บทที่ 29 : คำแนะนำของจ้าวหยูเฟ่ย
“ข้าเอง” จ้าวเฟิงเอ่ยตอบ เขาไม่รู้ว่าเหตุใดจึงได้รู้สึกถึงความเป็นศัตรูจากอีกฝ่าย
“ดี ดี ดี!” ใบหน้าของจ้าวฮันแปรเปลี่ยนไปเย็นชากว่าเก่าในขณะที่เอ่ยคำว่าดีออกมาสามครั้ง จากนั้นจึงเบนหน้าหนีไป
จ้าวเฟิงรู้สึกสับสนอย่างมาก เมื่อครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับอีกฝ่าย แล้วเขาไปทำอันใดให้จ้าวฮันไม่พอใจกัน?
จ้าวเยว่เดินไปยังจ้าวเฟิงก่อนเอ่ยเตือน
“จ้าวฮันเป็นลูกพี่ลูกน้องของจ้าวยี่จาง และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ค่อนข้างดีเสียด้วย”
ลูกพี่ลูกน้องของจ้าวยี่จาง?
ไม่น่าแปลกที่จ้าวฮันจะแสดงความเป็นศัตรูกับเขา ตอนนี้จ้าวยี่จางยังคงนอนอยู่บนเตียงเพราะอาการบาดเจ็บของเขา
ในฐานะของลูกพี่ลูกน้อง จ้าวฮันย่อมแก้แค้นให้เป็นแน่
ทว่าบัดนี้พวกเขาเผชิญศัตรูจากภายนอก พวกเขาควรจะจัดการเรื่องนี้ก่อนที่จะจัดการเรื่องภายในทีหลัง
“ขั้นห้าแห่งหนทางผู้ฝึกตน?” สีหน้าของซินโทงแปรเปลี่ยนไป แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
“เจ้าอยู่ขั้นห้าแล้วอย่างไร?” ในฐานะของผู้ฝึกตนขั้นสี่ เขาย่อมมีประสบการณ์ต่อสู้กับผู้ฝึกตนขั้นห้ามาบ้าง
“แค่มดปลวก!” จ้าวฮันเดินตรงไปยังซินโทงทีล่ะก้าว ความเย็นยะเยือกเพิ่มขึ้นทุกก้าวเดิน ความเย็นนั้นไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึก แต่เป็นความเย็นที่แท้จริงจากพลังภายในของเด็กหนุ่ม
“เจ้าเพิ่งจะทะลวงเข้าขั้นห้าในเวลาไม่นาน ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด” ซินโทงเอ่ยเยาะ ทว่าใบหน้ากลับเคร่งขรึม
“แขนเหล็ก!” ซินโทงส่งแรงและพลังภายในไปรวมกันที่แขนของเขา เขาราวกับกลายร่างเป็นวัวไป
วิชาของเขาเป็นวิชาระดับสูงซึ่งทำให้ผู้ฝึกสามารถใช้พลังทั้งหมดลงในการโจมตีเดียวได้ และเหนือกว่าคู่ต่อสู้โดยสิ้นเชิง
“ฝ่ามือเยือกแข็ง!” ร่างกายของจ้าวฮันปรากฏกลิ่นอายเยือกแข็งราวกับหิมะ ในขณะที่เขาใช้ฝ่ามือโจมตี บริเวณรอบข้างก็เริ่มที่จะปรากฏน้ำแข็งเกาะ
กลิ่นอายเยือกแข็งนั้นทำให้ใจของจ้าวเฟิงเต้นแรงเพราะมันเป็นพลังภายในที่แข็งแกร่งนัก อาจเทียบเท่าได้กับจ้าวเทียนเจี้ยนเลยทีเดียว
ทันทีที่การโจมตีของซินโทงพุ่งออกไปเบื้องหน้า เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่มองไม่เห็นที่หยุดการเคลื่อนไหวของเขา ราวกับจมลงสู่บ่อโคลน
“พลังภายในนี่จะเป็นของผู้ฝึกตนเริ่มต้นขั้นห้าได้อย่างไรกัน?” ซินโทงคิด
เปรี้ยง!
