Skip to content

Library Of Heaven’s Path 182

ตอนที่ 182 โยนเขาออกไป

“นี่คือสมุดแนะนำตัวของเรา หวังว่าพ่อบ้านซุนจะช่วยส่งมอบมันให้ปรมาจารย์หยาง ถ้าปรมาจารย์หยางเรียกตัวพวกเราล่ะก็ เราสองพี่น้องจะสำนึกในบุญคุณของท่านเป็นอย่างยิ่ง”

เมื่อเห็นซุนฉางมีทีท่ายำเกรง ลู่ฉวินเอามือไพล่หลังและยิ้มอย่างมั่นใจ

ชีวิตของเขาราบรื่นมาตั้งแต่เยาว์วัย ประกอบกับชื่อเสียงที่เขาสร้างขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทำให้มีความมั่นใจขั้นสุดอยู่ในตัวเขา

ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเซวียน ผู้ใดจะอาจหาญกระด้างกระเดื่องกับลู่ฉวินเล่า?

ในอดีต เขาต้องอาศัยเกียรติยศของบิดาในฐานะ ‘ราชครูของฮ่องเต้’ แต่เวลานี้เขามีชื่อเสียงของตัวเอง ด้วยการเป็น ‘อาจารย์ลู่ฉวินคนดัง’

“ได้!” ซุนฉางพยักหน้าและรับสมุดแนะนำตัวไป เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์

แม้ตอนนี้ลู่ฉวินจะเป็นแค่อาจารย์ดาวเด่น แต่ด้วยประสบการณ์ของเขา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาจะกลายเป็นปรมาจารย์ ในฐานะพ่อบ้านผู้ต่ำต้อย เขาไม่อยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างปรมาจารย์ จึงตัดสินใจเข้าไปแจ้งเจ้านาย

“สำคัญตัวผิด วางท่าราวกับเป็นผู้มีอำนาจ!” เมื่อเห็นชายตุ้ยนุ้ยเปลี่ยนท่าทีหลังจากได้ยินชื่อลู่ฉวิน หว่างเชาคำรามในลำคอ สีหน้าดูหมิ่นเหยียดหยามปรากฏขึ้นทันทีเมื่อซุนฉางหายเข้าไปในคฤหาสน์

เขาได้สืบเสาะภูมิหลังของซุนฉางมาก่อนแล้ว หมอนี่เป็นแค่ผู้จัดการสำนักงานนายหน้า และด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาเกิดไปสะดุดตาปรมาจารย์หยาง ทำให้สถานภาพทางสังคมของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากมาย

ทั้งที่อายุปาเข้าไปกว่าสี่สิบแล้ว แต่ยังติดอยู่แค่ขั้นผีกู่ ตัวก็อ้วนเผละเหมือนหมู แถมไม่มีความสามารถพิเศษใดๆ แต่ก็บังอาจตวาดใส่เขา ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นพ่อบ้านของปรมาจารย์หยางแล้วล่ะก็ คงจะต้องสั่งสอนกันยืดยาวแน่

“เขาก็แค่พวกต๊อกต๋อย น้องหวังอย่าใส่ใจเลย” ลู่ฉวินหัวเราะหึๆ

“ถ้าอย่างนั้น นี่ก็คืออาจารย์ลู่ฉวินกับอาจารย์หว่างเชา ผมต้องขอโทษด้วยที่จำคุณทั้งสองไม่ได้”

“คุณเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งอาณาจักร ผมเคยอยากขอเข้าพบคุณมาตลอด ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีนักที่ได้พบคุณที่นี่”

“ช่างเป็นเกียรติมากที่ได้พบคุณทั้งสอง ในภายหน้าผมคงต้องขอรบกวนคุณ…”

เมื่อได้ยินบทสนทนา ฝูงชนที่อยู่ในแถวด้านหลังพวกเขาก็หายขุ่นเคืองทันใด ต่างแสดงออกต่อพวกเขาอย่างสุภาพ

อาจารย์นั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คืออาจารย์ทั่วไปกับปรมาจารย์

อาจารย์ทั่วไปก็แบ่งออกได้เป็นอีก 3 ระดับย่อย คืออาจารย์ระดับล่าง อาจารย์ระดับบน และอาจารย์ดาวเด่น

ส่วนปรมาจารย์นั้นแบ่งออกเป็น ผู้ช่วยปรมาจารย์และปรมาจารย์ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ

ลู่ฉวินกับหว่างเชานั้นอยู่ในจำพวกแรก แต่พวกเขาอยู่ในระดับสูงสุด คือมีคุณสมบัติมากพอที่จะได้เป็นปรมาจารย์ หากพวกเขาได้รับการถ่ายทอดความรู้จากปรมาจารย์ ก็จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ในทันที และจะพุ่งทะยานขึ้นสู่ระดับที่สูงไปกว่านี้อีก

ด้วยการครอบครองสถานภาพเช่นนั้น แม้ผู้ที่เข้าแถวรออยู่หน้าประตูจะเป็นผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงอำนาจในอาณาจักร แต่ก็ไม่กล้าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง

อีกอย่าง ทั้งคู่มาขอเข้าพบปรมาจารย์หยาง ถ้าทุกสิ่งเป็นไปด้วยดี ปรมาจารย์

หยางก็อาจรับพวกเขาเป็นศิษย์ ถ้าจะไปทำดีใส่พวกเขาตอนนั้นก็คงจะสายเกินไป

เมื่อเห็นทีท่าของฝูงชน ลู่ฉวินกับหว่างเชาหัวเราะหึๆออกมาพร้อมกัน ต่างกำหมัดแน่นอย่างย่ามใจ ในตอนนั้น ทั้งคู่ต่างรู้สึกว่าตัวเองช่างสูงส่ง ราวกับว่าคำพูดของพวกเขาเพียงหนึ่งคำอาจเปลี่ยนโชคชะตาของคนเหล่านั้นได้ อย่างกับพวกเขากลายเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ไปแล้วทีเดียว

ที่พวกเขาเพียรสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยก็เพื่อสิ่งนี้

“อย่าขุ่นเคืองเจ้าพ่อบ้านคนนั้นไปเลย เมื่อใดก็ตามที่ท่านทั้งสองกลายเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์หยาง เขาจะมิบังอาจพูดเช่นนั้นอีก” นักรบคนหนึ่งประจบประแจงพวกเขา

“จริงด้วย! เมื่อใดที่ปรมาจารย์หยางรับคุณทั้งคู่เป็นศิษย์ เขาก็จะเป็นแค่พ่อบ้าน แค่คนรับใช้!” อีกคนหนึ่งเสริม

“คุณทั้งสองก็กล่าวเกินไป จะเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์กันได้ง่ายๆถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

แม้คำพูดของลู่ฉวินจะดูถ่อมตัว แต่เขาก็ยิ้มอย่างมั่นใจราวกับจะพูดว่า “แล้วจะเป็นใครอื่นได้ถ้าไม่ใช่ฉัน?”

แต่นั่นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะเขาเป็นอาจารย์ดาวเด่นผู้น่าทึ่งที่สุดในอาณาจักรเทียนเซวียน หากปรมาจารย์กำลังมองหาลูกศิษย์สักคน ก็ไม่มีใครอีกแล้วในอาณาจักรนี้ที่จะเทียบกับเขาได้

“อาจารย์ลู่ก็ถ่อมตัวไปแล้ว ผมได้ยินมาว่าปรมาจารย์หลิวมีความตั้งใจอยากรับคุณเป็นศิษย์!”

“ผมก็ได้ยินมาเช่นนั้น แต่ดูจากการที่แม้แต่ปรมาจารย์หลิวยังมาขอพบปรมาจารย์หยางเป็นการส่วนตัวเลย ถ้าคุณได้เป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์หยางแล้วล่ะก็ คุณจะต้องไปได้ไกลกว่าแน่”

“หากปรมาจารย์หยางรับคุณเป็นศิษย์ คุณจะต้องไม่พ่ายแพ้ให้กับปรมาจารย์ระดับ 1 ดาวคนไหนอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราคงต้องขอพึ่ง…”

อีกสองสามคนต่างยกยอปอปั้น

“อย่าห่วงเลย ถ้าปรมาจารย์หยางรับผมเป็นศิษย์จริงๆ ผมจะไม่ลืมพวกคุณ”

ลู่ฉวินกับหว่างเชาหัวเราะด้วยกัน ทั้งคู่ยืนวางภูมิต่อหน้าฝูงชนราวกับดอกบัวที่ผลิบานอยู่เหนือโคลนตม เหมือนสิ่งมีชีวิตไร้เทียมทานที่ผู้อื่นทำได้แค่แอบมองด้วยความนับถือ

ปัง!

ในเวลานั้นประตูก็เปิดออก และซุนฉางปรากฏกายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

เห็นเขากลับมา ทั้งคู่เดินเข้าไปหาทันที

“ขออภัยที่ทำให้ยุ่งยาก พ่อบ้านซุน โปรดนำทางเราด้วย” หว่างเชาหัวเราะหึๆขณะตั้งท่าจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ก้าว ซุนฉางก็ขวางทางไว้ ชายตุ้ยนุ้ยมองพวกเขาด้วยสีหน้าประหลาด

“หรือว่าปรมาจารย์หยางไม่อนุญาตให้เราเข้าไป?” หว่างเชาหน้าดำคร่ำเครียด

เป็นไปไม่ได้หรอก! พวกเขาได้บรรยายถึงความสำเร็จทั้งหลายแหล่ลงไปในสมุดแนะนำตัวแล้ว ในฐานะอาจารย์ดาวเด่นที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จะถูกปฏิเสธได้อย่างไร?

“เข้าไปรึ? ใครอนุญาตให้คุณเข้าไป? พวกคุณมีสองทางเลือก คือไปต่อท้ายแถว หรือไม่ก็…กลับไปเสีย!” ซุนฉางโบกมืออย่างวางอำนาจ

“นี่แก…”

ต่างนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยังแสดงทีท่าเช่นนี้แม้ว่าสมุดแนะนำตัวจะถูกส่งไปแล้ว ลู่ฉวินกับหว่างเชาเดือดดาลนัก “นี่คือคำสั่งของปรมาจารย์หยางหรือ? เป็นเเค่พ่อบ้านต่ำต้อย ควรจะรู้ที่ทางของตัวเองและไม่ควรจะรายงานคำสั่งของท่านปรมาจารย์อย่างผิดๆ!” ลู่ฉวินก้าวออกมา

เขาเพิ่งจะมีช่วงเวลาชื่นมื่นเบิกบานตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าปรมาจารย์หยางจะเรียกพวกเขาเข้าไปข้างใน หากถูกปฏิเสธเช่นนี้ ชื่อเสียงจะต้องป่นปี้ในทันทีแน่ แล้วต่อไปจะเงยหน้ามองผู้อื่นได้อย่างไรกัน

“รายงานอย่างผิดๆหรือ? เด็กๆ… โยนไอ้ตัวปัญหาสองคนนี้ออกไป” ซุนฉางไม่อยากปะทะคารม เขาเรียกองครักษ์

ฟึ่บ!

องครักษ์จำนวนหนึ่งออกมาจากด้านหลังประตูพร้อมไม้พลองคู่มือ พวกเขาเดินตรงเข้าหาลู่ฉวินกับหว่างเชา

“แก…” หว่างเชาหน้าแดงก่ำ “ซุนฉาง แกกล้าดีอย่างไร…”

แกทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?

จะเอาไม้พลองตีฉันหรือ?

แกคิดว่าพวกเราเป็นขอทานรึ?

เราเป็นอาจารย์ดาวเด่น ทั่วทั้งอาณาจักรต่างให้ความเคารพ ถ้าเราถูกแกเฉดหัวออกไปแบบนี้ เกียรติยศศักดิ์ศรีของเราจะเหลืออะไร?

“ทำไมผมจะไม่กล้า? ปรมาจารย์ท่านกำชับไว้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร หากต้องการพบท่านก็จะต้องต่อแถวและจ่ายมาสามล้าน แม้อาจารย์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น อีกอย่าง ถ้าใครต่อใครก็เข้าพบได้เพียงแค่มีสมุดแนะนำตัวในมือ นายท่านมิเหนื่อยตายหรือ? พวกคุณเป็นถึงอาจารย์ดาวเด่น ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าลัดคิวโดยไม่ยอมจ่ายเงิน อย่าทำให้ชื่อเสียงของอาจารย์ป่นปี้ไปกว่านี้เลย!”

ซุนฉางมองทั้งคู่อย่างเหยียดหยาม เขาโบกมือราวกับจะไล่แมลงวันและเอ่ย “โยนพวกมันออกไป!”

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกร้อนใจ แต่เมื่อนำสมุดแนะนำตัวไปให้ปรมาจารย์ ฝ่ายนั้นเพียงแค่ตั้งคำถามเดียว: พวกเขาจ่ายเงินหรือยัง? เมื่อได้ยินว่ายังไม่จ่าย ปรมาจารย์ก็สั่งให้ซุนฉางทำตามกฎ

จากเรื่องนี้ ก็เห็นกันแล้วว่า แม้อาจารย์ดาวเด่น…ก็ไม่มีความหมายใดต่อปรมาจารย์

ขนาดเมื่อครั้งที่สามปรมาจารย์มาขอพบ นายท่านของเขาก็มิได้พินอบพิเทา นับประสาอะไรกับอีแค่อาจารย์ดาวเด่นในโรงเรียนธรรมดาๆ?

ฟึ่บ!

ได้ยินคำสั่งของซุนฉาง เหล่าองครักษ์เข้าประชิด “อาจารย์ทั้งสอง เชิญ!”

ต่างมีสีหน้าแปลกๆขณะที่พูดคำนั้น

“เราคิดมาตลอดว่าพวกอาจารย์นั้นหยิ่งในเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่กลายเป็นว่าพวกเขาพยายามจะแอบเข้าไปโดยใช้แค่สมุดแนะนำตัว และไม่ยอมจ่ายค่าผ่านประตูแบบนี้น่ะหรือ?”

“การกระทำของปรมาจารย์หยางช่างน่ายกย่อง เขาเห็นทุกคนเท่าเทียมกัน แม้พวกอาจารย์ก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษ ผมประทับใจนัก”

“มาลัดคิวทั้งที่ไม่มีเงิน ช่างหน้าด้านหน้าทนเหลือเกิน นี่ผมอยากผูกมิตรกับพวกเขาไปได้อย่างไรกัน?”

“ปรมาจารย์หยางไม่มีทางสนใจคนชั้นต่ำแบบนี้หรอก แล้วคิดดูสิว่าพวกเขาอยากขอให้ท่านรับเป็นศิษย์…น่าขันอะไรเช่นนั้น!”

ไม่เพียงแต่องครักษ์ ฝูงชนต่างก็ซุบซิบด้วยอาการมึนตึง

พวกเขาจ่ายเงินจำนวนมหาศาล และเข้าคิวรอมาตลอดระยะเวลาหลายวัน ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถูกเรียกเข้าไป แต่สองคนนี้ เงินก็ไม่จ่าย ยังหวังจะเข้าไปในคฤหาสน์ ช่างน่าขันนัก! วอนโดนประณามแท้ๆ!

“…..”

เห็นฝูงชนแสดงอาการดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างชัดแจ้ง ลู่ฉวินกับหว่างเชาแทบกระอักเลือด

การถูกดูหมิ่นอย่างรุนแรงทำให้พวกเขาแทบลมจับ

เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์กระอักกระอ่วน ลู่ฉวินได้เรียบเรียงสมุดแนะนำตัวอย่างดีที่สุด ด้วยความคาดหวังว่าแม้อีกฝ่ายจะไม่ให้เข้าพบ อย่างน้อยก็คงจะสนใจสถานภาพของพวกเขาบ้าง และไม่พูดถึงเรื่องเงินออกมา

แต่กลายเป็นตรงกันข้าม ไม่เพียงแต่เจ้าอ้วนเผละนี่จะรู้เรื่องเท่านั้น ทุกคนก็ยังมองเขาอย่างประณามหยามเหยียดด้วย

น้ำตาไหลอาบหน้าของลู่ฉวินและหว่างเชา

บ้าเอ๊ย!

ตอนนี้ เกียรติยศศักดิ์ศรีของพวกเขาป่นปี้ไม่มีเหลือ ถ้ามีหลุมมีรูอยู่บนพื้น คงจะรีบมุดลงไปโดยไม่รอช้า

“คุณ…”

กำลังจะพูดอะไรอีกสักหน่อย เพื่อบรรเทาสถานการณ์และเรียกเกียรติยศศักดิ์ศรีกลับคืนมา แต่หว่างเชาก็รู้สึกว่ามีคนจับแขน ลู่ฉวินนั่นเองที่ดึงเขาออกไป “ขออภัยด้วย พ่อบ้านซุน วันนี้เรารีบมาก ต้องขอตัวก่อน…”

จากนั้นพวกเขาก็หันหลังเดินจากไป

ไอ้พ่อบ้านซุนคนนั้นไม่ใช่ไก่อ่อน มันกล้าพูดทุกเรื่อง หากพวกเขายังต่อปากต่อคำและไม่ยอมจาก ไม่เพียงแต่จะเดือดดาลกว่าเดิม แต่ยังจะถูกหยามหมิ่นมากกว่านี้

ไม่มีไอ้โง่ที่ไหนก้าวขึ้นมาเป็นอาจารย์ดาวเด่นได้หากโง่ซ้ำโง่ซาก

เมื่อเห็นเพื่อนรักกำลังจะไป หว่างเชาก็รู้ว่าควรทำอย่างไร เขามองซุนฉางด้วยสายตาอาฆาต ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไปเช่นกัน

“ลู่ฉวิน แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไร?” เมื่อพ้นจากฝูงชน พวกเขาก็เดินเข้าตรอกใกล้ๆ หว่างเชาอดตั้งคำถามไม่ได้

ตอนแรก พวกเขาคิดว่าสมุดแนะนำตัวจะทำให้อีกฝ่ายประทับใจและหากถูกเรียกตัวเข้าไป ก็มั่นใจว่าด้วยความรู้ที่มีจะทำให้ปรมาจารย์หยางประทับใจได้ ไม่นึกไม่ฝันว่า…ไม่เพียงแต่ฝ่ายนั้นจะปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ แต่เจ้าพ่อบ้านก็ยังประจานต่อหน้าธารกำนัลด้วยว่าพวกเขาไม่จ่ายค่าผ่านประตู ความโกรธและความผิดหวังทำให้ทั้งคู่แทบจะเป็นบ้า

“จะทำอะไรได้อีกเล่า? ที่ทำได้ก็คือหาค่าผ่านประตูสามล้านมา และเชิดหน้ากลับเข้าไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง” ลู่ฉวินขบกราม

การได้พบปรมาจารย์หยางเท่านั้นที่พวกเขาจะมีโอกาสแสดงความสามารถเพื่อเอาชนะใจ หากไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้พบปรมาจารย์ แล้วจะทะเลาะกับพ่อบ้านไปเพื่ออะไร?

“สามล้านหรือ? เราจะหาเงินขนาดนั้นได้จากที่ไหน?” สีหน้าของหว่างเชาขมขื่นเหมือนบอระเพ็ด

“คุณก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับตาเฒ่าคนนั้นก็ไม่ได้ดีนัก ต่อให้เขามีเงิน ก็ไม่มีทางให้ผมหรอก อีกอย่าง ผมจะไปพูดกับเขาได้อย่างไร?” ลู่ฉวินส่ายหน้า

“ท่านพ่อของผมน่าจะมี แต่เมื่อสองสามวันที่แล้วเขาได้เรียนวรยุทธเพลงหอกอันน่าทึ่ง และจ่ายเงินไปหลายล้านเป็นค่าเรียน ตอนนี้ตระกูลของเราเลยจนกรอบ แค่เงินแสนก็ยังหาไม่ได้เลย…” หว่างเชายิ้มอย่างขมขื่น

ท่านพ่อของเขาหมกมุ่นอยู่กับเพลงหอกนั้นราวกับคนบ้าตลอดสองสามวันที่ผ่านมา แม้เวลาจะให้เขาก็ยังไม่มี อีกอย่าง ต่อให้ท่านพ่อมีเงิน เขาก็ไม่น่าจะเอามาได้

“เฮ้อ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?” ทั้งคู่กลัดกลุ้มนัก

“ลู่ฉวิน ถ้ามันถึงเวลานั้นจริงๆ คุณลองขอความช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์จากฮ่องเต้เซินจุยดีไหม…คุณโตขึ้นมาในรั้วในวังไม่ใช่หรือ? คงไม่ยากกระมังถ้าจะขอยืมสามล้านจากพระองค์ อีกอย่าง ก็ไม่ได้สายเกินไปที่จะใช้คืนเงินจำนวนนั้นให้องค์ฮ่องเต้ หากคุณได้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์หยางเข้าจริงๆ…” หว่างเชาเอ่ยถามเมื่อพลันนึกบางอย่างขึ้นได้

“ฮ่องเต้เซินจุยหรือ?” ลู่ฉวินนวดหว่างคิ้วอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ “ลองดู!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!