Skip to content

King of Gods 283

King Of Gods

บทที่ 283 : เป็นกลุ่มตัวโง่งมโดยแท้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”

บนเรือโจรสลัด เหล่าโจรสลัดหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม ชายชุดแดงตาเดียวนั้นสวมใส่ผ้าปิดตา ทั้งศีรษะยังล้าน

เขาก็คือหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดที่เลื่องชื่อในความโหดเหี้ยม—–ฉานเซว่ตูอิง

จ้าวเฟิงลอบมองอีกฝ่าย พบว่ากลิ่นอายของฉานเซว่ตูอิงนั้นอยู่ในขั้นมนุษย์แท้ ทว่ามีความแข็งแกร่งมากกว่านายท่านปี้

ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนผู้นี้สามารถคิดแผนฆ่านายท่านปี้ได้ กระทั่งเกือบจะประสบความสำเร็จ

“ฉานเซว่ตูอิง สมบัติสายธารจันทราอยู่ในอาณาเขตป้อมเหิงฉุ่ยของข้า เจ้าพวกโจรสลัด เพียงแค่นี้หากไม่รีบกลับไปและกำลังทหารสนับสนุนของพวกเราเพิ่ม ยามนั้นย่อมเพียงพอในการจัดการพวกเจ้าทั้งหมด”

ใบหน้าของนายท่านปี้นิ่งขรึม สายตาเด็ดเดี่ยว และน้ำเสียงที่หนักแน่นปะปนไปด้วยกลิ่นอายของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง เน้นย้ำแต่ละคำพูด

สีหน้าของเหล่าโจรสลัดที่อยู่บนเรือแปรเปลี่ยนไป

คนที่อีกฝ่ายนำมานั้นล้วนเป็นยอดฝีมือ มีจำนวนไม่มากนัก

ความจริงแล้ว ป้อมเหิงฉุ่ยนั้นมีกำลังทหารและกองทัพจำนวนมากกว่านี้ หากเรื่องราวยื้อเยื้อ สถานการณ์ทางฝั่งโจรสลัดย่อมเสียเปรียบอย่างมาก

“พวกเราได้กระจายข่าวออกไปด้านนอกแล้ว ฉานเซว่ตูอิง! หากข้าจำไม่ผิดเจ้าถูกทั้งลัทธิโลหะเลือดและราชวงศ์ล่าหัวอยู่ด้วยมิใช่หรือ”

ผู้นำตระกูลปี้แย้มยิ้มเย็น

คนจากตระกูลปี้ใกล้ๆ ก็ไม่วายที่จะร่วมพูดโจมตีเช่นกัน

ทว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่มีวี่แววจะลงมือในระยะเวลาอันสั้น

“ทั้งสองฝ่ายมีกำลังพอกัน ทว่าคนที่ไม่ต้องการเริ่มการต่อสู้นั้นกลับเป็นนายท่านปี้”

สายตาที่เฉียบแหลมของจ้าวเฟิงสามารถมองสถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายออกได้อย่างรวดเร็ว

เหตุใดนายท่านปี้จึงไม่ต้องการต่อสู้กัน?

มีเพียงดวงตาเทพเจ้าที่ผ่านการวิวัฒนาการแล้วของจ้าวเฟิงที่สามารถมองเห็นอาการบาดเจ็บของนายท่านปี้ได้อย่างชัดเจน

“นายท่านปี้ได้เผาไหม้ปราณจิตวิญญาณจนกระทบถึงแหล่งกำเนิด เสียขาไปข้างหนึ่ง มีพลังต่อสู้เพียงหกในสิบส่วนจากช่วงเวลาที่สภาพร่างกายสมบูรณ์ แต่หากมองที่ฉานเซว่ตูอิง แม้จะบาดเจ็บเช่นกันทว่าพลังต่อสู้ที่มีอยู่แข็งแกร่งกว่านายท่านปี้ อาการบาดเจ็บไม่สาหัสนัก มีพลังต่อสู้มากกว่าแปดในสิบส่วน”

การวิเคราะห์ของจ้าวเฟิงนั้นแม่นยำนัก กระทั่งนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงก็ไม่อาจทราบได้

นายท่านปี้ไม่กล้าที่จะสู้กับฉานเซว่ตูอิงตรงๆ จึงสร้างเรื่องราวขึ้นเพื่อทำให้สถานการณ์อยู่ในสภาวะสมดุล

