บทที่ 366 : หยูเทียนฮ่าว!
ผู้มาใหม่คือตันไถ่หลันเยว่ หนึ่งในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ที่พิเศษที่สุด
ตันไถ่หลันเยว่อยู่ในชุดสีสว่าง กระโปรงผ่าสูง เผยให้เห็นเรียวขาขาวครึ่งหนึ่งที่ขยับไหวอย่างอ่อนช้อยราวกับเด็กสาวชาวบ้าน
พลังฝึกตนของตันไถ่หลันเยว่นั้นต่ำที่สุดในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ เพียงแต่มีพลังขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำ หากต่อสู้กับโม่เทียนอี้ก็ยากจะคาดเดาผู้ชนะ
ทว่ายามนี้ หัวใจของโม่เทียนอี้รู้สึกชาหนึบ สีหน้าย่ำแย่ลง
อีกฝ่ายคือนักฝึกสัตว์ ความแข็งแกร่งส่วนมากไม่ได้มาจากตนเอง ทว่าเป็นสัตว์วิเศษ
ปักษายักษ์สีสดใต้ฝ่าเท้าของนางก็มีพลังเทียบเคียงกับขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดได้
สัตว์วิเศษเช่นนี้นางมีทั้งหมดสองตัว
ที่น่ากลัวที่สุดคือในมือของตันไถ่หลันเยว่ยังมีไพ่ตายที่ชื่อว่า “มังกรดินเขาเดียว” ที่เป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์โบราณภายในร่างมีสายเลือดที่ทรงพลัง และพลังต่อสู้แทบจะเทียบเคียงกับกับขั้นนายเหนือแท้
นอกจากนี้ตันไถ่หลันเยว่ยังมีสัตว์วิเศษประเภทปักษาอีกหลายตัวที่ทั้งแปลกประหลาดไม่ธรรมดา มีความสามารถหลากหลายมากพอที่จะสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้
นอกจากนั้นนางยังเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลนักฝึกสัตว์ชั้นสูง พรสวรรค์ของตันไถ้หลันเยว่ถูกกล่าวได้กว่ามีแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณที่ทรงพลังยิ่งนักมีคำเล่าลือว่าใกล้เคียงกับขั้นนายเหนือแท้
เมื่อเห็นปักษาสีสดที่ตันไถ่หลันเยว่ขี่อยู่เคลื่อนเข้ามาใกล้
กลิ่นอายที่ทรงพลังของสัตว์อสูรขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูงข้างๆ นั้นได้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้แก่พวกโม่เทียนอี้ทั้งสองจนหัวใจเต้นรัว
ฟุ่บ!
ความเร็วในการบินของตันไถ่หลันเยว่รวดเร็วยิ่งนัก นัยน์ตาจับจ้องไปยังพวกโม่เทียนอี้ทั้งสองอย่างรวดเร็ว คิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กๆ
ในเวลาเดียวกัน
บริเวณแม่น้ำได้ปรากฏวาสนามังกรขนาดมหึมาขึ้นแทบจะเทียบเคียงได้กับตันไถ่หลันเยว่
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงที่อยู่ในถ้ำใต้น้ำจับจ้องไปยังตันไถ่หลันเยว่
“แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของสตรีผู้นี้ทรงพลังยิ่งนัก พลังจิตนับได้ว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้รับแรงกดดันอย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงย่อมส่งผลต่อตันไถ่หลันเยว่น้อยลงอย่างมาก ได้ผลน้อยกว่าปิงเว่ยเซียนจื่อมากนัก
สตรีผู้นี้อาจนับได้ว่าเป็นคู่ปรับสำหรับจ้าวเฟิง!
จ้าวเฟิงจงใจไม่ปิดบังกลิ่นอายดวงตาเทพจับจ้องไปยังตันไถ่หลันเยว่เพื่อส่งคำเตือนไป
หากตันไถ่หลันเยว่ประสงค์ร้ายจริง จ้าวเฟิงก็จำเป็นต้องออกไปร่วมมือกับพวกโม่เทียนอี้เพื่อต้านทานผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ด้วยกัน
“ฮี่ฮี่ เจ้าคือจ้าวเฟิง? ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าเสียแรงเปล่าเลย วิชาดวงตาและพลังจิตของเจ้ามันใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก”
ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของตันไถ่หลันเยว่ทรงพลังอย่างมาก ในห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้นับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง ไม่นานก็พบตำแหน่งของจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั่งขัดสมาธิสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าไม่ได้เอ่ยปฏิเสธ
สายเลือดดวงตาของเขาส่งผลต่อจิตใจโดยตรง เมื่อเผชิญหน้ากับตันไถ่หลันเยว่ก็นับเป็นเรื่องน่าปวดหัวโดยแท้
“เป็นอันใดไป เจ้ากลัวหรือ?”
