บทที่ 223 : ทะเลสาบผนึกมังกร
จ้าวเฟิงรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา เด็กหนุ่มเห็นว่าพลังสายเลือดของเขาได้หนาแน่นขึ้น
เขากลับไปยังห้อง
นำกระจกออกมาส่อง ก่อนจะพบว่าดวงตาซ้ายและเส้นผมของเขานั้นมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย
จ้าวเฟิงหายใจแผ่วเบา สายเลือดสีเขียวครามของเขาราวกับคลื่นน้ำ ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
เสี้ยววินาที ชั้นแสงสีครามก็ได้ครอบคลุมร่างกาย ให้ความรู้สึกทรงอำนาจและแปลกประหลาด
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าโลหิตและกระดูกของเขาได้ถูกเติมเต็มด้วยพลังที่ไม่อาจอธิบายได้ ทั้งพลังยังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“พลังของข้าได้เพิ่มขึ้นราวๆ สิบถึงยี่สิบในร้อยส่วน ทั้งข้ายังดูจะได้รับการปกป้องอยู่บ้าง”
จ้าวเฟิงสำรวจความเปลี่ยนแปลงของพลังแห่งสายเลือดของเขาอย่างชิดใกล้
มีอยู่สองจุดหลักที่เปลี่ยนแปลง
หนึ่ง พลังสายเลือดของเขาได้หนาแน่นขึ้น ทั้งสมบัติที่เขาได้รับยังเพิ่มมากขึ้น
สอง เมื่อเขาโคจรพลังสายเลือด รอยสักสีเขียวครามใสราวแก้วจะปรากฏขึ้นทั่วร่างของเขาและปกป้องเขา
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าสายเลือดเนตรจิตวิญญาณแห่งเทพเจ้านั้นได้ตื่นขึ้นอีกขั้นแล้ว
ไม่ช้าเด็กหนุ่มก็ใส่ที่ปิดตาเข้าไปและปกปิดพลังสายเลือดของเขา ทำให้รอยสักใสสีเขียวครามหายไป
เด็กหนุ่มไม่ได้ดูแตกต่างไปจากเดิมมากนักเว้นเสียแต่สีผมที่เข้มขึ้นเล็กน้อย
ในวันต่อมา จ้าวเฟิงได้พยายามทำความคุ้นเคยกับพลังสายเลือดของเขาและสร้างความเสถียรให้กับพลังฝึกตนของตน
บัดนี้ พลังฝึกตนของเขาเข้าสู่ขีดจำกัดของนภาที่ห้า และเขาเป็นแค่คนรองจากหยางกานในบรรดาศิษย์หลัก
เช้าวันที่สาม
ศิษย์หลักทั้งสิบแห่งสำนักจันทร์สลายนั่งบนสัตว์อสูรบินทั้งสาม มุ่งหน้าไปทางเหนือ
ครานี้ พวกเขานำไปโดยจ้าวสำนักจันทร์สลาย ผู้อาวุโสหนึ่ง แม่เฒ่าหลิวเยว่ ผู้อาวุโสหยุนไห่ รองหัวหน้าตำหนักหลี่ และคนรุ่นเก่าอีกสองสามคน
จ้าวเฟิงนั่งบนปักษามงกุฎเงินสองเศียรของผู้อาวุโสหลี่และได้ช่วยควบคุมมัน
ในเวลานี้ ปักษามงกุฎเงินสองเศียรเชื่องมากแล้ว
รองหัวหน้าตำหนักหลี่เต็มไปด้วยความชื่นชม “โดยปกติแล้ว สัตว์อสูรบินได้ที่โตเต็มวัยเช่นนี้ยากที่จะฝึกยิ่งนัก หลายตัวต้องฝึกตั้งแต่ยามพวกมันยังเยาว์”
ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ครึ่งปีถึงหลายปีเพื่อที่จะฝึกปักษามงกุฎเงินสองเศียรตัวเต็มวัยนี้
แต่ด้วยความช่วยเหลือของจ้าวเฟิง พวกเขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น
หลินฝานและหลิวเยว่เอ๋อร์นั่งอยู่บนหลังของปักษามงกุฎเงินสองเศียรเช่นกัน ทั้งสองคือคนที่จ้าวเฟิงคุ้นเคย
“ผู้อาวุโส นานเท่าใดกันกว่าเราจะไปถึงเจ้าคะ?”
