บทที่ 94 : จ้าวสัตว์ปีศาจ
น้ำเสียงเห่าหอนเสียดแทงแก้วหูสร้างความเงียบงันให้แก่ทั้งกองทัพสัตว์อสูรและมนุษย์ โดยที่เหล่าสัตว์อสูรนั้นกระทั่งคุกเข่าลงกับพื้นราวกับเห็นราชาของพวกมัน ห่างออกไปใจกลางของกองทัพสัตว์อสูรได้ปรากฏทางแยกขึ้น
“มันคืออันใดกันที่สร้างความหวาดกลัวให้กับสัตว์ปีศาจระดับสุดยอดได้…?” ผู้ฝึกตนบนกำแพงเมืองเพ่งความสนใจไปยังทางนั้น
เป็นเพราะจ้าวเฟิงมีสายตาที่ดีที่สุด เขาจึงเห็นสัตว์ปีศาจชนิดสุนัขสีดำสนิทกำลังเดินมายังพวกเขา สุนัขสีดำตัวนี้มีขนาดราวๆ หมาป่า ยาวเพียง 1.5 เมตร เป็นขนาดที่เล็กเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรอื่นๆ
สุนัข?
จ้าวเฟิงอยากจะหัวเราะ ทว่าเขาไม่อาจทำเช่นนั้น ทุกๆ ย่างก้าวของมันนั้นได้ส่งกลิ่นอายน่าหวาดผวา และเมื่อดวงตาของเด็กหนุ่มจับจ้องไปในดวงตาของมัน เขาก็รู้สึกราวกับถูกแผดเผา
“หรือมันจะเป็น… จ้าวสัตว์ปีศาจ!” แม่ทัพเฮิงสูดลมหายใจเย็นเยียบขณะที่ความหวาดกลัวแล่นวาบผ่านแววตา
ทุกคนควรรู้ว่าแม่ทัพเฮิงนั้นอยู่ที่ขั้นสุดยอดของขั้นเก้าแล้ว และเขานั้นเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่
จ้าวสัตว์ปีศาจ!
ใบหน้าของผู้ฝึกตนแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด พวกเขาล้วนรับรู้ถึงข่าวลือเกี่ยวกับจ้าวสัตว์ปีศาจ สัตว์ปีศาจนั้นแบ่งออกเป็นระดับต่ำและระดับสูง และเทียบได้กับผู้ฝึกตนและจอมยุทธ์ตามลำดับ ทว่าสัตว์ปีศาจระดับสุดยอดนั้นไม่ใช่ระดับที่สูงที่สุด
เหนือจากสัตว์ปีศาจระดับสุดยอด ยังมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอยู่อีกอย่าง จ้าวสัตว์ปีศาจ!
“ข่าวลือเอ่ยว่าจ้าวสัตว์ปีศาจตัวหนึ่งนั้นสามารถทำลายได้ทั้งจักรวรรดิ”
เหนือกำแพงเมืองของนครหลวงกว่านจวิน มีผู้ฝึกตนบางคนที่กลัวจนสุดหัวใจ
ภายใต้อาทิตย์ที่เคลื่อนคล้อยลง
สัตว์อสูรและสัตว์ปีศาจนับแสนได้คำนับศีรษะ เผชิญหน้ากับจ้าวสัตว์ปีศาจสุนัขทมิฬที่กำลังเดินอย่างเชื่องช้าไปยังทิศทางของเมือง แม้ว่าจ้าวสัตว์อสูรนั้นจะยังไม่ได้โจมตี การกวาดตามองอย่างเย็นชาของมันก็ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นเก้าเช่นแม่ทัพเฮิงและเย่หลินเหลียนต้องตัวสั่นสะท้าน
เพียงแค่กวาดตามองครั้งเดียว จ้าวสัตว์ปีศาจก็สามารถยืนยันถึงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกตนได้
“หยุดมัน!”
“ส่งข้อมูลไปยังท่านเจ้าเมือง!”
ร่างสีเงินสองสามร่างปรากฏตัวขึ้นที่หอคอยใกล้เคียง
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
“หมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง หมายเลขสี่…” องครักษ์สามอุทาน
ในตอนนั้น สี่อันดับแรกในกองกำลังกว่านจวินก็ได้มาถึงโดยที่องครักษ์หนึ่งนั้นได้เข้าสู่ขั้นครึ่งขั้นแห่งเซียนแล้ว!
เย่หลินเหลียนสูดลมหายใจเย็นเยียบ
องครักษ์หนึ่งนั้นห่างจากหนทางแห่งเซียนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น
ไป!
ร่างสีเงินทั้งสามกระโดดลงไปและไปถึงยังร่างของจ้าวสัตว์ปีศาจในเสี้ยววินาที
องครักษ์หนึ่ง องครักษ์สอง องครักษ์สาม และองครักษ์สี่!
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสี่แห่งกองกำลังกว่านจวินได้สร้างวงล้อมครึ่งวงกลมรอบร่างของจ้าวสัตว์ปีศาจเพื่อหยุดยั้งมัน
“ผู้ฝึกตนขั้นเก้า ไปช่วย…” แม่ทัพเฮิงสั่งออกมาอย่างเคร่งเครียด
เขารู้ว่าองครักษ์ทั้งสี่นั้นอาจไม่สามารถรั้งจ้าวสัตว์ปีศาจที่สามารถทำลายทั้งจักรวรรดิได้
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ไม่ช้า ผู้ฝึกตนขั้นเก้าอีกสองสามคนก็ปรากฏตัวขึ้น เหนือกำแพงเมือง นักธนูจำนวนหนึ่งได้รั้งสายธนูของพวกเขา จ้าวเฟิงได้นำธนูบันไดสุวรรณของเขาออกมาและรั้งสายของมันเช่นเดียวกัน
วูบ..
สุนัขสีดำสนิทกวาดตามองร่างของมนุษย์เหนือกำแพงเมืองอย่างเย็นชาด้วยความเหยียดหยามราวกับมันมีความรู้สึกนึกคิด
“ตาข่ายฟ้าสวรรค์ดับ!”
กองกำลังกว่านจวินทั้งสี่พลันแปรเปลี่ยนกลายเป็นเงาพร่าเลือนสีเงิน พวกเขากำดาบสั้นอยู่ในมือและส่งคมดาบที่ไว้กันเป็น ‘ตาข่าย’ ห่อหุ้มร่างของจ้าวสัตว์อสูร
ตาข่ายฟ้าสวรรค์ดับนั้นถูกใช้ออกโดยองครักษ์ทั้งสี่และพลังของมันนั้นเหนือกว่าวิชาเซียนทั่วไป
แม้จ้าวเฟิงจะอยู่ห่างไกลออกไป หัวใจของเขาก็ยังคงกระตุก เขารู้ว่าหากเขาตกอยู่ในตาข่ายฟ้าสวรรค์ดับนี้ เขาไม่อาจจะหาช่องว่างได้แม้จะด้วยดวงตาซ้ายของเขา
ผู้ฝึกตนทั่วไปที่อยู่ขั้นเก้าย่อมถูกหั่นเป็นชิ้นในทันทีหากถูกจับไว้ภายใน
นับสิบปี ไม่มีผู้ใดสามารถหนีออกจากกระบวนท่านี้ขององครักษ์ทั้งสี่ได้ มาวันนี้ท่าไม้ตายนี้ก็ได้ใช้ออกไปยังร่างของจ้าวสัตว์ปีศาจ
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
สุนัขสีทมิฬนั้นไม่มีทางที่จะหนีหรือหลบเมื่อตาข่ายแห่งคมดาบนั้นได้ล้อมรอบมันไว้ทุกทิศทาง
วูบบ
เปลวเพลิงสีดำสนิทปรากฏขึ้นบนร่างของสุนัขปีศาจก่อนที่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจะแพร่กระจายออกไปรอบกาย
ปั่ก!
จ้าวสัตว์ปีศาจได้วาดอุ้งเท้าของมันสุ่มๆ ไปหนึ่งครั้ง และมันได้ขยี้ตาข่ายแสงสีดำที่ยาวไม่กี่เมตรหายไป การวาดอุ้งเท้าธรรมดาๆ นั้นราวกับมีวิชาอันล้ำลึกที่สามารถกรีดผ่านห้วงมิติได้
แคร่กกกก!
ตาข่ายฟ้าสวรรค์ดับแตกกระจาย
เคร้ง! เคร้ง!
อาวุธขององครักษ์สองและสี่ร่วงหล่นลงบนพื้น มุมปากปรากฏรอยเลือดสายหนึ่ง สีหน้าขององครัก์หนึ่งและองครักษ์สามซีดขาว ร่างนิ่งเกร็ง
จ้าวเฟิงยืนอยู่เหนือกำแพงเมือง หัวใจบีบรัดเมื่อเห็นการวาดอุ้งเท้าของจ้าวสัตว์ปีศาจ เพราะในสายตาของเขา การวาดอุ้งเท้านั้นราวกับมีวิชาอยู่
สัตว์ปีศาจกระทั่งรู้วิชา?
อาจมีเพียงจ้าวเฟิง ทว่าเขารู้สึกได้ว่ากระบวนท่าจากจ้าวสัตว์ปีศาจนั้นคล้ายคลึงกับฝ่ามือลมลี้ลับของสตรีผู้นั้นในหุบเขา
ฟุ่บบบ!
จ้าวสัตว์ปีศาจกระทืบเท้าลงบนพื้น ชั้นของไฟสีดำได้ถูกส่งกระจายออกไปทุกทิศทุกทางขณะที่มันทำให้พื้นแตกเป็นเสี่ยง
หลบ!
องครักษ์หนึ่งตะโกนขณะที่เขาได้ฟาดดาบของเขาไปยังเพลิงสีทมิฬนั้นอย่างกราดเกรี้ยว
องครักษ์ทั้งสามเองก็ได้ทำเช่นเดียวกัน
ปลิดเมฆาสวรรค์!
คมดาบแห่งการตัดสิน!
แม่ทัพเฮิง เย่หลินเหลียน และผู้ฝึกตนขั้นเก้าคนอื่นๆ ได้มาถึงและปกป้องกองกำลังกว่านจวินทั้งสี่ ทว่าเปลวไฟสีดำของจ้าวสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งเกินไป มันได้เผาไหม้ผิวหนังของคนผู้หนึ่งก่อนที่มันจะมาถึงเสียอีก
“อ๊ากกกก”
เสื้อผ้าของผู้ฝึกตนขั้นเก้าคนหนึ่งได้ติดไฟ ดังนั้นเขาจึงกลิ้งลงไปกับพื้นพยายามที่จะดับไฟ ทว่าไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าใดก็ไม่อาจหยุดไฟที่ลุกลามบนร่างได้ และในเวลานั้นเขาก็ถูกเผาจนกลายเป็นเพียงศพไหม้ดำราวตอตะโก ไม่เพียงเท่านั้น องครักษ์สามและองครักษ์สีก็ได้ถูกเผาโดยไฟสีดำนั้นเช่นกัน
“ลืมข้าไปซะ หนี…” องครักษ์สี่คำรามขณะที่พุ่งเข้าหาจ้าวสัตว์อสูรโดยที่ร่างยังติดไฟ
แผละ!
จ้าวสัตว์อสูรกวาดกรงเล็บของมันและกรีดร่างขององครักษ์สี่เป็นชิ้นๆ
“องครักษ์สาม!” ผู้อื่นอุทานลั่น
องครักษ์สาม ผู้ดูแลกองพันองครักษ์ฟ้าเองก็ถูกไฟเผาที่แขนของเขาเช่นกัน
ฉัวะ!
ชายหนุ่มกัดฟันกรอดก่อนจะตัดแขนของเขาออก
“ทุกคนถอย!” แม่ทัพเฮิงและองครักษ์หนึ่งสั่ง
จ้าวเฟิงตะลึงงันขณะที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง ก่อนหน้าเขาได้ใช้ธนูบันไดสุวรรณของเขายิงธนูออกไปจำนวนหนึ่ง ทว่าทั้งหมดได้กลายเป็นขี้เถ้าก่อนที่จะไปถึงยังร่างของจ้าวสัตว์ปีศาจ
หนี! ทุกคนถอย!
ผู้ฝึกตนขั้นเก้าสิบคนไม่อาจรับมือได้กระทั่งการกวาดอุ้งเท้าธรรมดาๆ ของจ้าวสัตว์ปีศาจเพียงครั้งเดียว
“ความแตกต่างมีมากเกินไป…”
เป่ยโม่ย หนานกงฟั่น และศิษย์คนอื่นๆ ต่างมองไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่เพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเขากับจ้าวสัตว์ปีศาจ
บรู๊ววว
จ้าวสัตว์ปีศาจหอนออกมาก่อนที่ร่างของสัตว์ปีศาจระดับสุดยอดสองสามตัวจะปรากฏขึ้นเบื้องหลังมัน
“มันกำลังเรียกกองทัพของมันให้โจมตี!” หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุกและเกือบจะเห็นความพินาศของนครหลวงกว่านจวิน
ตำนานที่จ้าวสัตว์ปีศาจนั้นสามารถทำลายจักรวรรดิได้เป็นเพียงตำนาน หรือมันจะเกิดขึ้นจริงกับจักรวรรดิเมฆาแห่งนี้?
เพียงแค่เหล่าผู้ฝึกตนตกอยู่ในความหวาดกลัวนั้น เสียงของสายลมก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง
“ไอ้บัดซบตัวใดกล้าเข้ามาในอาณาเขตของข้า?” น้ำเสียงล้ำลึกดังขึ้นจากกลางอากาศ
ฟุ่บบ
แสงสีเงินได้แล่นวาบผ่านท้องฟ้า
“นั่น…”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงสามารถมองเห็นภาพของชายวัยกลางคนที่สวมอาภรณ์สีเงินทองบินผ่านอากาศราวกับเทพเซียนได้
ในเสี้ยววินาที เขาก็ได้เคลื่อนที่ไปกว่า 200 เมตร
“บิน? มนุษย์สามารถบินได้จริงๆ หรือ?”
จ้าวเฟิงจำคนผู้นั้นได้ในทันที เจ้าเมืองกว่านจวิน!
ชายวัยกลางคนในชุดสีเงินทองหยุดใจกลางอากาศเบื้องหน้าจ้าวสัตว์ปีศาจ
“ระลอกมายาพิพากษา!” เจ้าเมืองกว่านจวินวาดมือของเขาขณะที่แสงสีเงินปรากฏขึ้น
ในเสี้ยววินาที เสียงที่ดังราวฟ้าคำรามก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงสีเงินยาวแปดเมตรจะแทงไปยังร่างของจ้าวสัตว์ปีศาจอย่างรุนแรง
โบร๋ว!
ความกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาของสุนัขสีดำขณะที่มันวาดอุ้งเท้าที่เคลือบไปด้วยฟสีทมิฬของมันไปยังแสงสีเงินนั้น
ตูม!
สายลมกรรโชกแรงพัดทุกสิ่งในระยะ 20 เมตรกระจายออกและทิ้งไว้เพียงหลุมลึกในบริเวณที่พลังทั้งสองได้ปะทะกัน สัตว์ปีศาจระดับสุดยอดใกล้ๆ เห่าหอนด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวดขณะที่พวกมันกลายเป็นขี้เถ้าไป…