Skip to content

Library Of Heaven’s Path 53

ตอนที่ 53 ไป๋ซวินที่แทบจะบ้า

“นี่มัน…” ใบหน้าของทั้งสองเกิดอาการงวยงงขึ้น

นี่คือ…ปรมาจารย์ลู่เฉิน เขาเป็นถึงราชครู ใครที่ไหนกล้าขนาดมาลงมือกับเขา ใครเล่นงานเขาจนเป็นแบบนี้ อีกอย่าง พวกเขาไม่ใช่บอกว่าจะไปห้องหนังสือรึ แล้วทำไมถึง… เป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ

หรือว่าพวกเขาไปประลองกันที่ห้องหนังสือ ไม่ได้ไปอ่านหนังสือหรือว่าคนใหญ่คนโตอย่างปรมาจารย์ลู่เฉินก็ชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน

“ผมไม่เป็นอะไร…” ปรมาจารย์ลู่เฉินโบกมือไปมาด้วยความละอายใจนิดๆ

เขาไม่สามารถบอกว่าจางเซวียนบรรลุเคล็ดวิชา จากนั้นก็ควบคุมพลังปราณของตัวเองไม่ได้ แล้วลงมือกับตัวเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจรู้ดีว่าไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ลู่เฉินเดินมานั่งแล้วหันไปมองพ่อบ้าน “อาเฉิง ไปหยิบเสาหินวัดพลังมาหน่อยสิ”

เขาเป็นปรมาจารย์ด้านวาดเขียน ไม่ใช่นักรบ ในห้องโถงจึงไม่มีเสาหินวัดพลังตั้งอยู่ แต่สิ่งของชิ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับการฝึกยุทธ์อย่างมาก ดังนั้น ที่บ้านเขาจึงมีไว้ต้นหนึ่ง

“รับทราบครับ” ลุงเฉิงไม่รู้ว่านายท่านจะทำอะไรแต่ก็พยักหน้าแล้วเดินออกไป

“ท่านปรมาจารย์จาง วรยุทธของท่านได้ก้าวมาถึงขั้นห้าระดับสูงสุดแล้วจริงๆ รึ” ไป๋ซวินเห็นไม่มีใครพูดอะไรเลยแย่งพูดก่อนทันที ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขากำลังอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก

“ใช่” ถ้าเป็นในโรงเรียนหงเทียน จางเซวียนไม่ค่อยอยากจะยอมรับ แต่ถ้าเป็นที่นี่ เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังอะไร

“ผมก็เป็นนักรบขั้นเดียวกับท่าน ผมจะขอคำชี้แนะจากท่านหน่อยได้หรือไม่” ไป๋ซวินได้ยินคำตอบของจางเซวียน ในใจเขาเริ่มเกิดความตื่นเต้นขึ้นทันที

“ไป๋ซวิน นี่คุณจะทำอะไร ไม่รู้รึว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหน…” หวงหวี่พูดขึ้นทันที

ปรมาจารย์ลู่เฉินเป็นคนที่อ่อนโยน ไม่ชอบการใช้กำลังต่อยตี แล้วไป๋ซวินมาท้าประลองกับจางเซวียนในห้องรับรองแบบนี้ ไป๋ซวินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

เช่นเดียวกับที่หวงหวี่พูด ลู่เฉินไม่ชอบการใช้กำลัง แต่ตอนนี้ลุงเฉิงยังไม่ได้นำเสาหินวัดพลังออกมา ถ้าจะทดสอบว่าวรยุทธของจางเซวียนก้าวหน้าหรือไม่ ไป๋ซวินก็คือตัวทดสอบอย่างดี

เรื่องที่ไป๋ซวินเป็นนักรบขั้นห้านั้น ลู่เฉินรู้นานแล้ว ถ้าเป็นการประลองระหว่างนักรบที่อยู่ในขั้นเดียวกัน ก็จะสามารถมองเห็นว่าวรยุทธของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก้าวหน้าขึ้นหรือไม่อย่างชัดเจน พอคิดได้แบบนี้ ลู่เฉินจึงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดออกมา “ถ้าเป็นการประลองแบบทั่วไป ผมไม่ขัดข้อง แต่ถ้าผมสั่งให้หยุดพวกคุณต้องหยุดทันที”

“ครับท่าน” ไป๋ซวินคิดว่าลู่เฉินจะปฏิเสธ แต่พอได้ยินคำพูดของลู่เฉิน ไป๋ซวินก็ดีใจอย่างมาก เขาลุกขึ้นเดินมาที่กลางห้องรับรองแล้วโค้งให้กับจางเซวียน “เชิญครับ”

“ได้” จางเซวียนเพิ่งจะฝึกเคล็ดวิชาร่างนวโลหะสำเร็จ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าวรยุทธของตัวเองเพิ่มขึ้นแค่ไหน พออีกฝ่ายท้าประลอง เขาจึงไม่ปฏิเสธ

“หมัดผมหนักมาก ระวังตัวด้วยล่ะ” ดวงตาของไป๋ซวินจ้องไปที่จางเซวียน เขามีไอพลังปราณรายล้อมไปทั่วร่าง ตอนนี้มาดของคุณชายผู้บอบบางของเขาหายไปแล้ว

ในฐานะที่เป็นนักรบขั้นห้าเหมือนกัน ถ้าพูดถึงวรยุทธ เขาเหนือกว่าซั่งปิงอยู่หนึ่งขั้น

พอพลังปราณเข้าที่ ไป๋ซวินจึงปล่อยหมัดไปที่จางเซวียนอย่างเต็มกำลัง

จางเซวียนกำลังอยากจะทดสอบวรยุทธของตนเองอยู่พอดี เขาไม่ได้เปิดหอสมุดเทียบฟ้าแต่เอาหมัดเข้าแลกกับไป๋ซวินทันที

หมัดของทั้งสองปะทะกันอย่างจัง จู่ๆ จางเซวียนก็ขมวดคิ้วขึ้น “ทำไมหมัดของไป๋ซวินถึงได้นุ่มนวลขนาดนี้ เขาเป็นนักรบขั้นห้าระดับสูงสุดจริงรึ”

เมื่อหมัดของจางเซวียนปะทะกับหมัดของไป๋ซวิน

แรงปะทะไม่ได้ทำให้จางเซวียนรู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด เหมือนก้อนหินปะทะกับฟองอากาศ หมัดของไป๋ซวินช่างอ่อนนุ่มเหลือเกิน

จางเซวียนรู้สึกว่าพลังปราณบนหมัดของอีกฝ่ายอ่อนด้อยกว่าของตนอย่างมาก เขาคิดว่าอีกฝ่ายยังไม่พร้อมจึงดึงพลังปราณในร่างกลับมากว่าครึ่ง แต่แม้จะเป็นแบบนั้น ใบหน้าของไป๋ซวินก็ขาวซีดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ร่างของเขากระเด็นไปชนกับเสาต้นหนึ่งอย่างจัง

“ทำไมคุณไม่ยอมออกแรงอย่างเต็มที่ล่ะ” จางเซวียนเก็บหมัดแล้วเดินมาตรงหน้าไป๋ซวินพร้อมทั้งเอื้อมมือไปดึงเพื่อช่วยให้ไป๋ซวินลุกขึ้นมา

“อย่า…” ลู่เฉินเห็นแบบนี้ เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปจึงคิดจะยับยั้งเอาไว้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว

ไป๋ซวินถูกจางเซวียนดึงตัวขึ้น เสมือนเล่นว่าว ร่างของไป๋ซวินลอยคว้างไปกลางอากาศ กระเด็นออกไปหลายสิบเมตรแล้วชนกับกำแพงอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้ทั้งปากและจมูกของเขาเต็มไปด้วยเลือด

ไป๋ซวินเจ็บปวดมากจนเกือบจะร้องไห้ออกมา

พี่… ผมรู้ว่าผมสู้พี่ไม่ได้ แต่พี่ก็ไม่จำเป็นต้องโหดขนาดนี้ก็ได้นี่ ใบหน้าอันหล่อเหลาของผม…

“คุณ… ทำไม…” พอจางเซวียนเห็นไป๋ซวินกระโดดโลดเต้นบินเล่นไปมา เขารู้สึกแปลกใจอย่างมาก เขาก็แค่อยากจะช่วยดึงตัวของไป๋ซวินขึ้นมาเท่านั้น ทำไมต้องหนี?

คนคนนี้เป็นอะไรกันแน่

ทั้งลู่เฉิน ทั้งไป๋ซวิน ทั้งคู่ชอบกระโดดไปมา มันสนุกมากเลยรึ?

ถ้าทั้งสองรู้ว่าจางเซวียนคิดอะไรอยู่ คงจะยิ่งกระอักเลือดเข้าไปใหญ่

กระโดดอะไร พวกเราถูกแกเหวี่ยงไปมาต่างหาก!

“คุณ…” หวงหวี่ขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเหตุการณ์ เธอตกใจจนแทบช็อก ไป๋ซวินเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในกลุ่มเยาวชนของเมืองนี้ วรยุทธของเขาสูงจนไม่ค่อยมีใครสามารถต่อกรด้วยได้ เรื่องนี้ทำให้ไป๋ซวินมีนิสัยชอบท้าประลองและชอบการใช้กำลัง ทีแรกคิดว่าจางเซวียนคงจะสู้ไป๋ซวินไม่ได้ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจางเซวียนแค่ออกหมัดครั้งเดียว ไป๋ซวินกลับกระเด็นออกไปนอนเลือดกบปาก แพ้อย่างหมดรูปคนคนนี้ยังไม่เปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมาทั้งหมด ถึงอย่างนั้น พลังปราณของเขาก็แข็งแกร่งมาก

“คุณไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” จางเซวียนไม่รู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไร เขาเดินมาตรงหน้าไป๋ซวินด้วยใบหน้าที่รู้สึกเสียใจสุดๆ

“ไม่เป็นไร…” ไป๋ซวินพยุงตัวเองขึ้นแล้วปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า

เป็นนักรบขั้นห้าย่อมต้องผ่านขั้นผีกู่มาแล้ว โดยปกติแล้วบาดแผลเล็กน้อยทำอะไรเขาไม่ได้

“งั้นก็ดี เมื่อครู่ผมเห็นว่าคุณยังไม่ได้ใช้พลังเลย เอาอย่างนี้ ครั้งนี้คุณใช้พลังปราณทั้งหมดเลยนะ แล้วเรามาประลองกันอีกครั้ง…” ใบหน้าของจางเซวียนดูจริงจังมาก

“ยังจะประลองอีกรึ” ไป๋ซวินหน้าบูดจนแทบจะร้องไห้ออกมา ถ้าประลองอีกตนคงต้องตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ เขารีบปฏิเสธออกไป “ไม่ต้องแล้วครับ วรยุทธของท่านปรมาจารย์สูงส่งกว่าผมมาก แค่เห็นก็รู้แล้ว…”

“อย่าเกรงใจไปเลย พวกเราเพียงแค่ประลองกันเฉยๆ คุณไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก อีกอย่าง ไม่ต้องเรียกผมว่าปรมาจารย์นะ ฟังดูแล้วมันห่างเหินกันมากเกินไป…”

จางเซวียนนึกว่าที่อีกฝ่ายไม่ยอมใช้พลังอย่างเต็มที่เพราะเกรงใจปรมาจารย์ลู่เฉิน จึงไม่กล้าแสดงพลังอย่างสุดความสามารถ

ตอนที่จางเซวียนเพิ่งจะสำเร็จการฝึกเคล็ดวิชาจนเป็นนักรบขั้นห้าระดับสูงสุดใหม่ๆ เขาจำต้องประมือกับเหยาฮั่นที่มีวรยุทธสูงส่งกว่าไป๋ซวินตอนนี้เสียอีก ทำให้จางเซวียนในตอนนั้นรู้สึกกดดันเล็กน้อย พลังปราณของเหยาฮั่นแข็งแกร่งมาก

ไป๋ซวินก็มีพลังปราณที่ไม่ด้อยไปกว่าเหยาฮั่นสักเท่าไร แต่ทำไมแค่ถูกหมัดของจางเซวียนเพียงครั้งเดียวก็กระเด็นไปซะไกลแบบนั้น

ต่อให้ตัวเขาจะมีพลังปราณระดับแปด ก็ไม่สามารถอัดจนนักรบขั้นห้าที่มีพลังปราณระดับสี่กระเด็นออกไปแบบนี้ได้

“ประลองอีกหรือครับ” ไป๋ซวินแปลกใจ แกออกหมัดครั้งเดียว รู้ไหมว่าฉันเกือบจะตายไปจริงๆ แล้ว อีกอย่าง แกเป็นคนระดับเดียวกับปู่ลู่เฉิน ไม่ให้เรียกว่าปรมาจารย์แล้วจะให้ฉันเรียกว่าอะไร ไป๋ซวินพอคิดได้แบบนี้ก็แทบจะร้องไห้ออกมา “เรียกว่าปรมาจารย์จะทำให้รู้สึกเหินห่าง ท่านคงไม่ได้อยากจะให้ผมเรียกว่าท่านปู่ใช่หรือไม่? ก็ได้ครับ… ท่านปู่จาง ผมผิดไปแล้ว เมื่อครู่ผมไม่ควรคิดจะเล่นงานท่าน ขอร้องล่ะ… อย่าประลองกับผมอีกเลย”

“เสาหินวัดพลังมาแล้วครับ” เสียงของลุงเฉิงดังขึ้น ลุงเฉิงที่เดินเข้ามาบังเอิญได้ยินคำพูดของไป๋ซวิน เขารู้สึกตกใจ “นี่มันอะไรเกิดอะไรขึ้น”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!