บทที่ 327 : สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร
เมื่อยืนอยู่บนลานประลองนี้ จ้าวเฟิงก็รับรู้ได้ถึงภูมิปัญญาที่ตกผลึกของมัน วิชากลไกค่ายกลของมันนั้นเกินกว่าที่เขาจะสามารถทำความเข้าใจได้
ค่ายกลในรูปแบบแรงโน้มถ่วงนั้น แต่เดิมก็หายากลึกล้ำ เป็นพื้นที่พลังที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ
ภายใต้แรงโน้มถ่วงสิบเท่า ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเช่นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงกับความสามารถพลังทั้งหลายก็ยากจะใช้ออก ราวกับถูกมัดมือเท้าไว้
เป็นไปได้ว่าพลังความเร็วในจุดสูงสุดของคนผู้หนึ่งจะสามารถแสดงออกได้เพียงหนึ่งในสิบ ณ ลานประลองนี้
“ชื่อเสียงของหัวหน้าสาขาจ้าวเลื่องลือ ผู้น้อยเองก็ได้ยินมานานแล้ว วันนี้ได้รวบรวมความกล้า ต่อหน้าเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ในลัทธิโลหะเลือดนี้ ขอให้ท่านหัวหน้าสาขาชี้แนะสักหนึ่งหรือสองกระบวนท่า”
แม้ว่าเจียงซานเฟิงจะมีความโอหัง ทว่ามารยาทในฉากหน้าก็ยังต้องคงไว้ แม้ในใจจะไม่เต็มใจก็ตาม
“ทำเช่นที่เจ้าต้องการเถอะ”
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ท่าทีตามใจอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
เจียงซานเฟิงลอบเค้นเสียงอยู่ในใจ เด็กผู้หนึ่งที่กระทั่งขนยังไม่ขึ้น ทว่าทำราวกับตนเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่ง ทั้งน้ำเสียงการพูดจายังราวกับคุยกับผู้ที่อ่อนวัยกว่า
ท่าทีมีมารยาทเคารพนอบน้อมของเขาต่อจ้าวเฟิงนั้นเป็นเพียงการกระทำแบบผิวเผิน
การแย่งชิงตำแหน่งคัดเลือกรายชื่อล่วงหน้านั้น เขาต้องเป็นผู้ชนะ!
“ล่วงเกินท่านแล้ว”
ทั่วทั้งร่างของเจียนซานเฟิงส่องประกายสีทองบริสุทธิ์ราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างรุ่งโรจน์
ชุดต่อสู้ของเขาปรากฏแสงสีทองส่องสว่างอย่างทรงพลัง แม้ยังไม่ออกมือก็ได้ส่งปราณจิตวิญญาณที่เร่าร้อนออกมาทั่วทั้งลานประลอง
ฝ่ามืออัคคีพิโรธ!
ฝ่ามือของเจียงซานเฟิงฟาดลง ส่งปราณจิตวิญญาณออกเป็นเปลวเพลิงที่ซ้อนทับกัน สั่นสะท้านบรรยากาศในทิศทางที่แปลกประหลาด มุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิง
เปรี้ยงง ครืนน
ทั่วทั้งลานประลองสั่นสะท้านเล็กๆ ทั้งนี่ยังเป็นลานประลองในโถงหลักของลัทธิโลหะเลือด หากเป็นพื้นทั่วไป ภูเขาลูกเล็กๆ ก็คงราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว
รอบกายของจ้าวเฟิงท่วมท้นไปด้วยกลิ่นอายร้อนแรง ให้ความรู้สึกราวกับน้ำต้มเดือดกำลังโอบล้อม
โดยเฉพาะพลังของฝ่ามือของเจียงซานเฟิงที่มาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือน เปลี่ยนแปลงปราณเป็นดวงอาทิตย์ที่มองไม่เห็น สั่นสะท้านอวัยวะภายในสำคัญของคู่ต่อสู้
คู่ต่อสู้ในขั้นมนุษย์แท้ทั่วไป หากไม่เข้าใจถึงความนัยของกระบวนท่านี้ อวัยวะภายในอาจได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเจียงซานเฟิง ตายตกในพริบตาภายใต้แรงมหาศาลของดวงอาทิตย์ที่เผาไหม้นั้น
“เจียงซานเฟิง ความพัฒนาของเด็กนี่มินับว่าน้อย ‘คัมภีร์เพลิงอัสดง’ มีระดับสูงเพียงนี้ บางทีผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ทั่วไปอาจไม่สามารถรับมือเขาได้หลายกระบวนท่า”
“หลายปีมานี้ เขาได้เข้าสู่ขั้นมนุษย์แท้ระดับสุดยอด ความสามารถเทียบเคียงกับหัวหน้าสาขาได้”
เหล่าระดับสูงของลัทธิโลหะเลือด หลายคนรับรู้ถึงความสามารถของเจียงซานเฟิง อัจฉริยะผู้นี้และรู้สึกชื่นชม
ฟุ่บ เปรี้ยะ!
ในฝ่ามือของจ้าวเฟิงปรากฏตราอัสนีสีเขียวคราม แพร่กระจายออกเป็นตาข่ายซ้อนทับกันราวกับใยแมงมุมกระแสไฟฟ้า พุ่งตรงออกไปเบื้องหน้า
เปรี้ยง ตูม!
การโจมตีทั้งสองปะทะกัน สายฟ้าและเปลวเพลิงเข้าหลอมรวมกัน ปรากฏแรงระเบิดทรงพลังวงกว้าง เพียงพอที่จะปลิดชีพของผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงในพริบตาเดียว
รอบลานประลอง คลื่นสีน้ำเงินลึกล้ำราวกับมหาสมุทรได้กลืนกินพลังโจมตีของทั้งสองฝั่งเข้าไป ทว่ายังคงมั่นคงไร้ความสั่นไหว
“ค่ายกลที่ใช้พลังแห่งสายน้ำอันลึกล้ำ เสริมให้สามารถดูดซึมพลังโจมตีได้มากเป็นพิเศษ”
สายตาของจ้าวเฟิงกวาดมองค่ายกลรอบลานประลอง มันเหมือนกับมรดกธาราทมิฬของเป่ยม่อ ทว่ามีสำนึกรู้ที่ลึกล้ำกว่านั้น
ฟุ่บ!
การปะทะกันคราแรก จ้าวเฟิงโจมตีอย่างแยบยล หลบเลี่ยง ‘ฝ่ามืออัคคีพิโรธ’ ของเจียงซานเฟิงที่พยายามจะเผาไหม้อวัยวะภายในของตัวเขาไปได้
“โชคดีหรือ?”
ดวงตาทั้งสองข้างของเจียนซานเฟิงส่องประกายวูบ รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
‘ฝ่ามืออัคคีพิโรธ’ ของเขานั้น ด้วยทิศทางและแรงสั่นสะเทือนของมันจะสร้างพลังของดวงอาทิตย์ที่มองไม่เห็นขึ้น สั่นสะท้านอวัยวะภายในสำคัญของคู่ต่อสู้ ความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันได้
จ้าวเฟิงเคลื่อนไหวอย่างไม่ร้อนรน หลบเลี่ยงท่าไม้ตายของเขาไปได้
ในทางกลับกันเป็นเจียงซานเฟิงที่ถูกพลังของสายฟ้าส่วนหนึ่งทำให้ร่างกายชา
ในยามนี้จ้าวเฟิงท่าทีไม่ใส่ใจ ราวกับกำลังเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของค่ายกลของลานประลอง ทำให้ความโกรธของเจียนซานเฟิงพุ่งสูง
ในใจของตัวจ้าวเฟิงนั้น เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้แล้ว ตัวลานประลองยังนับว่าน่าสนใจกว่า
อาทิตย์เพลิงนภา!
เจียนซานเฟิงตวาดออกมาครั้งหนึ่งตามด้วยฝ่ามือ เปลวเพลิงรุนแรงส่องสว่างโชติช่วงหลายชั้นพุ่งออกไปยังอากาศ อากาศเหนือลานประลองได้ถูกอาบย้อมเป็นสีแดงเพลิง
ไอน้ำในอากาศได้ระเหยหายไปในเสี้ยววินาที
ฝ่ามือนี้มีอุณหภูมิที่สูงนัก เป็นแรงระเบิดของเปลวไฟที่บริสุทธิ์รุนแรง แม้อยากจะหลบก็มิอาจหลบได้
“อาทิตย์เพลิงนภาเป็นการโจมตีวงกว้าง พลังมากมายกว่า ดูสิว่าเจ้าจะหลบอย่างไร?”
ฝ่ามือที่วาดออกนี้ของเจียนซานเฟิงราวกับความกราดเกรี้ยวอันไร้ที่สิ้นสุด
ฟุ่บ!
ประกายสายฟ้าใต้ฝ่าเท้าของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านเล็กๆ ทั่วทั้งร่างพลันถูกโอบล้อมไปด้วยกระแสไฟฟ้า ราวกับภูตพรายที่จางหายไปท่ามกลางเปลวเพลิงที่คำรามก้อง
ไม่ถูกต้อง!
เด็กหนุ่มได้หลบเลี่ยงไปมาในรอยแยกของเปลวเพลิงเหล่านั้น
ฟุ่บ ฟุ่บ
ในยามนั้นเอง เงาร่างประกายอัสนีนั้นราวกับมัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางปะการังในห้วงมหาสมุทรลึก
เหล่าผู้ที่อยู่นอกลานประลอง คนระดับสูงบางคนของลัทธิโลหะเลือดดวงตาเบิกกว้าง
ท่ามกลางพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง เด็กหนุ่มผู้นั้นเหยียบย่างไปบนกระแสไฟฟ้า หลบเลี่ยงไปมาท่ามกลางเปลวเพลิง ใช้พลังเพียงน้อยนิดในการหลบการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของเจียงซานเฟิง
“ภายใต้แรงโน้มถ่วงสิบเท่า ทว่ายังสามารถแสดงความเร็วมากเพียงนั้นได้ ทั้งการเคลื่อนไหวยังคล่องแคล่วยิ่งนัก”
“สำนึกรู้แห่งอัสนีหลอมรวมเข้ากับการเคลื่อนไหว ไม่สิ ยังมีขอบเขตเจตจำนงแห่งภูตพราย เคลื่อนกายไร้ซึ่งร่องรอย”
เหล่าคนระดับสูงของลัทธิโลหะเลือดได้รับรู้ถึงประสบการณ์แปลกใหม่
จากมุมมองยามนี้ อย่างน้อยในด้านของความเร็วการเคลื่อนไหว จ้าวเฟิงนับว่าเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง
“เป็นไปได้อย่างไร ทุกเส้นทางการโจมตีของข้าถูกหลบเลี่ยงโดยเขาได้อย่างง่ายดาย”
สีหน้าของเจียงซานเฟิงแปรเปลี่ยนไปในที่สุด ใบหน้าปรากฏความเคร่งเครียดขึ้น
‘ฝ่ามืออัคคีพิโรธ’ ของเขามีพลังเผาไหม้จากความร้อนสูงสุด มีพลังระเบิดที่แข็งแกร่ง ทว่าก็ต้องเสียพลังมากเช่นกัน
หากเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงไม่จำเป็นต้องลงมือก็สามารถทำให้เขาใช้พลังจนหมดสิ้นได้
หอกอัสดงทะลวงใจ!
เจียนซานเฟิงสูดลมหายใจลึกคราหนึ่ง ฝ่ามือรวบรวมพลังเปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์กลายเป็น ‘หอกเพลิง’ คำรามก้อง ดึงดูดพลังเปลวเพลิงแห่งสวรรค์เข้า กลายเป็นเงาพร่าเลือนพุ่งตรงไปยังทรวงอกของจ้าวเฟิง
ความเร็วของหอกอัสดงทะลวงใจนั้นมากมายยิ่งนัก ความเร็วของมันที่ระเบิดขึ้นในเสี้ยววินาทีกระทั่งเร็วกว่าความเร็วของอาวุธระยะไกล
จ้าวเฟิงรู้สึกถึงความอันตรายเล็กๆ ในใจปรากฏความรู้สึกราวกับถูกแผดเผาอย่างอธิบายไม่ได้
ดาบอัสนี!
จ้าวเฟิงวาดมือออกข้างหนึ่ง ดาบสายฟ้ายาวครึ่งหลาฟาดฟันออกในเสี้ยววินาที ทันทีที่ดาบนั้นถูกฟันออก ‘หอกเพลิง’ ที่น่าหวาดกลัวก็ถูกตัดเป็นสองท่อน
“ไม่เพียงแค่การโจมตีและความเร็ว เด็กนี่กระทั่งความเร็วในการตอบสนองยังแข็งแกร่ง”
เจียงซานเฟิงรู้สึกถึงแรงกดดันอยู่ลึกๆ บนหน้าผากปรากฏหยาดเหงื่อขึ้น
วิชาของเขานั้นสอดคล้องกับปราณเปลวเพลิง โดดเด่นในด้านการโจมตี
ทว่าคู่ต่อสู้นั้นสามารถลงมือโจมตีในระดับเดียวกับเขาได้แต่ตัวเองกลับไม่เป็นอันใด คนที่มีความสามารถในการโจมตีเช่นนี้ มีสิ่งใดบ้างที่ไม่อาจทำได้
ฟุ่บ!
ร่างของจ้าวเฟิงพลันแยกออกเป็นสามร่างอย่างกะทันหัน
ทั้งสามคือเงาร่างอัสนีเฉกเช่นเดียวกัน พุ่งมาจากสามทิศทางตรงไปยังร่างของเจียงซานเฟิงอย่างพร้อมเพรียง
ความเร็วมากเกินไป! ลานประลองที่กว้างเพียงร้อยหลา เงาร่างอัสนีทั้งสามได้เข้าล้อมกรอบเจียงซานเฟิงในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะเริ่มโจมตี
“ทั้งสามเหมือนกัน”
จิตใจของเจียงซานเฟิงหนาวเยือก ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่อาจแยกแยะตัวจริงออกได้
คลื่นวงแหวนระเบิดอัสดง!
ปราณจิตวิญญาณทั่วทั้งร่างของเจียงซานเฟิงสั่นกระเพื่อม ระเบิดคลื่นเปลวเพลิงรุนแรงออก เพียงพอที่จะทำให้พื้นของตำหนักถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“เจียงซานเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ทั้งยังถูกกดดันตั้งแต่เริ่มจนจบ ทำได้เพียงตั้งรับ”
สตรีผมขาวผู้อาวุโสคุมกฎสั่นศีรษะ ทอดถอนใจเบาๆ
“จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้พลังมากมาย ทว่ากลับสามารถไล่ต้อนให้เจียงซานเฟิงเสียปราณจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลในการใช้กระบวนท่าโจมตีแต่ละครั้ง”
ผู้ดูแลในชุดโบราณผงกศีรษะเล็กๆ
เปรี้ยง!
เงาร่างอัสนีทั้งสามพลันลงมือโจมตี ทะลวงผ่านทำลายชั้นเปลวเพลิงชั้นแล้วชั้นเล่า
เปรี้ยง!
มุมปากของเจียงซานเฟิงพลันปรากฏโลหิตสายหนึ่ง เห็นด้วยตาตนเองว่าเงาร่างอัสนีสองร่างจางหายไป ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตะลึง “เงาทั้งสามสามารถโจมตีได้!”
ที่แท้
จ้าวเฟิงได้ใช้ความสามารถลับของผ้าคลุมเงาหยิน ‘ร่างเงา’
เมื่อพลังฝึกตนบรรลุถึงขอบเขตหนึ่ง ร่างเงาที่สร้างขึ้นจากผ้าคลุมเงาหยินไม่เพียงจะสร้างความงุนงงให้แก่คู่ต่อสู้ ทว่าสามารถโจมตีได้ในระดับหนึ่ง
ยามนี้ จ้าวเฟิงเพียงแค่ทดลองดูเท่านั้น
“ในมือของจ้าวเฟิงมีสมบัติชั้นยอดมากมาย น่าเสียดายที่เจียงซานเฟิงเองก็ยังไม่อาจพิสูจน์ถึงความสามารถที่แท้จริงของสายเลือดดวงตาของเขาได้”
บุรุษเรือนผมสีเลือด เถี่ยหมัว รู้สึกเสียดายเล็กๆ
ความจริงนั้นคือเขารู้สึกสนใจในสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิง
กรงเล็บอัสนี!
จ้าวเฟิงลอยอยู่กลางอากาศในตำแหน่งควบคุม วาดกรงเล็บออก ปรากฏเป็นกรงเล็บสายฟ้าขนาดใหญ่หลายฟุต ภายในเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าเคลื่อนไหวไปมา
ไม่ดีแล้ว!
ร่างของเจียงซานเฟิงเพิ่งจะหยุดลง รับรู้ได้ถึงพลังสายฟ้ารุนแรงที่โจมตีมา ปราณแท้ทั่วทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านเล็กๆ กระทั่งไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้ด้วยความหนึบชา
พลังของกรงเล็บอัสนีนั่นไม่เพียงแค่พลังที่น่าพรั่นพรึง กระทั่งตายยังอาจคิดว่าเพียงนอนหลับไป
เจียงซานเฟิงไม่อาจหลบหลีกได้ ฝ่ามือปะทะเข้ากับการโจมตีของคู่ต่อสู้อย่างไม่เต็มใจ กรงเล็บอัสนีนั้นโจมตีอย่างรุนแรง ราวกับนกฮูกที่จู่โจมมุสิก
เปรี้ยง
เจียงซานเฟิงถูกพลังที่น่าตื่นตะลึงของเล็บนั้นฟาดลงหน้าไถพื้น ใบหน้าและผมไหม้ดำ
ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นคือ หลังจากที่กรงเล็บอัสนีผลักเขาลงไปกองกับพื้นแล้วกลับไม่ได้ระเบิดออก ทว่าได้จางหายไปในเสี้ยววินาทีแทน
เฮ้อ!