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน ซินโทงใช้แรงของเขาในการฝืนดันจ้าวฮันถอยไปหนึ่งก้าว ทว่ามุมปากของเขากลับปรากฏโลหิตไหลลง พลังภายในเย็นยะเยือกทะลวงผ่านพลังป้องกันของเขาและเข้าสู่ร่างกายของเด็กหนุ่ม
“เป็นไปได้อย่างไร พลังภายในนี้นับว่าเข้าขั้นสุดยอดของขั้นห้าแล้ว!” ซินโทงรู้สึกราวกับโลหิตทั่วร่างจับตัวแข็ง ไม่อาจขยับกายได้แม้แต่น้อย
หึ!
จ้าวฮันส่งร่างของคู่ต่อสู้ลอยไปด้วยการเตะเพียงหนึ่งครั้งก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น
“พลังเพียงเท่านี้จะท้าประลองจ้าวหลินหลง? มีเพียงข้าเท่านั้นที่จะเอาชนะเขาได้”
“พี่โทง!” ศิษย์ตระกูลซินพยุงร่างของเด็กหนุ่มที่ลอยไป
“ข้าไม่เป็นไร” ซินโทงยืนด้วยตนเองอย่างยากลำบาก โชคดีที่ร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่ง หากเป็นผู้อื่นคงต้องนอนนิ่งๆ บนเตียงอย่างน้อยหนึ่งเดือนแล้ว
“จ้าวฮัน ข้ายอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่ง” ซินโทงกัดฟันขณะเอ่ยต่อ
“ทว่าเจ้าเพิ่งจะทะลวงเข้าขั้นห้าแต่พลังภายในกลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นั่นหมายความว่าเจ้าย่อมได้กินสมบัติบางอย่างเข้าไป นั่นไม่เรียกว่าการช่วยเหลือจากภายนอกหรือ? เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับอัจฉริยะของตระกูลข้า ซินหวู่เฮิง เจ้าย่อมพ่ายแพ้!”
เมื่อได้ยินถึงยามนี้ ใบหน้าของจ้าวเฟิงและผู้อื่นก็ปรากฏแววครุ่นคิด สถานการณ์ของจ้าวฮันนับว่าผิดปกติยิ่งนัก เขาเพิ่งจะทะลวงขั้นห้า ทว่ากับมีพลังภายในที่แข็งแกร่งเพียงนั้น
เมื่อจ้าวเฟิงใช้ดวงตาซ้ายในการสำรวจอีกฝ่าย เขาตกใจเพราะพลังภายในของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก
คำกล่าวของซินโทงนั้นถูกต้อง จ้าวฮันย่อมใช้สมบัติล้ำค่าบางอย่าง
“หากข้าใช้ความช่วยเหลือภายนอกแล้วอย่างไร? นี่นับเป็นโชคของข้า สวรรค์เข้าข้างข้า เมื่อข้าควบคุมพลังนี่ได้อย่างเต็มที่และเอาชนะจ้าวหลินหลงได้ ข้าย่อมไปท้าประลองกับซินหวู่เฮงแน่นอน” จ้าวฮันเอ่ยอย่างเย็นชา
ซินหวู่เฮิงเป็นศิษย์สายในอันดับหนึ่งของตระกูลซิน รวมทั้งเป็นหนึ่งในสี่อัจฉริยะแห่งเมืองประกายอรุณ จ้าวเฟิงเองก็เคยได้ยินนามนี้มาก่อนเช่นกัน
แน่นอนว่าซินหวู่เฮิงที่เป็นอันดับหนึ่งได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นห้าตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เขาแข็งแกร่งกว่าจ้าวหลินหลงเสียอีก!
