บทที่ 51 : การพ่ายแพ้ของหลินหลง
พนัน?
สีหน้าของจ้าวเฟิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นนึกสนุกสุดๆ ในทันที
“เจ้าต้องการพนันอันใด?”
การถกเถียงของทั้งสองทำให้ผู้คนจากตระกูลอื่นมองไปยังพวกเขาอย่างเหยียดหยาม ทว่าหลายคนเองก็รับรู้ว่าจ้าวหลิงนั้นชื่นชมจ้าวหลินหลง และครานี้จ้าวหลินหลงยังได้ให้ที่ของจ้าวเฟิงแก่จ้าวหลิง ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่เพียงแค่รู้สึกชื่นชม ทว่ายังรู้สึกซาบซึ้งอีกด้วย
“จ้าวหลิง พวกเจ้าทั้งสองล้วนเป็นศิษย์จากพรรคเดียวกัน เหตุใดจึงไม่สงบเสงี่ยมเสียหน่อยเล่า?” จ้าวชิ่นเอ่ย
“ไม่!”
สีหน้าของจ้าวหลิงพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจากนั้นจึงเป็นขาวซีด ทว่าดวงตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปยังจ้าวเฟิง
“ข้าพนันว่าพี่หลินหลงจะชนะ! เจ้ากล้าที่จะพนันหรือไม่?”
แน่นอนว่าจ้าวหลิงนั้นเชื่อมั่นใจตัวของจ้าวหลินหลงอย่างที่สุด
“เหตุใดจะไม่เล่า? ข้าพนันว่าไม่เพียงแค่ซินหวู่เฮิงจะชนะ ทว่าเขาจะชนะภายในยี่สิบกระบวนท่าอีกด้วย” จ้าวเฟิงหัวเราะ
อันใดนะ!?
ผู้อื่นภายในกระโจมต่างมองไปยังร่างของจ้าวเฟิงด้วยสายตาไม่เชื่อถือ จากสถานการณ์ปัจจุบันนั้นมันยังมีโอกาสครึ่งๆ ในระหว่างจ้าวหลินหลงและซินหวู่เฮิง
ความมั่นใจของเขามาจากที่ใดกัน?
“ดี ดี ดี! ฝ่ายที่พ่ายต้องยอมขอโทษอีกฝ่าย” เปลวไฟนั้นราวกับจะปะทุออกจากดวงตาของจ้าวหลิง
“แน่นอน” ในทางกลับกัน จ้าวเฟิงยังคงมีท่าทางสงบเยือกเย็น
ใจกลางลานประลอง
ฟุ่บ!
จ้าวหลินหลงใช้ย่างก้าวเงาอีกครั้งพร้อมเคลื่อนไหวไปรอบๆ ร่างของคู่ต่อสู้ ในเวลาต่อมา ภาพติดตาของเขาก็ถูกทำลาย เงาร่างสีทองปรากฏขึ้นอีกครั้งและพุ่งเข้าสู่ช่วงล่างของซินหวู่เฮิงด้วยความเร็วอันมากล้น
เปรี้ยง!
อัจฉริยะตระกูลซินใช้วิชาแข้งออกและกระแทกขาของอีกฝ่ายออกไป
ป้องกันได้อีกแล้ว?
จ้าวหลินหลงนิ่งงัน
“ข้าไม่เชื่อ!”
จ้าวหลินหลงไม่อาจทำใจให้เชื่อว่าจะมีผู้ใดสามารถทำลายย่างก้าวเงาของเขาลงได้ ทั้งระดับการฝึกตนของมันผู้นั้นยังต่ำกว่าเขาเสียอีก
อีกครั้งที่ซินหวู่เฮิงยืนนิ่งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ที่จุดเดิม บางครั้งเขาจะขยับไม่กี่ก้าวเพื่อตอบโต้การโจมตีของคู่ต่อสู้ จ้าวหลินหลงใช้ย่างก้าวเงาจนสุดขีดความสามารถทว่าไม่เพียงแค่การโจมตีของเขาจะพลาด อีกฝ่ายกลับสามารถโจมตีกลับได้ ทำให้เขาต้องหลบอย่างหวาดกลัว
หากพลังฝึกตนของเขาไม่สูงกว่าอีกฝ่าย ซินหวู่เฮิงย่อมเหนือกว่าเขาโดยสิ้นเชิง
“วิชาเคลื่อนไหวของจ้าวหลินหลงไม่มีผลต่อซินหวู่เฮิงจริงๆ”
จ้าวชิและจ้าวฮันมองไปยังจ้าวเฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา จ้าวชิ่นและจ้าวหยู่เฟ่ยเอ่ยถามเหตุผลอย่างสงสัยอีกครั้ง
“ซินหวู่เฮิงได้ฝึกฝนโสตสัมผัสของเขาซึ่งทำให้เขาสามารถบอกทิศทางการโจมตีและตำแหน่งของคู่ต่อสู้ได้ด้วยการสดับฟังสายลม เมื่อรวมเข้ากับการที่จ้าวหลินหลงเป็นผู้โจมตีก่อนจึงกลายเป็นไร้ผลใดๆ โดยสิ้นเชิง” จ้าวเฟิงอธิบาย
ผู้อื่นมองไปก่อนจะเห็นใบหูของซินหวู่เฮิงกำลังขยับ หากคนผู้หนึ่งไม่สังเกตอย่างใกล้ชิด พวกเขาย่อมไม่อาจตระหนักถึงมันได้ ทว่าด้วยดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มมันกลับกลายเป็นเรื่องที่สังเกตเห็นได้โดยง่าย เขาพบว่าใบหูของซินหวู่เฮิงขยับตามทิศทางของจ้าวหลินหลง ซึ่งหมายความว่าวิชาของจ้าวหลินหลงไม่อาจสร้างความสับสนให้กับเขาได้แม้แต่น้อย
“หึ! อย่างไรพี่หลินหลงก็จะชนะ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น” จ้าวหลิงเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
ในตอนนั้น ร่างบนลานประลองก็ได้แลกเปลี่ยนการโจมตีไปกว่าห้ากระบวนท่า เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนท่าที่ห้าซินหวู่เฮิงที่เอาแต่ป้องกันมาโดยตลอดก็ได้เริ่มตอบโต้
ฝ่ามือด้ายเมฆา!
ซินหวู่เฮิงป้องกันฝ่ามือของอีกฝ่ายอีกครั้ง และในขณะเดียวกันเขาก็ได้ใช้ความเร็วและความแม่นยำอันน่าเหลือเชื่อจับแขนของคู่ต่อสู้ไว้
“ปล่อย!”
จ้าวหลินหลงปลดปล่อยพลังภายในของเขาออกมาเพื่อสลัดมือของอีกฝ่ายออกในทันที ทว่าแม้เขาจะทำเช่นนั้น รอยเลือดลากยาวเป็นกรงเล็บก็ยังปรากฏขึ้นบนแขนของเขา ทุกวิชาที่ซินหวู่เฮิงฝึกฝนล้วนเข้าสู่ขั้นสุดยอดหรือสูงกว่า กระทั่งพลังฝึกตนขั้นหกของจ้าวหลินหลงก็ไม่อาจป้องกันได้
“ซินหวู่เฮิงมีความสามารถในการควบคุมสูงยิ่งนัก ใช้พลังเพียงเล็กน้อยกลับสามารถสร้างพลังโจมตีที่เกือบถึงขีดสุดออกได้ การโจมตีเพิ่งจะโดนเข้าที่หนึ่งในจุดชีพจรของจ้าวหลินหลง…” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองเห็นภาพนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ
ท่าเท้าหมากรุกเมฆา!
ครานี้เป็นฝ่ายอัจฉริยะตระกูลซินที่โจมตีก่อนและใช้วิชาที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก มันดูราวกับว่าเขากำลังถอยหลัง แต่ความจริงนั้นกลับตรงกันข้าม ความเร็วของวิชานี้ไม่นับว่ามากมาย ทว่ามันกลับแปลกประหลาดยิ่งนัก ทุกๆ ย่างก้าวราวกับซ่อนบางอย่างไว้อย่างไร้ที่สิ้นสุด
จากความคิดเห็นของจ้าวเฟิงนั้น วิชานี้ไม่นับเป็นวิชาเคลื่อนไหว แต่เป็นวิธีการเล่นหมากรุก
“ข้าไม่เคยเห็นวิชาเช่นนี้มาก่อน” เหล่าผู้ชมต่างมองภาพนั้นด้วยความตื่นตะลึงในศีรษะ
แม้ว่ามันจะไม่รวดเร็ว ทว่าความแปลกประหลาดของมันกลับสร้างความงุนงงให้กับจ้าวหลินหลง
ดรรชนีตัดวายุ!
จ้าวหลินหลงใช้หนึ่งในเวลาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกด้วยความหวาดกลัว นิ้วที่เต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่งนั้นราวกับมุ่งตรงไปด้วยทิศทางอันเป็นไปไม่ได้สู่ร่างของคู่ต่อสู้ ทั้งดรรชนีและวิชาเคลื่อนไหวนั้นต่างหนุนเนืองกันเองอย่างมหัศจรรย์ ทว่าในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ถึง ‘ความเป็นหนึ่งเดียวกับนภา’
“สถานการณ์เช่นนี้คืออันใดกัน…?” รูม่านตาของจ้าวหลินหลงหดเล็กลง
ในตอนนั้นเองที่การโจมตีของซินหวู่เฮิงนั้นให้ความรู้สึกที่เขาไม่รู้จักออกมา ฝ่ามือของอีกฝ่ายนั้นราวกับเต็มไปด้วยความลึกล้ำบางประการ
“สลายไปซะ!”
จ้าวหลินหลงตวาดลั่นขณะใช้พลังทั้งหมดของเขาในการหยุดยั้งการโจมตีนั้น
ปึก!
ร่างของซินหวู่เฮิงถูกกระแทกถอยไปราวๆ สี่ห้าก้าว ในขณะที่จ้าวหลินหลงนั้นส่งเสียงคำรามในลำคอ แขนของเขากลายเป็นไร้ความรู้สึกไป แขนขวาของชายหนุ่มห้อยหล่นลงข้างกายอย่างไร้พลัง ผู้ที่เฝ้ามองอยู่ล้วนกลั้นลมหายใจ
“การโจมตีของซินหวู่เฮิงนั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก”
บางคนไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น มีคนเพียงส่วนน้อยที่มองเห็นบางอย่าง
ณ ใต้ต้นไม้
“เขาสามารถหลอมรวมวิชาเข้าด้วยกันได้บางส่วน เป็นอัจฉริยะอันใดกัน?” หนึ่งในร่างชุดสีเงินเอ่ยอย่างลึกล้ำ
“มันดูเหมือนจะมีความลึกล้ำของวิชาระดับเทพเจ้าอยู่… เขาดูจะไม่ธรรมดาเช่นที่แสดงออก…” ร่างในชุดสีเงินอีกร่างเอ่ยอย่างสงสัย
มันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
เหงื่อเย็นเยียบไหลลงจากหน้าผากของจ้าวหลินหลง ตั้งแต่เริ่มต้นการประลอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างชัดเจน ทั้งสองเพิ่งจะปะทะกันเพียงเจ็ดกระบวนท่าเท่านั้น
ซินหวู่เฮิงสิบกระบวนท่า
ไม่ใช่ว่าคำกล่าวนี้มิเคยถูกทำลายลงหรอกหรือ?
ดรรชนีเมฆนภา!
จ้าวหลินหลงสูดลมหายใจลึกก่อนจะปลดปล่อยท่าไม้ตายของเขาออกมาในที่สุด
หมัดพยัคฆ์คำราม!
ใบหน้าของผู้ครองอันดับหนึ่งในงานชุมนุมปีที่แล้วยังคงไร้อารมณ์และใช้เพียงวิชาระดับกลาง ในตอนนั้นราวกับปรากฏเสียงคำรามออกจากกำปั้นของชายหนุ่ม
เปรี้ยง!
นิ้วและหมัดเข้าปะทะกันพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจายจากแรงปะทะนั้นในรัศมีราวๆ ห้าถึงหกเมตร จ้าวหลินหลงรู้สึกราวกับว่าหมัดของอีกฝ่ายนั้นเป็นลูกบอลโลหะที่กำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
วิชาดรรชนีทั้งหมดคือการรวบรวมพลังของคนผู้หนึ่งไว้ที่จุดๆ เดียว และแม้ว่าพลังโจมตีนั้นจะทรงพลังอย่างมาก แต่ความเสี่ยงนั้นก็สูงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ดรรชนีดารา การฝึกฝนวิชานี้นับว่าอันตรายยิ่ง เพียงแค่อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจทำลายนิ้วของจ้าวเฟิงได้ หมัดของซินหวู่เฮิงนั้นเต็มไปด้วยการสั่นสะเทือนที่กราดเกรี้ยวและทรงพลัง
เปรี้ยง!
จ้าวหลินหลงผงะถอยอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่มีฝ่ายหนึ่งแสดงท่าทางราวกับจะพ่ายแพ้ ทันใดนั้นซินหวู่เฮิงก็เข้าใกล้ร่างของคู่ต่อสู้พร้อมใช้วิชาหมัด วิชาฝ่ามือ และท่าเท้า… วิชทั้งหมดล้วนถูกฝึกจนเข้าขั้นสุดยอด
กระบวนท่าที่เจ็ด… กระบวนท่าที่แปด… กระบวนท่าที่เก้า…
จ้าวหลินหลงนั้นเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง อาการบาดเจ็บสามารถมองเห็นได้บนร่างกายของเขา หากชายหนุ่มไม่ได้มีพลังฝึกตนสูงกว่า การปะทะก่อนหน้าคงสร้างอาการบาดเจ็บสาหัสแก่เขา
ในที่สุด!
มันคือกระบวนท่าที่สิบ…
“กระบวนท่าที่สิบ!” ทุกคนกลั้นลมหายใจ
“เมฆาทลายสวรรค์!”
จ้าวหลินหลงรวบรวมพลังของเขาทั้งหมดลงในนิ้วของเขา นิ้วนั้นสร้างแสงสีม่วงครามบนท้องนภา
แข็งแกร่งยิ่ง!
เหล่าอัจฉริยะต่างมองภาพนั้นด้วยความตื่นตะลึง
“พลังของดรรชนีเขาใกล้เคียงกับ ‘ดรรชนีชี้ดารา’ ของข้า” สีหน้าของจ้าวเฟิงแปรเปลี่ยนไปเป็นตื่นเต้นเล็กๆ
“น่าสนใจ” ซินหวู่เฮิงแย้มยิ้มบางขณะที่สูดลมหายใจเล็กๆ
ขณะที่เขาทำเช่นนั้น พลังภายในสีเทาดำก็ปรากฏขึ้น… ปริมาณของพลังภายในของชายหนุ่มนั้นเหนือกว่าขีดจำกัดของผู้ฝึกตนขั้นหก
เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?
“กวาดเมฆาวายุ!”
ซินหวู่เฮิงโบกชายเสื้อของเขา เสียงของฟ้าผ่าดังขึ้นพร้อมกับที่หินใต้ร่างของเขาถูกตัดเป็นชิ้นๆ จากพายุที่ก่อตัวขึ้น นี่นับเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ชายหนุ่มเคยใช้มา!
ตูม!
กระบวนท่าที่ทรงพลังทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงสร้างพายุขนาดย่อมขึ้น
ในตอนนั้นเอง
ร่างที่เลือนรางทั้งสองก็ปรากฏขึ้นแม้จะถูกบดบังด้วยฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ผู้ชมนั้นราวกับกลายเป็นไก่ไม้ไป
แข็งแกร่ง!
แข็งแกร่งยิ่งนัก!
ทุกคนต่างสูดลมหายใจเย็นเยียบ เมื่อเทียบกับทั้งสองแล้ว การประลองก่อนหน้านั้นราวกับเป็นการละเล่นของเด็กไป
“ยากที่จะเชื่อว่าคนพวกนี้เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นหก”
“พลังในตอนจบนั้นใกล้เคียงกับระดับจอมยุทธ์ยิ่งนัก…” เหล่าแขกกิตติมศักดิ์เห็นมามากและเข้าใจได้ถึงความน่ากลัวของจอมยุทธ์
อั่ก
ร่างของจ้าวหลินหลงสั่นสะท้านจากนั้นจึงกระอักเลือดออกมาขณะที่ล้มลง
ตุบ!
เขาใช้มือข้างหนึ่งในการยันตนเองออกจากพื้น ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัวและความไม่ยินยอม
แพ้!
เขาไม่เพียงแค่พ่ายแพ้ ทว่ายังแพ้ภายในสิบกระบวนท่า
ซินหวู่เฮิงสิบกระบวนท่า!
สถิติเช่นนี้จะไม่อาจทำลายลงได้เลยหรือ?
“พี่หลินหลงจะพ่ายได้อย่างไร…? มันเพียงแค่สิบกระบวนท่า…” จ้าวหลิงนั้นราวกับวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว
จ้าวหลินหลงเป็นพระเจ้าของเขา
“พ่ายในสิบกระบวนท่า?” จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจ
เขาคิดว่าจ้าวหลินหลงจะแพ้ ทว่าไม่ใช่ในสิบกระบวนท่า ในขณะนี้ทุกคนล้วนจ้องมองมายังเด็กหนุ่มราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดบางอย่าง