บทที่ 52 : จ้าวเฟิงเคลื่อนไหว
จ้าวหลินหลงพ่าย!
สายตาของทุกคนเบนไปรวมกันที่ร่างของจ้าวเฟิงในทันใด อีกครั้งแล้วที่การคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง ทว่านี่ก็ไม่ได้เป็นการพ่ายแพ้ที่เขาคาดไว้…
“เจ้าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรจ้าวเฟิง? เจ้าไม่ควรพูดแช่งศิษย์พี่หลินหลง” คิ้วของจ้าวชิขมวดเข้าหากัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนตระกูลเดียวกัน และการพ่ายแพ้ของจ้าวหลินหลงก็สร้างความเสียหน้าให้แก่ทุกคนในที่นี้
“ศิษย์พี่ใหญ่!” จ้าวหลิงเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยราวกับการที่จ้าวหลินหลงพ่ายแพ้นั้นเป็นเพราะคำคาดเดาของจ้าวเฟิง
พวกเจ้าโทษข้าในเรื่องนี้?
จ้าวเฟิงแย้มยิ้มพร้อมส่ายศีรษะก่อนเอ่ยอย่างเย็นชา
“เจ้าลืมการพนันระหว่างเราไปหรือไม่ ฝ่ายที่แพ้ต้องขอโทษผู้ที่ชนะ”
พนัน? ขอโทษ?
ใบหน้าของจ้าวหลิงพลันแข็งค้างและเขาไม่เอ่ยคำพูดใดออกมาอีก
“ข้าสามารถขอโทษในฐานะที่พ่ายแพ้ได้ แต่ข้าจะไม่ก้มหัวให้แก่การกระทำไร้ยางอายของเจ้า…” จ้าวหลิงเอ่ยร่างสั่นสะท้านด้วยความอัปยศ
“แพ้ก็คือแพ้” จ้าวเฟิงมองอย่างหยามเหยียดไปยังร่างของอีกฝ่าย
“เจ้า เจ้า… หากเจ้าเก่ง เหตุใดจึงไม่ท้าประลองกับซินหวู่เฮิงเล่า? หากเจ้าสามารถรับมือสิบกระบวนท่าของเขาได้ ข้าย่อมไม่มีอันใดจะพูดอีก” จ้าวหลิงเอ่ยอย่างเกลียดชัง
เป็นเพราะจ้าวหลินหลงไม่อาจรับมือได้ถึงสิบกระบวนท่า เขาจึงไม่คิดว่าจ้าวเฟิงจะสามารถทำได้ดีกว่า
ดวงตาของซินหวู่เฮิงกวาดมองไปยังร่างของเหล่าผู้สืบทอดทั้งหลาย ก่อนที่จะหยุดลงที่จ้าวเฟิงในที่สุด
“เจ้าอยากจะประลองกับข้าหรือไม่?”
อัจฉริยะผู้อื่นของตระกูลจ้าวตื่นตะลึง กระทั่งจ้าวหลิงที่กำลังอยู่ในระหว่างการถกเถียงกับเด็กหนุ่มยังนิ่งงันไป
ทว่าเมื่อเขาตระหนักได้ว่าซินหวู่เฮิงกำลังท้าประลองจ้าวเฟิง ใบหน้าตกตะลึงของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความพึงพอใจประการหนึ่ง
“ได้! เช่นที่เจ้าต้องการ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้ารับมือได้กี่กระบวนท่า!”
แม้ว่าขนทั่วร่างของเขาจะลุกชันเพียงเพราะสายตาของอีกฝ่าย จ้าวหลิงก็ยังคงเอ่ยต่อ
“หากเจ้าสามารถรับมือได้เกินสิบกระบวนท่า ข้าจะขอโทษเจ้าอย่างแท้จริง”
ครานี้เขาไม่ได้กล่าวว่าสิบกระบวนท่า แต่เป็นมากกว่าสิบกระบวนท่า อย่างไรก็ตาม ซินหวู่เฮิงนั้นได้ถูกเรียกขานอีกอย่างว่า ซินหวู่เฮิง ‘สิบกระบวนท่า’
“สิบกระบวนท่านับว่าสั้นไป อย่างน้อยสามสิบ… ไม่ ห้าสิบกระบวนท่า!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างสบายๆ ขณะที่เดินจากไป ทิ้งกลุ่มศิษย์ตระกูลจ้าวที่นิ่งใบ้ไว้
ความมั่นใจของเขามาจากที่ใดกัน?
“จองหอง!”
จ้าวหลินหลงที่เดินกลับมายังกระโจมทันได้ยินคำกล่าวนั้น ใบหน้าของเขาทะมึนทึม หากเขาผู้เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของพรรคจ้าวยังพ่ายแพ้ ผู้ใดเล่าจะมีโอกาสอีก?
ใจกลางลานประลอง
จ้าวเฟิงเดินอย่างเชื่องช้าไปทางซินหวู่เฮิงก่อนเอ่ย
“จ้าวเฟิงมาประลองกับท่านแล้ว”
“สัญชาตญาณของข้าไม่มีทางผิดพลาด ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของข้าได้” อัจฉริยะตระกูลซินเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“ท่านเพิ่งจะสู้มา ข้าจะให้ท่านพักสิบลมหายใจเพื่อฟื้นพลัง” จ้าวเฟิงเอ่ยเรียบ ๆ
จองหองนัก!
เสียงถกเถียงดังขึ้นในกลุ่มคนดูทันที
“เขากินยาอันใดผิดหรืออย่างไร ซินหวู่เฮิงจำเป็นต้องฟื้นพลังเพื่อสู้กับเขารึ?”
“คอยดูไปเถอะ…!”
อัจฉริยะผู้อื่นต่างสบถสาปแช่งออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ภายในกระโจม จ้าวหลิงนั้นน้ำตาแทบไหล
ไม่ช้าความสนใจของเหล่าคนดูก็กลับไปยังซินหวู่เฮิงอย่างลุ้นๆ อย่างไรก็ตาม ซินหวู่เฮิงนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องพักผ่อนก่อนการต่อสู้กับจ้าวหลินหลงแม้แต่น้อย
“ได้” ซินหวู่เฮิงมองตรงไปยังจ้าวเฟิงด้วยสายตาลึกซึ้งก่อนจะนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลัง
อันใดกัน!?
ผู้ที่มองอยู่ล้วนตกตะลึง รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวหลิงแข็งค้าง ส่วนหนึ่งของใบหน้าจ้าวหลินหลงก็มืดทะมึนไป
เหตุใดซินหวู่เฮิงจึงได้ให้ความสำคัญกับจ้าวเฟิงนัก? ชายหนุ่มนั้นจะประลองกับเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวด้วยสถานะที่พร้อมที่สุดเป็นแน่
หนึ่งลมหายใจ… สองลมหายใจ… สามลมหายใจ…
ระหว่างที่อัจฉริยะตระกูลซินกำลังฟื้นฟูพลังนั้นกลับปรากฏความเงียบงัน ในที่สุดสิบลมหายใจก็ผ่านพ้นไป
ซินหวู่เฮิงยืนขึ้นอย่างเชื่องช้าและเขาก็ได้เข้าสู่สถานะสมบูรณ์พร้อมอย่างชัดเจน
“สิบลมหายใจ! เจ้านับว่าไม่ธรรมดาโดยแท้…” ซินหวู่เฮงิมองไปยังฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาลึกซึ้ง
ก่อนหน้าซินหวู่เฮิงนั้นได้อยู่ในช่วงสบายๆ และไม่ได้ใช้พลังในการต่อสู้ไปมากมายจนกระทั่งประลองกับจ้าวหลินหลง เพราะว่าเขาสู้กับผู้ที่มีพลังฝึกตนสูงกว่า เขาจึงใช้พลังมากกว่า ซินหวู่เฮิงรู้ว่าเขาต้องใช้เวลาสิบลมหายใจในการฟื้นพลัง และนั่นก็เป็นเวลาที่จ้าวเฟิงให้เขาโดยบังเอิญ
ความแม่นยำนั้นทำให้อัจฉริยะตระกูลซินนิ่งงันและเคร่งเครียดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“เริ่มล่ะ” จ้าวเฟิงไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย แต่เขากลับเต็มไปด้วยความคาดหวังแทน
ย่างก้าวเสี้ยวพริบตา!
เขาใช้ความรวดเร็วคล่องแคล่วของเขาในการเริ่มโจมตีก่อน ย่างก้าวเสี้ยวพริบตานั้นเป็นวิชาระดับสูงที่เหนือกว่าวิชาระดับสูงทั่วไป แต่เมื่อใช้ร่วมกับวิชานภาลอยล่อง มันก็เทียบเท่าได้กับวิชาระดับสุดยอด
ทุกๆ ย่างก้าวของเขานั้นทั้งบางเบาและคล่องแคล่วราวกับสายลม
หมัดมังกรคลั่ง!
เด็กหนุ่มไม่ได้ใช้เทคนิคใดๆ และเพียงแค่ส่งหมัดธรรมดาๆ ออกไป เขารู้ว่าประสาทสัมผัสของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่าคนทั่วไป การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนไม่ได้ส่งผลอันใด
หมัดมังกรคลั่ง วิชาระดับกลาง ขั้นสุดยอด!
ซินหวู่เฮิงเองก็ได้ใช้วิชาที่เข้าสู่ขั้นสุดยอดเช่นกัน ทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
ตูม!
หมัดทั้งสองกระทบกันสร้างคลื่นกระแทก เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดของจ้าวเฟิง อัจฉริยะตระกูลซินเพียงแค่สั่นสะท้าน ทว่าไม่ได้ผงะถอย
เช้ง!
จ้าวเฟิงใช้พลังจากการปะทะนั้นในการหมุนตัวกลางอากาศและโจมตีอีกครั้ง
ดรรชนีตัดวายุ! จุดชีพจรเมฆา!
ดวงตาของซินหวู่เฮิงคมกริบพร้อมกับใช้วิชาระดับกลางสองวิชาที่ถูกฝึกจนเข้าขั้นสุดยอด ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงใช้หมัดมังกรคลั่งในการตอบโต้อยู่
ปั่ก! ปั่ก!
เมื่อรับการโจมตีเหล่านี้เข้าไป แขนทั้งสองข้างของจ้าวเฟิงก็ชาหนึบ นั่นเป็นเพราะวิชาทั้งสองที่อัจฉริยะตระกูลซินใช้นั้นหนุนเนืองกัน และเมื่อเขาเปลี่ยนจากดรรชนีตัดวายุไปยังจุดชีพจรเมฆาอย่างกะทันหันก็ทำให้จ้าวเฟิงเปิดช่องว่างขึ้น วิชาจุดชีพจรเมฆาของอีกฝ่ายนั้นโจมตีลงไปยังจุดชีพจรของเขาและส่งผลต่อวิชาเสริมกายาของเขาในระดับหนึ่ง
หมัดมังกรคลั่ง!
แทนที่จะล่าถอย จ้าวเฟิงกลับโจมตี ซินหวู่เฮิงประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าวิชากำแพงเหล็กของอีกฝ่ายนั้นจะแข็งแกร่งกระทั่งจุดชีพจรเมฆาของเขานั้นแทบจะไม่ส่งผลใดๆ แม้แต่น้อย
ย่างก้าวหมากรุกเมฆา!
ทันใดนั้น ซินหวู่เฮิงก็ล่าถอย ทำให้เหล่าผู้ที่มองอยู่ต้องสลายความคิดคาดเดาของตนไปอย่างหวาดผวา อัจฉริยะตระกูลซินมีเหตุผลในการล่าถอยของตนเอง
อย่างแรกคือวิชาฝ่ามือเมฆาของเขานั้นไม่ส่งผลต่ออีกฝ่ายมากนัก อย่างที่สองคือกลิ่นอายและพลังของกำปั้นของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่าที่เขาคาดไว้
หมัดมังกรคลั่ง!
หมัดของจ้าวเฟิงนั้นราวกับมังกรเพลิงที่พุ่งตรงมายังเขา ความเชี่ยวชาญของเพลิงหมัดนี้นับว่าเหนือกว่าขั้นสุดยอดแล้ว!
ในอีกสองกระบวนท่าต่อมา ซินหวู่เฮิงก็เสียเปรียบโดยสิ้นเชิง ทว่ายังโชคดีที่เขามีท่าเท้าหมากรุกเมฆาที่แปลกประหลาดและยากจะคาดเดาได้ ทำให้เขาสามารถหลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
ท่าเท้าหมากรุกเมฆา! ย่างก้าวเสี้ยวพริบตา!
หนึ่งในนั้นยากจะคาดเดา อีกหนึ่งนั้นคล่องแคล่วปราดเปรียว สองร่างเข้าปะทะกันอีกหลายครั้ง
ในด้านของความเร็วและความคล่องแคล่วนั้นจ้าวเฟิงได้เปรียบ ทว่าท่าเท้าหมากรุกเมฆาของอีกฝ่ายนั้นยากเกินกว่าจะคาดเดาราวกับว่ามันมิใช่วิชา ทว่าเป็นกับดัก
เมื่อซินหวู่เฮิงขยับไปด้านหน้าสองสามก้าว เขาอาจเสียเปรียบ แต่มันก็อาจเป็นกลลวงเพื่อให้เขาลอบโจมตี
กระบวนท่าที่หก… กระบวนท่าที่เจ็ด…
ซินหวู่เฮิงค่อยๆ ได้เปรียบขึ้นช้าๆ จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้ดวงตาซ้ายของเขาในทันที และเพราะเช่นนั้นทำให้เขาโดนโจมตีอยู่บ้าง แต่เมื่อวิชากำแพงเหล็กของเขานั้นอยู่ในระดับห้ามิใช่ขั้นสุดยอดของระดับสี่ มันจึงป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้
อัจฉริยะตระกูลซินเองก็รู้สึกได้ว่าคู่ต่อสู้นั้นมีบางอย่าง สัญชาตญาณของเขานั้นเทียบเท่าได้กับเหล่าจอมยุทธ์ ทว่าเขากลับพบว่าเขาไม่สามารถทำอันตรายแก่อีกฝ่ายได้ มีหนึ่งหรือสองครั้งที่เขาโจมตีโดนร่างของอีกฝ่าย ทว่ามันก็ราวกับชกไปยังก้อนเหล็ก
ซึ่งนั่นสร้างความตกตะลึงให้เขาอย่างรุนแรง จ้าวเฟิงนับว่ามีบางอย่างแน่แท้ อย่างแรกเขามีปฏิกิริยาตอบโต้ที่รวดเร็วและสัญชาตญาณการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม อย่างที่สองคือวิชาเคลื่อนไหวและป้องกันของเขานั้นล้วนทรงพลัง
นอกจากเขาจะโจมตีเข้าไปที่จุดอ่อนแล้ว จ้าวเฟิงย่อมไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ นอกจากนั้น จ้าวเฟิงยังรวดเร็วนัก ยามที่เขาประลองกับชิวชางอี้ก่อนหน้าสามารถเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าความเร็วของเขานั้นเป็นอันดับหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น ซินหวู่เฮิงยังรู้สึกอีกว่าอีกฝ่ายนั้นยังสามารถเร็วกว่านี้ได้อีก
เหตุผลเดียวกันก็ทำให้จ้าวเฟิงล่าถอยบ้างเป็นบางครั้ง
กระบวนท่าที่แปด… กระบวนท่าที่เก้า…
เหล่าผู้ที่ยืนชมอยู่นั้นต่างยืนนิ่งเงียบงัน ตั้งแต่เริ่มกระทั่งยามนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถประลองกับซินหวู่เฮิงได้เกินกว่าสิบกระบวนท่ามาก่อน
จ้าวชิรับมือได้หกกระบวนท่า และชิวชางอี้ได้ทั้งหมดเจ็ดกระบวนท่า กระทั่งผู้ที่มีพลังฝึกตนสูงที่สุดเช่นจ้าวหลินหลงยังพ่ายในกระบวนท่าที่สิบ
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงได้เข้าสู่กระบวนท่าที่เก้า ใกล้เข้าสู่กระบวนท่าที่สิบแล้ว
ดวงตาของซินหวู่เฮิงนั้นราวกับสายฟ้า ขณะที่พวกเขากำลังเร่าร้อนไปด้วยความกระหายอยากการต่อสู้ เขาพลันใช้ย่างก้าวหมากรุกเมฆาและวิชาอีกจำนวนหนึ่งออก วิชาระดับกลางขั้นสุดยอดที่มีพลังเหนือจินตนาการถูกใช้ออกพร้อมกัน
ดรรชนีดารา!
จ้าวเฟิงควบรวมพลังภายในของเขาไปยังนิ้วและสะบัดออกสองสามครั้งในทันใด
ปึก! ปึก! ปึก!
ทุกๆ นิ้วนั้นสามารถทิ่มทะลุแผ่นเหล็กได้ ภายใต้ดวงตาของจ้าวเฟิง ทุกๆ ดรรชนีล้วนรวดเร็ว แม่นยำ และทรงพลัง
กระบวนท่าที่เก้า… กระบวนท่าที่สิบ!
นอกจากเสียงการต่อสู้ของทั้งแล้ว ไม่มีเสียงอื่นใดดังขึ้นอีก
“กวาดเมฆาวายุ!”
ซินหวู่เฮิงวาดชายเสื้อ ก่อนที่หินภายใต้ฝ่าเท้าของเขาจะกระจายออกทั่วทิศ มันเป็นกระบวนท่าที่เอาชนะจ้าวหลินหลง!
“ดรรชนีดาราที่สาม!”
ปลายนิ้วของจ้าวเฟิงพุ่งผ่านอากาศทิ้งร่องรอยสีครามไว้เบื้องหลังราวกับอุกกาบาต
“เป็นไปไม่ได้! เขาจะฝึกดรรชนีดาราจนเข้าระดับสามได้อย่างไร?” จ้าวหลินหลงอุทานออกมา
ฟุ่บบ
นิ้วเฉียบแหลมปะทะเข้ากับชายเสื้อของซินหวู่เฮิง
ตูมมมมมมม
ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นอย่างช้าๆ
กระบวนท่าที่สิบ
ทั้งสองร่างยืนเคียงข้างกัน ไม่มีผู้ใดขยับเขยื้อน…