Skip to content

King of Gods 459

King Of Gods

บทที่ 459 หวนคืน (1)

ยามเช้า สำนักจันทร์สลาย

หมอกหนาที่ปกคลุมเทือกเขานภาจันทร์ตลอดปีส่องประกายระยิบระยับจากแสงอาทิตย์น่าชื่นชม หากมองจากบนเขาจะเห็นว่าท่ามกลางท้องทะเลสีเขียวสดได้ปรากฏสิ่งก่อสร้างงดงามหรูหราอยู่

เมื่อเทียบกับสองปีก่อน สิ่งก่อสร้างนี้ในยามนี้มีบรรยากาศคึกคักกว่านี้นัก ร่างของศิษย์ของสำนักเข้าออกอยู่บ่อยครั้ง

มันไม่ยากที่จะพบว่า หลังจากที่ ‘ผู้อาวุโสหยุนไห่’ ขึ้นครองตำแหน่ง พลังโดยรวมของสำนักจันทร์สลายและระดับของมันได้พัฒนาขึ้นวันแล้ววันเล่า เมื่อเทียบกับสองปีก่อนแล้วมันได้เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจะจำสภาพเดิมไม่ได้

กลางอากาศ

‘ตำหนักยอดนภา’ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่ ล้อมรอบไปด้วยแสงสีเขียวของสายฟ้า ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ลึกล้ำ ราวกับว่ามาจากอดีตกาล ทั่วทั้งสำนักจันทร์สลาย มีเพียงแค่บริเวณตำหนักยอดนภานี้ที่มีกลิ่นอายหมองหม่น ราวกับว่าถูกลืมเลือนไปโดยบุคคลทั่วไปแล้ว

ทางเข้าหุบเขา

“ผู้ใดกัน กล้าที่จะทะลวงผ่านประตูหุบเขาไป?”

ศิษย์ที่ป้องกันหุบเขาทั้งสองมองชายหนุ่มที่ลอยมาอย่างเย็นชา

อายุของอีกฝ่ายมากกว่า 20 ปีไม่เท่าใด หล่อเหลาเกินธรรมดา ทว่ากลับมีสภาพราวกับไปคลุกฝุ่นมา ใบหน้าให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวและกังวล

“หึ พวกเจ้ากลับจดจำข้าไม่ได้เสียเช่นนั้น”

ชายหนุ่มเค้นเสียงเย็น กล้ามเนื้อได้แพร่กลิ่นอายพลังอำนาจที่ไม่อาจมองเห็นออกมา สร้างสายลมพัดจนฝุ่นทรายคละคลุ้ง ท่าทีหงุดหงิด

“ย๊า”

ศิษย์ทั้งสองที่ป้องกันหุบเขาอยู่พลันตวาดออกมาพร้อมกัน ทว่ากลับถูกท่าทีทรงพลังนั่นทำให้หวาดกลัวจนยากจะขยับเคลื่อนไหว

บุรุษเบื้องหน้าผู้นี้มีพลังฝึกตนเข้าใกล้ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเล็กน้อย อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

“หยาง… ศิษย์พี่หยางก่าน”

ศิษย์ที่อยู่ในนภาที่สามผู้หนึ่งสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป

ศิษย์พี่หยางก่าน?

ศิษย์ใหม่อีกคนพลันผวาไป

“ภายใต้การนำของผู้อาวุโสหยุนไห่ การขยายตัวของสำนักจันทร์สลายรวดเร็วดีแท้ ข้าไปเพียงหนึ่งปีกลับมีคนหน้าใหม่มากเพียงนี้”

หยางก่านแย้มยิ้มเย้ยตนเอง เดินเข้าไปในประตูหุบเขา

ศิษย์ที่ป้องกันหุบเขาอยู่ทั้งสองสบตากันครั้งหนึ่ง ยากที่จะปกปิดความประหลาดใจและสีหน้าผิดปกติไว้ได้

“ศิษย์พี่หยางก่านกลับมาในเวลานี้เสียได้”

“ครึ่งเดือนก่อน ผู้อาวุโสหนึ่งและคนระดับสูงของสำนักคนอื่นๆ ถูกผู้อาวุโสหยุนไห่และผู้อาวุโสคุมกฎลงโทษ ได้ยินว่ายามนี้ถูกกักบริเวณอยู่”

“… เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ระดับพวกเราจะพูดได้”

ศิษย์ที่ป้องกันหุบเขาทั้งสองมองตามแผ่นหลังของหยางก่านที่เข้าไปในหุบเขา

ตลอดทาง หยางก่านทักทายกับศิษย์และผู้อาวุโสที่คุ้นเคย

ทว่าด้วยเหตุใดไม่อาจทราบ หยางก่านมักรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สายตาที่ทุกคนมองมายังเขาแตกต่างออกไป

หลังจากครึ่งชั่วยาม

ที่ตำหนักโบราณเก่าแก่ในหุบเขา

“ข้าออกไปเพียงหนึ่งปีจะเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร ท่านอาจารย์ของข้าถูกกักขังให้สำนึกผิดสองปี? ผู้ใดในสำนักจันทร์สลายที่มีสิทธ์ลงโทษผู้อาวุโสหนึ่ง?”

ทั่วทั้งใบหน้าของหยางก่านเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว คำรามเสียงต่ำ

เบื้องหน้าของเขาคือแม่เฒ่าหลิวเยว่ผู้มีเรือนผมสีเทาเงิน นางแย้มยิ้มอย่างขมขื่นหดหู่: “สำนักจันทร์สลายในยามนี้มีเจ้าสำนักหยุนไห่ หนึ่งมือปิดผืนฟ้า พลังของเขาแข็งแกร่ง ทั้งยังได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากจากพันธมิตรมังกรโลหะ ไม่นานมานี้ เจ้าสำนักหยุนไห่ร่วมมือกับผู้อาวุโสคุมกฎ รวมทั้งผู้อาวุโสคนสนิทอีกสองคนกักบริเวณผู้อาวุโสหนึ่ง”

บัดซบ

หยางก่านที่มักจะมีท่าทีสงบเยือกเย็นอยู่เสมอไม่สามารถปิดกั้นความกราดเกรี้ยวไว้ได้ “เขาใช้ข้ออ้างอันใด?”

“สองปีก่อน จ้าวเฟิงถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ ถูกตั้งค่าหัวไล่ล่าโดยเจ้าสำนักหยุนไห่ทั่วทั้งสิบสามแคว้น เป็นเรื่องดีที่ก่อนหน้าผู้อาวุโสหนึ่งเตรียมการเอาไว้แล้ว บิดามารดาของจ้าวเฟิง ครอบครัวของเจ้าสำนัก รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ จำนวนมากจึงถูกจัดการได้อย่างเหมาะสม”

“ในเรื่องนี้ เจ้าสำนักหยุนไห่เก็บไว้ในใจ โดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้ได้ยินข่าวลือมาว่าจ้าวเฟิงกลับมายังแคว้นเมฆา”

เสียงถอนหายใจของแม่เฒ่าหลิวเยว่ฟังดูอ่อนแรง

“ศิษย์น้องจ้าวเฟิง? ท่านบอกว่าเขากลับมายังแคว้นเมฆาแล้ว?”

หยางก่านพลันอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

หลังจากงานชุมนุมเซียนมังกร หยางก่านก็ตื่นเต้นยินดี ก่อนจะกลับมามืดหม่น

เพราะในจุดสิ้นสุดของงานชุมนุมเซียนมังกร ชายหนุ่มไม่เห็นถึงการกลับมาจากมรดกต่างแดนของจ้าวเฟิง

แต่บัดนี้กลับได้ยินข่าวว่าจ้าวเฟิงกลับมายังแคว้นเมฆาอย่างคาดไม่ถึง

“ไม่นานมานี้ ข่าวลือนี้ได้แพร่กระจายมา เจ้าสำนักหยุนไห่หงุดหงิดกระวนกระวายมากนัก ถ่ายทอดคำสั่งให้สิบสามแคว้นไล่ล่าตัวจ้าวเฟิงอีกครั้ง”

น้ำเสียงของแม่เฒ่าหลิวเยว่ปรากฏความกังวลขึ้นประการหนึ่ง

“เยี่ยม… ศิษย์น้องจ้าว หวังว่าเจ้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”

หยางก่านยากที่จะปิดบังความตื่นเต้นยินดีบนใบหน้าได้

แม่เฒ่าหลิวเยว่อึ้งไปอย่างช่วยไม่ได้ นางพลันจดจำถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการไปงานชุมนุมเซียนมังกรของหยางก่านขึ้นได้

“ในงานชุมนุมเซียนมังกร เจ้าได้เห็นศิษย์น้องจ้าวหรือ?”

