ตอนที่ 13 ศิษย์ไร้ยางอาย
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เสิ่นปี้หรูก็แอบยิ้มเบาๆ
แม้ว่าการพูดยอกย้อนจะไม่ได้มีความหมายอะไรมากสำหรับโลกใบนี้ แต่มันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับซั่งปิง ยิ่งหันไปเห็นปฎิกิริยาของนางฟ้าของเขาเมื่อสักครู่ ซั่งปิงพลันรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ใบหน้าของเขาแดงขึ้นมาด้วยความโกรธแล้วก็เจื่อนสี แต่ไม่ว่าอย่างไร ต่อหน้าเสิ่นปี้หรู เขาจะพยายามทำตัวมีมารยาท จะไม่ผลีผลามจู่โจมจางเซวียนก่อนเป็นอันขาด
“ทำไมล่ะ? คำพูดของผมผิดเพี้ยนตรงไหนหรือ?” ซั่งปิงพยายามระงับความโกรธ และยิ้มเยาะ “ทั้งโรงเรียนนี้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณได้ที่โหล่? เจ้าเด็กอ้วนที่ตัวใหญ่อย่างกับหมูนี่ ก็คงมีความสามารถแบบพื้นๆเท่านั้นแหละ คงไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย กำปั้นมันก็มีความแรงแค่ 15 กิโลกรัมเท่านั้น ถ้าจัดอันดับในโรงเรียนก็คงจะอยู่ลำดับท้ายๆอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้ามันไม่ใช่ขยะแล้วจะเป็นอะไรได้?” แม้ว่าซั่งปิงจะไม่ได้สั่งสอนจางเซวียนด้วยหมัด แต่เขาก็สามารถใช้คำพูดทิ่มแทงจางเซวียนได้
“อันดับหนึ่งจากท้ายงั้นรึ?” จางเซวียนที่ให้ความสนใจกับสายเลือดมังกรบรรพกาล ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องลำดับของผลสอบแต่อย่างใด เขาหันไปมองที่เด็กอ้วน
“อ่า… อันดับท้ายๆเหรอฮะ?” เด็กอ้วนโต้ตอบ จากนั้นเขาเอามือลูบหน้าปะจมูกด้วยความอับอาย “ผมก็ แค่ แค่ อยู่ในอันดับที่ 9997 เท่านั้นเอง”
“หา !!! อันดับที่ 9997 เท่านั้นเองหรือ?” คำพูดนี้สร้างความเจ็บปวดให้แก่จางเซวียนจนแทบจะกระอักเลือด ในทุกๆปี โรงเรียนหงเทียนจะเปิดรับลูกศิษย์เพียง 10,000 คน และถึงแม้ว่าจะรับมาจำนวนมากแต่ในทุกปีก็จะมีลูกศิษย์ที่โดนให้ออกกลางคันด้วยหลากหลายเหตุผล และอันดับที่ 9997 นี่มันตำแหน่งรั้งท้ายของการสอบเชียวนะ
เจ้าอ้วนนี่อยู่ในอันดับท้ายๆ แล้วมันยังมีความมั่นใจอย่างนี้ได้ยังไงเนี่ย
จางเซวียนรู้สึกเหมือนเขาจะสลบไปชั่วขณะ
“ดูเหมือนว่าคุณเองก็ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆในการรับศิษย์สินะ?” ซั่งปิงเย้ยหยัน ถกแขนเสื้อและกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ตัวผมเองยังมีความชัดเจนในเงื่อนไขของการรับศิษย์ ผมจะไม่ยอมรับใครที่ได้อันดับน้อยกว่า 500 เป็นอันขาด แหม่!! นี่อาจารย์ระดับปลายแถวมาเจอกับลูกศิษย์คะแนนรั้งท้ายเหรอเนี่ย เข้ากันได้ดีจริงๆ ฮ่าๆๆๆ”
“พูดจบรึยัง?” ในสถานการณ์แบบนี้ จางเซวียนได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าพูดจบ ก็ไปได้แล้ว” ก่อนหน้านี้เขาตรวจสอบหยวนเทาชัดเจนด้วยข้อมูลที่ได้จากหอสมุดเทียบฟ้า เด็กอ้วนคนนี้เป็นนักรบพเนจร ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่มีเคล็ดวิชาและทักษะการต่อสู้ที่เป็นแบบแผน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาค้นพบวิธีการใช้งาน ‘สายเลือดมังกรบรรพกาล’ ขึ้นมาล่ะก็ วิทยายุทธของย่อมเขาทะยานสูงขึ้นอย่างไร้ขอบเขตแน่
“นี่แก….” ถ้าเป็นคนอื่นๆหากโดนเยาะเย้ยเช่นนี้ พวกเขาต้องโกรธจนตัวสั่น แต่ชายผู้นี้กลับไม่สะทกสะท้านใดๆเลยกับการพูดจาเสียดสีดังกล่าว สีหน้าซั่งปิงเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “เอาเถอะ ก็คงจะเหมือนไม้ผุๆ ที่ใช้การอะไรไม่ได้c]h;” หลังจากพูดจาถากถางด้วยน้ำเสียงเย็นชา ซั่งปิงก็หันไปมองเสิ่นปี้หรูข้างกายแล้วเอ่ยว่า “อาจารย์ปี้หรู เราไปกันเถอะ ถ้าอยู่ต่อเดี๋ยวพวกเราจะแปดเปื้อนไปด้วยเสียเปล่าๆ”
ได้ยินถ้อยคำเสียดสีตรงๆของซั่งปิง เสิ่นปี้หรูพลันขมวดคิ้วและตัดสินใจที่จะไม่ไปด้วย เธอหันกลับมามองจางเซวียนแล้วเอ่ยว่า “อาจารย์จาง”
เสียงของเธอหวานหยด ชัดถ้อยชัดคำ เปี่ยมเสน่ห์ชวนให้คนที่ได้ฟังหลงใหล
“หืม” จางเซวียนไม่คาดว่าอาจารย์ที่สวยที่สุดในโรงเรียนจะเริ่มต้นการสนทนากับเขาก่อน เขาผงะเล็กน้อย
“แม้ว่าก่อนหน้านี้…. คุณจะทำคะแนนได้ไม่ดีนัก แต่ก็อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ ซ้อมให้หนักและสุดท้ายความสำเร็จก็จะมาเยือน” เสิ่นปี้หรูค้อมศีรษะให้เล็กน้อยหลังจากที่กล่าวจบ เธอเดาว่า ที่จางเซวียนรับศิษย์ที่แย่ที่สุดเข้ามาอยู่ในปกครอง หมายความว่าเขาคงสิ้นหวังและถอดใจกับการเป็นครูเสียแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชื่นชอบเขา แต่ก็ไม่ได้อยากเห็นเขาหมกมุ่นในความผิดพลาดของตัวเอง
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” เขารู้ว่าอีกฝ่ายแนะนำเขาอย่างจริงใจ จางเซวียนพยักหน้าตอบและอธิบายต่อว่า “เด็กคนนี้ยังไม่มีความสามารถอะไรที่โดดเด่นก็จิรง แต่ถ้าเขาได้รับการชี้แนะอย่างถูกวิธี เขาจะสามารถพัฒนาเป็นหยกเนื้อดีได้ในอนาคต”
“อืม” เสิ่นปี้หรูรับคำก่อนจะเดินจากไป เธอคิดว่าจางเซวียนเพียงตอบกลับตามมารยาท เพราะดูจากหน่วยก้านของเด็กอ้วนนี่แล้ว จะให้ประสบความสำเร็จก็คงยาก
“ไอ้บ้าเอ๊ย” พอเห็นนางฟ้าในดวงใจให้กำลังใจอาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียน ใบหน้าซั่งปิงพลันบิดเบี้ยว ความโกรธแค้นปะทุดั่งลาวาร้อน หัวใจของเขาเหมือนถูกย่ำยี เขาจ้องมองจางเซวียนอย่างอาฆาต ก่อนจะวิ่งตามหลังเสิ่นปี้หรูไป “อาจารย์ปี้หรู ผมว่าคุณอย่าไปยุ่งกับคนพรรค์นั้นจะดีกว่า มันจะทำให้ชีวิตคุณด่างพร้อยไปด้วย”
“อาจารย์ซั่ง วันนี้ฉันเหนื่อยมาก อยากพักผ่อน หวังว่าคุณจะไม่ตามฉันมาอีกนะคะ” ยังไม่ทันที่ซั่งปิงจะพูดต่อ เสิ่นปี้หรูก็หันหลังและเดินจากไป
“บ้าเอ๊ย บัดซบ จางเซวียนรอก่อนเถอะ ฉันเอาคืนแกแน่” เขามองนางฟ้าของตนเดินลับสายตาไป ในตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะคิดบัญชีแค้นกับจางเซวียน ซั่งปิงคิดว่าถ้าไม่เกิดเรื่องแย่ๆเช่นนี้ อาจารย์ปี้หรูแสนสวยต้องตกปากรับคำไปทานมื้อค่ำกับเขาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
—————-
“นับตั้งแต่ที่คุณยอมรับผมเป็นอาจารย์ คุณก็ต้องรู้นะว่านี่คือห้องเรียนของเรา”
“สุดยอด” เจ้าอ้วนรีบลุกขึ้นยืนและส่งยิ้มให้เขา “อาจารย์ตอนนี้ผมเป็นศิษย์ของคุณแล้ว คุณบอกผมได้หรือไม่ว่าคุณมีชื่อเสียงเรียงนามอะไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย จางเซวียนถึงขั้นกุมขมับ รู้ทันทีว่าเจ้าอ้วนคงไม่ได้ใส่ใจที่จะตรวจสอบว่า ‘ใคร’ ที่รับเขาเข้ามาเป็นศิษย์ ขอให้เป็นใครก็ได้… ว่างั้น
“ผม… จางเซวียน” จางเซวียนกล่าว
“อาจารย์จางเซวียน? คนที่ได้คะแนนต่ำสุดในการตรวจวัดคุณวุฒิ เอ่อ… คนที่ได้คะแนนแค่ศูนย์…….” ในตอนนี้เจ้าอ้วนก็กระจ่างในใจแล้วว่าอาจารย์เขาเป็นแบบไหน? ร่างหนาของเขาเระเพื่อมไปทั้งตัว ปากของเขากระตุก ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาที่จะไหลออกมา
“เออ… ผมเองแหละ” จางเซวียนพยักหน้า
“อ่า… อาจารย์จาง” น้องอ้วนเกาหัวตัวเองแกรกๆ “คุณก็เห็นว่าผมโง่เง่าขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังอ้วนเผละ ไม่เหมาะที่จะเป็นศิษย์ใครทั้งสิ้น แต่ทำไม ทำไมคุณถึง… ไม่ปฎิเสธผมไปล่ะ”
จางเซวียน “………..”
“อาจารย์… ที่ผมดั้นด้นมาเรียนที่นี่ ผมจริงจังนะ อาจารย์สองคนที่ผ่านมาต่างก็ขับไล่ผมต่างๆนานา ผิดกับคุณที่ไม่มีท่าทีรังเกียจผมเลย คุณไม่กลัวว่าชื่อเสียของคุณแปดเปื้อนเพราะผมเหรอ?” เจ้าอ้วนยังคงพล่ามต่อ
“ผมไม่ได้กังวลว่าชื่อเสียงของตัวเองจะแย่แค่ไหน หลังจากที่เราต่างก็ยอมสานสัมพันธ์เป็นอาจารย์–ศิษย์กันไปแล้ว มีเพียงประโยคดียวที่ผมต้องการจะบอกกับคุณ นั่นคือผมจะเป็นอาจารย์ของคุณไปชั่วชีวิต คุณหยุดพล่ามอะไรไร้สาระเหอะ ขอร้อง” จางเซวียนโบกมือไล่เขา
“ผม…”
ใบหน้าหนุ่มอ้วนบิดเบี้ยวเหยเกเหมือนจะร้องไห้ให้กับความไม่เอาไหนของตัวเอง
จางเซวียนมองแล้วก็ถอนหายใจ ใครๆก็อยากได้ลูกศิษย์ดีๆ อนาคตของการเป็นอาจารย์จะได้สดใส แล้วนี่อะไร? เขาไม่คิดเลยว่าอาจารย์ห่วยแตกอย่างตัวเขา ยังต้องมาเจอกับนักเรียนที่ได้คะแนนระดับท้ายๆของสถาบัน ทำไมชีวิตของเขายากลำบากเช่นนี้ “เอาล่ะ นี่คือห้องเรียนของเรา ตอนนี้คุณไปจัดแจงหาที่พัก พรุ่งนี้เราจะมาเริ่มเรียนกัน ตรงเวลาด้วยล่ะ” จางเซวียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“เรียนที่นี่….” เมื่อกวาดสายตามองไปที่ขนาดของห้องเรียน น้องอ้วนก็น้ำตาตกในอีกครั้ง ห้องที่เขาไปสอบก่อนหน้ายังดูใหญ่โตกว่าห้องนี้ตั้งหลายเท่า ห้องแค่นี้จะสอนเด็กได้สักกี่คนกันเชียว “อาจารย์… ถ้าเกิดว่าผม…ไม่ได้มาเรียนในวันพรุ่งนี้ คุณจะไล่ผมออกหรือเปล่าครับ?” หนุ่มอ้วนลองเกริ่นถาม
“ไล่ออกหรอ? ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก แต่ผมจะเขวี้ยงคุณลงไปในทะเลสาบให้เป็นอาหารเต่า” จางเซวียนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมลืมบอกไปว่าถ้าคุณเป็นศิษย์ของผม คุณก็ต้องอยู่ในฐานะนี้ไป-จน–ตาย ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ผมจะฝังศพคุณด้วยมือของผมเอง…”
“อาจารย์” ก่อนที่จะจางเซวียนจะพูดจบ เขาพลันถูกขัดจังหวะด้วยคำพูดของน้องอ้วนที่มีสีหน้าจริงจังและแววตาดื้อรั้น “ผมจะมาที่นี่ก่อนเวลาเพื่อทำความสะอาดห้องเรียน เป็นเกียรติของผมที่ได้พบอาจารย์ที่ทรงภูมิอย่างคุณ ในอนาคตไม่ว่าใครก็ตามที่อยากรับผมเป็นศิษย์ ผมจะปฎิเสธพวกเขาและจะอยู่กับคุณคนเดียวเท่านั้น…”
จางเซวียน “………”
ตอนแรก จางเซวียนคิดว่าเขาเป็นคนที่ไร้ยางอายที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้ แต่ทว่า… คนที่ไร้ยางอายที่สุดน่าจะเป็นน้องอ้วนที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก