Skip to content

King of Gods 50

King Of Gods

บทที่ 50 : ความโกรธจากความอับอาย

ซินหวู่เฮิงสิบกระบวนท่า!

การชุมนุมได้เข้าสู่จุดที่เข้มข้นที่สุดเมื่อซินหวู่เฮิงปรากฏกาย ในฐานะของผู้ชนะในงานชุมนุมคราวที่แล้ว ทำให้ชายหนุ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองประกายอรุณ

“ซินหวู่เฮิง ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว” ความกระหายการต่อสู้ปรากฏขึ้นในดวงตาของจ้าวหลินหลง กลิ่นอายของผู้ฝึกตนขั้นหกได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่

“จ้าวหลินหลง พลังของเจ้านั้นได้ถูกใช้ไปบ้างแล้ว จะดีกว่าหากเจ้าพักเสียก่อน” ชิวเมิงหยูเอ่ยเตือนอย่างช่วยเหลือ

ชายหนุ่มชุดทองนั้นได้ประลองมาหลายรอบก่อนหน้าและได้ใช้พลังกายไปจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อสู้กับชิวเมิงหยู หากเขาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ทั่วๆ ไปนั้นจ้าวหลินหลงคงไม่กระทั่งใส่ใจปัญหานี้ แต่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาในครานี้นั้นคือ ‘สิบกระบวนท่า’ ซินหวู่เฮิง ผู้ที่ตีเขาจนพ่ายแพ้แล้วครั้งหนึ่ง

“พี่หลินหลง ท่านพักเสียก่อน ข้าจะลองวิชาของเขาเอง” จ้าวหลิงกระโดดออกไปยังใจกลางลานประลองพร้อมด้วยหอกของเขา

ลำดับของจ้าวหลิงในงานประลองจัดอันดับนั้นคืออันดับที่เจ็ด และไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะเข้าร่วม ทว่าจ้าวหลินหลงได้ให้ที่ของจ้าวเฟิงแก่เขา ดังนั้นแล้วจ้าวหลิงจึงได้รู้สึกซาบซึ้งในตัวของจ้าวหลินหลงและต้องการที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย

“ได้ แต่อย่าได้ฝืนตนเองล่ะ” จ้าวหลินหลงเดินกลับไปยังกระโจมและเริ่มที่จะฟื้นฟูพลัง

การที่จ้าวหลิงออกไปสู้ก่อนนั้น เขาจะสามารถทดสอบถึงความสามารถของซินหวู่เฮิงได้

“ซินหวู่เฮิง… รับหอกของข้าไปซะ!” จ้าวหลิงตวาดลั่นขณะที่หอกเงินของเขาพุ่งผ่านความมืดมิดยามค่ำคืน

ซินหวู่เฮิงยืนนิ่งโดยที่ไขว้มือไว้ด้านหลังหนึ่งข้าง

อุกอาจนัก!

การกระทำของซินหวู่เฮิงนั้นหมายความว่าชายหนุ่มมิได้เห็นจ้าวหลิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

ฟุ่บ!

หอกถูกทิ่มแทงไปยังหัวไหล่ซ้ายของคู่ต่อสู้ ใบหน้าของซินหวู่เฮิงไร้อารมณ์ขณะที่เขายกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว

เคร้ง!

นิ้วที่ดูแสนธรรมดากลับสามารถโจมตีเข้าที่จุดอ่อนของปลายหอกได้อย่างแม่นยำ พลังภายในที่ทรงพลังและกราดเกรี้ยวได้ไหลผ่านหอกเงินเข้าสู่ร่างของจ้าวหลิง

จ้าวหลิงรู้สึกได้ว่าโลหิตทั้งร่างนั้นเดือดพล่าน

“ปล่อย!”

ซินหวู่เฮิงวาดมือของเขา ก่อนที่พลังภายในที่ไม่มีใครเทียบได้จะโจมตีไปยังร่างของจ้าวหลิงกระทั่งกระอักเลือด

เคร้ง!

หอกกระเด็นลอยออกจากมือของเขาก่อนจะร่วงหล่นลงบนพื้น

จ้าวหลิงนั้นพ่ายแพ้ให้กับนิ้วหนึ่งนิ้วและฝ่ามือหนึ่งฝ่ามือในเสี้ยววินาที ภาพนั้นทำให้หัวใจของเหล่าอัจฉริยะกระตุก แม้จะอยู่ในความคาดหมายของพวกเขาก็ตาม อย่างไรก็ตาม ซินหวู่เฮิงนั้นคืออันดับหนึ่งในงานชุมนุมปีที่แล้ว และกระทั่งจ้าวหลินหลงก็อาจจบลงด้วยภาพเดียวกัน

ภายในกระโจมของตระกูลจ้าว

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึม เขาเห็นทุกสิ่งในการประลองเมื่อครู่ได้ด้วยตาซ้ายของเขา ทุกๆ การเคลื่อนไหวที่อีกฝ่ายใช้ออกนั้นดูธรรมดาและง่ายดาย ทว่าพวกมันกลับสามารถโจมตีไปยังช่องว่างของจ้าวหลิงได้ราวกับอีกฝ่ายมีความสามารถเดียวกับดวงตาซ้ายของเขา

นอกจากนั้น การโจมตีของซินหวู่เฮิงนั้นราวกับเคลื่อนไหวไปตามกฎเกณฑ์บางอย่างที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา มันคล้ายคลึงกับการโจมตีของหญิงสาวในหุบเขาผู้นั้น ทว่าความรู้สึกได้รับจากนางนั้นแข็งแกร่งกว่าชายหนุ่มเบื้องหน้ากว่าสิบเท่า

“พี่หลินหลง ท่านฟื้นฟูพลังอีกหน่อย ข้าจะบังคับให้เขาใช้พลังทั้งหมดของเขาเอง” ดวงตาของจ้าวชิเปล่งประกายขณะที่เขากระโจนออกไป

“โจมตี” ซินหวู่เฮิงยังคงยืนสีหน้าไร้อารมณ์

“หมัดกรีดนภา!”

จ้าวชิได้วิชาระดับสูงที่ถูกฝึกจนเข้าใกล้ขั้นสุดยอดในทันที ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ได้ใช้วิชาเคลื่อนไหวระดับสูงและวิชาเสริมกายาระดับสูงไปพร้อมๆ กัน

ความแข็งแกร่งของจ้าวชินั้นใกล้เคียงกับสี่ยอดอัจฉริยะที่สุด และเขาไม่มีจุดอ่อนใดๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านใด ดังนั้นแล้วเขาจึงเป็นผู้ที่ดีที่สุดในการทดสอบพลังของซินหวู่เฮิง

ดรรชนีตัดวายุ!

นิ้วของซินหวู่เฮิงนั้นตัดผ่านอากาศราวกับดาบอันแหลมคม

เปรี้ยง!

นิ้วและกำปั้นเข้าปะทะกัน ทว่านิ้วของซินหวู่เฮิงกลับลากผ่านหมัดของอีกฝ่ายไป

ร่างของจ้าวชิกระเด็นลอยออกไปทันทีพร้อมกับแขนที่ชาหนึบ

“ดรรชนีตัดวายุ? ดูเหมือนว่ามันจะเป็นวิชาระดับกลาง!”

“เดี๋ยว ข้าเองก็ได้เรียนรู้วิชาดรรชนีตัดวายุ ทว่ามันกลับดูแตกต่างจากวิชาที่เขาใช้ออก”

เสียงถกเถียงดังขึ้น

จ้าวชิสูดลมหายใจลึกและใช้วิชาเคลื่อนไหวระดับสูงของเขาในการหลบรอดออกจากอันตราย

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ทั้งสองแลกนิ้วและหมัดแก่กัน

หนึ่งกระบวนท่า สองกระบวนท่า สามกระบวนท่า…

ซินหวู่เฮิงไม่แม้แต่จะขยับสักก้าว ในขณะที่จ้าวชินั้นกลับมีเหงื่อโชกและหายใจหอบ พวกเขาปะทะกันเพียงแค่สามกระบวนท่าถ้วน ทว่าจ้าวชิกลับใช้พลังมากกว่าปกตินับร้อยเท่า การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นตอบโต้เขาได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกครั้ง

แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังภายในและพลังฝึกตนในขั้นเดียวกัน ซินหวู่เฮิงก็ราวกับว่าเชื่อมต่อกับสวรรค์

เมื่อพวกเขาเข้าสู่กระบวนท่าที่ห้า ทรวงอกและแขนของจ้าวชิก็เจ็บปวดจากการใช้ป้องกัน

ทันใดนั้น ในกระบวนท่าที่หก ซินหวู่เฮิงก็ได้ใช้วิชาแข้งระดับกลางโจมตีไปที่แขนของจ้าวชิดัง ‘ปั่ก’

“อ๊ากกกก”

จ้าวชิกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและทรุดตัวลงบนพื้น เหงื่อเย็นเยียบไหลโชก

ซินหวู่เฮิงใช้เพียงวิชาแข้งและดรรชนีระดับกลางในการเอาชนะจ้าวชิ

“เหมือนเช่นปีที่แล้ว เขายังคงใช้วิชาระดับกลาง”

“ทุกวิชาของเขาถูกฝึกฝนจนเข้าขั้นสุดยอด”

ใจกลางลานประลอง

ซินหวู่เฮิงยืนเหยียดตัวสูงส่งพร้อมด้วยสองมือไพล่หลังอย่างใจเย็นราวกับเขาไม่ได้ใช้พลังใดๆ ไปในการต่อสู้ก่อนหน้าแม้แต่น้อย หลังจากที่จ้าวชิพ่ายแพ้ ตระกูลชิวก็ได้ส่งศิษย์ที่มีพรสวรรค์ออกมาสองสามคนเพื่อที่จะหยั่งเชิงเขาทว่ากลับไร้ประโยชน์ กระทั่งชิวชางอี้ก็ถูกเอาชนะได้ในกระบวนท่าที่เจ็ด และทุกๆ ครั้งที่ซินหวู่เฮิงโจมตีนั้น เขาจะใช้มือเพียงข้างเดียวเท่านั้น

ผู้ฝึกตนในขั้นเดียวกันพ่ายแพ้อย่างง่ายดายภายใต้ความเครียด

“ยากจะเชื่อได้…” จ้าวเฟิงมองไปยังการประลองเบื้องหน้าและสรุปได้ในที่สุด

ซินหวู่เฮิงได้ฝึกฝนวิชาระดับกลางห้าถึงหกวิชาจนกระทั่งเข้าสู่ขั้นสุดยอด บางกระบวนท่านั้นกระทั่งเหนือกว่าพลังแต่ดั้งเดิมของวิชานั้น

ในเวลาเดียวกัน

บนต้นไม้ใกล้งานชุมนุมปรากฏร่างสองร่างในชุดสีเงินหลบซ่อนอยู่ภายในแมกไม้ หลบซ่อนจากแสงสว่าง

“สามารถฝึกฝนวิชาระดับกลางจนเข้าสู่ขั้นสุดยอดได้มากมายเพียงนี้… ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมืองเล็กๆ เช่นเมืองประกายอรุณจะมีอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นนี้ หากเขาอยู่ภายในเมืองจวิน เขาย่อมติดหนึ่งในสิบเป็นแน่” หนึ่งในร่างสีเงินเอ่ย

“เจ้าดูถูกเขาเกินไป… แม้ว่าเขาจะยังไม่ถึงขั้นจอมยุทธ์ ทว่าเขาก็ได้สำนึกรู้บ้างแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจถึงความหมายของมันใช่หรือไม่?” อีกร่างหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบห้าว

ไม่มีผู้ใดในบรรดาอัจฉริยะ ผู้ชม หรือกระทั่งผู้อาวุโสที่รับรู้ถึงตัวตนของทั้งสอง

ซินหวู่เฮิงยืนหน้าไร้อารมณ์อยู่ใจกลางลานประลอง ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะท้าประลองเขาอีก ดังนั้นแล้วสายตาของทุกคนจึงได้เบือนไปมองยังร่างของจ้าวหลินหลง

จ้าวหลินหลงได้ทะลวงเข้าขั้นหกแห่งหนทางของผู้ฝึกตนและเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถรับมือกับยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของปีที่แล้วได้ ดวงตาของซินหวู่เฮิงเองก็ได้กวาดไปยังกระโจมของตระกูลจ้าวราวกับเฝ้ารอบางอย่าง

“เจ้าพร้อมหรือไม่ ซินหวู่เฮิง?” จ้าวหลินหลงลุกขึ้นยืน ตอนนี้เขาได้เข้าสู่สถานะสมบูรณ์พร้อมที่สุด ทั้งโลหิตและพลังภายในล้วนเดือดพล่านภายในร่างกายของชายหนุ่ม

“ข้าไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว” แม้ว่าเขาจะเพิ่งผ่านการประลองจำนวนมากมา แต่พวกเขาก็แทบจะไม่สามารถทำให้ผู้ถือครองอันดับหนึ่งเสียพลังได้เมื่อคู่ต่อสู้ของเขาทุกคนล้วนพ่ายแพ้ภายในเวลาเกือบจะเสี้ยววินาที

“ดี!” ทันทีที่สิ้นคำ จ้าวหลินหลงก็ทิ้งภาพติดตาสีทองไว้และปรากฏกายขึ้นใจกลางลานประลอง

อัจฉริยะทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันอยู่ชั่วครู่ ในขณะที่เหล่าคนดูต่างมองอย่างคาดหวัง กระทั่งร่างในชุดสีเงินทั้งสองก็ยังมองด้วยความสนใจ

‘ย่างก้าวเงา!’

ทันใดนั้น จ้าวหลินหลงก็เคลื่อนไหว แม้ว่าเหล่าผู้สืบทอดรุ่นต่อไปทั้งหลายจะไม่อาจมองเห็นร่างของเขาได้ แต่หูของเขาก็ยังได้ยินเสียง ‘เฟี้ยว เฟี้ยว’ จากร่างของอีกฝ่าย คนส่วนมากรับรู้ว่าวิชาระดับสูงของชายหนุ่ม ‘ย่างก้าวเงา’ นั้นได้เข้าสู่ขั้นสุดยอด และใช้งานได้ดีในยามราตรี

เฮ้อ!

ซินหวู่เฮิงพ่นลมหายใจออกก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือเบื้องหลังของเขาออกมา สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม การประลองก่อนหน้าทั้งหมดเขาใช้มือเพียงข้างเดียว แต่ครานี้ เขาจะใช้สองมือเมื่อคู่ต่อสู้ของเขาคือผู้ฝึกตนขั้นหก

เมื่อเผชิญหน้ากับร่างที่ราวกับภูตผีของจ้าวหลินหลง ซินหวู่เฮิงก็ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหิน จ้าวเฟิงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าโลหิต ลมหายใจ และพลังภายในของอัจฉริยะตระกูลซินนั้นยังคงนิ่งสงบภายในร่าง

“บางทีวิชาเคลื่อนไหวของจ้าวหลินหลงไม่ส่งผลกับเขา” เด็กหนุ่มถอนหายใจพร้อมส่ายศีรษะ

“ข้าไม่เชื่อเจ้า!” จ้าวหลิงเอ่ยอย่างเย็นชา

“วิชาเคลื่อนไหวระดับสูงของพี่จ้าวหลินหลงได้เข้าสู่ขั้นสุดยอด และพลังฝึกตนของเขาก็สูงที่สุดอีกด้วย”

เขาได้สร้างความชื่นชมและเชื่อมั่นต่อจ้าวหลินหลง จ้าวเฟิงแย้มยิ้มทว่าไม่กล่าวอันใด

ฟุ่บ! เปรี้ยง!

ฝ่ามือของร่างสีทองวาดไปยังแผ่นหลังของซินหวู่เฮิง

เร็วยิ่ง!

ไม่มีผู้ใดเข้าใจได้ว่าจ้าวหลินหลงปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังของอัจฉริยะตระกูลซินได้อย่างไร ทว่าในตอนนั้น ซินหวู่เฮิงเองก็ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน เขาขยับกายอย่างเยือกเย็น เพียงแค่ถดร่างท่อนบนไปเล็กน้อย ฝ่ามือที่น่าหวาดหวั่นก็เพียงพุ่งผ่านร่างของเขาไป

“เตะกลับหลัง!”

ซินหวู่เฮิงโจมตีออกโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ

เปรี้ยง!

จ้าวหลินหลงโคจรพลังภายในอย่างรวดเร็วและสามารถรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้ และเช่นที่จ้าวเฟิงคาดไว้ วิชาเคลื่อนไหวของจ้าวหลินหลงนั้นไม่มีผลต่อซินหวู่เฮิง…

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าย่างก้าวเงาของจ้าวหลินหลงไม่ส่งผลต่อเขา?” จ้าวหยูเฟ่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย

อีกด้านนั้น จ้าวหลิงเอ่ยอย่างเย็นชา

“เขาเพียงแค่โชคดีเท่านั้น และเขาเอ่ยเช่นนั้นเพราะเขาไม่ชอบพี่หลินหลง”

ข้าไม่ชอบเขา?

จ้าวเฟิงเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา อย่างไรก็ตามมันก็ชัดเจนว่าผู้ใดที่เป็นฝ่ายไม่ชอบผู้อื่น

“เจ้าหัวเราะอันใด!? เช่นนั้นมาพนันกัน” จ้าวหลิงเอ่ยอย่างโกรธเคือง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!