นอกจากนั้น ผู้นำตระกูลปี้ยังได้เอ่ยข่มขู่ว่าได้ส่งข่าวลับออกไปด้านนอกแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉานเซว่ตูอิงย่อมไม่กล้าเข้าปะทะต่อสู้ยืดเยื้อ หากไม่ต่อสู้ตัดสินอย่างรวดเร็วก็มีเพียงแต่ต้องพูดคุยกันอย่างสงบ

การต่อสู้ตัดสินอย่างรวดเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้

จะอย่างไร ฉากหน้าทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะอยู่ในสถานการณ์ที่เท่าเทียมกัน หากสู้กันขึ้นมาจริงๆ ย่อมต้องได้รับความเสียหาย ทั้งยังอาจจะมีผู้อื่นซุ่มซ่อนคอยลอบโจมตี

สีหน้าของฉานเซว่ตูอิงเปลี่ยนไป

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าป้อมเหิงฉุ่ยได้แจ้งข่าวออกไปข้างนอกจริงหรือไม่ ทั้งเขายังไม่มีกำลังเสริมอีก

แต่จ้าวเฟิงรู้ว่า ป้อมเหิงฉุ่ยนั้นไม่ได้แจ้งข่าวออกไปด้านนอก บัดนี้ได้ปิดกั้นทางเข้าออกทั้งหมดของป้อมแล้ว สมบัติสายธารจันทรานั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก หากด้านนอกนำยอดฝีมือที่น่าหวาดกลัวกว่านี้มา เมื่อถึงยามนั้นย่อมไม่มีผู้ใดสามารถครอบครองสมบัติได้

เวลาผ่านไปครึ่งชั่วน้ำชาเดือด

ป้อมเหิงฉุ่ยและโจรสลัดได้ทำข้อตกลงกันชั่วคราว

ทั้งสองฝ่ายจะช่วยกันค้นหาสมบัติ

ฝ่ายโจรสลัดโลหิตคลั่งย่อมไม่ยินดี

ทว่าฉานเซว่ตูอิงกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ที่นี่คืออาณาเขตของป้อมเหิงฉุ่ย เขาได้พยายามถึงที่สุด สุดท้ายสามารถร่วมมือกับอีกฝ่ายค้นหาสมบัติได้ย่อมนับว่าประสบความสำเร็จแล้ว

ไม่ต้องเอ่ยถึงว่า การแข่งขันกันค้นหาสมบัติสายธารจันทราเองก็ต้องใช้เวลาและปัญญามากนัก

คนจากป้อมเหิงฉุ่ยเต็มไปด้วยความกระอักกระอวล ปกติพวกเขาต้องต่อสู้กับเหล่าโจรสลัด มิเคยคาดคิดว่าจะเจรจากันอย่างสงบ ร่วมกันค้นหาสมบัติได้

แน่นอนว่า

ฝ่ายแม่น้ำหวงก็ได้ประโยชน์เช่นกัน

โจรสลัดโลหิตคลั่งนั้นล่วงรู้ถึงเส้นทางเข้าสู่สมบัติอยู่บ้าง ก่อนหน้าได้ลงมือตรวจสอบสำรวจ กระทั่งเริ่มวางแผนเข้าไปด้านในแล้ว

มิเช่นนั้น หากเป็นนายท่านปี้และคนอื่นๆ ที่ต้องการเปิดกรุสมบัติสายธารจันทราก็อาจจะไม่ราบรื่นเช่นนี้

จ้าวเฟิงเมื่อคิดถึงตรงนี้ ยิ่งทำให้เลื่อมใสในแผนการของนายท่านปี้

“ตำแหน่งของสมบัติสายธารจันทราอยู่ในอุโมงค์ใต้น้ำลึกกว่าร้อยหลา ทว่าแม่น้ำสายนี้มีน้ำวนจำนวนมาก บางส่วนกระทั่งสามารถดูดกลืนเรือทั้งลำเข้าไปได้ คนที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณทั่วไปย่อมยากที่จะต่อต้าน”

ฉานเซว่ตูอิงเอ่ยอย่างราบเรียบ

เรือโจรสลัดจอดอยู่ที่ริมฝั่ง ไม่กล้าเคลื่อนตัวเข้าใกล้เขตแม่น้ำนั่น

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมองทะลุผืนน้ำเข้าไป เห็นว่ามีน้ำวนอยู่มากมายจริงๆ

น้ำวนเหล่านั้นมีแรงดูดรุนแรง แม้จะเป็นยอดฝีมือในนภาที่เจ็ดตกลงไปก็ยากที่จะถอนตัวกลับ