แม่เฒ่าหลิวเยว่พลันเอ่ยถามขึ้น หยางก่านเพียงเตรียมจะเอ่ย ด้านนอกตำหนักก็พลันปรากฏเสียงวุ่นวายขึ้น

“หยางก่านยังไม่ออกมายินยอมรับโทษของสำนักอีกรึ?”

น้ำเสียงเครียดขึ้งเย็นชาดังขึ้นจากด้านนอก

ด้านนอกตำหนักของผู้อาวุโส

ร่างของศิษย์หลักหลายคนยืนจ้องมองไปยังทางเข้า

“หยวนจื่อ? ฉวนเฉิน? พวกเจ้าหมายความว่าอันใดกัน?”

หยางก่านเดินออกไป มองไปยังกลุ่มศิษย์ที่ทางเข้า

ศิษย์เหล่านี้ล้วนแต่มีใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างหยวนจื่อ ฉวนเฉิน ลู่ฮู่ ส่วนมากเป็นศิษย์จากฝ่ายอริ

“หยางก่าน เจ้าไม่ทำตามกฎของสำนัก ออกจากสำนักไปหนึ่งปีโดยพลการ ข้า ในฐานะของหัวหน้าศิษย์ย่อมมีศิษย์ที่จะลงโทษโดยวินัยเจ้า”

หยวนจื่อสองมือไพล่พลังยืนนิ่ง สีหน้าเย็นชา

สำนักจันทร์สลายส่วนในยามนี้ หลังจากที่จ้าวเฟิง เป่ยม่อ และหยางก่านออกไปทีล่ะคน ศิษย์ลำดับที่สองของเจ้าสำนักหยุนไห่ ‘หยวนจื่อ’ ก็กลายเป็นหัวหน้าศิษย์คนใหม่ หยางก่านออกไปจากสำนักเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาย่อมหลุดจากตำแหน่งหัวหน้าศิษย์

“ออกจากสำนักโดยพลการ? ข้าทำตามคำสั่งของผู้อาวุโสหนึ่ง ออกไปเดินทางหนึ่งปี เจ้ามีอำนาจใดจะมาลงโทษข้า?”

หยางก่านยืนอยู่หน้าประตู ตวาดเสียงเคร่ง

ในด้านพลังรวมทั้งพลังฝึกตน หยางก่านได้สร้างแรงกดดันให้ศิษย์คนอื่นหัวหน้าศิษย์ ‘หยวนจื่อ’ มีพลังฝึกตนอยู่ในนภาที่เจ็ด ฉวนเฉินเองก็อยู่ในนภาที่หก ในทางกลับกัน ความเร็วในการพัฒนากลับรวดเร็ว

ทว่าพวกเขาก็ยังคงด้อยกว่าขั้นหนึ่งเมื่อเทียบกับหยางก่าน

จะอย่างไรหยางก่านก็กลับมาจากงานชุมนุมเซียนมังกร วิสัยทัศน์สำนึกรู้ย่อมขยายกว้างอย่างมาก

“ศิษย์หลานหยาง อาจารย์ของเจ้าต้องโทษของตำหนักคุมกฎ ต้องครุ่นคิดในความผิดของตนเองเป็นเวลาสองปี ไม่ต้องเอ่ยถึงเจ้าเลย”

น้ำเสียงเย่อหยิ่งกระฉับกระเฉงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากเทือกเขาห่างออกไป

ฟึ่บ

ชายชราชุดสีเขียวที่ในมือถือไม้เท้ามาถึงยังท้องนภาพร้อมด้วยสายลมรุนแรง ท่าทียิ่งใหญ่เหนือผู้ใดในแปดทิศ

“ผู้อาวุโสคุมกฎ”

ศิษย์ของสำนักจำนวนมากด้านล่างพลันคารวะอย่างพร้อมเพรียงกัน

ชายชราผู้มาใหม่คือ ‘ผู้อาวุโสคุมกฎ’ ที่เมื่อสองปีก่อนจ้าวเฟิงได้เป็นฝ่ายถามหาบทลงโทษในการทดสอบยอดนภา

เหตุผลนั้นเป็นเพราะจ้าวเฟิงได้เตะ ‘ลู่ฮู่’ ศิษย์ของผู้อาวุโสคุมกฎออกจากการทดสอบ

ในยามนี้

ลู่ฮู่กลายเป็นหนึ่งในศิษย์หลักทั้งหลาย ยืนเคียงข้างกับหยวนจื่อและฉวนเฉิน เฝ้ารอการกลับมาของหยางก่าน

“ผู้อาวุโสคุมกฎ…”

หยางก่านต้านทานพลังอำนาจของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ในระดับหนึ่ง

พลังฝึกตนของผู้อาวุโสคุมกฎสูงถึงขั้นมนุษย์แท้ระดับสูง ยากที่จะขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงแสนกระจอกงอกง่อยของเขาจะเทียบได้

“ผู้อาวุโสคุมกฎ การออกจากสำนักในอดีตของหยางก่านไม่ใช่ความผิดของเขา ทว่าเป็นคำชี้แนะของผู้เป็นอาจารย์ ผู้อาวุโสหนึ่ง เราหวังว่าท่านจะผ่อนปรน”

แม่เฒ่าหลิวเยว่ฝืนยิ้ม

ศิษย์ของสำนักธรรมดาๆ คนหนึ่งจะให้ตัวตนอย่างผู้อาวุโสคุมกฎลงมือด้วยตนเอง นี่นับว่าขี่ช้างจับตั๊กแตนไปอยู่บ้าง

“เห็นว่าเป็นการทำผิดกฎครั้งแรกของเจ้า ทั้งยังไม่ใช่ความต้องการของตนเอง ผู้อาวุโสผู้นี้จะผ่อนปรนให้ ให้เจ้าไปทำภารกิจของสำนักโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนทั้งหมด 49 ภารกิจ”

สีหน้าของผู้อาวุโสคุมกฎปรากฏความเยือกเย็นขึ้นเล็กๆ

หยางก่านคิดจะลงมือ ทว่ากลับถูกแม่เฒ่าหลิวเยว่ห้ามเอาไว้พร้อมส่งเสียงผ่านกระแสจิต “ใจเย็นไว้ เจ้าไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองมากมาย ผู้อาวุโสคุมกฎย่อมไม่สร้างความลำบากให้เจ้ามากนัก แต่หากเจ้าต่อต้าน สบประมาทตำแหน่งผู้อาวุโสสำนักของเขา เขาอาจทำให้เจ้าต้องเสียเนื้อหนัง”

“หยางก่าน เจ้าจะยอมรับบทลงโทษเล็กๆ นี่แต่โดยดีหรือไม่?”

น้ำเสียงเย็นเยียบเย่อหยิ่งดังขึ้น

“ศิษย์ยอมรับ”

หยางก่านกดความรู้สึกโกรธแค้นชิงชังเอาไว้ รับภารกิจทั้ง 49 ของสำนักมา

สามวันต่อมา

หยางก่านนำคนออกจากตำหนักกลางของสำนัก

“ศิษย์น้องหลัน ศิษย์น้องหลิน และศิษย์น้องหยาง… ลำบากพวกเจ้าแล้ว”

หยางก่านมองไปเบื้องหลัง เจ้าของใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้อดที่จะแย้มยิ้มอย่างขมขื่นหดหู่ไม่ได้ ศิษย์เหล่านี้ที่ทำภารกิจด้วยกันคือหลันเสี่ยวหยวน หลินฟ่าน และ

หยางชิงชัน ส่วนมากล้วนเป็นศิษย์ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อจ้าวเฟิงและหลันเสี่ยวหยวนก็คือศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักคนก่อน

หากไม่สูญเสียปีกที่ปกป้องของผู้อาวุโสหนึ่งไป พวกเขาย่อมไม่ถูกใช้งานเช่นนี้

“ศิษย์พี่หยาง ข้ากังวลนักว่าเจ้าสำนักหยุนไห่จะไม่ปล่อยท่านไปง่ายๆ ช่วงที่ออกไปทำภารกิจนี้ท่านหาโอกาสหนีไปเถอะ”

หลินฟ่านเอ่ยเสนอขึ้น

ในอดีต หลินฟ่านเคยเข้าสำนักส่วนในจากสำนักส่วนนอกพร้อมกับจ้าวเฟิง ทั้งยังเคยเข้าร่วมการทดสอบยอดนภาด้วยกัน

บัดนี้ พลังฝึกตนของหลินฟ่านสามารถบรรลุนภาที่ห้าได้จากนภาที่สี่ล้วนเป็นโชคดีที่จ้าวเฟิงช่วยเหลือในอดีต

“ข้าไม่อาจหนีไปได้ นอกจากนั้นจะมีโอกาสให้หนีหรือ?”

หยางก่านแหงนศีรษะอย่างไม่ตั้งใจ

ท่ามกลางหมู่เมฆที่ปรากฏดวงอาทิตย์เป็นจุดเล็กๆ ได้ปรากฏกลุ่มที่รับภารกิจบนน่านฟ้าอยู่

“กลุ่มเล็กๆ ที่ออกมาทำภารกิจ คุ้มค่ากับเวลาของผู้ฝึกตนขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสองคนและนภาที่เจ็ดอีกหลายคนมาเฝ้าดูหรือ?”

ไม่นาน กลุ่มเล็กๆ ที่หยางก่านนำก็ออกจากประตูของหุบเขา

ในยามนี้เอง

บางสิ่งได้แหวกอากาศมาจากเส้นขอบฟ้า

“ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงหลายคน…”

กลุ่มคนที่ออกมาทำภารกิจอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้

ในสายตาของพวกเขา มีเพียงแค่ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถบินมาในอากาศได้อย่างอิสระ แต่ในยามนี้ ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงหลายคนได้ลงมือเคลื่อนไหวพร้อมกัน นับว่าหายากยิ่งนัก

“หืม”

ในกลุ่มยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเหล่านั้น เด็กหนุ่มในชุดสีดำพลันชะงักไป

ฟึ่บ

กลิ่นอายทรงพลังของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงพลันปรากฏขึ้นจากอากาศ เด็กหนุ่มชุดดำพลิ้วกายลงมาอย่างเชื่องช้า

บรรลุถึงขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงในวัยเพียงเท่านั้น

ศิษย์ที่เฝ้าประตูสำนักจันทร์สลายใกล้ๆ เงียบสนิท

“เป็น… เป็นเจ้า…”

“เป่ยม่อ”

หยางก่าน หยางชิงชัน รวมทั้งคนอื่นๆ ในกลุ่มเล็กๆ อดที่จะอุทานออกมาเบาๆ ไม่ได้

เด็กหนุ่มชุดดำผู้มาใหม่ ใบหน้าเรียบเฉย สายตากวาดมองคนทั้งหลาย สายตาหยุดลงที่ ‘หยางชิงชัน’ นานกว่าปกติเล็กน้อย

ในอดีต

เป่ยม่อ หยางชิงชัน และจ้าวเฟิงต่างก็เคยเป็นศิษย์ของเจ้าเมืองกว่านจวิน

ทว่าการพบกันครั้งนี้ เป่ยม่อได้บรรลุสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง กลิ่นอายไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสคุมกฎมากนัก

“เรื่องอันใดกัน?”

นัยน์ตาของเป่ยม่อส่องประกายประหลาดใจ คนกลุ่มตรงหน้านี้ ส่วนมากเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหนึ่งหรือเป็นศิษย์ที่มีสัมพันธ์อันดีต่อจ้าวเฟิง

หยางก่านเค้นเสียงเย็น เขาไม่เคยมีความรู้สึกอันดีต่อเป่ยม่อ มีเพียงหลันเสี่ยวหยวนที่สีหน้าย่ำแย่ เอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านมาเล็กๆ เป่ยม่อนิ่งเฉย กลับไปรวมตัวกับร่างบนท้องนภา เข้าไปในสำนักจันทร์สลายพร้อมกัน

เทือกเขานภาจันทร์ เหนือตำหนักขนาดใหญ่

“ฮี่ฮี่ เป่ยม่อ เจ้าไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังโดยแท้ กลับมาจากงานชุมนุมเซียนมังกร ทั้งยังได้รับความเชื่อใจอย่างมากจากผู้ที่แข็งแกร่งอย่างจ้าวตำหนัก”

บนใบหน้างดงามเปราะบางของเจ้าสำนักหยุนไห่เต็มไปด้วยความยินดี เดินไปตบไหล่ เป่ยม่ออย่างกระตือรือร้น

“ท่านอาจารย์ ท่านรู้เรื่องที่จ้าวเฟิงกลับมาหรือยัง? ตามข่าวของพันธมิตรมังกรโลหะ จ้าวเฟิงได้เข้ามาในสิบสามแคว้นแล้ว กำลังมุ่งหน้าตรงมายังสำนักจันทร์สลาย สถานการณ์เสียเปรียบสำหรับท่านอาจารย์ยิ่งนัก”

เป่ยม่อเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!