บทที่ 471 การโจมตีของจิตแห่งดาบ
มรดกเจ็ดดาบ ดาบสวรรค์สิ้น
แสงสีแดงเย็นเยียบบางเบาราวเส้นไหมวาดออกในอากาศพร้อมกับดาบโบราณที่ใช้ออก ให้ความรู้สึกราวกับแทรกผ่านมาจากอดีตกาล เข่นฆ่าศัตรู
ฟึ่บ
วิชาดวงตาที่หลินทงใช้ ‘จันทรามารสีแดงโลหิต’ ครึ่งดวงได้พังทลายลง ภาพคุกปีศาจที่น่าพรั่นพรึงจางหายไปจากสมอง ในเสี้ยววินาที กลิ่นอายจิตแห่งดาบที่เย็นเยียบหม่นหมองได้ทะลวงผ่านร่างกายของเขา ตัดผ่านเข้าไปในจิตใจ
ร่างของหลินทงสั่นสะท้าน กระอักเลือดใบหน้าซีดขาว
“มรดกเจ็ดดาบ… มิคาดว่าเจ้า…”
ดวงตาทั้งสองของหลินทงปรากฏเลือดไหลออกมา
กระบวนดาบของชางหยูเยว่ไม่เพียงทำลายวิชาดวงตาของเขา ทว่ายังโจมตีไปยังสายเลือดดวงตาของเขาด้วย
คนทั้งสองสู้กัน ใช้เวลาไปเพียง 1-2 ลมหายใจ
หลินทงใช้วิชาดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาไปแล้ว ทว่าไม่เพียงพ่ายแพ้ สายเลือดดวงตายังได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของชางหยูเยว่เสียอีก
“ข้าแพ้”
หลินทงหดหู่ ในงานสิบสามสำนักพันธมิตรในอดีต เขาเองก็ได้พ่ายแพ้ให้แก่ชางหยูเยว่เช่นนี้ การปะทะกันเมื่อครู่ คนทั้งสองล้วนพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ทว่าความแตกต่างระหว่างหลินทงและชางหยูเยว่ เมื่อเทียบกับการต่อสู้ในอดีตแล้วยังมากมายกว่า
“คู่ต่อสู้ที่ข้ามาหาไม่ใช่เจ้า”
ชางหยูเยว่เอ่ยเสียงแผ่วเบา
แม้ว่านางจะยังไม่ทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ ทว่าในบรรดาผู้ฝึกตนที่มีพลังต่ำกว่าขั้นนายเหนือแท้ นางนับว่าไร้เทียมทาน
ประกายแสงสีขาวที่รวดเร็วดุดันทะยานผ่านหุบเขา ปรากฏขึ้นเป็นร่างของสาวงามในชุดสีขาว
ผู้ใดกัน
สีหน้าของหลินทงเย็นชา ความเร็วของสาวงามในชุดสีขาวเมื่อครู่กระทั่งเหนือกว่าความเร็วที่ดวงตาของเขาจะมองทัน
“ผู้อาวุโสไป๋ ข้ามายังสำนักจันทร์สลายเพื่อท้าประลองจ้าวเฟิง หวังว่าท่านจะไม่ก้าวก่าย”
ชางหยูเยว่แสดงสีหน้าจริงจัง
สาวงามในชุดสีขาวแย้มยิ้ม มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจความคิดของชางหยูเยว่
ทว่าสายตาของผู้อาวุโสไป๋พลันเบนไปยังร่างของ ‘หลินทง’ พร้อมด้วยสีหน้าเย็นชา “เด็กน้อย เจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับลัทธิมารจันทราชาด? วิชากับสายเลือดดวงตาของเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับมรดกจันทราชาด มันไม่อาจเล็ดรอดสายตาข้าไปได้” ในน้ำเสียงใสกระจ่างไพเราะของผู้อาวุโสไป๋ได้เต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นเยียบ
ร่างของหลินทงสั่นสะท้านขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แรงกดดันจากจิตวิญญาณของ ‘ผู้อาวุโสไป๋’ กระทั่งเหนือกว่า ‘สี่จ้าวตำหนัก’ ของพันธมิตรมังกรโลหะ
เขาไม่แม้แต่จะสงสัยว่าหากยอดฝีมือในระดับนี้ต้องการจะฆ่าเขาก็ลำบากเพียงดีดนิ้วเท่านั้น
