Skip to content

King of Gods 327

King Of Gods

บทที่ 327 : สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร

เมื่อยืนอยู่บนลานประลองนี้ จ้าวเฟิงก็รับรู้ได้ถึงภูมิปัญญาที่ตกผลึกของมัน วิชากลไกค่ายกลของมันนั้นเกินกว่าที่เขาจะสามารถทำความเข้าใจได้

ค่ายกลในรูปแบบแรงโน้มถ่วงนั้น แต่เดิมก็หายากลึกล้ำ เป็นพื้นที่พลังที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ

ภายใต้แรงโน้มถ่วงสิบเท่า ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเช่นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงกับความสามารถพลังทั้งหลายก็ยากจะใช้ออก ราวกับถูกมัดมือเท้าไว้

เป็นไปได้ว่าพลังความเร็วในจุดสูงสุดของคนผู้หนึ่งจะสามารถแสดงออกได้เพียงหนึ่งในสิบ ณ ลานประลองนี้

“ชื่อเสียงของหัวหน้าสาขาจ้าวเลื่องลือ ผู้น้อยเองก็ได้ยินมานานแล้ว วันนี้ได้รวบรวมความกล้า ต่อหน้าเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ในลัทธิโลหะเลือดนี้ ขอให้ท่านหัวหน้าสาขาชี้แนะสักหนึ่งหรือสองกระบวนท่า”

แม้ว่าเจียงซานเฟิงจะมีความโอหัง ทว่ามารยาทในฉากหน้าก็ยังต้องคงไว้ แม้ในใจจะไม่เต็มใจก็ตาม

“ทำเช่นที่เจ้าต้องการเถอะ”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ท่าทีตามใจอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

เจียงซานเฟิงลอบเค้นเสียงอยู่ในใจ เด็กผู้หนึ่งที่กระทั่งขนยังไม่ขึ้น ทว่าทำราวกับตนเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่ง ทั้งน้ำเสียงการพูดจายังราวกับคุยกับผู้ที่อ่อนวัยกว่า

ท่าทีมีมารยาทเคารพนอบน้อมของเขาต่อจ้าวเฟิงนั้นเป็นเพียงการกระทำแบบผิวเผิน

การแย่งชิงตำแหน่งคัดเลือกรายชื่อล่วงหน้านั้น เขาต้องเป็นผู้ชนะ!

“ล่วงเกินท่านแล้ว”

ทั่วทั้งร่างของเจียนซานเฟิงส่องประกายสีทองบริสุทธิ์ราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างรุ่งโรจน์

ชุดต่อสู้ของเขาปรากฏแสงสีทองส่องสว่างอย่างทรงพลัง แม้ยังไม่ออกมือก็ได้ส่งปราณจิตวิญญาณที่เร่าร้อนออกมาทั่วทั้งลานประลอง

ฝ่ามืออัคคีพิโรธ!

ฝ่ามือของเจียงซานเฟิงฟาดลง ส่งปราณจิตวิญญาณออกเป็นเปลวเพลิงที่ซ้อนทับกัน สั่นสะท้านบรรยากาศในทิศทางที่แปลกประหลาด มุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิง

เปรี้ยงง ครืนน

ทั่วทั้งลานประลองสั่นสะท้านเล็กๆ ทั้งนี่ยังเป็นลานประลองในโถงหลักของลัทธิโลหะเลือด หากเป็นพื้นทั่วไป ภูเขาลูกเล็กๆ ก็คงราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว

รอบกายของจ้าวเฟิงท่วมท้นไปด้วยกลิ่นอายร้อนแรง ให้ความรู้สึกราวกับน้ำต้มเดือดกำลังโอบล้อม

โดยเฉพาะพลังของฝ่ามือของเจียงซานเฟิงที่มาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือน เปลี่ยนแปลงปราณเป็นดวงอาทิตย์ที่มองไม่เห็น สั่นสะท้านอวัยวะภายในสำคัญของคู่ต่อสู้

คู่ต่อสู้ในขั้นมนุษย์แท้ทั่วไป หากไม่เข้าใจถึงความนัยของกระบวนท่านี้ อวัยวะภายในอาจได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเจียงซานเฟิง ตายตกในพริบตาภายใต้แรงมหาศาลของดวงอาทิตย์ที่เผาไหม้นั้น

“เจียงซานเฟิง ความพัฒนาของเด็กนี่มินับว่าน้อย ‘คัมภีร์เพลิงอัสดง’ มีระดับสูงเพียงนี้ บางทีผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ทั่วไปอาจไม่สามารถรับมือเขาได้หลายกระบวนท่า”

“หลายปีมานี้ เขาได้เข้าสู่ขั้นมนุษย์แท้ระดับสุดยอด ความสามารถเทียบเคียงกับหัวหน้าสาขาได้”

เหล่าระดับสูงของลัทธิโลหะเลือด หลายคนรับรู้ถึงความสามารถของเจียงซานเฟิง อัจฉริยะผู้นี้และรู้สึกชื่นชม

ฟุ่บ เปรี้ยะ!

ในฝ่ามือของจ้าวเฟิงปรากฏตราอัสนีสีเขียวคราม แพร่กระจายออกเป็นตาข่ายซ้อนทับกันราวกับใยแมงมุมกระแสไฟฟ้า พุ่งตรงออกไปเบื้องหน้า

เปรี้ยง ตูม!

การโจมตีทั้งสองปะทะกัน สายฟ้าและเปลวเพลิงเข้าหลอมรวมกัน ปรากฏแรงระเบิดทรงพลังวงกว้าง เพียงพอที่จะปลิดชีพของผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงในพริบตาเดียว

รอบลานประลอง คลื่นสีน้ำเงินลึกล้ำราวกับมหาสมุทรได้กลืนกินพลังโจมตีของทั้งสองฝั่งเข้าไป ทว่ายังคงมั่นคงไร้ความสั่นไหว

“ค่ายกลที่ใช้พลังแห่งสายน้ำอันลึกล้ำ เสริมให้สามารถดูดซึมพลังโจมตีได้มากเป็นพิเศษ”

สายตาของจ้าวเฟิงกวาดมองค่ายกลรอบลานประลอง มันเหมือนกับมรดกธาราทมิฬของเป่ยม่อ ทว่ามีสำนึกรู้ที่ลึกล้ำกว่านั้น

ฟุ่บ!

การปะทะกันคราแรก จ้าวเฟิงโจมตีอย่างแยบยล หลบเลี่ยง ‘ฝ่ามืออัคคีพิโรธ’ ของเจียงซานเฟิงที่พยายามจะเผาไหม้อวัยวะภายในของตัวเขาไปได้

“โชคดีหรือ?”

ดวงตาทั้งสองข้างของเจียนซานเฟิงส่องประกายวูบ รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง

‘ฝ่ามืออัคคีพิโรธ’ ของเขานั้น ด้วยทิศทางและแรงสั่นสะเทือนของมันจะสร้างพลังของดวงอาทิตย์ที่มองไม่เห็นขึ้น สั่นสะท้านอวัยวะภายในสำคัญของคู่ต่อสู้ ความจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันได้

จ้าวเฟิงเคลื่อนไหวอย่างไม่ร้อนรน หลบเลี่ยงท่าไม้ตายของเขาไปได้

ในทางกลับกันเป็นเจียงซานเฟิงที่ถูกพลังของสายฟ้าส่วนหนึ่งทำให้ร่างกายชา

ในยามนี้จ้าวเฟิงท่าทีไม่ใส่ใจ ราวกับกำลังเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของค่ายกลของลานประลอง ทำให้ความโกรธของเจียนซานเฟิงพุ่งสูง

ในใจของตัวจ้าวเฟิงนั้น เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้แล้ว ตัวลานประลองยังนับว่าน่าสนใจกว่า

อาทิตย์เพลิงนภา!

เจียนซานเฟิงตวาดออกมาครั้งหนึ่งตามด้วยฝ่ามือ เปลวเพลิงรุนแรงส่องสว่างโชติช่วงหลายชั้นพุ่งออกไปยังอากาศ อากาศเหนือลานประลองได้ถูกอาบย้อมเป็นสีแดงเพลิง

ไอน้ำในอากาศได้ระเหยหายไปในเสี้ยววินาที

ฝ่ามือนี้มีอุณหภูมิที่สูงนัก เป็นแรงระเบิดของเปลวไฟที่บริสุทธิ์รุนแรง แม้อยากจะหลบก็มิอาจหลบได้

“อาทิตย์เพลิงนภาเป็นการโจมตีวงกว้าง พลังมากมายกว่า ดูสิว่าเจ้าจะหลบอย่างไร?”

ฝ่ามือที่วาดออกนี้ของเจียนซานเฟิงราวกับความกราดเกรี้ยวอันไร้ที่สิ้นสุด

ฟุ่บ!

ประกายสายฟ้าใต้ฝ่าเท้าของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านเล็กๆ ทั่วทั้งร่างพลันถูกโอบล้อมไปด้วยกระแสไฟฟ้า ราวกับภูตพรายที่จางหายไปท่ามกลางเปลวเพลิงที่คำรามก้อง

ไม่ถูกต้อง!

เด็กหนุ่มได้หลบเลี่ยงไปมาในรอยแยกของเปลวเพลิงเหล่านั้น

ฟุ่บ ฟุ่บ

ในยามนั้นเอง เงาร่างประกายอัสนีนั้นราวกับมัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางปะการังในห้วงมหาสมุทรลึก

เหล่าผู้ที่อยู่นอกลานประลอง คนระดับสูงบางคนของลัทธิโลหะเลือดดวงตาเบิกกว้าง

ท่ามกลางพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง เด็กหนุ่มผู้นั้นเหยียบย่างไปบนกระแสไฟฟ้า หลบเลี่ยงไปมาท่ามกลางเปลวเพลิง ใช้พลังเพียงน้อยนิดในการหลบการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของเจียงซานเฟิง

“ภายใต้แรงโน้มถ่วงสิบเท่า ทว่ายังสามารถแสดงความเร็วมากเพียงนั้นได้ ทั้งการเคลื่อนไหวยังคล่องแคล่วยิ่งนัก”

“สำนึกรู้แห่งอัสนีหลอมรวมเข้ากับการเคลื่อนไหว ไม่สิ ยังมีขอบเขตเจตจำนงแห่งภูตพราย เคลื่อนกายไร้ซึ่งร่องรอย”

เหล่าคนระดับสูงของลัทธิโลหะเลือดได้รับรู้ถึงประสบการณ์แปลกใหม่

จากมุมมองยามนี้ อย่างน้อยในด้านของความเร็วการเคลื่อนไหว จ้าวเฟิงนับว่าเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง

“เป็นไปได้อย่างไร ทุกเส้นทางการโจมตีของข้าถูกหลบเลี่ยงโดยเขาได้อย่างง่ายดาย”

สีหน้าของเจียงซานเฟิงแปรเปลี่ยนไปในที่สุด ใบหน้าปรากฏความเคร่งเครียดขึ้น

‘ฝ่ามืออัคคีพิโรธ’ ของเขามีพลังเผาไหม้จากความร้อนสูงสุด มีพลังระเบิดที่แข็งแกร่ง ทว่าก็ต้องเสียพลังมากเช่นกัน

หากเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงไม่จำเป็นต้องลงมือก็สามารถทำให้เขาใช้พลังจนหมดสิ้นได้

หอกอัสดงทะลวงใจ!

เจียนซานเฟิงสูดลมหายใจลึกคราหนึ่ง ฝ่ามือรวบรวมพลังเปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์กลายเป็น ‘หอกเพลิง’ คำรามก้อง ดึงดูดพลังเปลวเพลิงแห่งสวรรค์เข้า กลายเป็นเงาพร่าเลือนพุ่งตรงไปยังทรวงอกของจ้าวเฟิง

ความเร็วของหอกอัสดงทะลวงใจนั้นมากมายยิ่งนัก ความเร็วของมันที่ระเบิดขึ้นในเสี้ยววินาทีกระทั่งเร็วกว่าความเร็วของอาวุธระยะไกล

จ้าวเฟิงรู้สึกถึงความอันตรายเล็กๆ ในใจปรากฏความรู้สึกราวกับถูกแผดเผาอย่างอธิบายไม่ได้

ดาบอัสนี!

จ้าวเฟิงวาดมือออกข้างหนึ่ง ดาบสายฟ้ายาวครึ่งหลาฟาดฟันออกในเสี้ยววินาที ทันทีที่ดาบนั้นถูกฟันออก ‘หอกเพลิง’ ที่น่าหวาดกลัวก็ถูกตัดเป็นสองท่อน

“ไม่เพียงแค่การโจมตีและความเร็ว เด็กนี่กระทั่งความเร็วในการตอบสนองยังแข็งแกร่ง”

เจียงซานเฟิงรู้สึกถึงแรงกดดันอยู่ลึกๆ บนหน้าผากปรากฏหยาดเหงื่อขึ้น

วิชาของเขานั้นสอดคล้องกับปราณเปลวเพลิง โดดเด่นในด้านการโจมตี

ทว่าคู่ต่อสู้นั้นสามารถลงมือโจมตีในระดับเดียวกับเขาได้แต่ตัวเองกลับไม่เป็นอันใด คนที่มีความสามารถในการโจมตีเช่นนี้ มีสิ่งใดบ้างที่ไม่อาจทำได้

ฟุ่บ!

ร่างของจ้าวเฟิงพลันแยกออกเป็นสามร่างอย่างกะทันหัน

ทั้งสามคือเงาร่างอัสนีเฉกเช่นเดียวกัน พุ่งมาจากสามทิศทางตรงไปยังร่างของเจียงซานเฟิงอย่างพร้อมเพรียง

ความเร็วมากเกินไป! ลานประลองที่กว้างเพียงร้อยหลา เงาร่างอัสนีทั้งสามได้เข้าล้อมกรอบเจียงซานเฟิงในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะเริ่มโจมตี

“ทั้งสามเหมือนกัน”

จิตใจของเจียงซานเฟิงหนาวเยือก ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่อาจแยกแยะตัวจริงออกได้

คลื่นวงแหวนระเบิดอัสดง!

ปราณจิตวิญญาณทั่วทั้งร่างของเจียงซานเฟิงสั่นกระเพื่อม ระเบิดคลื่นเปลวเพลิงรุนแรงออก เพียงพอที่จะทำให้พื้นของตำหนักถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

“เจียงซานเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ทั้งยังถูกกดดันตั้งแต่เริ่มจนจบ ทำได้เพียงตั้งรับ”

สตรีผมขาวผู้อาวุโสคุมกฎสั่นศีรษะ ทอดถอนใจเบาๆ

“จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้พลังมากมาย ทว่ากลับสามารถไล่ต้อนให้เจียงซานเฟิงเสียปราณจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลในการใช้กระบวนท่าโจมตีแต่ละครั้ง”

ผู้ดูแลในชุดโบราณผงกศีรษะเล็กๆ

เปรี้ยง!

เงาร่างอัสนีทั้งสามพลันลงมือโจมตี ทะลวงผ่านทำลายชั้นเปลวเพลิงชั้นแล้วชั้นเล่า

เปรี้ยง!

มุมปากของเจียงซานเฟิงพลันปรากฏโลหิตสายหนึ่ง เห็นด้วยตาตนเองว่าเงาร่างอัสนีสองร่างจางหายไป ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตะลึง “เงาทั้งสามสามารถโจมตีได้!”

ที่แท้

จ้าวเฟิงได้ใช้ความสามารถลับของผ้าคลุมเงาหยิน ‘ร่างเงา’

เมื่อพลังฝึกตนบรรลุถึงขอบเขตหนึ่ง ร่างเงาที่สร้างขึ้นจากผ้าคลุมเงาหยินไม่เพียงจะสร้างความงุนงงให้แก่คู่ต่อสู้ ทว่าสามารถโจมตีได้ในระดับหนึ่ง

ยามนี้ จ้าวเฟิงเพียงแค่ทดลองดูเท่านั้น

“ในมือของจ้าวเฟิงมีสมบัติชั้นยอดมากมาย น่าเสียดายที่เจียงซานเฟิงเองก็ยังไม่อาจพิสูจน์ถึงความสามารถที่แท้จริงของสายเลือดดวงตาของเขาได้”

บุรุษเรือนผมสีเลือด เถี่ยหมัว รู้สึกเสียดายเล็กๆ

ความจริงนั้นคือเขารู้สึกสนใจในสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิง

กรงเล็บอัสนี!

จ้าวเฟิงลอยอยู่กลางอากาศในตำแหน่งควบคุม วาดกรงเล็บออก ปรากฏเป็นกรงเล็บสายฟ้าขนาดใหญ่หลายฟุต ภายในเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าเคลื่อนไหวไปมา

ไม่ดีแล้ว!

ร่างของเจียงซานเฟิงเพิ่งจะหยุดลง รับรู้ได้ถึงพลังสายฟ้ารุนแรงที่โจมตีมา ปราณแท้ทั่วทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านเล็กๆ กระทั่งไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้ด้วยความหนึบชา

พลังของกรงเล็บอัสนีนั่นไม่เพียงแค่พลังที่น่าพรั่นพรึง กระทั่งตายยังอาจคิดว่าเพียงนอนหลับไป

เจียงซานเฟิงไม่อาจหลบหลีกได้ ฝ่ามือปะทะเข้ากับการโจมตีของคู่ต่อสู้อย่างไม่เต็มใจ กรงเล็บอัสนีนั้นโจมตีอย่างรุนแรง ราวกับนกฮูกที่จู่โจมมุสิก

เปรี้ยง

เจียงซานเฟิงถูกพลังที่น่าตื่นตะลึงของเล็บนั้นฟาดลงหน้าไถพื้น ใบหน้าและผมไหม้ดำ

ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นคือ หลังจากที่กรงเล็บอัสนีผลักเขาลงไปกองกับพื้นแล้วกลับไม่ได้ระเบิดออก ทว่าได้จางหายไปในเสี้ยววินาทีแทน

เฮ้อ!

คนระดับสูงของลัทธิโลหะเลือดบางคนถอนหายใจโล่งอกออกมาเล็กๆ

หากเมื่อครู่กรงเล็บนั้นระเบิดออกอาจทำให้เจียงซานเฟิงได้รับความเสียหายอย่างมากได้

เป็นเรื่องดีที่ ‘กรงเล็บอัสนี’ ของจ้าวเฟิงนั้นสามารถสร้างและสลายได้ตามใจชอบ

“เจ้าปล่อยให้ข้าชนะแล้ว”

จ้าวเฟิงมองไปยังร่างหนึบชาบนพื้นของเจียงซานเฟิง แย้มยิ้มเยือกเย็นออกมาก่อนจะพลิ้วกายจากไป

“ท่านหัวหน้าสาขาพลังมีความแข็งแกร่งเป็นหนึ่งข้าน้อยรู้สึกละอายในความต่ำต้อยนี้นัก”

เจียงซานเฟิงค่อยๆ ฝืนตัวเองให้ยืนขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย

ในยามนี้เขาจึงได้เข้าใจในที่สุดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ ครั้งหนึ่งเคยจับฉินหวางเฟยเป็นตัวประกันต่อหน้าผู้คน เอาชนะเทียนหยุนจือ ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าสาขา ครอบครองพื้นที่ทั้งพันธาราได้นั้น อีกฝ่ายย่อมมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม

สิ่งที่ทำให้เขาไร้ซึ่งคำพูดมากที่สุดคือเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างน้อยก็เยาว์วัยกว่าเขาหลายสิบขวบปีนัก

ข้อจำกัดอายุของงานชุมนุมเซียนมังกรคือไม่เกิน 50 ปี ดังนั้นแล้วเจียงซานเฟิงที่อายุเพียงยี่สิบสามสิบปีจึงสามารถเข้าร่วมได้

“ยอดเยี่ยม!”

บุรุษเรือนผมสีเลือด เถี่ยหมัว เอ่ยขึ้นพร้อมปรบมือ แม้ว่าจะไม่ได้รับรู้ถึงความสามารถของดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง ทว่ากระบวนท่าสุดท้าย ‘กรงเล็บอัสนี’ มีพลังทำลายล้างสูงนัก บางทีผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขั้นผู้วิเศษแท้คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรับมือได้

“จ้าวเฟิงผู้นี้ อายุเพียง 16-17 ปี ทว่ามีพลังสถานะเพียงนี้ อนาคตของเขานับว่าไม่อาจประเมินได้”

“บางทีงานชุมนุมเซียนมังกรครานี้อาจจะติดหนึ่งในร้อย นับว่ามีหวังในการเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งทวีปยิ่งนัก”

เหล่าคนระดับสูงของลัทธิโลหะเลือดอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ พูดคุยกันอย่างไร้ข้อคัดค้าน

ด้วยพลังของจ้าวเฟิงทำให้ทุกคนยอมรับและได้ครอบครอบตำแหน่งรายชื่อคัดเลือกล่วงหน้าไป

คนหลายคนรู้สึกยินดียิ่งนัก รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกรเช่นตงเซว่

มีเพียงเตี๋ยเย่ที่ไม่แปลกใจ นางได้ปกป้องจ้าวเฟิงอยู่ข้างกายและเข้าใจถึงพลังที่แท้จริงของหัวหน้าสาขาเป็นอย่างดี ที่เผยออกมาในวันนี้เป็นเพียงปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

หลังจากตำแหน่งรายชื่อคัดเลือกล่วงหน้าแน่นอนแล้ว จ้าวเฟิง เจียงซานเฟิง เตี๋ยเย่ และตงเซว่จึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงหลังจากที่เตรียมตัวอยู่หลายวัน

“หัวหน้าสาขาจ้าว พลังของท่านได้ทำให้ข้าชื่นชมนัก ไม่แปลกใจเลยที่กระทั่งเทียนหยุนจือยังพ่ายแพ้ให้แก่ท่าน แม้กวาดมองทั่วทั้งอาณาจักรนภา มีเพียง ‘จินไท่จือ’ ที่อาจนับได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังของท่าน”

เจียงซานเฟิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“จินไท่จือ? เขาแข็งแกร่งมากหรือ?”

จ้าวเฟิงเผยความสนใจออกมา

“พลังฝึกตนของจินไท่จือผู้นี้สูงถึงขั้นมนุษย์แท้ระดับสุดยอด เป็นดาราอันดับหนึ่งของอาณาจักร งานชุมนุมเซียนมังกรคราก่อนติดหนึ่งในร้อย พลังสายเลือดของเขาเป็นที่เลื่องลือกันว่าแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!