คนระดับสูงของลัทธิโลหะเลือดบางคนถอนหายใจโล่งอกออกมาเล็กๆ
หากเมื่อครู่กรงเล็บนั้นระเบิดออกอาจทำให้เจียงซานเฟิงได้รับความเสียหายอย่างมากได้
เป็นเรื่องดีที่ ‘กรงเล็บอัสนี’ ของจ้าวเฟิงนั้นสามารถสร้างและสลายได้ตามใจชอบ
“เจ้าปล่อยให้ข้าชนะแล้ว”
จ้าวเฟิงมองไปยังร่างหนึบชาบนพื้นของเจียงซานเฟิง แย้มยิ้มเยือกเย็นออกมาก่อนจะพลิ้วกายจากไป
“ท่านหัวหน้าสาขาพลังมีความแข็งแกร่งเป็นหนึ่งข้าน้อยรู้สึกละอายในความต่ำต้อยนี้นัก”
เจียงซานเฟิงค่อยๆ ฝืนตัวเองให้ยืนขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย
ในยามนี้เขาจึงได้เข้าใจในที่สุดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ ครั้งหนึ่งเคยจับฉินหวางเฟยเป็นตัวประกันต่อหน้าผู้คน เอาชนะเทียนหยุนจือ ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าสาขา ครอบครองพื้นที่ทั้งพันธาราได้นั้น อีกฝ่ายย่อมมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม
สิ่งที่ทำให้เขาไร้ซึ่งคำพูดมากที่สุดคือเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างน้อยก็เยาว์วัยกว่าเขาหลายสิบขวบปีนัก
ข้อจำกัดอายุของงานชุมนุมเซียนมังกรคือไม่เกิน 50 ปี ดังนั้นแล้วเจียงซานเฟิงที่อายุเพียงยี่สิบสามสิบปีจึงสามารถเข้าร่วมได้
“ยอดเยี่ยม!”
บุรุษเรือนผมสีเลือด เถี่ยหมัว เอ่ยขึ้นพร้อมปรบมือ แม้ว่าจะไม่ได้รับรู้ถึงความสามารถของดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง ทว่ากระบวนท่าสุดท้าย ‘กรงเล็บอัสนี’ มีพลังทำลายล้างสูงนัก บางทีผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขั้นผู้วิเศษแท้คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรับมือได้
“จ้าวเฟิงผู้นี้ อายุเพียง 16-17 ปี ทว่ามีพลังสถานะเพียงนี้ อนาคตของเขานับว่าไม่อาจประเมินได้”
“บางทีงานชุมนุมเซียนมังกรครานี้อาจจะติดหนึ่งในร้อย นับว่ามีหวังในการเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งทวีปยิ่งนัก”
เหล่าคนระดับสูงของลัทธิโลหะเลือดอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ พูดคุยกันอย่างไร้ข้อคัดค้าน
ด้วยพลังของจ้าวเฟิงทำให้ทุกคนยอมรับและได้ครอบครอบตำแหน่งรายชื่อคัดเลือกล่วงหน้าไป
คนหลายคนรู้สึกยินดียิ่งนัก รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกรเช่นตงเซว่
มีเพียงเตี๋ยเย่ที่ไม่แปลกใจ นางได้ปกป้องจ้าวเฟิงอยู่ข้างกายและเข้าใจถึงพลังที่แท้จริงของหัวหน้าสาขาเป็นอย่างดี ที่เผยออกมาในวันนี้เป็นเพียงปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
หลังจากตำแหน่งรายชื่อคัดเลือกล่วงหน้าแน่นอนแล้ว จ้าวเฟิง เจียงซานเฟิง เตี๋ยเย่ และตงเซว่จึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงหลังจากที่เตรียมตัวอยู่หลายวัน
“หัวหน้าสาขาจ้าว พลังของท่านได้ทำให้ข้าชื่นชมนัก ไม่แปลกใจเลยที่กระทั่งเทียนหยุนจือยังพ่ายแพ้ให้แก่ท่าน แม้กวาดมองทั่วทั้งอาณาจักรนภา มีเพียง ‘จินไท่จือ’ ที่อาจนับได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังของท่าน”
เจียงซานเฟิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“จินไท่จือ? เขาแข็งแกร่งมากหรือ?”
จ้าวเฟิงเผยความสนใจออกมา
“พลังฝึกตนของจินไท่จือผู้นี้สูงถึงขั้นมนุษย์แท้ระดับสุดยอด เป็นดาราอันดับหนึ่งของอาณาจักร งานชุมนุมเซียนมังกรคราก่อนติดหนึ่งในร้อย พลังสายเลือดของเขาเป็นที่เลื่องลือกันว่าแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร!”