บทที่ 28 : การประลอง
“ศิษย์สายนอกอันดับหนึ่ง จ้าวเฟิง อยู่ที่นี่!”
“เขาคือราชาแห่งศิษย์สายนอก”
การปรากฏตัวของเด็กหนุ่มสร้างความวุ่นวายขึ้นเล็กๆ
“ฮี่ฮี่ ข้าคิดว่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่เพียงแค่คนอ่อนแอขั้นครึ่งก้าวแห่งผู้ฝึกตน ข้าคิดว่าจ้าวหลินหลงจะออกมาแทนเสียอีก” เด็กหนุ่มหมวกฟางเอ่ยอย่างเหยียดหยาม พลังการฝึกตนของเขานั้นสูงที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด เขาจึงยังไม่ได้สู้
ดวงตาของซินเฟ่ยส่องประกายวาบเมื่อเห็นจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง! ซินเฟ่ยนั่นเป็นศิษย์สายนอกอันดับหนึ่งของพรรคซิน เขาเอาชนะพวกเราสามคนในกระบวนท่าเดียว” จ้าวกังเอ่ยเตือน
สามคน? ในหนึ่งกระบวนท่า? จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ เพราะทั้งจ้าวกังและคนที่เหลือล้วนอยู่ในขั้นเสมือนผู้ฝึกตนทั้งสิ้น
“จ้าวเฟิง เราเจอกันอีกแล้ว เจ้ายังจำสัญญาของเราได้หรือไม่?” ซินเฟ่ยเอ่ยขณะที่เขาเดินออกมาด้านหน้าช้าๆ เขาไม่ได้ดูถูกจ้าวเฟิงแม้พลังการฝึกตนของเด็กหนุ่มจะด้อยกว่า
คราที่แล้วในป่าเมฆาคล้อย ซินเฟ่ยไม่เคยลืมว่าอีกฝ่ายที่อยู่เพียงขั้นสุดยอดของขั้นสองแห่งหนทางผู้ฝึกตนได้เอาชนะซินกางที่อยู่ในขั้นสุดยอดของขั้นสามในสามกระบวนท่า
ครึ่งเดือนก่อน ซินเฟ่ยได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นสี่และกลายเป็นศิษย์สายนอกอันดับหนึ่งแห่งตระกูลซิน จากนั้นเขาจึงได้ยินว่าตระกูลจ้าวได้เกิดอัจฉริยะคนใหม่ขึ้น อายุเพียง 13 ทว่าสามารถโคจรพลังภายในได้ และกลายเป็นศิษย์สายนอกอันดับหนึ่ง
และอัจฉริยะผู้นั้นมีนามว่าจ้าวเฟิง การท้าประลองพรรคจ้าวในวันนี้มิใช่เพียงเหตุบังเอิญ เป้าหมายของซินเฟ่ยคือจ้าวเฟิง ในขณะที่เป้าหมายของเด็กหนุ่มหมวกฟางคือจ้าวหลินหลง
“แน่นอนว่าข้าย่อมจำได้” จ้าวเฟิงเดินออกไปด้านหน้า ฝูงชนเปิดทางให้ จ้าวเฟิงและซินเฟ่ยเผชิญหน้ากันในระยะห่าง 2-3 เมตรในขณะที่จ้องมองอีกฝ่าย
เด็กหนุ่มหมวกฟางตระกูลซินรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ
“แม้ว่าซินเฟ่ยจะเพิ่งทะลวงเข้าสู่ขั้นสี่ ทว่าพลังของเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจดูถูกได้ รวมทั้งหมอนั่นยังเอาจริงกับการประลองนี้มากเสียด้วย”
“ทั้งพลังการฝึกตนและอายุของข้าล้วนมากกว่าเจ้า ข้าจะไม่ใช้ดาบของข้าก็แล้วกัน” ซินเฟ่ยเอ่ยขณะที่เก็บดาบ
“ซินเฟ่ย ข้าแนะนำให้เจ้าใช้พลังทั้งหมดเสียดีกว่า” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างมั่นใจ คำพูดของเขาทำให้ศิษย์ทั้งสองตระกูลนิ่งค้างไป
“ฮึ่ม!”
“ความมั่นใจของเขามาจากที่ใดกัน?”
ศิษย์ตระกูลซินหัวเราะ ในขณะที่ศิษย์ตระกูลจ้าวนั้นยืนผวา
“เช่นที่เจ้าต้องการ” สีหน้าของซินเฟ่ยแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในขณะที่เขาชักดาบยาวของเขาออกมาอีกครั้ง
“เริ่มกันเลย” จ้าวเฟิงตวาดลั่นขณะที่โคจรพลังภายในไปทั่วร่าง ความเร็วของเขานั้นมากเสียจนกระทั่งผู้ชมหลายคนไม่แม้กระทั่งมองเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ร่างกายของเด็กหนุ่มนั้นราวกับไร้น้ำหนักในขณะที่ลอยไปรอบๆ
คมดาบสามสายลม!
ดาบยาวของซินเฟ่ยวาดออกไปในเสี้ยวพริบตา
ฉวะ! ฉวะ! ฉวะ!
เพียงแค่ครึ่งลมหายใจ ซินเฟ่ยก็ได้ฟันดาบออกไปสามครั้ง ใบไม้ที่ลอยอยู่รอบกายเด็กหนุ่มได้กลายเป็นฝุ่นผงไปโดยง่าย
หมัดมังกรคลั่ง!
จ้าวเฟิงหลบการโจมตีนั้นอย่างง่ายดาย ภายใต้การช่วยเหลือของวิชาลมหายใจตัดอากาศเขาไม่ได้สูญเสียความคล่องแคล่วไป เขาหลบสองดาบแรกไปอย่าง่ายดาย
เปรี้ยง!
มีเพียงแค่ดาบที่สามที่หมัดของจ้าวเฟิงที่เรืองแสงสีเขียวได้ปะทะด้วย
“เป็นพลังที่รุนแรงอันใดเช่นนี้! รวมทั้งพลังภายในนั่นดูลึกลับยิ่งนัก”
ซินเฟ่ยรู้สึกว่าแขนของเขาชาหนึบในขณะที่ดาบยาวในมือเกือบจะหลุดออกจากมือ เขายังรู้สึกได้ถึงพลังภายในที่ทั้งรวดเร็วและทรงพลังที่แล่นเข้าสู่ร่างกายของเขา
ปึก
ซินเฟ่ยถูกดันถอยหลังไปสองสามก้าวขณะที่เขาสลายแรงปะทะไปอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเหตุใดเขาจึงได้เสียเปรียบในการปะทะครั้งนี้
อย่างแรก หมัดมังกรคลั่งของจ้าวเฟิงนั้นมีพลังที่บ้าคลั่ง ทั้งยังได้เข้าสู่ขั้นหลอมรวมแล้ว อย่างที่สองคือหมัดนั้นได้ปะทะเข้าที่จุดอ่อนของกระบวนท่าของเขา อย่างที่สามคือพลังภายในของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่น้อย อาจกล่าวได้ว่ามันซับซ้อนกว่าของเขาเสียด้วยซ้ำ และเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือข้อสาม
ในฐานะของผู้ฝึกตนที่แท้จริง เขาจะพ่ายให้แก่ผู้ที่มีพลังครึ่งขั้นแห่งผู้ฝึกตนได้อย่างไร?
หมัดมังกรคลั่งที่เจ็ด!
จ้าวเฟิงยังคงใช้วิชาหมัดของเขาและโจมตีต่อไปในขณะที่ยังได้เปรียบ
เพราะว่าหมัดมังกรคลั่งของเขาได้เข้าสู่ขั้นหลอมรวม การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มจึงได้ข้ามผ่านขีดจำกัดของกระบวนท่าแต่ดั้งเดิม โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับวิชาลมหายใจตัดอากาศที่ช่วยเพิ่มความคล่องแคล่ว
คมดาบหกสายลม!
ซินเฟ่ยได้ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ลังเล ในตอนนั้นเองประกายแสงเย็นเยียบก็พัดหมุนอยู่ทั่วทั้งบริเวณ ดาบแล้วดาบเล่าได้มุ่งตรงไปยังคู่ต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร
สีหน้าของเหล่าผู้ฝึกตนโดยรอบแปรเปลี่ยนไป
จ้าวเฟิงรู้ว่าการโจมตีของอีกฝ่ายเป็นการโจมตีแบบพื้นที่แลพยายามที่จะกดดันให้เขาถอย ทว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ถอย กลับกันเขากลับหลบและป้องกันการโจมตีเหล่านั้นโดยการโจมตีที่จุดอ่อน
ในด้านของความเร็วนั้น เขาเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย พลังภายในของเขาก็สูงกว่าเช่นกัน
เพี้ยะ!
หมัดของจ้าวเฟิงปะทะเข้ากับใบดาบของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มยังส่งหมัดที่เต็มไปด้วยพลังภายในของเขาออกไปอีกหลายหมัด
ซินเฟ่ยทำได้เพียงถอยเท่านั้น
อั่ก!
หลังจากที่รับหมัดที่เจ็ด เด็กหนุ่มก็พ่นเลือดออกมาและหลุดออกไปจากเขตประลอง
“ขอบคุณ” จ้าวเฟิงเผยยิ้มบาง ทิ้งความตกตะลึงให้กับศิษย์คนอื่น
“แข็งแกร่งยิ่งนัก! ขั้นครึ่งก้าวแห่งผู้ฝึกตนสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนที่แท้จริงได้!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเป็นศิษย์สายนอกที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา!”
การที่จะเอาชนะผู้ฝึกตนที่แท้จริงในขณะที่มีพลังพียงครึ่งก้าวแห่งผู้ฝึกตนนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่ง
จ้าวเฟิงนั้น ‘จำกัด’ พลังของเขาในการประลอง ทั้งพลัง พลังภายใน และหมัดมังกรคลั่งล้วนไม่ได้ใช้ออกอย่างเต็มที่ แต่กระนั้นเขาก็ยังสามารถเอาชนะซินเฟ่ยได้ภายใน 10 กระบวนท่า
“ข้าชื่นชมในความสามารถของเจ้า” แม้ว่าซินเฟ่ยจะแพ้ ทว่าเขากลับไม่รู้สึกอับอาย แต่กลับเยือกเย็น จ้าวเฟิงรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ได้เย่อหยิ่งจองหอง ทว่าก็มิได้นอบน้อมจนเกินไป เขาสามารถกล่าวได้ว่าในอนาคตตำแหน่งของอีกฝ่ายย่อมไม่ต่ำต้อย
“ฮี่ฮี่! ไม่เลวนี่ไอ้หนู ข้า ซินโทง อยากจะประลองกับเจ้าเช่นกัน” เด็กหนุ่มหมวกฟางเอ่ย
ฉวะ!
แขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มฉีกกระชากเสื้อของตนออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่แน่นไปด้วยมัดกล้ามด้านใน
เฮือก!
ศิษย์ตระกูลจ้าวสูดลมหายใจหนาวเหน็บ จ้าวเฟิงใช้นัยน์ตาซ้ายสังเกตอีกฝ่ายก่อนจะรู้สึกตะลึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทุกๆ ตารางนิ้วในร่างกายของอีกฝ่ายนั้นราวกับถูกปกคลุมด้วยบรอนซ์ พลังที่แข็งแกร่งคลอบคลุมไปทั่วร่างของอีกฝ่าย
“จ้าวเฟิง! ระวังด้วย! เขาคือซินโทง อันดับสามแห่งศิษย์สายในตระกูลซิน รวมทั้งเขายังฝึกฝนวิชากายาสัมฤทธิ์จนกระทั่งเข้าสู่ระดับสี่ แม้แต่ดาบก็ไม่อาจทำร้ายเขาได้…” จ้าวกังเอ่ยเตือน
ทว่าก่อนที่เขาจะกล่าวจบ ซินโทงก็ได้เดินเข้ามาหาจ้าวเฟิงอย่างช้าๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เลียนแบบจ้าวเฟิง แต่เพียงแค่การเดินมานั้นก็สร้างความกดดันอย่างมากแล้ว
เขาสามารถเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นสี่ได้ด้วยเพียงแค่ร่างกายเปล่าๆ จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความกดดันที่มองไม่เห็น
“เจ้าจะเป็นของว่างของข้าก่อนที่ข้าจะท้าประลองกับจ้าวหลินหลง” ซินโทงเลียริมฝีปาก ในขณะที่เขาเอ่ยนั้น เขาก็เดินเขาไปหาจ้าวเฟิงอย่างสบายใจ
ความกดดันที่มาพร้อมกับอีกฝ่ายนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จ้าวเฟิงรับรู้ได้ถึงช่องว่างมากมายของอีกฝ่าย
หมัดเหล็กเพลิง!
จ้าวเฟิงใช้วิชาลมหายใจตัดอากาศและโคจรพลังภายในอย่างง่ายดายก่อนจะส่งหมัดออกไปยังช่วงอกของอีกฝ่าย
เปรี้ยง!
ในขณะที่หมัดของเด็กหนุ่มปะทะเข้ากับร่างของซินโทง อีกฝ่ายก็หัวเราะขึ้น
“นี่คือแรงทั้งหมดของเจ้าหรือ?”
เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งอันใดเช่นนี้?
เหล่าศิษย์โดยรอบจ้องมองอย่างตั้งใจ
“ไม่ดีแล้ว!”
หมัดของจ้าวเฟิงไม่แม้แต่จะทะลุผ่านพลังป้องกันของอีกฝ่าย
“ไสหัวไป!” เสียงตวาดนั้นดังราวฟ้าผ่า เขาขยับแขนของเขาง่ายๆ ก่อนที่พลังภายในที่หนาราวกับโลหะจะไหลบ่าออกมาโจมตีอีกฝ่าย การเคลื่อนไหวนี้อาจทำร้ายได้กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นห้า
โชคดีที่จ้าวเฟิงนั้นตอบโต้ได้ทันเวลาและเร่งรีบโคจรพลังภายในของเขาอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง! เคร้ง
ทุกครั้งที่ทั้งสองปะทะกัน จ้าวเฟิงจะรู้สึกได้ว่าแขนของเขานั้นชาหนึบ เขารู้ว่าความแตกต่างที่มากที่สุดระหว่างพวกเขาคือความแข็งแกร่งของร่างกายและพลังป้องกัน
ซินโทงนั้นเน้นการฝึกฝนร่างกายของเขา มัดกล้ามเนื้อของเขานั้นแข็งแกร่งราวโลหะ นั่นหมายความว่าเพียงแค่พลังของเขาก็เหนือกว่าผู้ฝึกตนขั้นสี่โดยทั่วไปแล้ว
พลังการฝึกตนของจ้าวเฟิงนั้นยังถูกจำกัดไว้เพียงแค่ขั้นครึ่งก้าวแห่งผู้ฝึกตน แรงและพลังภายในของเขาสามารถใช้ได้เพียงแค่ 60% เท่านั้น เป็นเรื่องแน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ไอ้หนู เจ้าอ่อนแอยิ่ง! รีบๆ ไปเรียกจ้าวหลินหลงมาได้แล้ว นอกจากเขา ไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้” หลังจากที่ผลักจ้าวเฟิงถอยไปได้ในเพียงแค่กระบวนท่าเดียว เด็กหนุ่มหมวกฟางก็หยุดมือกะทันหัน
ฟุ่บ!
จ้าวเฟิงนั้นราวกับขนนกที่ร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา ในเมื่อเขาเหนือกว่าในด้านของความเร็วและพลังภายใน เด็กหนุ่มย่อมไม่พ่ายแพ้
ซินโทงนั้นรู้สึกจนใจและไม่อยากจะเสียพลังไปโดยเปล่าประโยชน์ กลับกันเขาต้องการที่จะแสดงพลังของเขาเพื่อที่จะประลองกับจ้าวหลินหลง
“จริงหรือ? ที่ว่านอกจากจ้าวหลินหลงแล้วไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า?” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากเบื้องหลังฝูงชน
“นั่นใคร!” ซินโทงตวาดลั่น
ดวงตาของทุกคนตวัดไปมองยังต้นเสียง
“จ้าวฮัน!”
ในสายตาของทุกคนปรากฏเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าเย็นชาผู้หนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆ
ทุกๆ ย่างก้าวของเขาสร้างความหนาวเหน็บประการหนึ่ง
“จ้าวฮัน อันดับสามแห่งศิษย์สายใน ด้อยกว่าจ้าวหลินหลงและจ้าวชิเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
จ้าวเฟิงมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาเช่นกัน ทว่าในขณะที่ดวงตาซ้ายของเขาจับจ้องไปยังร่างของอีกฝ่าย ความตกใจอย่างมากก็แล่นวาบไปทั่วร่าง
ผู้ฝึกตนขั้นห้า! ไม่ใช่สี่ แต่เป็นขั้นห้าแห่งหนทางผู้ฝึกตน!
“เป็นไปได้อย่างไร? เมื่อใดกันที่จ้าวฮันทะลวงเข้าสู่ขั้นห้า?” ศิษย์ทั้งสองตระกูลอุทานออกมา
“ดูเหมือนว่าอันดับหนึ่งของศิษย์สายในอาจเปลี่ยนแปลง”
“ข้าได้ยินมาว่ากระทั่งจ้าวหลินหลงก็ยังไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นห้า”
การปรากฏตัวของจ้าวฮั่นทำให้ทุกคนนิ่งงันไป
นัยน์ตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปทั่วฝูงชน ก่อนที่จะหยุดลงที่ใบหน้าของจ้าวเฟิงในที่สุด
“เจ้าคือจ้าวเฟิง?”
หืม? จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความกดดันเย็นยะเยือกมุ่งตรงมายังเขาในขณะที่คิด
จ้าวฮันผู้นี้รู้จักข้า?