เมื่อถูกผู้อาวุโสไป๋ถาม หัวใจของหลินทงก็หล่นวูบ
เขาได้ถูกฝึกฝนมาโดย ‘ลัทธิมารจันทราชาด’ จริงๆ กระทั่งได้รับความสำคัญอย่างสูง ได้โอกาสเข้าไปใน ‘มรดกจันทราชาด’ ครั้งหนึ่ง
ทว่าลัทธิมารจันทราชาดในทวีปนี้นับเป็นศัตรูต่อทุกฝ่าย ในอดีตยามที่ครอบครองทั้งทวีป มิรู้ว่าได้สร้างความขุ่นข้องหมองใจกับกลุ่มอำนาจสำนักไปมากมายเพียงใด
ฟึ่บ ฟึ่บ
ในยามนี้ นายเหนือเซียวเหยาและผู้เฒ่าซู่ สองยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ตามมาจากทางประตูเข้าหุบเขา
“ผู้ใดกล้ารบกวนสำนักจันทร์สลาย”
น้ำเสียงไร้ความรู้สึกของนายเหนือเซียวเหยาดังขึ้น ตามมาด้วยพลังอำนาจของขั้นนายเหนือแท้ที่ทะยานลงมาจากฟากฟ้า
จากพันธะสัญญาโลหิตฉบับใหม่ นายเหนือเซียวเหยาจำเป็นต้องป้องกันทางเข้าหุบเขา
“ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำสองคน?”
นัยน์ตาของผู้อาวุโสไป๋ซางปรากฏความประหลาดใจพาดผ่านเล็กๆ
ขั้นนายเหนือแท้ แม้จะเป็นในอาณาจักรก็นับเป็นตัวตนที่สุดยอด ทว่าในหุบเขาที่ห่างไกลนี้กลับปรากฏขึ้นสองคนพร้อมกัน
แน่นอนว่า ผู้อาวุโสไป๋เพียงกวาดตามองไปยังนายเหนือเซียวเหยาและผู้อาวุโสซู่ ทว่าไม่เห็นอยู่ในสายตา นางเค้นเสียงเย็น นัยน์ตาส่องประกายเหยียดหยาม
นายเหนือเซียวเหยาและผู้เฒ่าซู่ร่างกายจิตใจแข็งเกร็ง เผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมา
สายตาของผู้อาวุโสไป๋เมื่อครู่ราวกับคมดาบที่ดุดันแหลมคม ทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของพวกเขา เพียงแค่สายตาก็สร้างแรงกดดันที่ทำให้สองยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ไม่กล้าที่จะสบตา กับอีกฝ่ายตรงๆ อีก
“ขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอด…”
สีหน้าของผู้เฒ่าซู่และนายเหนือเซียวเหยาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจจนสิ้นเสียง
ในยามนี้ สองยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้สูดลมหายใจลึก สีหน้าเลวร้ายเป็นพิเศษ นับว่าตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตแล้ว
เป็นเรื่องดีที่ผู้อาวุโสไป๋ไม่นำสองยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้มาใส่ใจ สายตาของนางเบนไปยังร่างของหลินทง
สีหน้าของหลินทงซีดเผือด ราวกับตกลงสู่ขุมนรก
สัญชาตญาณบอกเขา สตรีชุดขาวเบื้องหน้าผู้นี้มีพลังเหนือกว่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ของแคว้นเมฆา
“ผู้อาวุโสใจร้อนเกินไปแล้ว ผู้เยาว์เคยเป็นหนึ่งในสาวกของลัทธิมารจันทราชาดจริงๆ ทว่าตอนนี้ออกมาแล้ว…”
หลินทงเค้นเสียงพูดออกมาได้ในที่สุด
สีหน้าของผู้เฒ่าซู่และนายเหนือเซียวเหยาแปรเปลี่ยนไป หากผู้อาวุโสไป๋ที่พวกเขาไม่อาจมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งผู้นี้ตั้งใจจะฆ่าหลินทงจริงๆ พวกเขาเองก็อาจจะไม่สามารถขัดขวางอีกฝ่ายได้
“ฮี่ฮี่ ยอดฝีมือของสำนักหมื่นดาบมาเยือนยังหุบเขา นับว่าสำนักจันทร์สลายของข้าเป็นเกียรติยิ่งนักแล้ว” เสียงหัวเราะแผ่วเบาอบอุ่นลอยมาตามสายลมและเสียงกระแสไฟฟ้า หยุดลงที่ชั้นเมฆ
ใกล้หุบเขาปรากฏคลื่นวายุอัสนีสั่นกระเพื่อม ทำให้ผู้คนรู้สึกหนึบชาเล็กๆ สายลมเย็นเยียบพัดไล้ผิวกาย
เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินปรากฏตัวขึ้นกลางนภา
ในวินาทีนั้น สายลมรอบด้านราวหยุดชะงักไปชั่วขณะ เสียงฟ้าคำรามดังก้องในใบหู
“เป็นเจ้าเองหรือ? สมแล้วที่เป็นหนึ่งในสองราชาแห่งผู้ถูกเลือกของยุคนี้ ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือนกระทั่งบรรลุขั้นนายเหนือแท้แล้ว”
นัยน์ตาของผู้อาวุโสไป๋ซางส่องประกาย เหลือบมองก็รับรู้ถึงตัวตนของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินในทันที เมื่อจ้าวเฟิงมาถึง แรงกดดันที่หลินทงได้รับก็ลดลงอย่างรวดเร็ว แทบจะทรุดลงไป คนส่วนมากในยามนี้ รวมทั้งหลินทงรู้สึกแปลกประหลาด ผู้อาวุโสไป๋ผู้นี้รู้จักจ้าวเฟิง?
จนกระทั่งบัดนี้ ความสำเร็จของจ้าวเฟิงในงานชุมนุมเซียนมังกร คนในแคว้นเมฆามีเพียงไม่กี่คนที่ล่วงรู้
“สำนักหมื่นดาบ? อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเป็นสำนักดาบอันดับหนึ่งของทวีปนั่น?”
ผู้เฒ่าซู่และนายเหนือเซียวเหยาอดที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปไม่ได้
อำนาจของสำนักดาบอันดับหนึ่งแห่งทวีปบุปผาคราม กระทั่งยอดฝีมือในแคว้นเมฆาที่เล็กจ้อยนี้ยังเคยได้ยินมา
ในทวีปเหนือ สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดคือ ‘สำนักเทียนหยวน’ เป็นอันดับหนึ่งในสิบยอดสำนักแห่งทวีป
ทว่าสำนักดาบเมฆาเป็นสำนักที่เป็นรองเพียงสำนักเทียนหยวนในทวีปเหนือ พลังอำนาจของสำนักเพียงพอที่จะทำลายแคว้นเมฆาและสองแคว้นใหญ่ได้
“ไม่แปลกใจเลยที่สตรีผู้นี้จะไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา”
ในใจนายเหนือเซียวเหยาผ่อนคลายขึ้น
“ผู้อาวุโสชมมากเกินไปแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องของความพยายามและโชค ตำแหน่งราชาแห่งผู้ถูกเลือก คนแซ่จ้าวผู้นี้ไม่กล้ารับไว้”
จ้าวเฟิงไม่ทั้งเย่อหยิ่งหรือถ่อมตน
ทว่าในความเป็นจริง ผู้อาวุโสไป๋ซางผู้นี้ได้สร้างแรงกดดันเล็กๆ ให้กับเขา กระทั่งให้ความรู้สึกอันตรายขึ้นเล็กๆ พลังฝึกตนของอีกฝ่ายสูงถึงขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอด ไม่ต้องเอ่ยเลยว่ายังเป็นยอดฝีมือดาบอีก
ยอดฝีมือในระดับเดียวกัน ยอดฝีมือดาบมีความอันตรายมากที่สุด
สามารถคาดเดาได้เลยว่าระดับพลังต่อสู้ของผู้อาวุโสไป๋ซางผู้นิ้เทียบเคียงกับ รองจ้าวลัทธิโลหะเลือดได้เป็นอย่างน้อย
“ความสามารถของเด็กนี่น่าหวาดกลัวนัก ความเร็วในการพัฒนารวดเร็วอย่างน่าตื่นตะลึง ไม่รู้ว่าในมรดกต่างแดนของเขามีความลับอันใดอยู่?”
นัยน์ตางดงามของผู้อาวุโสไป๋สั่นระริก มองนิ่งไปยังจ้าวเฟิง
วันนั้นในงานชุมนุมเซียนมังกร จ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟ่ยเข้าไปใน ‘มรดกนิรนาม’ ลึกลับ
‘มรดกนิรนาม’ นั้นดูจากระดับของกลิ่นอายแล้วมีโอกาสที่จะเหนือกว่าสี่มหามรดก อย่างน้อยก็สามารถสั่นคลอนภาพมรดกสาขาของมรดกความลับสวรรค์ได้
ไม่เพียงแค่ผู้อาวุโสไป๋ที่รู้สึกสนใจในมรดกนิรนามนี้ บางทีผู้สูงศักดิ์บางคนของ ‘สหพันธ์แดนศักดิ์สิทธิ์’ ในทวีปกลางเองก็คงรู้สึกสนใจเช่นกัน
“ผู้อาวุโสไป๋ ข้าหวังว่าท่านจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวการประลองกันระหว่างข้าและจ้าวเฟิง”
ร่างงดงามของชางหยูเยว่ก้าวขึ้นมาเผชิญหน้ากับจ้าวเฟิงในเสี้ยววินาที
“ได้”
ผู้อาวุโสไป๋ส่ายศีรษะ เคลื่อนกายห่างออกไปเพื่อเฝ้ามอง
การตัดสินใจของชางหยูเยว่ ผู้อาวุโสไป๋เองก็รู้ดี แม้ว่าจ้าวเฟิงในยามนี้จะแข็งแกร่งเกินกว่าที่คาด ชางหยูเยว่ก็จะยังคงท้าประลอง
“ชางหยูเยว่ เจ้าพัฒนาขึ้นไม่ใช่น้อยจริงๆ หากเป็นก่อนที่ข้าจะบรรลุขั้นนายเหนือแท้ บางทีเจ้าอาจจะสามารถสู้ข้าได้ แต่ยามนี้…”
จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างเสียดายเล็กๆ
เขาได้ข้ามขั้นจากขั้นผู้วิเศษแท้มาเป็นขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำ
ความแตกต่างของพลังฝึกตนที่มากมายเป็นเรื่องจริง
สีหน้าของผู้อาวุโสไป๋และชางหยูเยว่ย่ำแย่ลง
ก่อนหน้าที่จะท้าประลอง ชางหยูเยว่นึกว่าพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงยังอยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ ทว่าเมื่อพวกนางมาถึงยังสำนักจันทร์สลาย มิคาดว่าจ้าวเฟิงจะบรรลุขั้นนายเหนือแท้ ทั้งยังก้าวข้ามไปยังขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำในครั้งเดียว
“จ้าวเฟิง ยามที่ข้ายังอยู่ในมรดกเจ็ดดาบเผชิญหน้าวิกฤต ได้ฆ่าอัจฉริยะขั้นนายเหนือแท้ไปเช่นกัน”
นัยน์ตาราบเรียบของชางหยูเยว่ส่องประกายจิตแห่งดาบเย็นเยียบขึ้น
จิตแห่งดาบที่ไม่อาจมองเห็นนั้นได้ทิ่มแทงไปยังร่างกายและจิตใจ จิตใจของยอดฝีมือจำนวนมากในบริเวณนั้นได้รับผลกระทบอย่างน่ากลัว
ผู้เฒ่าซู่และนายเหนือเซียวเหยารู้สึกว่าจิตใจสั่นสะท้าน คำพูดและสายตาของชางหยูเยว่ราวกับเป็นคมมีดที่ทิ่มแทง
ในยามนั้น
ตัวของชางหยูเยว่ราวกับกลายเป็นดาบ ดาบทองแดงโบราณสีเขียวหักๆ ในมือได้ส่งเสียงหวีดหวิวของดาบขึ้น พลังน่าพรั่นพรึงที่ราวกับแทรกผ่านห้วงกาลเวลาปรากฏขึ้น ราวกับจะฟื้นคืนชีวิตขึ้นได้
ฟุ่บ
แม้ไม่ได้โจมตี จิตแห่งดาบที่ไม่อาจมองเห็นบนร่างของชางหยูเยว่ก็ฟาดฟันออก ส่งกลิ่นอายเย็นเยียบหนาแน่น ดูแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเข่นฆ่าคนทั่วไปได้
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงรับรู้ได้ถึงคมดาบแตกหักสีฟ้าเย็นเยียบได้ มันส่งกลิ่นอายเย็นเยียบคุกคามออกมา ทะลวงผ่านกายเนื้อ ทำลายจิตใจ
การโจมตีด้วยจิตแห่งดาบเช่นนั้นย่อมไปถึงจ้าวเฟิงในเสี้ยววินาที ทว่าการโจมตีในระดับจิตวิญญาณ ร่างกายแทบจะไม่มีทางหลบเลี่ยงได้
จิตวิญญาณเหมันต์จู่โจม
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงส่องประกายเย็นเยียบ ส่งเส้นแสงสีฟ้าใสปะทะเข้ากับการโจมตีของจิตแห่งดาบของชางหยูเยว่ ‘เคร้ง’ สลายการโจมตีของอีกฝ่ายไป
“ขัดขวางการโจมตีของจิตแห่งดาบ?”
ผู้อาวุโสไป๋ที่เฝ้าดูชางหยูเยว่อยู่ข้างๆ ตื่นตะลึงจนใบหน้าซีดขาว
“ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ? การโจมตีของจิตแห่งดาบเมื่อเทียบกับการโจมตีพลังจิตทั่วไปแล้วยังรวดเร็วกว่ามาก ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าหยูเยว่เป็นฝ่ายลงมือก่อน”
จิตใจของผู้อาวุโสไป๋สั่นสะท้าน ยากที่จะยอมรับได้
ยอดฝีมือดาบ เมื่อสร้างจิตแห่งดาบขึ้นได้จะสามารถทำลายภูตผีปีศาจเทพได้ สามารถต่อต้านวิชามายาได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งวิชาที่เกี่ยวข้องกับสายเลือดดวงตา
ในเสี้ยววินาที ร่างของชางหยูเยว่แข็งเกร็ง สตินึกคิดเชื่องช้าลง
เป็นเรื่องดีที่จิตแห่งดาบของนางก็ยังมาจาก ‘มรดกเจ็ดดาบ’ ทั้งแหลมคมและทรงพลัง สามารถตัดความเย็นเยียบที่แทรกซึมเข้ามาในดวงวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว
“ใช้วิชาดวงตาขัดขวางการโจมตีด้วยจิตแห่งดาบของศัตรู บางทีคงมีเพียงเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ที่สามารถทำได้อย่างง่ายดายเช่นนี้”
หลินทงพยายามทำใจให้สงบนิ่ง
เขาเห็นอย่างชัดเจน จ้าวเฟิงรับมือกับการโจมตีของศัตรูได้อย่างง่ายดาย มันยากที่จะคาดเดาถึงก้นบึ้งความสามารถในวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงว่าเป็นเช่นไร