ทว่าผิวน้ำด้านบนบริเวณนั้นกลับสงบนิ่งยิ่งนัก

จากนั้น

ทั้งสองฝ่ายส่งคนไปผูกเชือก ลอบดำลงไปบริเวณน้ำวนเหล่านั้นเพื่อหาสมบัติสายธารจันทรา

ป้อมเหิงฉุ่ยส่งคนในนภาที่หกและเจ็ดลงไปในแม่น้ำเพื่อค้นหา

ในที่สุด

ยอดฝีมือในนภาที่หกคนแรก เมื่อผ่านไปพักหนึ่งแล้วกลับไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว

เมื่อดึงเชือกขึ้นมาทุกคนล้วนใบหน้าขาวซีด คนคนนั้นทั่วทั้งร่างเย็นแข็ง ราวกับถูกพลังบางอย่างบีบอัด

เมื่อเห็นสภาพดังกล่าว ฝ่ายโจรสลัดรู้สึกโชคดีขึ้นมา

ยอดฝีมือในนภาที่เจ็ดลงไปเป็นคนที่สอง เมื่อลงไปพักหนึ่งก็ดิ้นรนอย่างหนัก สุดท้ายจึงสามารถช่วยขึ้นมาบนฝั่งได้

“ในส่วนลึกของน้ำวนที่ก้นแม้น้ำนั่นมีแรงบีบอัดและฉีกกระชากที่น่าหวาดกลัวอยู่…”

ยอดฝีมือในนภาที่เจ็ดใบหน้าขาวซีด ร่างกายอ่อนล้า

สีหน้าของนายท่านปี้มืดทะมึนลง

หากทางเข้าของสมบัติสายธารจันทราหาง่ายเพียงนั้น มีหรือที่กลุ่มโจรสลัดโลหิตคลั่งจะเฝ้ารอป้อมเหิงฉุ่ยให้มาถึง

จ้าวเฟิงสีหน้านิ่งเฉย เริ่มเดินสำรวจริมฝั่งใกล้ๆ

ดวงตาข้างซ้ายของเด็กหนุ่มเฝ้ามองทิศทางของน้ำในแม่น้ำ

น้ำวนเหล่านั้นราวกับมีค่ายกลป้องกันตามธรรมชาติ ยิ่งต่อต้าน พลังของมันยิ่งน่าหวาดกลัว

“ต่อให้เป็นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปก็ยากที่จะต่อต้านค่ายกลธรรมชาตินี้ได้”

จ้าวเฟิงถอนหายใจอย่างลับๆ

ถ้าหากส่งคนเข้าไปสำรวจเรื่อยๆ เกรงว่ายากที่จะสำเร็จ มีแต่จะไปตายซะเปล่าๆ

นายท่านปี้สังเกตเห็นท่าทางของจ้าวเฟิง เขาแย้มยิ้มบางก่อนเอ่ย “น้องชาย เจ้าคิดเห็นเช่นไร”

นายท่านปี้คือยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง เป็นผู้นำของฝ่ายหนึ่ง คำพูดของเขาย่อมต้องดึงดูดความสนใจของทั้งสองฝ่าย

ฝั่งโจรสลัด เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของจ้าวเฟิงแล้วก็นิ่งอึ้งไปเล็กๆ

เมื่อเห็นคราแรกนั้น พวกเขาเองก็คิดว่าเด็กนี่เป็นพวกโจรสลัดเช่นกัน

“ในความคิดของข้า ควรจะสำรวจบริเวณน้ำวนให้ชัดเจนก่อน ด้านใต้นี่ราวกับมีค่ายกลธรรมชาติอยู่”

จ้าวเฟิงเปิดปากพูด

เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม แววตาฉานเซว่ตูอิงก็ส่องประกายวูบ

“เด็กนี่ดูเหมือนจะมีความสามารถ อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจอของจริงเข้าให้แล้ว?”

