์ตัวจ้อยเอาไว้
“ฮ่าฮ่า ขอบใจศิษย์น้องจ้าว! แมวตัวนี้น่ารักจริงๆ!”
เป่ยโม่ยหัวเราะและมุ่งหน้าตรงไปยังใจกลางมหาสมุทรเถาวัลย์
ด้วยความฉลาดของเขา มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่จ้าวเฟิงได้ทำลงไป
วูบ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
สัตว์อสูรโลหะทมิฬทั้งสี่พลันมุ่งหน้าตามเป่ยโม่ยไปในทันที
เพียงแค่ยามที่จ้าวเฟิงกำลังจะสั่งสอนลูกแมวของเขาอยู่นั้น บางอย่างที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น
กรรรรร
เสียงหอนได้ดังขึ้นจากมหาสมุทรเถาวัลย์ มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่กระทั่งทรงพลังยิ่งกว่าราชาสัตว์อสูรเหยาที่ป่าหอคอยออกมา
“อ๊ากกกก…”
เป่ยโม่ยกรีดร้องก่อนที่จะถูกดึงรั้งโดยเถาวัลย์
ในเสี้ยววินาที ร่างของเด็กหนุ่มตระกูลเป่ยก็ได้ถูกกลืนกินไปโดยเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วน
ภาพนั้นได้สร้างความตกตะลึงให้แก่จ้าวเฟิง
“ทั้งมหาสมุทรเถาวัลย์นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ‘ราชาเถาวัลย์’ ทว่ามันนั้นหยิ่งยโสเกินกว่าที่จะโจมตีก่อนหน้า แล้วเหตุใดมันจึงโจมตีเป่ยโม่ยในครานี้กัน…?”
จ้าวเฟิงสังเกตอย่างละเอียดและพบว่าหนึ่งในเถาวัลย์ได้นำน้ำเต้าไปยังใจกลางสุดของมหาสมุทรเถาวัลย์
ไม่แปลกใจเลย!
ราชาเถาวัลย์ต้องการน้ำเต้าของเป่ยโม่ย
เมี้ยวเมี้ยว!
แมวขโมยตัวเล็กได้โบกอุ้งมือของมันอย่างได้รับชัยชนะและเผยรอยยิ้มหยิ่งยโสออกมา
บัดซบ!
แมวนี่ได้หลอกเป่ยโม่ย
สีหน้าของจ้าวเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความหลากหลายขณะที่เขามองไปยังแมวขโมยตัวจ้อย
ในเวลาเดียวกัน
มหาสมุทรเถาวัลย์
“ไอ้แมวบัดซบนั่น…”
ใบหน้าไร้อารมณ์ของเป่ยโม่ยบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น
เถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนได้รัดพันไปทั่วร่างและดูดกลืนโลหิตของเขา
วิ้งงง
ตรายอดนภาภายในร่างของเขาเปล่งแสงสีเขียวออกมาและครอบคลุมร่างของเขา ทำให้เขาหายไปในเสี้ยววินาทีต่อมา
เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องออกมาด้วยการถูกหลอกโดยแมวตัวเล็กๆ มันย่อมเป็นเรื่องน่าอับอายหากเอ่ยบอกผู้อื่น
เมี้ยวเมี้ยว!
ก่อนที่เขาจะได้หายไป เป่ยโม่ยได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันของแมวขโมยตัวจ้อย