Skip to content

King of Gods 300

King Of Gods

บทที่ 300 : ฉินหวางเฟยผู้ลึกลับ

“โจรเถาชานเฟ่ย” ผู้มากเล่ห์เสียแขนข้างหนึ่งก่อนหลบหนีไป

คำของจอมโจรฉุ่ยเยว่ยังคงดังอยู่ภายในหูของเขา “เจ้าสองคนอย่าคิดเป็นศัตรูกับเขาเด็ดขาด หากเจ้ายินยอมก็ไปเป็นข้ารับใช้ของเขาเสีย นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่อาจารย์จะแนะนำ”

ยามนี้ สตรีชุดสีสดรู้สึกเสียใจ

แม้จอมโจรฉุ่ยเยว่จะเสียชีวิตไปแล้ว ทว่าก็นับเป็นบุคลในตำนาน ท่องทะยานไปทั่วไปทั้งอาณาจักร สายตาและการตัดสินใจของเขานั้น มีหรือที่จะดูแคลนได้?

“ท่านอาจารย์นะท่านอาจารย์ ยามท่านยังอยู่ ข้ามักจะทำตามคำท่าน มิกล้าที่จะขัดคำสั่ง ทว่าท่านร่วงหล่นจากท้องนภาไปแล้วกว่าร้อยกว่าปี มายามนี้ต้องการให้ข้าตัดสินใจ ไปเป็นข้ารับใช้มัน? ฮ่า… น่าขันยิ่งนัก”

โจรเถาชานเฟ่ยได้รับความเสียหายอย่างมาก ทว่ากลับยังไม่เปลี่ยนความคิด

ในทางกลับกัน ชายหนุ่มกลับปรากฏท่าทีเกลียดแค้นชิงชัง เต็มไปด้วยความอำมหิต “รอให้ข้าทำให้พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถายอมรับได้ ใช้สิ่งที่ได้รับมาในครานี้บรรลุขั้นผู้วิเศษแท้ และกอบกู้สำนักร้อยบุปผา ความอับอายในครานี้ ครั้งหน้าข้าจะทวงคืนให้หมดสิ้น”

สตรีชุดสีสดอดที่จะเอ่ยขึ้นไม่ได้ “ศิษย์พี่จิ้น เราได้ครอบครองพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาแล้ว รวมทั้งสมบัติมีค่าที่ได้รับก็ไม่น้อย เหตุใดท่านจึงไม่ฟังคำของท่านอาจารย์เสียหน่อย อย่างน้อยก็อย่าไปเป็นศัตรูกับเขา”

“หึ พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถานั้นมีเพียงได้ครอบครองสามปทุมร่วม การป้องกันและการโจมตีจึงจะสมบูรณ์แบบ สมบัติที่ไอ้เด็กนั่นได้ครอบครองมีมูลค่าเหนือกว่าเราหลายเท่านัก ทั้งยังตัดแขนของข้าไปข้างหนึ่ง ความเคียดแค้นนี้จะฝังลึกจนสิ้นชีพ หากไม่ได้ชำระหนี้แค้นนี้ ปีศาจในจิตใจของข้าคงยากจะกำจัดได้”

สายตาเย็นเยียบโจรเถาชานเฟ่ยถูกความชิงชังกลบฝัง

แผนในการครอบครองสมบัติสายธารจันทราในครานี้ เขาได้วางแผนไว้อย่างระมดระวัง ครอบครองทุกโอกาสไว้ในกำมือ

ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเด็กหนุ่มไม่รู้ที่มาผู้หนึ่งทำลายลงจนหมดสิ้น

เขาจะได้ครอบครองถุงร้อยบุปผาในไม่ช้า สุดท้ายกลับถูกทำลายลงโดยเด็กนั่น

ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุด อาจารย์ด้านกับดักค่ายกลที่เขาจับตัวมา สุดท้ายยังถูกเด็กนั่นเอาตัวไป

สามปทุมที่มีมูลค่าสูงที่สุดก็ยังถูกไอ้เด็กนั่นแย่งไปจนได้

สุดท้าย กระทั่ง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ คัมภีร์วิชามารชั้นจิตวิญญาณ กลับถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตาทุกคนด้วยน้ำมือเด็กนั่น

ความเคียดแค้นชิงชังท่วมท้น แทบจะทำให้ใจของโจรเถาชานเฟ่ยปรากฏเงาปีศาจแห่งจิตใจขึ้น

หากไม่กำจัดเสี้ยนหนามในใจของเขาออกไป จิตใจของเขาคงยากที่จะสงบลงได้

สตรีชุดสีสดลอบถอนหายใจ ไม่เอ่ยคัดค้านต่อไปอีก

ตามแผนของโจรเถาชานเฟ่ย พวกเขานับว่าถือไพ่เหนือกว่าอย่างมากจริงๆ ทั้งหากอีกฝ่ายทำให้พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถายอมรับได้ ก็ยิ่งมีหวังที่จะบรรลุขั้นผู้วิเศษแท้ได้มากขึ้น

ทว่าสัญชาติญาณของสตรีได้บอกนางว่า แม้โอกาสสำเร็จของศิษย์พี่จิ้นจะดูมากนัก มันก็อาจจะล้มเหลวอีกครั้ง

จะอย่างไรก็ตาม ยามที่อยู่ในถ้ำสายธารจันทรา สถานการณ์ได้ดูเหมือนว่าโจรเถาชานเฟ่ยได้เปรียบกว่านัก ทว่าท้ายที่สุดกลับเป็นจ้าวเฟิงที่เหมือนจะอ่อนแอที่ได้รับชัยชนะไปในที่สุด

ริมฝั่งแม่น้ำใกล้ๆ

สายตาของจ้าวเฟิงมองตามร่างที่หนีไปของโจรเถาชานเฟ่ย จิตใจค่อนข้างเหนื่อยล้า ปราณแท้ถูกใช้ไปมากนัก

การต่อสู้เมื่อครู่ความจริงแล้วอันตรายมากนัก หากไม่ใช่เพราะแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้ และการสนับสนุนของ “สามปทุม” เขาก็คงไม่อาจที่จะตัดแขนของโจรเถาชานเฟ่ยได้

ทว่าการต่อสู่เมื่อครู่ เป็นจ้าวเฟิงที่ชนะอย่างขาดลอย

การที่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณต่อกรกับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงตรงๆ ทั้งยังตัดแขนอีกฝ่ายไปข้างหนึ่ง สร้างความสูญเสียอย่างหนัก แม้จะเป็นในอาณาจักรนภาที่ยิ่งใหญ่ก็ยากที่จะเกิดขึ้นนัก

ต้องรู้ว่าความแข็งแกร่งของโจรเถาชานเฟ่ยนั้น เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสหนึ่งแห่งสำนักจันทร์สลายแล้ว มีเพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่าไม่ด้อยกว่า

สามสวรรค์ของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง มนุษย์แท้ ผู้วิเศษแท้ และนายเหนือแท้

โจรเถาชานเฟ่ยได้อยู่ในขั้นสุดยอดของขั้นมนุษย์แท้แล้ว

ในสวรรค์ทั้งสามนั้น ภายในได้แบ่งออกเป็นขั้นเล็กๆ ที่สำคัญ

ตัวอย่างเช่น เพียงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจะนับเป็นมนุษย์แท้ขั้นต้น เมื่อพลังเริ่มมั่นคงมากขึ้นจะนับเป็นมนุษย์แท้ขั้นต่ำที่นับได้ว่าเป็นระดับเดียวกับผู้อาวุโสหยุนไห่

หากพัฒนามากยิ่งขึ้น ความเข้าใจลึกล้ำยิ่งขึ้น เช่นนั้นก็จะนับเป็นขั้นสูงและขั้นสุดยอด

ผู้อาวุโสหนึ่งแห่งสำนักจันทร์สลายนับว่าอยู่ในระหว่างมนุษย์แท้ขั้นสูงและขั้นสุดยอด

จ้าวเฟิงเอาชนะโจรเถาชานเฟ่ยได้เมื่อครู่นับว่าค่อนข้างเกินกำลังไปบ้าง แต่หากเป็นผู้อาวุโสหยุนไห่ที่มีพลังเพียงมนุษย์แท้ขั้นต่ำ เพียงใช้ดวงตาเทพเจ้ากวาดมองไปก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว

“ถ้าหากผู้อาวุโสหยุนไห่ไม่แข็งแกร่งขึ้น เพียงข้ากวาดมองก็เอาชนะเขาได้”

จ้าวเฟิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงผู้อยู่ในยุทธภพเหล่านั้น หากต้องการเขาก็สามารถจัดการได้

แน่นอนว่า

ด้วยพลังของจ้าวเฟิงในยามนี้ หากต้องการกลับไปยังสิบสามแคว้นและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของสำนักจันทร์สลาย ยังอาจนับได้ว่าไม่เพียงพออยู่บ้าง

กระทั่งวันนี้ ภารกิจส่งจดหมายของเขาก็ยังไม่สำเร็จ

“ทุกท่าน ข้าแซ่จ้าวคงต้องขอลา”

จ้าวเฟิงไม่ได้รั้งอยู่นาน ประสานมือคำนับนายท่านปี้ ปี้เฉี่ยวยู่ ฉานเซว่ตูอิง และคนอื่นๆ พร้อมเอ่ยลา

นายท่านปี้ ฉานเซว่ตูอิง และคนอื่นๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวลึกล้ำ

โจรเถาชานเฟ่ยที่พวกเขาร่วมมือกันต่อสู้กลับถูกเด็กหนุ่มผู้นี้เอาชนะได้ตรงๆ

“ขอให้น้องจ้าวเดินทางปลอดภัย บุญคุณความแค้นก่อนหน้าให้นับว่าหายกัน หากมีเวลาสามารถมาเยี่ยมเยียนป้อมเหิงฉุ่ยแห่งนี้ได้เสมอ”

“หากมีปัญหาใดๆ เจ้าสามารถมาขอความช่วยเหลือจากกลุ่มโจรสลัดโลหิตคลั่งได้”

นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ

ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงได้ทำให้พวกเขารู้สึกเลื่อมใสนับถือ

ปี้เฉี่ยวยู่กระโดดเบาๆ เอ่ยบอกลาอย่างร่าเริง กระทั่งเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าในฝันของนางเดินห่างออกไป สีหน้าจึงแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง

คนที่จากไปพร้อมจ้าวเฟิงคืออาจารย์เฮยหยุน

จ้าวเฟิงคิดว่าจะส่งอีกฝ่ายไปยังที่ปลอดภัย

“เจ้าจะไปยังเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภาหรือ? พวกเราไปทางเดียวกันพอดี ที่นั่นข้ามีสหายสนิทในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงอยู่ผู้หนึ่ง สามารถไปหลบภัยได้”

อาจารย์เฮยหยุนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

จ้าวเฟิงเก็บสามปทุมก่อนเรียกนางแอ่นมรกตออกมา บินไปยังท้องนภาอันกว้างใหญ่ไพศาล

ในถุงเก็บสัตว์วิเศษ แมวขโมยตัวน้อยยังคงหลับใหล บางทีอาจเป็นเพราะยามที่อยู่ในถ้ำสายธารจันทราได้กินยาวิเศษมากมายเข้าไป ทำให้ยังย่อยไม่หมดในทันที

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าแมวขโมยตัวน้อยได้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น

เด็กหนุ่มผู้สวมใส่ “เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ” ปิดเปลือกตานั่งขัดสมาธิ จิตใจสงบนิ่ง

ขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงมีมากพอ ในร่างกายมีแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้อยู่ ความรวดเร็วในการฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

การทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสำหรับเขาแล้วขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น อย่างเร็วสองเดือน หากช้าสุดก็ครึ่งปี

ยามที่ฝึกตนอยู่นั้น เด็กหนุ่มก็ได้จัดระเบียบสมบัติที่ได้มาจากถ้ำสายธารจันทราไปด้วย

“วารีเร้นลับ ยาซู่โช่ว แส้อสรพิษโลหิตลึกลับ… สามปทุม… เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ ยาร้อยหลอม ผลึกอู่หางลุ่ย…”

ด้วยสมบัติทรัพยากรที่มากมายได้ทำให้ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่มีค่ามากที่สุดย่อมเป็นสามปทุม เรื่องความสามารถของมันยิ่งไม่ต้องพูดถึง

รองลงมาก็คือแส้อสรพิษโลหิตลึกลับ เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ วารีเร้นลับ และสมบัติชั้นสูงอีกมากมาย

แส้อสรพิษโลหิตลึกลับนับเป็นอาวุธที่พิเศษ มันสามารถดูดกลืนโลหิตของผู้แข็งแกร่งเพื่อเพิ่มพลังความสามารถของตัวมันได้

เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ น้ำไฟไม่อาจกล้ำกราย แทบจะไม่สามารถถูกทำลายได้ เพียงแค่สวมใส่ ไม่จำเป็นต้องใช้ปราณแท้ก็สามารถป้องกันและดูดกลืนพลังโจมตีบางส่วนของคู่ต่อสู้ได้

วารีเร้นลับเพิ่มโอกาสในการทะลวงเข้าสู่ขั้นผู้วิเศษแท้

ผลึกอู่หางลุ่ยสามารถทำให้อาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับต่ำมีพลังเพิ่มขึ้นได้ครึ่งขั้น หากหลอมรวมกับวัสดุอื่นๆ กระทั่งสามารถพัฒนาเข้าสู่อาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับกลางได้

นอกจากนั้นยังมียาซู่โช่วและยาร้อยหลอมที่หาได้ยากยิ่ง

“ในมือของเจ้ามีสมบัติมากมายเพียงนี้ ยามเมื่อไปถึงอาณาจักรนภาแล้วเจ้าสามารถนำสิ่งที่เจ้าไม่อาจใช้ไปประมูลที่โรงประมูลได้ รับรองว่าขายได้ราคาดีเป็นแน่ ทว่าจอมโจรฉุ่ยเยว่เคยเป็นผู้ครอบครองสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นแล้วอย่าได้นำมันออกไปให้ผู้อื่นเห็นง่ายๆ จะดีกว่า จะอย่างไรสมบัติเหล่านี้ก็ถูกขโมยมาจากในวังหลวง”

อาจารย์เฮยหยุนเอ่ยเตือนด้วยรอยยิ้ม

ครั้งนี้ที่เขารอดมาได้เป็นเพราะเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว

จ้าวเฟิงดูแลเขาเป็นอย่างดี สิ่งของที่เขาไม่ได้ใช้ยังมอบให้กับตัวเขาเป็นการตอบแทน

“ก่อนหน้าได้ยินมาว่าเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภางดงามมีชีวิตชีวานัก มาครานี้ข้าคงได้พบเห็นอะไรดีๆ บ้าง”

ดวงตาของจ้าวเฟิงส่องเผยประกายความคาดหวังปรารถนา

เมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภามีราชวงศ์เป็นผู้ครอบครอง นอกจากนั้นอำนาจของเหล่าขั้วอำนาจตระกูลต่างๆ ล้วนซับซ้อนวุ่นวายนัก

อาจารย์เฮยหยุนลอบทดสอบ การที่จ้าวเฟิงมุ่งหน้าตรงมายังเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภาโดยไร้ซึ่งการลังเลครานี้ย่อมเกี่ยวข้องกับฉินหวางเฟยอย่างแน่นอน

ยามอยู่ในถ้ำสายธารจันทรา จ้าวเฟิงเคยพูดถึงคำสั่งเสียของจอมโจรฉุ่ยเยว่ที่เกี่ยวข้องกับฉินหวางเฟยขึ้นครั้งหนึ่ง

ความปรารถนาสุดท้ายของจอมโจรฉุ่ยเยว่คืออันใดกัน?

อาจารย์เฮยหยุนรู้สึกสงสัยยิ่งนัก

ทว่าชายชราไม่รู้ว่า ที่จ้าวเฟิงจำต้องไปเจอกับฉินหวางเฟยนั้นไม่เพียงเพราะความต้องการของจอมโจรฉุ่ยเยว่ ทว่าเป็นคำสัญญาที่มีต่อผู้เป็นอาจารย์ด้วย

เมื่อเริ่มเข้าใกล้จุดหมายปลายทาง จ้าวเฟิงได้ค้นพบว่าฉินหวางเฟยผู้นี้มีความน่าเคลือบแคลงสงสัยมากมาย ราวกับอยู่ในเมฆหมอก

เซียนผู้ละทางโลกผู้หนึ่งได้รับสตรีสามคนเป็นศิษย์ ศิษย์พี่ใหญ่ครอบครอง ‘หนทางแห่งโชคชะตา’ ศิษย์พี่รองครอบครอง ‘หนทางแห่งความเสน่หา’ ศิษย์คนที่สามครอบครอง ‘หนทางแห่งสำเนียง’

อาจารย์ของหลิวฉินซินคือศิษย์พี่ใหญ่ผู้ครอบครองหนทางแห่งโชคชะตา ผู้เป็นมารดาคือศิษย์คนที่สามผู้ครอบครองหนทางแห่งสำเนียง

บัดนี้

ศิษย์แห่งเซียนทั้งสามหลงเหลือเพียงผู้ที่ครอบครอง ‘หนทางแห่งความเสน่หา’

ฉินหวางเฟยผู้ลึกลับผู้นี้คือผู้ที่ได้กำจัดจอมโจรฉุ่ยเยว่ในอดีต

คำขอสุดท้ายของจอมโจรฉุ่ยเยว่ในสามปทุมเกี่ยวข้องกับฉินหวางเฟย

“ท่านอาจารย์ ท่านรู้เรื่องของฉินหวางเฟยมากน้อยเพียงใด?”

จ้าวเฟิงสำรวจ “แส้อสรพิษโลหิตลึกลับ” ไปพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น

“เฮ้อ ฉินหวางเฟยผู้นี้ข้าก็มิรู้จะเอ่ยเช่นไร บ้างบอกว่านางเป็นสตรีงดงาม ทว่านับเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง เป็นนางอสรพิษที่งดงามผู้ทำลายอำนาจแห่งราชวงศ์ บ้างก็พูดว่าความสามารถและสติปัญญาของนางจะทำให้ราชวงศ์รุ่งเรือง ทำให้อาณาจักรมั่นคง”

อาจารย์เฮยหยุนส่ายศีรษะ

จ้าวเฟิงไม่เอ่ยสิ่งใด

ตัวตนของฉินหวางเฟยผู้นี้เต็มไปด้วยความขัดแย้งยิ่งนัก นับเป็นบุคคลในตำนานอีกคนหนึ่งได้

ตัวอย่างเช่นผู้นำลัทธิมารจันทราชาด บางคนได้นับถือเลื่อมใสในความสำเร็จของเขาที่แทบจะสามารถรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง เป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัวตั้งแต่อดีตจนยามนี้ ทว่าบางคนก็ชิงชังเขาที่นำภัยพิบัติมาสู่ทวีป

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเกือบหนึ่งเดือนนี้ จ้าวเฟิงได้อยู่บนหลังของนางแอ่นมรกตเสียเป็นส่วนมาก

ความสามารถและวิธีการใช้แส้อสรพิษโลหิตลึกลับนั้น จ้าวเฟิงพอเข้าใจบ้างแล้ว

เด็กหนุ่มสวมใส่เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ รอบเอวปรากฏ “เข็มขัด” สีดำประกายเงินดูธรรมดาที่เข้ากันกับเสื้อคลุมนี้ ยากที่จะเห็นมันเป็นอาวุธชั้นจิตวิญญาณนัก

ด้วยพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงในยามนี้ ทั้งยังมีแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้ที่ถูกปิดผนึกไว้ ทำให้เขาสามารถใช้ ‘แส้อสรพิษโลหิตลึกลับ’ อาวุธชั้นจิตวิญญาณชิ้นนี้ได้ดั่งใจปรารถนา กระทั่งสามารถปลอมแปลงมันได้

พลังของอาวุธชั้นจิตวิญญาณนั้นไร้ที่ติ เพียงจ้าวเฟิงสะบัดแส้ลงคราหนึ่งก็สามารถทลายภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งลงได้

หากอยู่ในสิบสามแคว้น อาวุธชั้นจิตวิญญาณเช่นนี้ย่อมนับเป็นสมบัติล้ำค่ายอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งหลาย เช่นผู้อาวุโสหยุนไห่ก่อนหน้า ยังไม่เคยได้ครอบครองอาวุธชั้นจิตวิญญาณเช่นนี้

ทว่าอาวุธชั้นจิตวิญญาณในมือของจ้าวเฟิงมีมากมายนัก ส่วนมากเป็นอาวุธชั้นยอด แส้อสรพิษโลหิตลึกลับนี้นับเป็นของชั้นยอดเช่นกัน

เมื่อคิดถึงสมบัติที่ได้ครอบครอง เด็กหนุ่มก็รู้สึกสบายใจ

“ถึงแล้ว…”

จ้าวเฟิงนั่งนางแอ่นมรกตมาถึงบริเวณที่มีสัตว์วิเศษบินสวนไปมามากมาย

สายตาของเขามองไปยังสถานที่ห่างไกล เห็นชานเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ ขนาดของมันนั้นเมื่อเทียบกับเมืองหงหูนับว่าใหญ่กว่านับสิบเท่า

อาจารย์เฮยหยุนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง อันใดกัน ถึงแล้ว? เมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภาอยู่ห่างออกไปนับหลายพันลี้เชียวนะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!