ฉานเซว่ตูอิงสบตากับผู้ฝึกตนเฒ่าในชุดเขียว

ผู้ฝึกตนเฒ่าในชุดเขียวหรี่ตาลง กวาดตามองจ้าวเฟิงคราหนึ่งก่อนแย้มยิ้มร้ายกาจออกมา “สายตาของเด็กนี่เฉียบแหลมโดยแท้ ดูเหมือนว่าจะมีความเข้าใจค่ายกลอยู่บ้าง”

ที่แท้

ฝั่งโจรสลัดนั้นกำลังพยายามสลายค่ายกลธรรมชาตินี้อยู่

ความจริงแล้ว การทำลายค่ายกลนี้นับว่าเป็นไปไม่ได้ มันเทียบได้กับการต่อต้านพลังธรรมชาติอันไร้ที่สิ้นสุด

ดังนั้นแล้ว ฝ่ายโจรสลัดโลหิตคลั่งจึงกำลังค้นหาเส้นทางที่ ‘กระแสน้ำวน’ อ่อนกำลังที่สุด

หากพูดง่ายๆ ก็คือต้องการหาบริเวณที่ค่ายกลอ่อนกำลัง หรือกระทั่งหาช่องว่างของมัน

เมื่อความคิดชัดเจนขึ้นแล้ว คนฝั่งป้อมเหิงฉุ่ยที่พอมีความรู้ด้านค่ายกลจึงเริ่มปรึกษากัน

อัจฉริยะปี้เฉี่ยวยู่ที่เชี่ยวชาญในด้านค่ายกลกลไกร่วมมือกับผู้อาวุโสที่มีฝีมือด้านค่ายกลอีกสองคน

ทันใดนั้น

ทั้งฝ่ายโจรสลัดโลหิตคลั่งและป้อมเหิงฉุ่ยต่างก็วิเคราะห์อย่างขะมักเขม้น ส่งคนไปสำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า

จ้าวเฟิงที่ดูอยู่ข้างๆ มองด้วยสายตาไร้ความรู้สึกและเดินไปบริเวณริมแม่น้ำใกล้ๆ

ทั้งสองฝ่ายกำลังพูดคุยกันถึงวิธีการหลีกเลี่ยงแรงของกระแสน้ำวน หรือมีทางลัดอื่นหรือไม่ เพื่อค้นหาทางเข้ากรุสมบัติ

“เฮ้อ เป็นกลุ่มตัวโง่งมโดยแท้…”

จ้าวเฟิงถอนหายใจอยู่เงียบๆ ในใจ

ถูกแล้ว

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงได้ค้นพบถึงความลับของค่ายกลธรรมชาตินี้แล้ว

เขากระทั่งมั่นใจถึงตำแหน่งของทางเข้ากรุสมบัติเสียด้วยซ้ำ!

หากฝั่งโจรสลัดโลหิตคลั่งรับรู้ บางทีคงตกใจจนกระอักโลหิต

ต้องรู้ว่า การที่พวกเขาค้นหาทางเข้าของกรุสมบัตินี้ได้สูญเสียกำลังคนและทรัพยากรไปนับไม่ถ้วน ยอดฝีมือที่สูญเสียไปนั้นสามารถนับได้ด้วยอย่างน้อยสองมือ

ทว่าจ้าวเฟิงที่ทำเพียงเดินอยู่ริมแม้น้ำไปมากลับค้นพบทางเข้ากรุสมบัติแล้ว

เวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไป

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายป้อมเหิงฉุ่ยหรือโจรสลัดโลหิตที่คิดหาทางฝ่าค่ายกลค้นหาทางเข้าต่างก็ค้นพบเข้ากับคอขวด

ฝ่ายป้อมเหิงฉุ่ย ความรู้เกี่ยวกับค่ายกลของปี้เฉี่ยวยู่นั้นเหนือกว่าความคาดหมายของจ้าวเฟิง

เพียงแต่ แนวทางการคิดของพวกเขานั้นออกนอกลู่นอกทางไปมาก

“ดูเหมือนว่าข้าคงต้องเตือนพวกเขาเสียหลายอย่าง”

จ้าวเฟิงคิดในใจ

เพราะเขาเองก็ไม่ได้มีความคิดที่จะครอบครองสมบัติทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว

เพราะเรื่องคนที่ต้องการสมบัติสายธารจันทรานั้นเป็นปัญหาที่ช้าเร็วก็ต้องเกิด หากยิ่งยืดเยื้อ ผู้คนที่ต้องการทรัพย์สมบัตินี้ก็ยิ่งมีมาก ย่อมไม่สร้างผลดีต่อเด็กหนุ่ม

“มีคำเอ่ยที่ว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”

จ้าวเฟิงเดินไปข้างๆ ปี้เฉี่ยวยู่ เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างทั้งสองรู้สึกสงสัย สีหน้ากระทั่งมีความดูถูกดูแคลน

