บทที่ 299 : ตัดแขน
ถ้ำสายธารจันทราสั่นไหวอย่างรุนแรง พังทลายลงด้านล่างอย่างไม่หยุดยั้ง
ครานี้เป็นการถล่มลงโดยแท้จริง ทั่วทั้งถ้ำกำลังจะกลายเป็นที่ฝังร่างของทุกคนแล้ว
ทางออกเพียงทางเดียวคือประตูสัมฤทธิ์ที่ส่องแสงสว่างจ้าอยู่เหนือศีรษะ
“พวกท่านไปก่อน”
จ้าวเฟิงที่อยู่ใกล้ประตูทางออกที่สุดให้อาจารย์เฮยหยุนและปี้เฉี่ยวยู่ออกไปก่อน
จากนั้น
เด็กหนุ่มยืนอยู่บนสามปทุม ขวางทางออกไว้
“จ้าวเฟิง เจ้าคิดจะทำอันใด”
พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงก็สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปตามๆ กัน
บัดนี้ จ้าวเฟิงได้ครอบครองแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้ของ “จอมโจรฉุ่ยเยว่” ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากเด็กหนุ่มจงใจปิดกั้นทางออกเอาไว้และใช้พลังดวงตาเทพเจ้ากับสามปทุมเป็นตัวช่วยย่อมมีโอกาสที่จะขังคนทั้งหมดไว้เบื้องล่างได้
การเคลื่อนไหวครานี้ของจ้าวเฟิงนับว่าโหดเหี้ยมยิ่งนัก
กระทั่งทางออกสุดท้าย เขาก็ยังเป็นคนควบคุมมันไว้อยู่
“จ้าวเฟิงท่ านอาจารย์ได้สั่งเสียเอาไว้แล้ว พวกเราจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าเด็ดขาด”
สตรีชุดสีสดรีบพูดอย่างร้อนรน
ทั้งถ้ำสายธารจันทรากำลังจะถล่มลงในไม่ช้า ในเวลานี้ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะสามารถหนีออกไปได้
ในทางกลับกัน จ้าวเฟิงมีสามปทุมมีพลังป้องกันแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังสามารถบินได้ ย่อมสามารถยืนหยัดได้อย่างสบายใจ
“จ้าวเฟิง เจ้าไปเถอะ เราจะไม่ได้ทำสิ่งใดให้เจ้าลำบากใจ”
โจรเถาชานเฟ่ยเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับคำสั่งเสียของจอมโจรฉุ่ยเยว่จริงๆ แต่สถานการณ์ในยามนี้นับว่าไม่เป็นผลดีต่อพวกเขายิ่งนัก
หากจ้าวเฟิงตั้งใจปิดกั้นทางออก ใช้พลังดวงตาเทพเจ้าควบคุมผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงอีกสองคน ย่อมมีโอกาสที่จะจัดการคนทั้งหมดได้
“โถ่ จ้าวเฟิง ผู้แซ่ปี้เป็นตาแก่ที่มีตาหามีแววไม่ โปรดเจ้าปล่อยพวกเราไปเถอะ”
นายท่านปี้สีหน้าพ่ายแพ้ เอ่ยพูดออกไปด้วยท่าทีหมดเรี่ยวแรงและสิ้นหวัง
ยามที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ และคลายกลไกที่แอบซ่อนเอาไว้ เขาได้เข้าใจว่าตนนั้นพ่ายแพ้แล้ว
เขาและฉานเซว่ตูอิงได้ติดกับดักของจอมโจรฉุ่ยเยว่ คนอายุร้อยกว่าปีผู้นี้แล้ว
ทั้งด้านสติปัญญาและความแข็งแกร่งของพวกเขาล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงทั้งสติปัญญาและความสามารถล้วนเหนือกว่าพวกเขามากนัก เปิดเผยกลไกที่ถูกหลบซ่อน ได้รับคำชื่นชมจากจอมโจรฉุ่ยเยว่
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่ม
“แม้ว่าข้าและท่านปี้จะร่วมมือกัน ด้วยการควบคุมสายเลือดดวงตาของเขาทุกอย่างย่อมจบสิ้น”
ฉานเซว่ตูอิงในปากปรากฏความข่มปร่าประการหนึ่ง
พวกเขาทั้งสองคนไม่มีความกล้าที่จะต่อกรกับจ้าวเฟิงแล้ว
คำแนะนำที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ได้เอ่ยทิ้งเอาไว้นั้น พวกเขาที่เป็นคนนอกกลับมองออกถึงความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น
ในฐานะของผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นตำนาน สติปัญญาและสายตาจอมโจรฉุ่ยเยว่เป็นสิ่งที่คนทั่วไปคาดฝันที่จะครอบครองได้หรือ?
ในยามนี้
จ้าวเฟิงที่ครอบครองทุกสิ่ง อยากจะเข้าหรือออกย่อมสามารถทำได้ดั่งใจ
ดวงตาเทพเจ้าของเขาค่อยๆ กวาดมอง เข้าใจถึงความคิดของผู้คนอย่างชัดเจน
ความสั่นไหวไม่มั่นคงในใจของนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงเขารับรู้ได้
การที่พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองไม่ฟังคำแนะนำของผู้เป็นอาจารย์ ความชั่วร้ายแทรกซึมลึกล้ำไม่อาจแปรเปลี่ยน เด็กหนุ่มเองก็เข้าใจอย่างชัดเจน
“พวกเจ้าไปก่อน”
จ้าวเฟิงเปิดทางเล็กๆ ให้ สายตากวาดมองไปยังพวกนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิง
“ได้ ได้”
ทุกคนราวกับนักโทษที่ถูกอภัยโทษ ทั้งสิบเอ็ดคนเดินผ่านประตูออกไป
จ้าวเฟิงยังคงขวางพวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองเอาไว้
“ไอ้หนู อย่าได้ทำเกินไปนัก เจ้ามีสามปทุม ทั้งยังได้รับแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้ของท่านอาจารย์ ในระยะเวลาอันสั้นเจ้าไม่มีทางบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ ย่อมไม่อาจนับเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”
โจรเถาชานเฟ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว เขาไม่หวาดกลัวอีกฝ่าย มีโอกาสชนะแปดเก้าส่วนในสิบส่วนเป็นอย่างน้อย
แต่ปัญหาคือถ้ำสายธารจันทรานี้กำลังจะจะถล่มลง ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะถูกฝังที่ก้นแม่น้ำนี้
“เห็นแก่จอมโจรฉุ่ยเยว่ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน”
สามปทุมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าจ้าวเฟิงขยับวูบ นำร่างของเขาผ่านออกไปทางบานประตูสัมฤทธิ์เหนือศีรษะ
เฮ้อ
พวกโจรเถาชานเฟ่ยและทั้งสองถอนหายใจโล่งอกเล็กๆ
หากจ้าวเฟิงดึงดันที่จะปิดทางออกเอาไว้ ด้วยพลังของดวงตาเทพเจ้ารวมทั้งพลังป้องกันของสามปทุมสนับสนุน ย่อมสามารถรั้งพวกเขาไว้ได้หลายสิบลมหายใจอย่างแน่นอน ในยามนั้นถ้ำสายธารจันทราย่อมพังทลายหมดสิ้น นับว่าพวกเขารอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
พรึบ
เวลาต่อมา จ้าวเฟิงได้ปรากฏตัวขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ
บานประตูทองสัมฤทธิ์นั้นมีพลังของค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะสั้นอยู่ จ้าวเฟิงที่รู้จักค่ายกลนี้ย่อมเข้าใจถึงความสามารถของมัน
ดังนั้นแล้ว เขาย่อมสามารถใช้เวลาเพียงเสี้ยวพริบตาก่อนที่ถ้ำถล่มในการหลบหนี ปล่อยให้พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองถูกกลบฝังทั้งเป็นไปตลอดกาลได้
สวบสวบ
ไม่ช้า พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองจึงได้ปรากฏขึ้นบนฝั่งแม่น้ำเช่นกัน
ผู้ที่ลอดผ่านประตูจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังริมฝั่งแม่น้ำด้านบน
นายท่านปี้ ปี้เฉี่ยวยู่ ฉานเซว่ตูอิง และคนอื่นๆ ต่างปรากฏตัวอยู่ที่นี่
“จ้าวเฟิง เจ้าไม่ใช่คนของสำนักร้อยบุปผาแต่กลับบังอาจแย่งชิงสมบัติของอาจารย์ข้าไปครอบครองเพียงผู้เดียว ส่งสามปทุมรวมทั้งสมบัติทุกอย่างที่เจ้าได้รับมาแล้วทำลายพลังฝึกตนของเจ้าเสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
โจรเถาชานเฟ่ยหลังจากรอดพ้นจากอันตรายมาได้ใบหน้าพลันปรากฏความโหดเหี้ยมอำมหิต
มุมปากของจ้าวเฟิงยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเหน็บแนม
สถานการณ์นี้เขาได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ทว่าด้วยเห็นแก่จอมโจรฉุ่ยเยว่ เมื่อครู่จึงยังไม่ได้กระทำสิ่งใดลงไป
“ทุกคนโปรดถอยไป”
ขณะที่เอ่ยพูดนั้น สามปทุมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเด็กหนุ่มก็ได้สั่นสะเทือน ลำแสงสามสีงดงามพุ่งตรงผ่านความว่างเปล่าไปยังร่างของโจรเถาชานเฟ่ย
เขาไม่ชอบการผายลมไร้ลมไร้สาระ หากจะสู้ก็จงสู้
ในพริบตา ร่างของจ้าวเฟิงพลันปรากฏกระแสไฟฟ้าล้อมรอบ เป็นราวกับคลื่นกระแสไฟฟ้าสีเขียวที่แผ่ขยายออกไปในอากาศ
ปราณครึ่งจิตวิญญาณของเขาเปลี่ยนแปลงไปกว่าห้าถึงหกส่วน พลังของ ‘มรดกอัสนี’ ได้เพิ่มขึ้นจนเข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง
กระแสไฟฟ้าที่ล้อมรอบร่างอยู่ยามนี้ ไม่ว่าจะปะทุออกยามใดก็มีพลังเทียบเท่าได้กับวงแหวนอัสนี
หรือพูดอีกอย่างคือ การประทุของกระแสไฟฟ้ายามนี้กับ “วงแหวนอัสนี” นั้น พลังของมันเมื่อเทียบกันแล้วมีเพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่า มิด้อยกว่า
กลุ่มวงแหวนวอัสนีนั้นราวกับมีสติปัญญา พุ่งตรงไปยังร่างของพวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสอง
สตรีชุดสีสดล้มลงที่พื้นในเสี้ยววินาที สูญเสียพลังในการต่อสู้ไป
โจรเถาชานเฟ่ยกราดเกรี้ยวอย่างหนัก วาดพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา สร้างคลื่นสายลมรูปพัดที่น่าหวาดกลัว แรงสั่นสะเทือนถี่รัวนั้นได้ทำให้ชายฝั่งแม่น้ำใกล้ป่าถล่มลงในทันที
ครื่นนนนน ตูม ตูม
พลังรุนแรงจากสองฝ่ายเข้าปะทะกันกลางอากาศ น้ำในแม่น้ำพุ่งทะยานขึ้นสูงสู่ฟ้า
การปะทะกันระหว่างจ้าวเฟิงและโจรเถาชานเฟ่ยได้สร้างม่านน้ำสูงหลายหลาขึ้นสาดซัดออกไปทั่ว
นายท่านปี้ ฉานเซว่ตูอิง และคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ต่างอึ้งตะลึงอ้าปากค้าง
พลังที่จ้าวเฟิงใช้ออกในยามนี้เทียบเท่าได้กับขั้นมนุษย์แท้ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง
“ปราณครึ่งจิตวิญญาณและปราณแท้ทั่วไปนับว่าแตกต่างกันโดยแท้ พลังของมรดกอัสนีถูกใช้ออกจนถึงขีดสุดได้”
จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะ
แน่นอนว่าในการโจมตีเขาต้องหลอมรวมพลังสายเลือดเข้าไปเพื่อเพิ่มความรุนแรงของมัน
จะอย่างไร พลังของโจรเถาชานเฟ่ยเมื่อเทียบกับขั้นมนุษย์แท้ทั่วไปนับว่าแข็งแกร่งกว่าหลายเท่านัก
บอลอัสนี
ในฝ่ามือของจ้าวเฟิงได้หลอมรวมสายฟ้าเข้าเป็นก้อนกลม ความหนาแน่นของมันทำให้แรงระเบิดรุนแรงยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มส่งมันพุ่งไปยังโจรเถาชานเฟ่ย