เพราะซินโทงแพ้ ศิษย์ตระกูลซินจึงได้รีบจากไปในอาการหางจุกตูด
“จ้าวฮันใช้เวลาเพียงครึ่งปีในการทะลวงขั้นห้า!”
“ข้าตื่นเต้นกับการประลองหลักในอีกสิบวันยิ่ง!”
จ้าวฮันเป็นจุดรวมความสนใจของผู้คน แน่นอนว่าความสารถของจ้าวเฟิงก็ไม่นับว่าแย่ ใช้พลังขั้นครึ่งขั้นผู้ฝึกตนในการเอาชนะผู้ฝึกตนที่แท้จริง
ก่อนจากไป จ้าวฮันตวัดสายตาไปจับจ้องยังจ้าวเฟิง เด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงและจ้องตอบไปในดวงตาของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเขาในตอนนี้ ต่อหน้าศิษย์ตระกูลจ้าวคนอื่น แม้ว่าเขาจะไม่ชนะ แต่เด็กหนุ่มย่อมสามารถใช้วิชานภาลอยล่องในการหลบหนีได้
“ข้าจะทำเช่นที่เจ้าทำ เจอกันเมื่อข้าท้าเจ้าในงานประลองหลัก”
ข้าจะทำเช่นที่เจ้าทำ? จ้าวเฟิงหนาวเยือก เขาหักแขนของจ้าวยี่จางในการประลองศิษย์สายนอก ความหมายของ ‘ทำเช่นเจ้าทำ’ ของอีกฝ่ายนั้นชัดเจนยิ่ง…
ในระหว่างทางกลับ จ้าวเฟิงเอ่ยถามจ้าวเยว่ที่อยู่ด้านข้างของเขา
“การท้าที่เขากล่าวหมายถึงสิ่งใด?”
“การประลองศิษย์สายในนั้นถูกดำเนินโดยการท้าประลอง ผู้ร่วมประลองทุกคนสามารถท้าประลองคนที่ต้องการได้” จ้าวเยว่เอ่ยอธิบาย
เช่นนี้ก็ได้หรือ?
หัวใจของจ้าวเฟิงบีบรัดเมื่อเขาเข้าใจความหมายโดยนัยของอีกฝ่าย จ้าวฮันได้กล่าวแผนของเขาออกมาอย่างชัดเจน เขาย่อมมั่นใจในตนเองยิ่งนัก แม้ว่ามันจะเป็นแผนการที่ ‘เปิดเผย’ มันก็ยังยากที่จะหลบเลี่ยง
อยากจะหักแขนของข้า? สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เหลือเวลาเพียงสิบวันก่อนงานประลองหลักจะมาถึง
จ้าวเฟิงฝึกฝนอย่างหนักกว่าเดิม
ทุกค่ำคืนเขาจะฝึกพลังภายในของเขาด้วยวิชาลมหายใจตัดอากาศ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าความแตกต่างของเขากับจ้าวฮันคือพลังภายใน
ในด้านของความซับซ้อนนั้น วิชาลมหายใจตัดอากาศย่อมเป็นวิชาระดับสูงชั้นแนวหน้า เกือบจะถูกจัดอยู่ในระดับสุดยอด อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นวิชาที่ดีที่สุดในบรรดาวิชาที่ศิษย์พรรคจ้าวฝึกฝน
วันที่สอง
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าหมัดมังกรคลั่งของเขานั้นสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาฝึกซ้อมในสวน นัยน์ตาซ้ายของจ้าวเฟิงบันทึกทุกการประลองที่น่าสนใจระหว่างศิษย์ และใช้มันในการพัฒนาหมัดมังกรคลั่งของเขา