“…ข้าเข้าใจแล้ว! ขอบคุณมากพี่จ้าว ท่านนับว่าอัจฉริยะโดยแท้”

ปี้เฉี่ยวยู่ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี

ผู้คนมองมายังปี้เฉี่ยวยู่อย่างสงสัย

ใบหน้าเล็กของปี้เฉี่ยวยู่แดงซ่าน สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “สมบัติสายธารจันทรา ต้องอยู่ที่ใจกลางน้ำวนเป็นแน่ เป็นส่วนที่อันตรายที่สุด หากเดาไม่ผิด แก่นของค่ายกลน้ำวนนี่ย่อมอยู่ที่นั่น”

“เป็นไปไม่ได้! น้ำวนคือจุดที่อันตรายที่สุด มีพลังน่าพรั่นพรึง กระทั่งสามารถฉีกกระชากร่างของผู้ฝึกตนขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้”

ผู้อาวุโสผู้หนึ่งค้านขึ้น

จ้าวเฟิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เกือบจะสบถด่าว่าโง่เง่าแล้ว

“พายุตามธรรรมชาตินั้น แรงลมที่มากที่สุดจะอยู่รอบๆ แต่ตาพายุกลับกันจะนิ่งสงบ ค่ายกลน้ำวนนี้เองก็เช่นกัน ยิ่งต่อต้านแรงดึงก็ยิ่งมาก ในทางกลับกัน หากท่านไม่ต่อต้าน ไหลไปตามแรงนั้นย่อมสูญเสียเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อย ไปถึงยังใจกลางที่ปลอดภัยที่สุด”

ปี้เฉี่ยวยู่รีบอธิบาย

ในระหว่างที่พูด นางก็ได้เอ่ยอธิบายถึงความลับของน้ำวนนี้แล้ว

“ที่นางพูดก็มีเหตุผล”

ฝ่ายโจรสลัด ผู้ฝึกตนเฒ่าในชุดสีเขียวดวงตาส่องประกาย

พวกเขาไม่ได้โง่ เพียงแต่แนวการคิดผิดทางไป คิดเพียงแต่จะหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีน้ำวนยักษ์

ทว่าเรื่องราวกลับเป็นตรงกันข้าม บริเวณที่อันตรายที่สุด คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด

นอกจากนั้น ที่กลบฝังของสมบัติสายธารจันทราย่อมมีความพิถีพิถันมากนัก หากไม่ยอมเสี่ยงอันตราย จะค้นหามันได้อย่างไร?

ต่อมา

ป้อมเหิงฉุ่ยและกลุ่มโจรสลัดโลหิตคลั่งลองทำตามแนวคิดใหม่ ส่งยอดฝีมือลงไปตรวจสอบ

“อ๊ากกกก”

ก้นแม่น้ำพลันปรากฏเสียงกรีดร้องของโจรสลัดในนภาที่เจ็ดดังขึ้น

ไม่นานต่อมา ร่างไร้วิญญาณโชกเลือดร่างหนึ่งก็ถูกดึงขึ้นมา

“เกิดอันใดขึ้น! มิใช่ว่าเจ้าบอกให้ไหลตามกระแสน้ำนั่นไปจะสามารถไปถึงบริเวณที่ปลอดภัยที่สุดหรือ…”

ด้านโจรสลัด หลายคนดวงตาแดงก่ำ จ้องมองปี้เฉี่ยวยู่อย่างไม่พอใจ

ปี้เฉี่ยวยู่หน้าซีด กุมมือแน่น มองไปยังจ้าวเฟิงและนายท่านปี้อย่างหมดหนทาง

แนวคิดนี้เป็นสิ่งที่จ้าวเฟิงแนะนำ

“เป็นกลุ่มตัวโง่งมโดยแท้!”

จ้าวเฟิงหมดความอดทน สบถด่าออกมาตรงๆ

โจรสลัดผู้นั้นตายได้อย่างไร ดวงตาเทพเจ้าของเขามองเห็นได้อย่างชัดเจน

แม้ว่าจะเอ่ยว่าหากต่อต้าน แรงน้ำวนก็ยิ่งมาก หากไหลไปตามแรงน้ำ แรงที่จะได้รับย่อมลดน้อยลง

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ไม่ต่อต้าน ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไม่ต้องใช้ปราณแท้ป้องกัน

เจ้าคิดว่าเจ้ามีร่างกายเป็นอมตะแบบในตำนานหรืออย่างไร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!