Skip to content

King of Gods 40

King Of Gods

บทที่ 40 : ความแข็งแกร่งของจ้าวหลินหลง

ทันที่ที่เสียงประกาศดังขึ้น ทุกคนจึงได้ตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์ ผลลัพธ์นั้นเหนือคาด ในฐานะของม้ามืด จ้าวเฟิงยังคงเอาชนะเหนือคู่ต่อสู้และสร้างปาฏิหาริย์

บัดนี้เขาได้เอาชนะศิษย์สายในที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสาม จ้าวฮัน เด็กหนุ่มหัวเราะขณะที่นั่งลงบนที่นั่งลำดับที่สามในแถวแรก

ด้านขวาของเขาคือจ้าวชิที่มองเขาราวกับว่าเพิ่งจะเคยเห็นเข้าเป็นครั้งแรก เมื่อยามที่งานประลองศิษย์สายนอกจบลง ศิษย์สายในอันดับสองผู้นี้ได้ไปยังลานประลองเพื่อประเมินอีกฝ่าย ทว่าในตอนนั้นจ้าวเฟิงนับเป็นเพียงขยะเมื่อเทียบกับเขา

หลังจากที่จ้าวชิเอาชนะจ้าวชิ่น เขาได้กล่าวว่าไม่มีผู้ใดมีสิทธิที่จะท้าชิงสามอันดับแรก ทว่าบัดนี้ จ้าวเฟิงได้นั่งอยู่เคียงข้างเขา

สามอันดับแรกคือ จ้าวหลินหลง จ้าวชิ และจ้าวเฟิง

ต่อไปเป็นตาของจ้าวชิที่จะท้าประลอง เขายืดหลังอย่างเกียจคร้านและร่อนตัวลงบนลานประลอง

“หมายเลขสอง จ้าวชิ เจ้าต้องการที่จะท้าผู้ใดประลอง?” ผู้ตัดสินยิ้ม

ในฐานะของอันดับสอง ผู้ใดที่เขาจะท้าประลองได้อีก? ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็เบนไปยังจ้าวหลินหลง

บัดนี้ที่จ้าวชิได้ขึ้นไปบนลานประลองแล้วนั้นก็ไม่มีผู้ใดขวางทางสายตาของเขาที่มุ่งตรงไปยังจ้าวหลินหลงได้ จ้าวหลินหลงนั้นสวมชุดสีทอง มีคิ้วดกหนาและกลิ่นอายลึกล้ำราวมหาสมุทร

ตั้งแต่เริ่มงานประลองมา จ้าวหลินหลงได้หลับตาอยู่ตลอดเวลา กระทั่งยามที่จ้าวเฟิงเอาชนะจ้าวฮัน เขาก็ยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับไม่มีสิ่งใดสำคัญต่อเขาแม้แต่น้อย

“จ้าวหลินหลง ไว้หน้าข้าบ้าง มาบนลานประลองได้แล้ว” จ้าวชิเอ่ยอย่างเยาะหยัน

“หมายเลขหนึ่ง จ้าวหลินหลง” ผู้ตัดสินเอ่ยเตือน

“หืมมม”จ้าวหลินหลงค่อยๆ ยืนขึ้นช้าๆ

ทันที่ที่เขาลุกขึ้นยืนนั้น เขาก็กลายเป็นเงาร่างเลือนรางสีทอง เพียงเสี้ยววินาทีก็ปรากฏกายบนลานประลอง

“เหตุใดจึงมีจ้าวหลินหลงมากมายเพียงนั้น?”

“ภาพติดตา! เร็วยิ่ง!”

ฝูงชนอุทานออกมา ผู้ชมหลายคนมิอาจมองเห็นได้ว่าอีกฝ่ายขยับกายเช่นไร

“ท่าเท้านั่นคืออันใดกัน? ซับซ้อนยิ่ง” คิ้วของจ้าวเฟิงขมวดเข้าหากัน

แม้ว่าเขาจะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ด้วยตาซ้ายของเขา ทว่าเขาก็ไม่อาจเห็นจุดอ่อนใดๆ ได้แม้แต่น้อย

“จ้าวหลินหลง เราไม่ได้เจอกันมากว่าครึ่งปี ดูเหมือนว่าย่างก้าวเงาของเจ้าได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดแล้ว ไม่น่าแปลกใจอันใดที่เจ้านับเป็นหนึ่งในสี่อัจฉริยะแห่งเมืองประกายอรุณ” จ้าวชิรู้สึกตะลึงเล็กๆ

ย่างก้าวเงานั้นเป็นวิชาระดับสูง ชื่อเสียงของมันนั้นเหนือกว่าวิชาระดับสูงทั่วไปมากเพราะความสามารถอันเหนือชั้นของมัน

ขั้นสุดยอดของวิชาระดับสูง!

เหล่าศิษย์ผู้อื่นทำได้เพียงมองด้วยความหวาดเกรง ไม่มีอัจฉริยะผู้ใดในพรรคจ้าวที่สามารถฝึกฝนวิชาระดับสูงจนเข้าขั้นสุดยอดได้

“จ้าวชิ เจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถประลองกับข้าได้ วันนี้ข้าจะจำกัดระดับการฝึกตนของข้าให้อยู่ที่ขั้นสี่และประลองกับเจ้า” จ้าวหลินหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ

ทันใดนั้น สีหน้าของศิษย์ผู้อื่นก็ทะมึนทึมลง ไม่มีผู้ใดนอกจากจ้าวชิที่มีสิทธิที่จะท้าประลองเขา? คำพูดของจ้าวหลินหลงนั้นทำให้พวกเขาหลายคนรู้สึกไม่พอใจ

แล้วอันดับสาม อันดับสี่ อันดับห้าเล่าจะรู้สึกเช่นไร?

คิ้วของจ้าวเฟิงมุ่นเข้าหากันก่อนที่จะคลายลงในทันที ตั้งแต่ที่เขาเห็นเด็กสาวขี้อายโจมตีไฮยีน่าแสนทรงพลังที่ป่าเมฆาคล้อย เขาก็ได้เข้าใจบางอย่าง

“มันจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าเสมอ”

เขาใคร่รู้เรื่องราวภายนอกเหลือเกิน เขาต้องการที่จะสำรวจโลกภายนอก

“น่าชังนัก! จ้าวหลินหลงนั่น…”

จ้าวฮันที่นั่งอยู่ที่ที่นั่งที่หก แถวสองมีใบหน้าไม่พึงพอใจอย่างชัดเจน

ไม่นานมานี้ พลังฝึกตนของเขานั้นได้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด พลังภายในของเขาได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นห้า เข้าใกล้ขั้นหก

นั่นทำให้เขาจองหองและต้องการแย่งชิงตำแหน่งศิษย์สายในอันดับหนึ่ง ในด้านของความนิยมนั้น เขาได้เหนือกว่าจ้าวชิ

ทว่าคำกล่าวของจ้าวหลินหลงราวกับผลักเขาลงสู่นรก และเพราะว่าเขาได้พ่ายแพ้ให้กับจ้าวเฟิง ทำให้เขาไม่มีสิทธิจะพูดอันใด

ในตอนนั้นเอง การประลองก็ได้เริ่มต้นขึ้น

“หมัดกรีดนภา!”

กำปั้นของจ้าวชิส่องประกายสีแดง หมัดกรีดนภาของอีกฝ่ายนั้นคล้ายคลึงกับวิชาหมัดมังกรคลั่งของจ้าวเฟิง แต่ระดับของวิชานั้นสูงกว่าขั้นหนึ่ง

จ้าวชิใช้พลังของวิชาหมัดกรีดนภาจนสุดขีดความสามารถ ทำให้พลังของมันนั้นเทียบเท่าได้กับขั้นสุดยอดของขั้นห้า เมื่อรวมเข้ากับท่าเท้าและวิชาเสริมกายา พลังโจมตีของเขาได้เข้าสู่ขั้นน่าหวาดผวา

ในด้านของความแข็งแกร่งโดยรวม จ้าวชินั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่ต่อกรได้ยากกว่าจ้าวฮันจริงๆ เขาแทบจะไม่มีจุดอ่อนใดๆ ทั้งพลังโจมตีของเขาก็ยังทรงพลัง” จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

จ้าวฮันเอาชัยเหนือคู่ต่อสู้ด้วยพลังภายในที่เหนือกว่ามาก ทว่าความเร็วและการป้องกันของเขานั้นไม่ได้แข็งแกร่ง

“รับหมัดของข้าไปซะ!” จ้าวชิตวาดออกมาในขณะที่หมัดของเขามุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวหลินหลง

ฟุ่บ!