หลิวเยว่เอ๋อร์เอ่ยถามอย่างนอบน้อม
“ราวๆ สองถึงสามวัน รวมการพักระหว่างทาง”
รองหัวหน้าตำหนักหลี่เอ่ยตอบ
งานพันธมิตรนั้นจัดขึ้นในดินแดนของทั้งสิบสามแคว้น ที่ ‘ทะเลสาบผนึกมังกร’ อันโด่งดัง
ทะเลสาบนี้อยู่ที่ใจกลางดินแดนของทั้งสิบสามแคว้น
ระหว่างการเดินทาง
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ โคจรปราณแท้เพื่อรับพลังแห่งสวรรค์ ในขณะที่โคจรมัน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังของสายฟ้าในอากาศด้านบน
ตั้งแต่การทดสอบยอดนภา วิชาทั้งหมดของเด็กหนุ่มก็ได้ใช้มรดกอัสนีเป็นพื้นฐาน
มรดกอัสนีนั้นครอบคลุมทุกด้าน รวมทั้งการเคลื่อนไหว ความเร็ว การโจมตี และการป้องกัน
บัดนี้จ้าวเฟิงมีหนทางในการฝึกตนสองหนทาง
หนึ่งคือมรดกอัสนี และอีกหนึ่งคือพลังจิต
จ้าวเฟิงแทบจะล้มเลิกในวิชาเสริมกายาไปหลังจากการทดสอบยอดนภา
แต่เดิม เขาจะสามารถฝึกฝนเก้ากำแพงทองแปรผันได้เมื่อเขาฝึกฝนวิชากำแพงเงินจนสำเร็จแล้ว
ทว่าวิชาเสริมกายานั้นยาก ทั้งความเร็วในการฝึกยังเชื่องช้าและต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากอีกด้วย
วิชาเก้ากำแพงทองแปรผันเป็นวิชาชั้นมนุษย์ระดับสุดยอด ด้วยสถานะในสำนักของเขา หากเขาต้องการมันจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าจ้าวเฟิงนั้นมีวิชาชั้นจิตวิญญาณอยู่ในสมองของเขา
และวิชาจิตวิญญาณทั่วไปนั้นมีข้อกำหนดที่เคร่งครัด ทว่าพวกมันนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ามรดกอัสนี เพราะมรดกนั้นเป็นสิ่งที่สมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน
ในด้านของคุณค่า วิชาจิตวิญญาณระดับต่ำนั้นย่อมไม่ดีเทียบเท่ากับมรดกอัสนี
เช่นที่อาวุธชั้นจิตวิญญาณมีค่าไม่มากมายเท่าสิ่งของชั้นมรดก
จ้าวเฟิงได้ฝึกฝนวิเชาเสริมกายายามที่เขาอยู่ในขอบเขตรวบรวมปราณ และได้สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทำให้พลังฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทว่าบัดนี้มันไม่มีเหตุผลในการฝึกฝนวิชาเสริมกายา เว้นเสียแต่คนผู้นั้นต้องการที่จะเดินไปในทางของการเสริมกายา
“ไม่ว่าร่างกายของคนผู้หนึ่งจะแข็งแกร่งเพียงใด ข้าก็สามารถบดขยี้พลังป้องกันของพวกเขาได้ด้วยการคิดเพียงครั้ง และไม่ว่าพลังป้องกันของคนผู้หนึ่งจะมากมายเพียงใด ฝ่ามือวายุอัสนีของข้าก็ยังคงสามารถทำลายมันได้”
ในใจของจ้าวเฟิงดูราวกับจะเข้าใจบางอย่าง
มันไม่มีสิ่งใดที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงแค่เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น
และเด็กหนุ่มเลือกวิชาพลังจิตลึกลับกับสายฟ้าที่มุ่งเน้นไปในการทำลายล้าง
ในขณะที่นั่งทำความเข้าใจนั้น จ้าวเฟิงพลันรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอ่อนๆ
แม้ว่ามันจะบางเบาและถูกปกปิดไว้อย่างดี มันก็ยังคงไม่อาจรอดเร้นไปจากประสาทสัมผัสของเขาได้
บนแผ่นหลังของอินทรียักษ์ทองหม่นด้านซ้าย
ดวงตาของผู้อาวุโสหยุนไห่ส่องประกายเย็นเยียบขณะที่จับจ้องไปยังร่างของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว
ไม่กี่วันก่อน ยามที่จ้าวเฟิงกลับมาและเหนือกว่าเป่ยม่อ ผู้อาวุโสหยุนไห่รู้สึกได้ถึงอันตรายและแรงกดดันที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หลังจากตั้งคำถามจำนวนมากกับเป่ยม่อ ผู้อาวุโสหยุนไห่ก็เข้าใจเส้นทางการเติบโตของจ้าวเฟิงและรู้สึกไม่สบายใจ
การเติบโตของจ้าวเฟิงได้ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
ในเวลาเพียงครึ่งปี ปาฏิหาริย์มากมายเท่าใดกันที่เด็กหนุ่มผู้นั้นสร้าง?