ดังนั้น หลังจากที่หมัดมังกรคลั่งของจ้าวเฟิงได้เข้า ‘ขั้นหลอมรวม’ พลังของมันก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น…
พลังของเขาในตอนนี้นั้นนับว่ามากกว่ายามที่เขามีในงานประลองของศิษย์สายนอกกว่าสองเท่า
“ข้าเข้าไปได้หรือไม่?” น้ำเสียงใสกระจ่างราวแก้วดังขึ้นจากด้านนอก จ้าวเฟิงรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นคุ้นเคยยิ่ง ในสายตาของเขาปรากฏร่างของดรุณีในชุดสีม่วงยืนรออยู่ด้านนอก
นั่นนาง? จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ
“ไม่ต้อนรับข้าหรือ?” แพขนตาหนาของจ้าวหยูเฟ่ยกระพริบเล็กๆ รอยยิ้มของนางนั้นราวกับดอกบัว งดงามและบริสุทธิ์
“โปรดเข้ามา” จ้าวเฟิงได้สติจากภาพงดงามเบื้องหน้าในเวลาไม่นาน
หลังจากที่เด็กสาวเข้ามาด้านในแล้ว นางก็เอ่ยถึงจุดประสงค์ของนางในการมาหาเขาอย่างรวดเร็ว นั่นคือการฝึกซ้อมแลกเปลี่ยนวิชากับจ้าวเฟิง แน่นอนว่าเด็กสาวย่อมรู้สึกไม่พอใจเล็กๆ ยามที่แพ้จ้าวเฟิงเมื่อคราที่แล้ว
“ได้ แต่อย่าได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บแล้วกัน” แน่นอนว่าจ้าวเฟิงย่อมไม่ปฏิเสธเมื่ออีกฝ่ายอาจเป็นศิษย์สายนอกเพียงคนเดียวที่สามารถฝึกซ้อมกับเขาได้
ไม่ช้า ทั้งสองร่างก็เริ่มประลองกันในสวนนั้น ในขณะที่ประลองกันอยู่ จ้าวเฟิงใช้หมัดมังกรคลั่งในขั้นสุดยอดเท่านั้น แต่แม้กระนั้นเขาก็ยังคงได้เปรียบ
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป จ้าวหยูเฟ่ยก็พ่าย ลมหายใจของนางหอบกระชั้น ดวงตาส่องประกายวาบ
“เจ้าโคจรพลังภายในและใช้ออกรวดเร็วนัก ทั้งมันยังทำให้ข้ารู้สึกได้ถึงความลึกลับและล่องลอยบางอย่าง เป็นวิชาลับอันใดกัน?”
ในระหว่างการประลองนั้น จ้าวเฟิงได้ควบคุมพลังภายในของเขาให้อยู่ขั้นเดียวกับจ้าวหยูเฟ่ย
แต่กระนั้น พลังภายในของเด็กหนุ่มก็ยังสร้างแรงกดดันมากกว่าของนาง
นั่นเป็นเพราะวิชาลมหายใจตัดอากาศ
ข้าฝึกวิชาลมหายใจสามวิชา วิชาระดับสูงที่เน้นในด้านพลังภายใน ทว่ามันก็ยังแข็งแกร่งไม่เทียบเท่าเขา จ้าวหยูเฟ่ยรู้สึกตะลึงอยู่ในใจ
“ฮี่ฮี่ นี่เป็นวิชาพิเศษของข้า บอกมิได้” จ้าวเฟิงยิ้มอย่างสุภาพ คำปฏิเสธของเด็กหนุ่มสร้างความแปลกใจให้เด็กสาวไม่น้อย มีเด็กในช่วงวัยเดียวกับนางจำนวนไม่มากที่กล้าจะปฏิเสธคำขอของนาง
จ้าวหยูเฟ่ยกลอกตาไปมาก่อนจะแย้มยิ้มแล้วเอ่ย
“เจ้าเองก็ยังมีจุดอ่อนอย่างเห็นได้ชัด หากเจ้าสนใจ เราสามารถตกลงกันได้ อย่างไรเราทั้งคู่ก็ย่อมได้ประโยชน์”
“โฮ่? เช่นนั้นลองพูดมา…” จ้าวเฟิงรู้สึกสนใจในทันที