ตันไถ่หลันเยว่แย้มยิ้มบาง แส้หลากสีในมือวาดออก น้ำในแม่น้ำส่งเสียงระเบิดออก กลายเป็นหลุมกว้างครึ่งลี้
คลื่นน้ำที่ถูกซัดพุ่งตรงโจมตีไปยังถ้ำที่จ้าวเฟิงอยู่
สายตาของจ้าวเฟิงส่องประกายวูบ การกระทำของตันไถ่หลันเยว่นับว่าจงใจหาเรื่องเขาแล้ว!
เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า!
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงส่องประกายเพลิงอัสนีสีเขียววูบ
ฟุ่บ เปรี้ยง!
เพลิงอัสนีโปร่งแสงเผาไหม้ร่างของปักษาสีสดใต้ฝ่าเท้าของตันไถ่หลันเยว่
ในเสี้ยววินาที
ปักษาสีสดตัวนั้นก็กรีดเสียงร้องออกมาสร้างความสั่นสะเทือนไปยังอากาศรอบด้านในระยะหลายสิบลี้ก็สามารถได้ยินเสียง
พลังเพลิงอัสนีส่งผลต่อทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณ
ปักษาสีสดแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่ากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากจนหลุดจากการควบคุมของตันไถ่หลันเยว่ผู้เป็นนาย ร่างร่วงดิ่งลงสู่พื้น
“เจ้ากล้าทำร้ายเสี่ยวไคเฉว่ของข้าหรือ!”
ตันไถ่หลันเยว่กรีดร้องร่วงลงจากอากาศ สายลมรุนแรงพัดปะทะร่าง เรือนผมกระเซอะกระเซิง ดูโกรธเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด
กี้
คลื่นเสียงพลังจิตแปลกประหลาดตามมาพร้อมกับกระแสไฟฟ้าพุ่งตรงไปยังร่างของปักษายักษ์ ทำให้มันยิ่งอาละวาดบ้าคลั่งจนตันไถ่หลันเยว่รู้สึกมึนงง
“เฮ้ แม้วิชาดวงตาของข้าจะส่งผลกับเจ้าที่มีแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณที่ทรงพลังไม่มากนัก ทว่าข้าเองก็นับว่าเป็นนักฝึกสัตว์อยู่กึ่งหนึ่ง ข้ามีวิธีการหลากหลายที่จะทำให้สัตว์วิเศษของเจ้าหลุดการควบคุมและบาดเจ็บ”
จ้าวเฟิงแย้มยิ้มร้ายกาจ เอ่ยผ่านกระแสจิตไป
ในฐานะของนักฝึกสัตว์ สัตว์วิเศษแต่ล่ะตัวของตันไถ่หลันเยว่ล้วนมีค่าอย่างไม่อาจเทียบได้
หลายวันก่อน นางและหยูเทียนฮ่าวปะทะกัน สัตว์วิเศษของนางหลายตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
ไม่คิดว่านางจะมาเผชิญหน้ากับตัวปัญหาที่ลงมือกับสัตว์วิเศษของนางโดยเฉพาะอีก
ตันไถ่หลันเยว่ขบฟันขาวแน่น ท่าทีลังเลไม่แน่ใจ คิดอยู่ว่าจะเรียก ‘มังกรดินเขาเดียว’ ที่เป็นไพ่ตายของนางออกมา
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ยามที่จ้าวเฟิงและปิงเว่ยเซียนจื่อประลองกันก่อนหน้าปรากฏขึ้นในสมองของนาง
วิธีการกลยุทธ์ที่เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวเชี่ยวชาญนั้นมีมากมาย พลังป้องกันแข็งแกร่ง หากไม่มีวิธีที่สามารถจัดการเขาได้อย่างเด็ดขาดก็แทบจะเทียบเท่ากับการหาเรื่องผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ซึ่งเป็นบุคคลที่ยากจะรับมือ
ขณะที่ตันไถ่หลันเยว่กำลังลังเล เบื้องหน้าก็พลันปรากฏวาสนามังกรที่น่าตื่นตะลึงขึ้น เมื่อเทียบกับตันไถ่หลันเยว่และจ้าวเฟิงแล้วยังนับว่าแข็งแกร่งกว่าหลายเท่าตัว
ห่างออกไปที่เส้นขอบฟ้าได้ปรากฏเงามังกรทองขึ้น
ผู้คนที่มองไปพลันรู้สึกหวาดผวาขึ้นในทันที
ผู้มาใหม่คือชายหนุ่มผมดำ สายตาล้ำลึก ราวกับท้องฟ้าพร่างดาราอันไร้ที่สิ้นสุด
ทุกการเคลื่อนไหวทุกการกระทำของชายหนุ่มผู้นั้นเต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มีบรรยากาศเย่อหยิ่งสูงส่งและโดดเดี่ยวแพร่กระจายอยู่โดยรอบ
“เจ้าตามมาเร็วถึงเพียงนี้?”
ใบหน้างดงามของตันไถ่หลันเยว่ขาวซีด
วูบ
หญิงสาวไม่ชะงักอยู่นาน ควบคุมปักษายักษ์สีสดบินห่างออกไป
หากจะถามว่ามีผู้ใดในงานชุมนุมเซียนมังกรที่สามารถทำให้ตันไถ่หลันเยว่หลบหนีไปได้ก็มีเพียงผู้เดียว
“หยูเทียนฮ่าว!”
โม่เทียนอี้และบุรุษหน้าเหลืองสูดลมหายใจเย็นเยียบ
ชายหนุ่มผมดำผู้นั้นคือหยูเทียนฮ่าว อัจฉริยะอันดับหนึ่งของทวีป ผู้ถูกเลือกที่แข็งแกร่งกว่าผู้อื่นหลายสิบเท่าตัว
การย่างก้าวของหยูเทียนฮ่าวแม้ดูเชื่องช้า ทว่าความเร็วนั้นกลับน่าตื่นตะลึงนัก เข้าใกล้มาอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าตันไถ่หลันเยว่ไม่มีความคิดที่จะต่อสู้โดยสิ้นเชิง
เมื่อคิดถึงการต่อสู้เมื่อหลายวันก่อน ร่างของตันไถ่หลันเยว่ก็สั่นสะท้าน
หยูเทียนฮ่าวผู้นั้น ยามที่ต่อสู้จะเสียสติบ้าคลั่งไปโดยสิ้นเชิง รับมือตันไถ่หลันเยว่และชื่อเฉิงเทียน สองผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ได้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย
หลังจากที่การต่อสู้นั้นสิ้นสุดลง สัตว์วิเศษหลายตัวของตันไถ่หลันเยว่ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้ง ‘มังกรดินเขาเดียว’ ของนาง
ชื่อเฉิงเทียนที่มีพลังป้องกันมหาศาลยังได้รับบาดเจ็บ
หากไม่ใช่เพราะได้ชื่อเฉิงเทียนรับการโจมตีจำนวนมากของหยูเทียนฮ่าวไป ความเสียหายของตันไถ่หลันเยว่คงมากมายกว่านี้
ดังนั้นแล้ว เมื่อตันไถ่หลันเยว่เห็นหยูเทียนฮ่าวในยามนี้จึงหลบหนีไปโดยไม่ต้องคิดโดยไม่ต้องเอ่ยเลยว่าใกล้ๆ ยังมีจ้าวเฟิงผู้ที่เทียบได้กับผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ผู้นี้
ตันไถ่หลันเยว่ล่าถอย พวกโม่เทียนอี้กลับไม่อาจถอนหายใจโล่งอกได้ เบื้องหน้าต้อนรับการมาถึงของบุคคลที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
หยูเทียนฮ่าว!
สามตัวอักษรนี้เพียงพอที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับงานชุมนุมเซียนมังกร ทำให้เหล่าอัจฉริยะต้องมองไปอย่างหวาดกลัว ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนอื่นยังต้องผวา หากเผชิญหน้าล้วนรีบยอมแพ้
ฟุ่บ!
หยูเทียนฮ่าวได้ข้ามผ่านแม่น้ำบริเวณที่โม่เทียนอี้อยู่
“หนีเร็วจริงๆ”
หยูเทียนฮ่าวพึมพำกับตนเอง ด้านความเร็วในการบินของเขาเมื่อเทียบกับปักษาของตันไถ่หลันเยว่แล้วไม่เหนือกว่าเท่าใดนัก
ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายจงใจหลบหนี ทั้งยังเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ เขาก็ไม่อาจไล่ตามอีกฝ่ายไปได้
หยูเทียนฮ่าวยืนอยู่กลางอากาศเหนือแม่น้ำ มองตามร่างที่จางหายไปของตันไถ่หลันเยว่
ทันใดนั้น
สายตาของเขาก็กวาดมองไปยังส่วนลึกของแม่น้ำ
โม่เทียนอี้และบุรุษหน้าเหลืองได้ล่าถอยเข้าไปในถ้ำแล้ว
ในเวลานี้ ยามที่สายตาของหยูเทียนฮ่าวกวาดผ่าน พลังอำนาจที่ไม่อาจมองเห็นนั้นเทียบได้กับขั้นนายเหนือแท้
ไม่ว่าจะเป็นโม่เทียนอี้หรือจ้าวเฟิงต่างหายใจติดขัด ปราณจิตวิญญาณในร่างนิ่งงันไปเล็กๆ
หากจ้าวเฟิงคาดเดาไม่ผิด พลังฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดของอีกฝ่ายนั้นได้ใกล้เคียงขั้นนายเหนือแท้อย่างมากแล้ว
“มังกรตัวที่หก กล้าที่จะต่อสู้กับข้าหรือไม่?”
หยูเทียนฮ่าวไม่ได้เริ่มลงมือในทันที มุมปากปรากฏรอยยิ้มยินดีขึ้น
จิตต่อสู้ที่ทรงพลังรวมกับความมั่นใจถูกปลดปล่อยออกมา
ใจของจ้าวเฟิงหล่นวูบ ไม่คิดว่าหยูเทียนฮ่าวจะ ‘สนใจ’ มาหาตนเอง กระทั่งเอ่ยท้าประลองออกมา
โม่เทียนอี้ที่อยู่ใกล้ๆ ปรากฏความรู้สึกซับซ้อน
หยูเทียนฮ่าวแม้ยามต่อสู้จะบ้าคลั่ง ทว่ายามปกติแล้วยากนักที่เขาจะท้าประลองผู้ใด โดยเฉพาะในบรรดาคนรุ่นใหม่ด้วยกัน
ทว่าจ้าวเฟิงกลับเข้าไปอยู่ในสายตาของหยูเทียนฮ่าวและได้ถูกนับเป็นคู่ต่อสู้
การที่ถูกอัจฉริยะอันดับหนึ่งของทวีปนับเป็นคู่ต่อสู้ เรียกว่าเป็นเกียรติยิ่งนัก
อย่างน้อยโม่เทียนอี้ที่เคยเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกรมาสองครั้ง หยูเทียนฮ่าวก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาทุกครั้งเอาชนะตัวเขาอย่างเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง
เมื่อเผชิญหน้ากับการท้าประลองของหยูเทียนฮ่าว จ้าวเฟิงก็เงียบงัน
ในสมองของเขานึกย้อนไปยังหยูเทียนฮ่าวในลานประลองชางกู่ นึกถึงพลังฝ่ามือ ‘ไร้คู่ต่อสู้ใต้ผืนฟ้า’ ที่เป็นเหมือนเช่นการโจมตีของศาสตร์แห่งดาบ รวมทั้งนิสัยความมั่นใจที่ดูแคลนโลกนั้น
ความตั้งมั่นที่ทรงพลังเช่นนั้นเป็นสิ่งที่เหนือกว่าจิตแห่งดาบและจิตแห่งกระบี่ใดๆ ที่เด็กหนุ่มเคยเห็นมา
มีเพียงแต่ความตั้งมั่นในศาสตร์แห่งการฝึกตนเช่นนั้นที่สามารถทำลายจิตแห่งกระบี่ของเทียนหยุนจื่อได้ในเสี้ยววินาที สลายจิตแห่งดาบของชางหยูเยว่ กระทั่งเทพเซียนยังต้องล่าถอย
ในยามนี้
จิตต่อสู้ของหยูเทียนฮ่าวที่อยู่กลางอากาศเหนือริมฝั่งแม่น้ำได้แสดงความหยิ่งยโส เต็มไปด้วยความมั่นใจที่ไม่อาจเทียบเคียง สั่นคลอนความมั่นใจของคู่ต่อสู้อย่างไม่อาจมองเห็น
โม่เทียนอี้ บุรุษหน้าเหลือง และจ้าวหยูเฟ่ยจิตใจสั่นสะท้าน ราวกับมีเทพมารมายืนอยู่เหนือศีรษะ ลมหายใจจังหวะหัวใจในยามนี้ดังก้องจนได้ยินอย่างชัดเจน
หยูเทียนฮ่าวยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เฝ้ารอคำตอบอย่างอดทน
เขามองไปยังตำแหน่งที่จ้าวเฟิงอยู่ นัยน์ตาส่งจิตต่อสู้และความต้องการที่มองไม่เห็นออกมา
การไม่ลงมือทันทีเป็นการแสดงถึงความเคารพนับถือประการหนึ่ง
เมื่อคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นที่เด็กกว่านับสิบปี ตกสู่สถานการณ์เข้าตาจนในลานประลองเหนือทว่ากลับไม่ยอมแพ้ ท่าทีมั่นคงเยือกเย็น สุดท้ายแล้วราวกับเทพแปลงกายเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ในใจของหยูเทียนฮ่าวก็ปรากฏความนับถือขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้
ความคิดนี้ พวกโม่เทียนอี้เองก็รับรู้
หากเป็นคู่ต่อสู้คนอื่น กระทั่งผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ หยูเทียนฮ่าวย่อมลงมือโดยไม่ลังเล จัดการอีกฝ่ายในกระบวนท่าเดียว
ดังนั้นจึงสามารถเห็นได้ว่าที่จ้าวเฟิงถูกนับเป็นคู่ต่อสู้ของเขานั้นมีฐานะที่ไม่ธรรมดายิ่งนัก
“ควรค่าแล้วที่ถูกเรียกขานเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของทวีป บัดนี้ข้าเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ทว่าข้าสามารถแนะนำคู่ต่อสู้ให้เจ้าได้”
จ้าวเฟิงเปิดปากออกในที่สุด
แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของดวงตาเทพเจ้าได้ทำให้จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับจิตต่อสู้ที่ทรงพลังของหยูเทียนฮ่าวได้ตรงๆ โดยไม่สะทกสะท้าน
นี่เองก็ได้ทำให้หยูเทียนฮ่าวรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายขึ้นอีกอย่างลับๆ
แนะนำคู่ต่อสู้?
ไม่ใช่เพียงหยูเทียนฮ่าวที่นิ่งอึ้งไป กระทั่งพวกโม่เทียนอี้เองยังมีสีหน้าประหลาดใจ
ในงานชุมนุมเซียนมังกรนี้ นอกจากผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้แล้วยังมีผู้ใดที่สามารถรับมือกับหยูเทียนฮ่าวได้อีกหรือ?
“เจ้าสามารถไปหาผู้ที่มีนามว่า ‘ซินอู๋เหิน’ ได้ ในอดีตเขาได้ปิดกั้นพลังฝึกตนประลองกับข้าจนเสมอ เขาก็อยู่ในมิตินี้”
มุมปากของจ้าวเฟิงยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด
ยามนี้เขากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการทะลวงเข้าสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ และไม่ว่าจะต้องการต่อสู้หรือไม่ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดี
ทว่าหยูเทียนฮ่าวคลั่งการต่อสู้ จะปล่อยไปเสียเปล่าเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี
ดังนั้นแล้วจ้าวเฟิงจึงพลันเกิดความคิดหนึ่ง ใช้กลยุทธ์ ‘ส่งเผือกร้อนให้ผู้อื่น’
ไม่ใช่ว่าหยูเทียนฮ่าวอยากจะต่อสู้กับข้าหรือ? ดี ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาว่างชั่วคราว แนะนำให้เจ้าไปหาคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน หรือกระทั่งแข็งแกร่งกว่าแทนแล้วกัน
บังเอิญพอดี
ซินอู๋เหินคือคนที่จ้าวเฟิงไม่อาจทำความเข้าใจได้ทั้งหมด ให้อัจฉริยะอันดับหนึ่งของทวีปอย่างหยูเทียนฮ่าวไปทดสอบดูย่อมดีกว่า
“ได้!”
หยูเทียนฮ่าวผงกศีรษะตกลง
ราวกับว่าซินอู๋เหินที่จ้าวเฟิงเอ่ยถึงนั้นทำให้เขารู้สึกสนใจ บางทีอาจจะเห็นว่าจ้าวเฟิงกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญจึงไม่รั้งอยู่และทะยานร่างออกไปในอากาศทันที