ภาพติดตาที่บิดเบี้ยวถูกทิ้งไว้ วินาทีถัดมาร่างของจ้าวหลินหลงก็ปรากฏขึ้นข้างกายของจ้าวชิพร้อมด้วยรอยยิ้มบาง

หมัดของจ้าวชิไม่อาจแตะได้กระทั่งชายผ้าของเขา

สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือจ้าวหลินหลงนั้นปรากฏตัวห่างจากจ้าวชิเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น ผู้ครองอันดับสองหลั่งเหงื่อเย็น

ในวินาทีนั้น เขากระทั่งได้กลิ่นของอีกฝ่าย

“ท่าเท้าหมอกพิรุณ!”

จ้าวชิอย่างไรก็มิใช่ย่ำแย่ เขาใช้ท่าเท้าระดับสูงออกในทันใดและเริ่มปะทะกับอีกฝ่าย

ร่างทั้งสองปะทะกันในระยะประชิด ทั้งคู่ล้วนใช้วิชาระดับสูง

เหตุผลที่จ้าวหลินหลงกล่าวว่าจ้าวชิเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถรับมือเขาได้นั้นเป็นเพราะจ้าวชิได้ฝึกฝนวิชาระดับสูงจำนวนมาก

วิชาหมัดระดับสูง! วิชาท่าเท้าระดับสูง! วิชาเสริมกายาระดับสูง… วิชาทั้งหมดนั่นล้วนถูกฝึกฝนจนกระทั่งเข้าสู่ขั้นสูง

จ้าวชิยังคงโจมตีด้วยวิชาเหล่านั้น ตอนนี้ทิศทางการประลองได้โน้มเอียงไปทางเขามากกว่าอีกฝ่าย แต่แม้ว่าทิศทางการประลองจะโน้มมาทางเขา จ้าวชิก็ยังคงถูกผลักถอย หลังจากที่ปะทะกันกว่ายี่สิบกระบวนท่า จ้าวหลินหลงก็ได้เหนือกว่าเขาโดยยังคงจำกัดระดับการฝึกตนของเขาที่ขั้นสี่

“ข้าจะทำให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้!” จ้าวหลินหลงยิ้มบาง

เขายกนิ้วของเขาขึ้น ก่อนที่แสงสีม่วงครามจะหมุนวนรอบมันเป็นวงกลม

เฮือก!

เพียงแค่เศษเสี้ยวพลังภายในของเขาก็มีกลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่น

“ดัชนีเมฆนภา!”

นิ้วนั้นราวกับจะทะลวงเมฆให้กลายเป็นรู นั่นมัน…

จ้าวชิสูดลมหายใจลึกขณะที่เขารวบรวมพลังภายในของเขาทั้งหมดเพื่อตอบโต้ดัชนีนั้น

“หมัดฟ้าคำราม!” กำปั้นของจ้าวชิเปล่งประกายสีแดงเพลิงขณะที่เขาเผชิญหน้ากับดัชนีของอีกฝ่าย

พลังของหมัดนี้เหนือกว่าวิชาใดๆ ที่ถูกใช้ในงานประลองครั้งนี้ ทว่าแม้หมัดนั้นจะดูทรงพลัง มันก็ยังคงเป็นราวกับมดเมื่อเทียบกับดัชนีที่เรียบง่ายของจ้าวหลินหลง

ซูมมมม

การโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกันในที่สุด จ้าวชิรู้สึกได้ถึงของเหลวเค็มปร่าในปากของเขาทันทีที่เขาถูกกระแทกถอยหลังไป

“ไม่เลว เจ้าสามารถป้องกันวิชา ‘ระดับสุดยอด’ ของข้าได้” ชายหนุ่มในชุดสีทองปรากฏตัวขึ้นด้วยสองมือไขว้หลังไว้

“วิชาระดับสุดยอด? ข้านับว่าพ่ายแพ้อย่างยุติธรรมแล้ว” จ้าวชิเอ่ยอย่างขมขื่นขณะที่เขายอมแพ้

ดัชนีเมฆนภา!

วิชาระดับสุดยอด!

ฝูงชนตกอยู่ในความตื่นตะลึง

จ้าวหลินหลงเรียนรู้วิชาระดับสุดยอดตั้งแต่เมื่อใดกัน?

“ฮี่ฮี่ จ้าวหลินหลงได้ฝึกฝนสามกระบวนท่าแรกของดัชนีเมฆนภาแล้ว นั่นเป็นเพียงแค่กระบวนท่าแรกเท่านั้น” หัวหน้าพรรค จ้าวเทียนชาง เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

“ยินดีด้วยที่ได้รับบุตรบุญธรรมมากความสามารถเช่นนี้” ผู้อาวุโสล้วนเข้าไปแสดงความยินดีให้กับหัวหน้าพรรค

จ้าวหลินหลงเป็นบุตรบุญธรรมของหัวหน้าพรรค! ไม่น่าแปลกที่เขาจะสามารถเรียนรู้วิชาระดับสุดยอดได้ ทว่าสิ่งที่สำคัญคือการที่วิชาระดับสุดยอดนั้นผู้ฝึกต้องมีระดับการฝึกตนที่ขั้นเจ็ดเป็นอย่างน้อยเพื่อที่จะสามารถทำความเข้าใจมันได้ ผู้ที่สามารถเรียนรู้วิชาระดับสุดยอดได้นับว่าเป็นจอมยุทธ์แล้ว!

“จ้าวชิ! ท้าประลองล้มเหลว อันดับไม่เปลี่ยนแปลง จ้าวหลินหลง อันดับไม่เปลี่ยนแปลง” ผู้ตัดสินประกาศ

จ้าวหลินหลงและจ้าวชิกลับไปยังที่นั่งของตนเอง จ้าวหลินหลงยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์และไม่ได้ท้าประลองผู้ใด ในความคิดของเขานั้น ไม่มีผู้ใดที่มีค่าเพียงพอให้ท้าประลองแล้ว

การท้าประลองรอบแรกได้จบลง รอบถัดไปเป็นรอบที่สองของงานประลองจัดอันดับ มีโอกาสสามครั้งในการท้าประลองผู้อื่นต่อคน

ในรอบสองนั้นแทบจะไม่มีผู้ใดท้าประลอง ทว่าเมื่อถึงหมายเลขที่สิบหก ตาของจ้าวฮัน เขาก็ได้ท้าประลองหมายเลขสี่ จ้าวชิ่นในทันทีก่อนที่จะชนะไป

เขายังคงท้าประลองอันดับสองจ้าวชิและจ้าวหลินหลง ผลลัพธ์นั้นคือเขาเสมอกับจ้าวชิได้ด้วยพลังภายในของเขา

ทว่าเมื่อเขาเผชิญหน้ากับจ้าวหลินหลง จ้าวฮันก็ได้พ่ายแพ้ในสามกระบวนท่า เขาไม่เหมือนจ้าวชิที่มีพลังป้องกันขั้นสูง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจรับมือจ้าวหลินหลงได้แม้แต่สามกระบวนท่า

อันดับหนึ่งจ้าวหลินหลง อันดับสองจ้าวชิ อันดับสามจ้าวเฟิง อันดับสี่จ้าวฮัน

พวกเขาคือสี่อันดับแรกของศิษย์สายใน ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะท้าประลองกับพวกเขา

ในบรรดาสี่คนนี้ จ้าวหลินหลงได้นำหน้าอยู่ในการเอาชนะทั้งจ้าวชิและจ้าวฮัน มีเพียงจ้าวเฟิงที่ไม่ได้ปะทะกับเขา

“อันดับสาม จ้าวเฟิง ตาเจ้าท้าประลองแล้ว” ผู้ตัดสินเอ่ย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!