บทที่ 93 : แย่งแต้มต่อสู้อีกแล้ว?
ระวัง!
ศิษย์น้องจ้าวเฟิง!
เสียงตะโกนอย่างหวาดกลัวดังขึ้นจากกำแพงเมือง
ในตอนนี้ พวกเขารู้ว่าราชาอินทรีปากทองนั้นได้อยู่ที่ชายขอบแห่งความตาย และมันจะตายในอีกไม่เกินสองลมหายใจ ทว่าแม้กระนั้น มันก็ยังต้องการที่จะโจมตีจ้าวเฟิงเป็นครั้งสุดท้าย
ชัดเจนว่าเด็กหนุ่มนั้นได้สร้างความเคืองแค้นแก่ราชาอินทรีปากทองอย่างมาก และฝ่ายหลังนั้นได้ต้องการที่จะฆ่าเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
“ไม่ดีแล้ว!”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความอันตราย ภายใต้สถานการณ์นี้ คลื่นความร้อนได้แผ่ออกจากดวงตาซ้ายของเขาและแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ซึ่งทำให้เขาเยือกเย็นลงในทันทีอีกครั้ง
วูบบบ
ความเร็วของราชาอินทรีนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนัก มันเข้าถึงร่างของจ้าวเฟิงในเสี้ยววินาที ความเร็วนั้นเหนือกว่าปฏิกิริยาตอบรับของเหล่าจอมยุทธ์ แม้พวกเขาจะเห็นการกระทำ ทว่าไม่อาจหลบได้
แคว่กกก!
ร่างของเด็กหนุ่มพลันถูกฉีกกระชากออก รูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนกำแพงเบื้องหลังเขา
ในตอนที่ทุกคนคิดว่าจ้าวเฟิงสิ้นชีพแล้วนั่นเอง
กระบวนท่าลมเคลื่อน! ย่างก้าวหมอกผันแปร!
ร่างของเด็กหนุ่มได้ปรากฏขึ้นเหนือร่างของราชาอินทรีปากทอง
อันใดกัน!?
เหล่าผู้ฝึกตนใกล้ๆ มีสีหน้าราวกับเห็นผี
“เป็นวิชาเคลื่อนไหวที่ลึกล้ำอันใดเช่นนี้!” ดวงตาของเย่หลินเหลียนปรากฏแววยินดีขึ้น
ก่อนหน้า เขาเห็นผู้เป็นศิษย์น้องใช้ย่างก้าวหมอกผันแปรและกระบวนท่าลมเคลื่อนในเวลาเดียวกันและได้หลบการโจมตีของสัตว์ปีศาจไปได้
“เขากระทั่งเกือบจะหลอกข้าได้…”
หัวใจของแม่ทัพเฮิงกระตุก ในเสี้ยววินาที จ้าวเฟิงสามารถหลอมรวมกระบวนท่าลมเคลื่อนกับย่างก้าวหมอกผันแปรเข้าด้วยกันได้และหลบการโจมตีอันน่าหวาดหวั่นของราชาอินทรี
การหลมอรวมของกระบวนท่าลมเคลื่อนและย่างก้าวหมอกผันแปรนั้นเทียบเท่าได้กับวิชาเซียน
แน่นอนว่าดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มได้เป็นส่วนหลักด้วยการคำนวณและสรุปของมัน ในตอนนี้จ้าวเฟิงรู้สึกราวกับโลหิตของเขานั้นเดือดพล่านและพลังจิตของเขาได้อยู่ที่จุดสูงสุด
ภายในมิติในดวงตาซ้าย แสงสีเขียวได้ขยายไปที่ 7.8 ฟุต
ช้าก่อน!
เหตุใดเขาจึงไปอยู่เหนือร่างของราชาอินทรีปากทอง?
เหล่าผู้ฝึกตนใกล้ๆ คิด
จ้าวเฟิงเพิ่งจะหลบการโจมตี ทว่าบัดนี้ได้กระโดดลงบนร่างของราชาอินทรี
กระบวนท่าวายุกรรโชก! ฝ่ามือลมลี้ลับ!
ประกายแสงเย็นวาบแล่นผ่านดวงตาของเด็กหนุ่มขณะที่แสงสีครามปรากฏขึ้นบนฝ่ามือซึ่งหมุนอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็พุ่งไปยังศีรษะของราชาอินทรี ในตอนนั้น ร่างของเขาราวกับกลายเป็นพายุ เกรี้ยวกราดและรุนแรง
ฟุ่บบบบ
ฝ่ามือลมลี้ลับของเขาได้โจมตีเข้าที่ส่วนที่บาดเจ็บของมันจากฝีมือของแม่ทัพเฮิง
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
บาดแผลแต่เดิมพลันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
แผละ!
ศีรษะของราชาอินทรีกระจายเป็นเศษซากขณะที่ร่างขนาดยักษ์ร่วงหล่นลงบนพื้น
ปึก!
จ้าวเฟิงกระโดดขึ้นบนไปอากาศพร้อมด้วยมือที่โชกเลือดของราชาอินทรี
การพุ่งขึ้นและร่วงหล่นของทั้งสองนั้นราวกับแสดงให้เห็นถึงผู้ชนะและผู้แพ้ระหว่างมนุษย์และสัตว์ปีศาจทั้งสอง
“ราชาอินทรีปากทองถูกฆ่าแล้ว!”
“เด็กหนุ่มที่ฆ่าราชาอินทรีปากทองนั่นคือผู้ใดกัน?”
เสียงพูดคุยดังกึกก้องขึ้นโดยผู้ฝึกตนที่เฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ จ้าวเฟิงพลันกลายเป้นจุดรวมความสนใจของทุกคน
“ศิษย์น้องจ้าวเฟิง ทำได้ดีมาก!”
เย่หลินเหลียนและองครักษ์สามเอ่ยชมเด็กหนุ่ม
แม่ทัพเฮิงเองก็ได้หลุดออกจากห้วงความตกใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ทำได้ดีมาก! ท่านทำได้ดีมากในการฆ่าราชาอินทรีปากทอง ทว่าข้าแคลงใจนักว่านี่นับเป็นการฉกฉวยแต้มต่อสู้ด้วยการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้นหรือไม่”
ฉกฉวยแต้มต่อสู้?
จ้าวเฟิงคิดก่อนจะตระหนักได้ว่าเขาได้ลงมือไปตามสัญชาตญาณก่อนหน้า ในตอนนั้นมันดีกว่าที่จะตอบโต้แทนที่จะหลบและหนีไป ทว่าในสายตาของผู้อื่น เด็กหนุ่มนั้นเป็นพวกเสี่ยงตายที่นอกจากจะไม่หลบหนีแล้ว ยังพยายามที่จะได้รับแต้มต่อสู้เพิ่มมากขึ้น
ไม่ว่าจะเอ่ยอย่างไร จ้าวเฟิงก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในการฆ่าราชาอินทรีปากทองอยู่ดี หากไม่มีทักษะธนูของเขา ราชาอินทรีย่อมไม่ถูกดึงความสนใจมายังสถานที่ซุ่มโจมตี และผู้ที่ฆ่ามันนั้นก็ยังเป็นเด็กหนุ่มอีกด้วย
“ปักษาที่เหลือนั้นง่ายที่จะจัดการเมื่อราชาอินทรีปากทองตายแล้ว” แม่ทัพเฮิงแย้มยิ้มขณะที่เขามองไปยังจ้าวเฟิงอย่างประเมินค่า
เมื่อไร้ซึ่งการนำของราชาอินทรี อินทรีที่เหลือก็ราวกับทรายร่วน
ส่วนสัตว์อสูรบนพื้นดินนั้น ความเสียหายของฝั่งมนุษย์มีเพียงแต่จะเพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านพ้นไป
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิที่แนวหลังเพื่อฟื้นฟูพลัง ในขณะที่ผู้อื่นเช่นเย่หลินเหลียนคิดว่าเขานั้นบาดเจ็บ ทว่าจ้าวเฟิงนั้นได้เรียนรู้เคล็ดลมหายใจหวนซึ่งทำให้พลังภายในของเขานั้นมีมากกว่าผู้อื่นในขั้นเดียวกันอย่างน้อยสองเท่า
“กระบวนท่าลมเคลื่อน… กระบวนท่าวายุกรรโชก… ฝ่ามือลมลี้ลับ…”
ภาพของกระบวนท่าทั้งสามปรากฏขึ้นในสมองของเขา กระบวนท่าลมเคลื่อนได้หลอมรวมเข้ากับวิชาเคลื่อนไหวของเขา ในขณะที่กระบวนท่าวายุกรรโชกได้หลอมรวมเขากับวิชาฝ่ามือโจมตีของเขา
ความเข้าใจในกระบวนท่าวายุกรรโชกของจ้าวเฟิงได้มากถึงเจ็ดถึงแปดส่วนโดยไม่รู้ตัว มันเป็นเรื่องดีที่เขาทั้งเข้าใจกระบวนท่าลมเคลื่อนและฝ่ามือลมลี้ลับ ทั้งยังเข้าใจฝ่ามือลมลี้ลับได้หกถึงเจ็ดส่วน ซึ่งหมายความว่าฝ่ามือลมลี้ลับของเด็กหนุ่มนั้นได้คล้ายคลึงกับเด็กสาวในวันนั้นแล้ว
กระบวนท่าก่อนหน้านั้นเป็นการหลอมรวมกระบวนท่าวายุกรรโชกกับฝ่ามือลมลี้ลับ
“ไอ้หมอนี่ได้ฆ่าง่ายๆ อีกแล้ว!” เฟิงฮันเยว่มองไปยังจ้าวเฟิงด้วยความตื่นตะลึงในแววตา
ในภารกิจกำจัดโจรครั้งที่แล้ว จ้าวเฟิงเองก็ได้ฉกฉวยแต้มจากการฆ่าหัวหน้าโจร ครานี้เขากระทั่งบ้าคลั่งกว่าเก่า ฆ่าราชาอินทรีปากทอง แย่งเนื้อออกจากปากผู้ฝึกตนขั้นแปดขั้นเก้า
ในสายตาของหลายๆ คน จ้าวเฟิงนั้นกระทำตัวราวกับการแย่งแต้มของผู้อื่น
“ไอ้หมอนั่นฆ่าสัตว์ปีศาจระดับสุดยอด” ปากของเป่ยโม่ยกระตุก
ตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้จนบัดนี้ เป่ยโม่ยได้ต่อสู้กับสัตว์ปีศาจระดับสุดยอดตัวหนึ่งและกระทั่งถูกลอบโจมตีจากราชาอินทรีปากทอง ภายใต้การต่อสู้ทั้งหมด เขาก็ยังไม่อาจฆ่าคู่ต่อสู้ของเขาลงได้ ขณะที่ศิษย์ใหม่ จ้าวเฟิง ได้ฆ่าไปแล้ว
ฆ่า! ฆ่า!
ขวัญกำลังใจของกองทัพกว่านจวินได้เพิ่มขึ้นขณะที่พวกเขาสามารถผลักดันกองทัพสัตว์ให้ล่าถอยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ฟู่ววว
หลังจากที่สำรวจความเข้าใจที่ได้รับมา จ้าวเฟิงจึงยืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนหน้าเขาเพียงเข้าใจกระบวนท่าวายุกรรโชกและฝ่ามือลมลี้ลับได้มากที่สุด
นอกจากนั้น พลังฝึกตนของเขายังได้เข้าสู่ขั้นปลายของขั้นเจ็ดแล้ว
สายตาของเด็กหนุ่มกวาดมองระลอกสัตว์อสูรและพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
บางอย่างผิดปกติ!
ไม่ช้า เขาก็พบกับคำตอบ
“การโจมตีของสัตว์ปีศาจนั้นราวกับถูกควบคุม สัตว์ปีศาจระดับสุดยอดได้นำสัตว์ปีศาจระดับต่ำและสัตว์อสูรจำนวนมาก
จ้าวเฟิงเห็นสิ่งปกติ หากเขาสามารถเห็นมันได้ เหล่าระดับสูงของตำหนักกว่านจวินก็ย่อมสังเกตเห็นได้เช่นกัน
“เป็นไปได้หรือไม่ที่กองทัพสัตว์อสูรนี่จะเป็นแผนการ?” เย่หลินเหลียน แม่ทัพเฮิงและคนอื่นๆ ต่างเคลือบแคลงใจ
ในการต่อสู้นั้น จ้าวเฟิงจะนำธนูบันไดสุวรรณของเขาออกมาและปลดปล่อยลูกธนูดอกแล้วดอกเล่า ฆ่าสัตว์ปีศาจระดับสูงไปเป็นจำนวนมาก ทันใดนั้น มันก็กลับกลายเป็นภาพที่งดงามไป ประกายแสงสีเขียวจำนวนมากถูกส่งออกจากหอสูงของเมือง โดยทุกๆ แสงนั้นคร่าชีวิตสัตว์อสูรและสัตว์ปีศาจไปจำนวนหนึ่ง
ศรเนตรซ้ายแห่งพระเจ้าของจ้าวเฟิงได้ถูกลับคมในกองทัพสัตว์อสูรครั้งนี้ในที่สุด
“ท่านจ้าว ท่านสามารถมาเป็นอาจารย์ของข้าได้หรือไม่?” นักธนูหนุ่มหลายคนต่างตื่นเต้นยิ่งนัก
จ้าวเฟิงไม่รู้จะตอบสิ่งใดและพบว่าสัตว์อสูรและสัตว์ปีศาจในอากาศนั้นไม่เหลือแรงคุกคามมากเท่าใด เขาจึงออกไปจากเมือง
ดรรชนีดารา! ฝ่ามือลมลี้ลับ!
จ้าวเฟิงนั้นราวกับสายลมที่เข่นฆ่าสัตว์ปีศาจและสัตว์อสูรอย่างไร้ซึ่งเสียงใดๆ
ตุบ! ตุบ!
ทุกๆ การโจมตีของเขาจะมุ่งไปยังช่องว่างและจุดอ่อนบนร่างของสัตว์ปีศาจ ศพจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลังในทิศทางที่เขาเคลื่อนผ่าน
“เด็กนั่นน่ากลัวยิ่ง!”
“เขาเก่งกาจในการต่อสู้ระยะประชิดด้วย!”
เหล่านักธนุที่สังเกตเขาอยู่อุทานออกมา โดยปกติแล้ว หากจุดแข็งของคนผู้หนึ่งคือการยิงธนู ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของพวกเขาย่อมไม่ดีนัก ทว่าจ้าวเฟิงนั้นเป็นสัตว์ประหลาด ไม่เพียงวิชาธนูจะยอดเยี่ยม ทว่าการต่อสู้ระยะประชิดก็เช่นกัน
“ความสามารถของจ้าวเฟิงนั้นไม่อาจนับว่าด้อยไปกว่าเป่ยโม่ยได้ ทว่าน่าเศร้าที่เขาเป็นเพียงศิษย์สายนอกของอาจารย์และไม่อาจได้รับวิชาหลักใดๆ” เย่หลินเหลียนถอดถอนใจและส่ายศีรษะ
หลังจากฆ่าไปเป็นเวลานาน
จ้าวเฟิงก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่คุ้นเคย
ฟุ่บ!
เด็กหนุ่มเปิดดวงตาซ้ายของเขาและพบว่าห่างออกไปนับสิบลี้ ร่างในชุดคลุมได้นั่งอยู่เหนือร่างของปักษาสีดำ ภายใต้ผ้าคลุมนั้น ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งเย็นเยียบสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
นั่นเขา!
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก ร่างนั้นเป็นผู้ที่เขาเห็นในวันนั้นภายในป่าเมฆาคล้อย
โฮกกกกกกก
ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามที่น่าหวาดผวาได้ดังขึ้น กลิ่นอายของเจ้าของเสียงคำรามนั้นแข็งแกร่งกว่าราชาอินทรีปากทองหลายเท่าตัวนัก
สิ่งที่ส่งเสียงร้องนั้นได้ทำให้ร่างของสัตว์อสูรนับแสนต้องตัวสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว ในตอนนั้นเอง ร่างของสัตว์ปีศาจระดับสุดยอดได้แข็งนิ่งอย่างยำเกรง ความหวาดกลัวปรากฏในแววตา เหล่ามนุษย์ต่างรู้สึกว่าหัวใจของตนกระตุก
ตึก! ตึก! ตึก!
เกิดอันใดขึ้น?
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าโลหิตของเขานั้นสั่นสะท้านและปรากฏเสียงเต้นตุบจากดวงตาซ้ายของเขาอีกครั้ง
“กลิ่นอายที่เหนือกว่าสัตว์ปีศาจระดับสุดยอดนี่มันคืออันใดกัน?” เสียงของเย่หลินเหลียน องครักษ์สาม และแม่ทัพเฮิงสั่นสะท้านเล็กๆ
กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นที่บดขยี้ลงบนเมืองและทำให้ร่างของสัตว์อสูรนับแสนต้องก้มหัวราวกับพบกับราชาของพวกมัน