ตอนที่ 111 : คลาดกัน
ถัดมาไม่นาน วิทยากรบรรยายผู้มีโหนกแก้มนูนเด่น เดินขึ้นมาบนโพเดียมไม้พร้อมกับกระแอมเบาๆ หนึ่งหน
“แฮ่ม…! อรุณสวัสดิ์เหล่าสุภาพสตรีผู้มีจิตใจงดงามทั้งหลาย ดิฉันชื่อซาเวียร่า·เฮดด์ วันนี้จะมาแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับหลักบริหารครอบครัวแสนสำคัญ จะแบ่งออกเป็นสามหัวข้อใหญ่ได้แก่ ประการแรก วิธีจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวรายได้หนึ่งร้อยปอนด์ต่อปี ว่าจะต้องแบ่งส่วนอย่างไร จัดสรรไปลงกับค่าอาหาร ของใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า และจ้างคนช่วยแบ่งเบาภาระจำนวนเท่าไรบ้าง ประการที่สอง ครอบครัวรายได้รวมสองร้อยปอนด์ขึ้นไป จะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายตรงส่วนไหนบ้าง เพื่อให้ครอบครัวมีเสถียรภาพและอบอุ่นมากขึ้น…”
เมลิสซ่าพยายามตั้งใจฟัง เธอทราบตัวเลขรายได้รวมของพี่ชายสองคนในใจอยู่แล้ว
สูงกว่าสองร้อยปอนด์ต่อปี
เด็กสาวรู้สึกกึ่งโล่งใจกึ่งหวาดกลัว
โล่งใจเพราะได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายเฉกเช่นปัจจุบัน แต่ก็หวาดกลัวว่าทุกสิ่งอาจอันตรธานหายในชั่วข้ามคืน
มาถึงจุดนี้ เด็กสาวผมไวน์แดง เซเลน่าป้องปากกระซิบกระซาบกับเพื่อนสนิท
“ผู้บรรยายเป็นสาวกโบสถ์วายุสลาตัน หล่อนติดเข็มตราวายุไว้บนอก”
เมลิสซ่าเหลือบมองตาม และได้เห็นมาดามซาเวียร่าติดเข็มตราวายุบนอกซ้าย
เด็กสาวลองคาดคะเนด้วยเหตุผล
“มาดามชาเดอร์ เพื่อนบ้านหลังติดกัน เธอเป็นฝ่ายชักชวนฉันมาฟังบรรยายในวันนี้ หากจำไม่ผิดก็เป็นสาวกของโบสถ์วายุสลาตันเหมือนกัน จึงไม่แปลกถ้าผู้บรรยายจะเป็นสาวกของโบสถ์วายุสลาตันด้วย”
“ใช่แล้ว นั่นไม่ใช่สาระสำคัญของเนื้อหา พวกเรามาฟังบรรยายเพราะหวังบริหารค่าใช้จ่ายให้เป็น”
อลิสซาเบธเห็นด้วยกับเมลิสซ่า
“แต่นอกจากเมลิสซ่าแล้ว เราสองคนไม่จำเป็นต้องเรียนสักหน่อย ยังไงก็ไม่มีสิทธิ์บริหารเงินครอบครัวคู่หมั้นอยู่แล้ว”
เซเลน่าตัดพ้อแก้มป่อง
อลิซาเบธปฏิเสธทันควัน
“แต่ท้ายที่สุด พวกเราก็ต้องแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเองอยู่ดี เมื่อถึงตอนนั้น หลักบริหารค่าใช้จ่ายสำคัญมาก!”
นับตั้งแต่เหตุการณ์กระจกวิเศษ เซเลน่าเริ่มรู้สึกหวาดกลัวอลิซาเบธ จึงไม่กล้าโต้เถียงกับอีกฝ่าย เพียงพยักหน้าอย่างว่าง่ายและแสร้งมองกระดานตั้งใจเรียน
ผู้บรรยายซาเวียร่าทำการยกแขนขวาขึ้น
“พื้นฐานสำคัญของหลักบริหารค่าใช้จ่ายก็คือ ต้องเคารพความเห็นของบุรุษ พวกเขาเป็นฝ่ายทำงานหาเงินเข้าบ้าน เป็นเสาหลักของครอบครัว บุรุษออกไปเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายของสังคมแทนพวกเรา ฉะนั้น สตรีต้องเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นสถานที่น่าอยู่อาศัย ปราศจากภัยคุกคามภายนอก บุรุษต้องผ่อนคลายเมื่อกลับถึงบ้าน เพื่อจะได้มีแรงสำหรับต่อสู้ความกดดันและตึงเครียดในวันถัดไป ด้วยเหตุนี้ นักปรัชญา นักมานุษยวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอย่างมิสเตอร์ลัวร์มี่จึงกล่าวไว้ว่า…สุภาพสตรีคือนางฟ้าของบ้าน”
ขณะเซเลน่าลูบแก้มเบาๆ เพื่อพยายามหาลักยิ้มของตน เธอแอบส่งเสียงกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้น
“ลัวร์มี่? เจ้าของคำพูด ‘มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมอิสระ’ คนนั้นน่ะหรือ?”
อลิซาเบธพยักหน้ารับ ก่อนจะอธิบายเสริมด้วยเสียงสั่นเครือเล็กๆ
“ใช่แล้ว แต่เขาเป็นสาวกของโบสถ์วายุสลาตัน อีกไม่นานก็คง…”
ทันใดนั้น ผู้บรรยายซาเวียร่าพูดเข้าเรื่อง
“มิสเตอร์ลัวร์มี่ยังกล่าวอีกว่า สตรีเกิดมาพร้อมสติปัญญาและตรรกะต่ำต้อยกว่าบุรุษ ฉะนั้นแล้ว การตัดสินใจสำคัญๆ ต้องผ่านความเห็นชอบจากสามีหรือหลวงพ่อของโบสถ์เสียก่อน…”
“นั่นปะไร!”
เมื่อฟังมาถึงจุดนี้ สามสาวต่างหันมองหน้ากันโดยไม่มีใครกล่าวสิ่งใด
“กลับเลยไหม?”
เซเลน่ารบเร้า
เมลิสซ่าและอลิซาเบธผงกศีรษะพร้อมกัน
“อื้อ!”
เด็กสาวทั้งสามรีบหยิบหมวกตาข่ายออกมาสวม พวกเธอโน้มตัวลงและแอบย่องออกจากห้องโดยไม่เป็นเป้าสายตาผู้ใด
เมื่อถึงด้านนอกอย่างปลอดภัย สามสาวได้ยินเสียงปรบมือเกรียวกราวดังออกจากห้องประชุมเทศบาลด้านหลัง
เมลิสซ่ารีบหันกลับไปมอง เธอเห็นมาดามชาเดอร์กำลังนั่งปรบมือด้วยสีหน้ายินดีปรีดา
ฟู่ว! เทพธิดาจงเจริญ…
เมลิสซ่าทำเครื่องหมายสี่จุดบนหน้าอกและรีบเดินออกจากสถานที่แสนอึดอัดอย่างเร่งด่วน
“ไปแฮร็อดส์กันไหม?”
เซเลน่าแนะนำขณะยืนหลบแดดใต้ต้นไม้ เธอพยายามสลัดคำสอนสุดประหลาดของมาดามซาเวียร่าออกจากหัว
เมลิสซ่าเงียบงันสักพัก ก่อนหันไปให้คำตอบกับอีกสองคน
“ฉันควรกลับบ้านไปอ่านหนังสือ”
“อ่านหนังสือ…”
เซเลน่าทวนคำซ้ำด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ปลายนิ้วกำลังสางเส้นผมสีไวน์แดงเล่น
“แล้วยังต้องซื้อขนมปัง เนื้อวัว มันฝรั่ง และผลไม้อื่นๆ เข้าบ้าน…วันนี้ไคลน์ต้องทำงาน ส่วนเบ็นสันออกไปอ่านหนังสือ ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นหอสมุดเทศบาล ใช่แล้ว…ฉันต้องรีบกลับบ้าน!”
เมลิสซ่าตระหนักได้ว่า เธอคิดถึงหนังสือเรียน เฟือง และสปริงขดมากขนาดไหน
เซเลน่ารีบตีตัวออกห่างเมลิสซ่าผู้มีรสนิยมสุดประหลาด
ก่อนจะหันไปถามอลิซาเบธ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราไปเดินแฮร็อดส์กันสองคนไหม? ถึงจะไม่มีเงินเก็บเหลือแล้ว แค่ได้มองผ่านกระจกร้านเสื้อผ้าก็ยังดี”
“อื้อ!”
อลิซาเบธพยักหน้ารับ ขณะเดียวกันก็หันไปถามเมลิสซ่า
“เมลิสซ่า…เอ่อ…พี่ชายของเธอ ฉันหมายถึงไคลน์ เขาทำงานวันอาทิตย์ด้วยหรือ?”
“ใช่แล้ว เขาหยุดวันจันทร์ ตารางเวลาไม่ค่อยเหมือนกับงานปรกติ”
เมลิสซ่าได้แต่เอียงคอสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดอลิซาเบธถึงสนใจพี่ชายคนกลางนัก
…
หลังจากคุยกับดันน์เสร็จ ไคลน์เดินออกจากสำนักงานหนามทมิฬและต่อรถม้าไปยังถนนฮาเวิส
มันพยายามระงับอารมณ์ปั่วป่วนในใจให้ชะงัก ตนยังไม่ควรว้าวุ่น สมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสจะมีคำสาปอย่างไรก็ช่าง!
เทคนิคสวมบทบาทสำคัญกว่าในตอนนี้ โอสถนักทำนายต้องถูกย่อยโดยเร็ว การมีพลังเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทิศทางใด ล้วนเกิดประโยชน์กับตัวเองทั้งสิ้น เพราะอย่างน้อยต้องได้รับพลังวิญญาณมากขึ้นแน่นอน
สวมบทบาทเป็นนักทำนายงั้นหรือ…
ตนยังขาดอะไรอีกหรือไม่? หากจำไม่ผิด หมอดูบนโลกเก่าต้องเปิดปฏิทินโหราศาสตร์อ้างอิงก่อนมอบคำทำนายสินะ…
ไคลน์รำพันติดตลกขณะนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยบนรถม้า
หลังจากลงรถ มันเตรียมทำนายอนาคตตัวเองล่วงหน้า ต้องทราบให้ได้ว่า การเดินทางไปยังสโมสรพยากรณ์วันนี้จะเกิดผลดีหรือร้าย
นี่คือสิทธิพิเศษของนักทำนายเท่านั้น!
เมื่อก้าวขาลงจากรถ ไคลน์หยิบเหรียญครึ่งเพนนีออกมากำแน่น
ทันใดนั้น สีดวงตาพลันเปลี่ยนจากน้ำตาลเป็นดำเข้ม มันเข้าฌานสำเร็จและเริ่มท่องคาถาเงียบงัน
“วันนี้ควรแวะสโมสรพยากรณ์ วันนี้ควรแวะสโมสรพยากรณ์”
…
กิ๊ง!
เหรียญครึ่งเพนนีถูกดีดหมุนขึ้นไปในอากาศ ไคลน์ไม่เงยหน้ามอง มันเพียงแบมือรอรับอย่างใจเย็น
แปะ!
เหรียญหล่นลงกึ่งกลางฝ่ามือพอดิบพอดี
ด้านตัวเลข ½ หงายขึ้น
หากตัวเลขปรากฏ หมายความว่าเหตุการณ์จะตรงข้ามกับประโยค…
หรือก็คือ จะมีเรื่องฉิบหายเกิดขึ้นหากตนแวะสโมสรพยากรณ์!
ไคลน์ไม่มัวคิดนาน มันรีบกลับหลังหันและขึ้นรถม้าไปยังถนนดารารัตน์ทันที
เป็นนักทำนายมันดีแบบนี้นี่เอง
…
ถนนฮาเวิส หน้าห้างสรรพสินค้าแฮร็อดส์
ขณะเซเลน่ากำลังจะก้าวขาเข้าไปในห้าง เด็กสาวชะงักฝีเท้าและหันไปมองฝั่งซ้ายมือ
“มีอะไรหรือ?”
อลิซาเบธเอียงคอถาม
เซเลน่าตอบด้วยน้ำเสียงหดหู่
“อลิซาเบธ ฉันเพิ่งนึกได้ว่า อาจารย์สอนศาสตร์เร้นลับ มิสเตอร์วินเซนต์เสียชีวิตหลังจากวันเกิดฉันแค่วันเดียว ต้องเป็นเพราะฉันแอบมองตอนประกอบพิธีกรรมแน่เลย…ฉันรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด ไม่เพียงเท่านั้น ฉันยังสัมผัสได้ว่า ตัวเองประสบโชคร้ายบ่อยผิดปรกติในระยะหลัง”
“แล้ว?”
อลิซาเบธยังคงไม่เข้าใจ
เซเลน่ากัดริมฝีปากตอบ
“ฉันอยากแวะสโมสรพยากรณ์ก่อน เพื่อดูดวงให้แน่ใจว่า การตายของอาจารย์เกี่ยวข้องกับฉันหรือไม่”
เหตุการณ์ในวันเกิด…
เซเลน่าสัมผัสได้ว่าอลิซาเบธกำลังปิดบังบางสิ่งกับตน รวมถึงแผ่นหลังอันเลือนรางของบุรุษลึกลับสวมทักซิโด้สีดำสนิท
“แล้วเธอดูดวงให้ตัวเองไม่ได้หรือ?”
เซเลน่าถอนหายใจยาว
“เฮ่อ…ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ฉันไม่สามารถดูดวงให้ตัวเองได้”
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราแวะสโมสรพยากรณ์กันก่อน”
เมื่ออลิซาเบธไม่ถือสา สองเด็กสาวเดินขึ้นบันไดไปยังสโมสรพยากรณ์บนชั้นสองของตึก
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะมาดามแอนเจลิก้า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกันอีก”
เซเลน่ากล่าวทักทายเมื่อมาถึงห้องรับแขก
แอนเจลิก้าอมยิ้ม
“หากเข้าสโมสรหลังอาหารเที่ยง คุณสามารถพบฉันได้ทุกวันค่ะ”
เซเลน่าทักทายตามมารยาท ภายในใจยังคงกังวลเกี่ยวกับสาเหตุการตายของเฮเนส
“ฉันต้องการดูดวง”
“คุณคงทราบกฎอยู่แล้วสินะคะ…นี่คือรายชื่อหมอดูของเรา วันนี้เป็นวันหยุด สมาชิกส่วนใหญ่ของสโมสรจึงอยู่กันพร้อมหน้า”
แอนเจลิก้าตอบคล่องแคล่วฉะฉาน คล้ายกับระบบข้อความอัตโนมัติของโลกปัจจุบัน
เซเลน่าและอลิซาเบธสุมหัวกันช่วยเลือกหมอดูจากอัลบัมรูปภาพ
“ฉันดูดวงกับอาจารย์มาตลอด จึงไม่เคยทราบเลยว่า สโมสรมีจำนวนหมอดูเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้แล้ว”
เซเลน่าพึมพำด้วยเสียงตื่นเต้น
ทันใดนั้น เด็กสาวพลันชะงักนานหลายวินาที ก่อนจะโพล่งอย่างประหลาดใจ
“ไคลน์…? ไคลน์·โมเร็ตติ? พี่ชายเมลิสซ่าไม่ใช่หรือ”
อลิซาเบธแสดงสีหน้าตกตะลึง สายตารีบมองตามปลายนิ้วเซเลน่าทันที
“ช…ใช่…”
“มาดามแอนเจลิก้า มิสเตอร์ไคลน์·โมเร็ตติอยู่ไหมคะ?”
เซเลน่าซักถามด้วยดวงตาเป็นประกาย
แอนเจลิก้าส่ายศีรษะ
“เสียใจด้วยค่ะ มิสเตอร์โมเร็ตติไม่เข้าสโมสรวันนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ใช้บริการคนอื่นแทนก็ได้”
เซเลน่าไม่ยึดติดนักทำนาย เพียงหันไปยิ้มกับเพื่อนสนิทด้านข้าง
“คงไม่ใช่พี่ชายเมลิสซ่าหรอก…แต่ฉันอดนึกถึงพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์อินทิสเมื่อวันก่อนไม่ได้…ตลกชะมัด”
หนังสือพิมพ์อินทิสถูกก่อตั้งเป็นครั้งแรกโดยจักรพรรดิโรซายล์ ขึ้นชื่อด้านพาดหัวข่าวเกินจริงให้เกิดความรู้สึกอยากอ่าน แต่เนื้อหาด้านในกลับกลวงโบ๋
อลิสซาเบธเอียงคอถาม
“พาดหัวว่า?”
“แฮ่ม…! เป็นเพราะงานหายากขึ้น หรือเพราะจริยธรรมของมนุษย์ตกต่ำลงกันแน่? บัณฑิตจบใหม่คณะประวัติศาสตร์จำนวนมากถึงต้องทำงานดูดวงในวันหยุดเพื่อเลี้ยงชีพ!”
……………………