โจรเถาชานเฟ่ยกัดฟันกรอดอย่างชิงชัง ตอบโต้การโจมตีไปหลายครั้งทว่ากลับไม่ส่งผลใดๆ
หากพูดถึงพลังโจมตีและวิธีในการโจมตีนั้น เขาที่มีพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาแน่นอนว่าย่อมความแข็งแกร่งกว่าจ้าวเฟิง
ทว่าสามปทุมของจ้าวเฟิงนั้นแข็งแกร่งในด้านการป้องกัน สามารถสกัดการโจมตีของเขาไว้ได้อย่างมั่นคง
ในสี่สมบัติสายธารจันทรา มูลค่าของสามปทุมอาจนับได้ว่าสูงที่สุด เหนือกว่าพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา
“น่าชังนักที่ข้ายังทำให้พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถายอมรับไม่ได้ ยามนี้จึงยังไม่อาจแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกไปได้”
พลังฝึกตนและพลังต่อสู้ของโจรเถาชานเฟ่ยเหนือกว่าขั้นมนุษย์แท้ทั่วไป แต่กลับไม่อาจทำอันใดต่อจ้าวเฟิงได้
เมื่อเขาใกล้สามปทุม จ้าวเฟิงก็จะปล่อยฉีเซียงง่วงงุนออกมา ทำให้เขายิ่งโจมตียิ่งเหนื่อยล้า
จ้าวเฟิงสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้คุ้นชินกับการใช้พลังของสามปทุมมากขึ้น
สามปทุมนั้นแม้ว่าจะไม่มีความสามารถการโจมตี แต่มีความสามารถในการป้องกัน หลบหลีก และสนับสนุนที่แข็งแกร่งสำหรับเขา
“แม้ว่าเขาจะมีพลังต่อสู้เทียบเท่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งยังใช้ความสามารถของสามปทุม ทำให้สามารถต่อกรกับโจรเถาชานเฟ่ยได้ แต่พลังฝึกตนของเขายังคงอยู่ที่ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ไม่อาจดูดซับไอสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว ย่อมไม่อาจต่อสู้ยืดเยื้อได้นานนัก”
นายท่านปี้เอ่ยด้วยท่าทีลังเล
พลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันจนสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีระดับพลังเหนือกว่าได้นั้น นับว่าเป็นสถานการณ์ที่หาได้ยากนัก ทว่ามันย่อมไม่อาจคงอยู่ได้นาน
แต่ว่า สถานการณ์ของจ้าวเฟิงค่อนข้างแปลกประหลาด
เด็กหนุ่มมีพลังสายเลือดเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ ดวงตาเทพเจ้ายังจับจ้องไปยังคู่ต่อสู้ เข้าใจในจุดอ่อนช่องว่างทั้งหมดของโจรเถาชานเฟ่ย
นี่ไม่ใช่สาเหตุสำคัญ
ในจุดตันเถียนของจ้าวเฟิงได้ผนึกแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้ของจอมโจรฉุ่ยเยว่เอาไว้ เมื่อปราณในจุดตันเถียนหมดไป มันจะปรากฏเศษเสี้ยวปราณจิตวิญญาณเจือจางแทรกซึมออกมา
ดังนั้นแล้ว ความทนทานของเด็กหนุ่มจึงเหนือกว่าที่คาดคิด
ในการต่อสู้นั้น กลับเป็นโจรเถาชานเฟ่ยผู้ได้รับผลจากฉีเซียงที่จิตใจค่อนข้างเหนื่อยล้า
“โอกาสนี้แหละ”
นัยน์ตาของจ้าวเฟิงส่องประกายเย็นเยียบ
ฟุ่บ
ประกายแสงงดงามของสามปทุมกลับกลายเป็นเงาสายหนึ่ง
จ้าวเฟิงเคลื่อนไหวไปอยู่เบื้องหน้าโจรเถาชานเฟ่ยอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ฉีเซียงง่วงงุนก็ยังคงแพร่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เจ้า…”
โจรเถาชานเฟ่ยที่เพียงเตรียมตัวตอบโต้พลันจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาสีฟ้าอ่อนเย็นเยียบ
จิตใจของชายหนุ่มพลันสั่นสะท้าน เขารีบดิ้นรนอย่างหนัก
พลังจิตแปลกประหลาดได้ล่อลวงจิตใจของเขาไป
หากเป็นยามปกติ ชายหนุ่มย่อมสามารถต่อต้านได้
ทว่าในขณะที่ต่อสู้ เขาได้ถูกฤทธิ์ของฉีเซียงง่วงงุน ทำให้จิตใจเหนื่อยล้า
จ้าวเฟิงที่อยู่ไม่ไกลใช้พลังดวงตาเทพเจ้า ดึงอีกฝ่ายเข้าไปยัง “คุกลวงตา” ตรงๆ
ท่ามกลางแผ่นน้ำแข็งสีฟ้าเย็นเยียบ
โจรเถาชานเฟ่ยถูกโซ่สายฟ้าสีเขียวครามเย็นยะเยือกมัดไว้
“เจ้า… เป็นไปได้อย่างไร…”
โจรเถาชานเฟ่ยดิ้นรน เผยความละลานกระวนกระวายออกมาในที่สุด
ด้วยพลังของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าที่พัฒนาขึ้นของจ้าวเฟิง เวลาสิบชั่วโมงที่นี่เทียบเท่าได้กับหนึ่งลมหายใจของภายนอก
โลกภายนอก
เวลาหนึ่งลมหายใจผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โจรเถาชานเฟ่ยดิ้นรนสุดขีด หลุดออกมาจากการคุมขังของ “คุกลวงตา” ได้ในที่สุด ท่าทีเหนื่อยล้าอย่างมาก
เปรี้ยะ
คมมีดสายฟ้าพุ่งวูบมายังร่างกายของเขา
“อ๊ากกกกกก”
โจรเถาชานเฟ่ยที่เพิ่งฟื้นคืนสติร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด
แขนขวาของเขาถูกจ้าวเฟิงตัดออก โลหิตสีสดพุ่งออกมาจากปากแผล
หนึ่งลมหายใจ ตัดสินแพ้ชนะ
ในยามนี้ จิตใจของโจรเถาชานเฟ่ยอ่อนแออย่างมาก สติเลื่อนลอย แขนขวาถูกตัดออก ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมาน
นายท่านปี้ ฉานเซว่ตูอิง และคนอื่นๆที่ดูอยู่ไม่ไกลต่างมองด้วยความหวาดผวาเกรงกลัว สูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้
“เด็กหนุ่มผู้นี่ น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว”
สองคนสบตากันคราหนึ่ง รู้สึกยินดีขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ที่ไม่เป็นศัตรูกับจ้าวเฟิงทว่าทำเพียงเฝ้ามองอยู่ด้านข้าง
นายท่านปี้นึกถึงคำสั่งเสียของจอมโจรฉุ่ยเยว่ที่ได้เตือนศิษย์ทั้งสองเอาไว้
ความหมายของจอมโจรฉุ่ยเยว่นั้นไม่เพียงแต่บอกว่าอย่าเป็นศัตรูกับเด็กหนุ่มผู้นี้ ถ้าเป็นไปได้จงเป็นข้ารับใช้ของเขาจึงจะนับว่าดี
สุดท้ายแล้ว โจรเถาชานเฟ่ยก็ได้พ่ายแพ้
“จอมโจรฉุ่ยเยว่ควรค่าแก่การถูกเรียกขานว่าเป้นบุคคลในตำนานเมื่อร้อยปีก่อนโดยแท้ สายตากว้างไกลและเฉียบแหลบยิ่งนัก”
นายท่านปี้อดที่ทอดถอนใจอย่างชื่นชมไม่ได้
ในยามนี้ เขายิ่งเข้าใจในคำสั่งเสียสุดท้ายของจอมโจรฉุ่ยเยว่มากขึ้น
“ไอ้หนู สำนักร้อยบุปผาไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่…”
น้ำเสียงโหยหวนของโจรเถาชานเฟ่ยดังก้อง ทะยานร่างหนีไปท่ามกลางหมู่เมฆ
เขาเสียแขนไปข้างหนึ่ง นำตัวสตรีชุดสีสดจางหายไปในความว่างเปล่า
สตรีชุดสีสดใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น นึกถึงคำสั่งเสียและแผนการแสนชาญฉลาดของผู้เป็นอาจารย์ คำแนะนำสุดท้ายนั่นเหตุใดจึงไม่เชื่อฟังกัน