เอาชนะเหล่าศิษย์สายนอก กลายเป็นอันดับหนึ่ง
ฝึกฝนฝ่ามือวายุอัสนี
สร้างอำนาจขึ้นที่ถ้ำมารจันทราชาด กลายเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหนึ่ง
ทำลายสถิติพันปีของการทดสอบยอดนภา
สร้างความตื่นตะลึงในงานสามสำนัก
และบัดนี้
มีศิษย์จำนวนมากถกเถียงกันว่าพลังที่แท้จริงของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั้นกระทั่งเหนือกว่าหัวหน้าศิษย์
“นี่คือครั้งสุดท้าย… งานพันธมิตร”
ผู้อาวุโสหยุนไห่พยายามอย่างมากให้ความร้อนรนในใจสงบลง
หากจ้าวเฟิงสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นอีกครั้งในงานพันธมิตรนี้ เขาคงจะต้องกำจัดมันไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร
สามวันต่อมา
ทะเลสาบสีน้ำเงินส่องประกายแวววาวได้ปรากฏขึ้นในสายตา
“เราถึงแล้ว”
เหนือสัตว์อสูรบินทั้งสามได้ปรากฏเสียงคาดหวังและตื่นเต้นตามมา
จ้าวเฟิงเปิดเปลือกตา เห็นภาพของทะเลสาบที่กว้างใหญ่ราวหนึ่งพันลี้
ใจกลางทะเลสาบได้ปรากฏเกาะเล็กๆ ขนาดเทียบเท่าเมืองประกายอรุณ
ในยามนี้
สัตว์อสูรบินใกล้ๆ ล้วนมุ่งหน้าตรงไปยังเกาะเล็กใจกลางทะเลสาบนั้น
“นี่คือสถานที่รวมตัวของสิบสามสำนัก ทะเลสาบผนึกมังกร”
รองหัวหน้าตำหนักหลี่แย้มยิ้ม
มีตำนานหลากหลายเกี่ยวกับทะเลสาบผนึกมังกรนี้
หลายพันปีก่อน ผู้ฝึกตนคนหนึ่งได้ฝึกตนอยู่ที่นี่เกือบหนึ่งร้อยปี และได้กลายเป็นดวงดาราที่เจิดจรัสข้ามทวีปบุปผาครามในที่สุด
ผู้ฝึกตนคนนั้นเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘มังกรที่ถูกผนึก’ ที่ได้รับการกล่าวขานว่ามีพลังฝึกตนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดและโด่งดังอย่างมาก
ในทวีปแห่งนี้ ไม่ว่าผู้ที่ใดที่เข้าสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดล้วนถูกบันทึกไว้ว่าเป็นตำนาน
“ตำนานของ ‘มังกรที่ถูกผนึก’ เป็นความจริง”
รองหัวหน้าตำหนักหลี่เอ่ยอย่างมั่นใจ สร้างความสงสัยให้กับหลิวเยเว่เอ๋อร์
“จริงหรือ? ท่านมั่นใจได้อย่างไรเจ้าคะ?”
หลิวเยว่เอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัย
รองหัวหน้าตำหนักหลี่หัวเราะ “รางวัลของสามอันดับแรกในงานพันธมิตรครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ ‘มังกรที่ถูกผนึก’ ”
“รางวัลคืออันใดกัน?”
จ้าวเฟิงและหลินฝานไม่อาจหยุดตนเองไม่ให้ถามได้
“ยามเมื่อมังกรที่ถูกผนึกได้ฝึกตนในทะเลสาบผนึกมังกร มันได้ปรากฏซากปรักหักพังหลงเหลืออยู่ ซากพวกนั้นได้ปรากฏสำนึกรู้ของยอดฝีมือในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด มันคือหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการตีค่าอย่างสูงในสิบสามแคว้น”
รองหัวหน้าตำหนักหลี่เอ่ย
‘ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด’ ในทะเลสาบผนึกมังกรได้ถูกป้องกันโดยสามยอดสำนัก สำนักดาบเมฆา วิหารโบราณ และสำนักเจินเสวี๋ยนจง
โดยปกติแล้ว มีเพียงยอดอัจฉริยะของทั้งสามสำนักเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้
ทว่าอีกสิบสำนักที่เหลือย่อมไม่ยินยอม
ดังนั้นงานพันธมิตรที่จัดขึ้นทุกๆ สิบปีนั้น ประโยชน์อย่างแรกคือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสิบสามสำนัก สองคือเกี่ยวกับส่วนแบ่งผลประโยชน์ต่างๆ
ไม่ช้า
เหล่าผู้ที่มาจากสำนักจันทร์สลายก็เข้าไปในเกาะ
ใจกลางเกาะเล็กเป็นสถานที่ที่ใช้ในการจัดงานพันธมิตรโดยเฉพาะ
ตรงกลางของเกาะเล็กๆนั้น มันเป็นครั้งแรกที่ทุกคนเคยได้เห็นเวทีค่ายกลขนาดใหญ่เช่นนี้ มันสร้างขึ้นจากหินทรายสีดำสนิท
หินทรายสีดำสนิทนี้แข็งอย่างมาก และมีเพียงอาวุธชั้นมนุษย์ที่พอจะสร้างความเสียหายให้มันได้บ้าง นอกจากนั้น หินทรายจำนวนมากเช่นนี้ยังช่วยลดทอนพลังและดึงดูดโจมตีเหล่านั้น
รอบเวทีหินทรายสีดำได้ปรากฏศาลาสิบห้าศาลา
แต่ล่ะสำนักล้วนมีศาลาเป็นของตน
สำหรับอีกสองศาลาที่เหลือนั้นถูกเตรียมไว้ให้แคว้นมังกรโลหะและแคว้นสมบัตินภา
“เมื่อก่อนกองกำลังจากสองแคว้นนั้นมักจะส่งศิษย์ของตนมาที่นี่เพื่อดูการแข่งขันและเรียนรู้แต่ช่วงหลังมานี้พวกเขาก็ขาดการติดต่อและไม่ส่งคนมาแล้ว”
รองหัวหน้าสำนักหลี่เอ่ยอธิบาย
ไม่ช้า
กลุ่มของสำนักจันทร์สลายก็ถูกนำไปพักยังศาลาที่จัดไว้
ศาลานั้นไม่ได้ใช้เพียงเป็นที่นั่งชมอย่างเดียว ทว่ายังเป็นที่พักด้วย
หลายชั่วโมงต่อมา
สำนักวิญญาณจันทร์และสำนักจันทร์เงินมาถึงติดๆ กัน พวกเขาอยู่ที่ฝั่งซ้ายของสำนักจันทร์สลาย
สามสำนักเคยเป็นสำนักเดียวกัน และมักจะเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยกัน
การรวมพลังกันของทั้งสามสำนักไม่อาจที่จะดูแคลนได้
“ดูสิ นั่นคือหนึ่งในสี่ดารา!”
เหล่าผู้คนมองออกไปจากศาลาที่พักอยู่
อ้าวเยว่เทียนนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในยอดอัจฉริยะโดยแท้ การมาถึงของเขาได้สร้างความตื่นตาเช่นกัน
งานพันธมิตรครั้งนี้ อ้าวเยว่เทียนได้มีพลังฝึกตนอยู่ในนภาที่เจ็ดแล้ว ทำให้เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายต่างก็หน้าเสียไปตามๆ กัน
วันต่อมา
กลุ่มสิบสามกลุ่มของทั้งสิบสามสำนักได้มาถึง
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ
แคว้นมังกรโลหะได้ส่งกลุ่มคนมาชมในครั้งนี้ แคว้นมังกรโลหะนั้นเป็นแคว้นที่ทรงพลังที่สุดในทวีปเหนือ พลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าสิบสามสำนักมากนัก
“ฮี่ฮี่ งานพันธมิตรในครานี้ครึกครื้นกว่าคราก่อนมากนัก”
เหล่าผู้อาวุโสหัวเราะพร้อมแย้มรอยยิ้ม
เวทีหินทรายสีดำส่องสว่างขึ้น แสงสีทองเรียวบางได้แบ่งเวทีออกเป็นสี่ส่วน
ในเวลาเดียวกัน ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ได้เข้าไปจัดการค่ายกลในแต่ล่ะส่วน
“เวทีค่ายกลได้ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน และสามอันดับแรกของแต่ล่ะส่วนจะถูกจัดลำดับ สุดท้าย ทั้งสี่ส่วนจะรวมกัน และนั่นจะเป็นช่วงการต่อสู้ที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้น…”
ศาลาได้ปรากฏเสียงถกเถียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและตื่นเต้นขึ้น
ไม่ช้า ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงของสำนักจันทร์เมฆาก็ได้เสร็จสิ้นการประกาศ
“รางวัลสำหรับอันดับหนึ่งในงานพันธมิตรครั้งนี้จะไม่มีเพียงแค่ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำหนึ่งหมื่นผลึก ทว่าคนผู้นั้นจะมีสิทธิในการเข้าไปยัง ‘ซากแก่นก่อกำเนิด’ และจะได้รับยาปลดวิญญาณหนึ่งเม็ด”
น้ำเสียงใสกระจ่างดังขึ้นมาจากพื้นที่ประลอง
ยาปลดวิญญาณ?
ข้อมูลเกี่ยวกับมันได้ปรากฏขึ้นในศีรษะของจ้าวเฟิง
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
รองหัวหน้าตำหนักหลี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและตกใจ “ข้าไม่อยากเชื่อว่างานพันธมิตรครั้งนี้จะมอบยาปลดวิญญาณเป็นรางวัล นับว่าเป็นครั้งแรก มิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน”