ตอนที่ 113 : คำขอร้อง
อะซิกบอกได้ทันทีเลยหรือว่าเราเป็นผู้วิเศษ? แม้แต่เนตรวิญญาณก็ยังไม่สะดวกสบายขนาดนั้น!
แต่ไหนแต่ไร ไคลน์สามารถมองเห็นผู้วิเศษได้เฉพาะบนมิติสายหมอกเท่านั้น เนื่องจากมีพลังลึกลับช่วยสนับสนุน
“ใช่ครับ”
ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพักก่อนเสริม
“ผมเป็นแบบนี้หลังจากเวิร์ชและนาย่าประสบเคราะห์ร้าย”
“อย่างที่คิดไว้…”
อะซิกถอนหายใจ
“ในอดีต เคยมีกลุ่มตำรวจเดินทางมาสอบปากคำผมกับโคเฮน สองคนในนั้นเป็นผู้มีพลังพิเศษเหมือนคุณ”
คงเป็นหัวหน้ากับเลียวนาร์ด คดีของเวิร์ชและนาย่าอยู่ในความดูแลเหยี่ยวราตรีทิงเก็น
ไคลน์พยักหน้าเบาๆ โดยไม่ขัดอะซิกเล่า
อาจารย์ผิวแทนขยับไม้ค้ำในมือซ้ายและอธิบายต่อ
“จากความรู้สึกของผม คุณคงทำงานร่วมกับสองคนนั้นแล้ว ไคลน์ ผมมีบางสิ่งต้องการขอร้อง ผมต้องการทราบอดีตตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องสืบสวนออกนอกหน้า ขอแค่ หากบังเอิญพบข้อมูลสำคัญเข้า ช่วยจดบันทึกและแจ้งข่าวให้ผมทราบก็พอ”
อะซิกฝืนยิ้มขื่นขม
“ผมไม่รู้จักผู้มีพลังพิเศษคนอื่นอีกแล้ว ไคลน์ คุณคงจินตนาการไม่ออก ถึงความรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของการไม่มีอดีต มันเหมือนกับการเรือแล่นอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางท้องทะเลกว้างใหญ่ ฝันร้ายในทุกค่ำคืนไม่ใช่การหวาดกลัวลมพายุหรือคลื่นยักษ์ หากแต่เป็นการไม่มีวันได้พบท่าเรืออีกตลอดชีวิต เรือแล่นไปอย่างไร้จุดหมายโดยไม่มีเข็มทิศหรือแผนที่ หาทางกลับไม่ฝั่งพบ วันเวลาผ่านไปกับการเผชิญภัยธรรมชาติไม่รู้จบสิ้น…การเดินทางไกลที่ไม่มีวันได้กลับบ้าน”
ผิดแล้วมิสเตอร์อะซิก ตรงกันข้าม นั่นคือความรู้สึกของผมในปัจจุบันด้วยซ้ำ
โชคดีเดียวของผมคือ อย่างน้อยก็ยังมีความทรงจำในอดีตหลงเหลือ รวมถึงยังมีเบ็นสันและเมลิสซ่า
ไคลน์รำพันในใจก่อนซักถาม
“มิสเตอร์อะซิก ทำไมคุณถึงไม่มารวมกลุ่มกับพวกเรา? วิธีนี้ต้องช่วยให้สืบหาอดีตเร็วขึ้นแน่นอน”
อะซิกจ้องมองเข้าไปในดวงตาไคลน์
จากนั้นก็ยิ้มตำหนิตัวเอง
“เพราะผมกลัว…กลัวว่าตัวเองต้องตาย”
มันถอนหายใจและเล่าต่อ
“ผมเคยชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว ไม่มีความกล้ามากพอจะออกไปเสี่ยงอันตราย จึงตัดสินใจไหว้วานคุณช่วยหาเบาะแส”
ไคลน์ไม่ซักถามสิ่งใดอีก เพียงพยักหน้าและตกปากรับคำ
“เข้าใจแล้วครับ ถ้าพบเบาะแสจะรีบแจ้งให้คุณทราบทันที”
“ขอบคุณมาก เอาล่ะ ถึงเวลาพวกเราต้องกลับห้องทำงานกันแล้ว ผมนัดทานข้าวกับโคเฮนไว้ คุณก็มาด้วยกันสิ ยังจำรสมือพ่อครัวร้านไบลัมตะวันออกในมหาวิทยาลัยได้ไหม? ฝีมือของเขายังยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยน ไม่ต้องห่วง มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
อะซิกยกปลายไม้ค้ำชี้ไปทางร้านอาหาร
ขอโทษด้วยอาจารย์ แต่ผมไม่มีความทรงจำในส่วนนั้นเลย นักศึกษายากจนอย่างไคลน์คนก่อนคงไม่เคยลิ้มรสอาหารในภัตตาคารแน่
ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใด เพียงถอดหมวกคำนับและเดินกลับอาคารสีเทาหม่นสามชั้นพร้อมมิสเตอร์อะซิก
ระหว่างทาง อะซิกพูดขึ้น
“ผมมีแผนลาพักร้อนยาวหลังจากสะสางงานทั้งหมดในมหาวิทยาลัย คงกลับไปอยู่บ้านสักพัก คุณสามารถเดินทางไปพบผมโดยตรง หรือไม่ก็เขียนจดหมายส่งไป”
ไคลน์พยักหน้า
“มิสเตอร์อะซิก ผมนึกว่าคุณจะไปเที่ยวอ่าวเดซี่ในวันหยุดยาวเสียอีก”
“ไม่ดีกว่า ทางใต้ร้อนเกินไป ผมไม่ต้องการอาบแดด ดูสีผิวของผมสิ ดำขนาดนี้แล้ว อยากไปทางเหนือมากกว่า แถบอาณาจักรหนาวเย็น เช่นตอนเหนือของฟุซัค แถวนั้นมีลานสกีมากมาย หรือไม่ก็เดินชมวิวพลางล่าสิงโตทะเล”
อะซิกผิวสีแทนอมยิ้มขณะอธิบาย
ผมก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน…
นับตั้งแต่เข้าร่วมเหยี่ยวราตรี อิสระของตนพลันหายไปกับสายลม
อิจฉาคนมีเวลาว่างชะมัด!
หลังจากมื้อเที่ยงจบลง ไคลน์เดินทางกลับบ้านและทบทวนวิชาเครื่องรางกับยันต์ มันต้องการสร้างยันต์ระดับสูงพกติดตัวไว้
สำหรับผู้วิเศษเส้นทางนักทำนายแสนอ่อนแอ ตัวช่วยทั้งสองประเภทมีผลมากในการต่อสู้ระยะประชิด
…
บ่ายสามโมงตรง ไคลน์ล็อกห้องมิดชิดและรูดม่านปิดสนิท จากนั้นก็สร้างกำแพงวิญญาณล้อมรอบตัวเอง
ท่ามกลางโถงใหญ่เหนือมิติสายหมอก มันกำลังนั่งบนเก้าอี้ประธานชุมนุมไพ่ทาโรต์ เบื้องหน้ามีโต๊ะโลหะทองเหลืองทอดยาวพร้อมกับเก้าอี้ซ้ายขวาฝั่งละสิบ
สายตาชำเลืองภาพฉายเลือนรางของแฮงแมนและจัสติส ร่างทั้งสองกำลังปรากฏบนเก้าอี้ตัวเดิมหลังจากถูกอำนาจลึกลับกระชากเข้ามาในมิติ
หืม? อารมณ์ของมิสจัสติสไม่ปรกติ
กังวล กระสับกระส่าย และสับสน
ความสนใจไคลน์เพ่งไปยังสุภาพสตรีคนเดียวในชุมนุมไพ่ทาโรต์ทันที
คงไม่มีถ้อยคำใดบรรยายความรู้สึกปัจจุบันของออเดรย์·ฮอลล์ได้แน่ หลังจากเพิ่งได้ยินสุนัขตัวโปรดพูดภาษามนุษย์ใส่หน้าเมื่อไม่นานมานี้
เด็กสาวเคยจินตนาการอยู่เสมอว่า ในอนาคต ตนต้องกลายเป็นนักสืบหรือนักจิตวิทยาชื่อดังแน่นอน โดยมีสุนัขขนฟูสีทองแสนรู้คอยทำหน้าที่ผู้ช่วยแสนซื่อสัตย์
แต่หากเรื่องราวกลับกัน สุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์กลายเป็นนักสืบชื่อดังแทน โดยมาพร้อมกับผู้ช่วยของเธอ มิสออเดรย์…
แบบนี้มันค่อนข้าง…
ค่อนข้าง…
ไม่ใช่ค่อนข้าง! แต่พิสดารเกินไปแล้ว!
ออเดรย์ลุกพรวด เธอมีความคิดจะขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูลและแฮงแมน แต่คำพูดในหัวพลันถูกกลืนลงคออย่างรวดเร็ว
อ…เอ่อ เริ่มจากตรงไหนดี?
จะบอกว่าสุนัขตัวโปรดไม่ปรกติดีไหม?
จะโน้มน้าวอย่างไรให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า สุนัขของเธอสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แถมยังมีสติปัญญาสูงกว่าปรกติ
ไม่ ไม่ ไม่! ไม่ดีแน่! สถานที่แห่งนี้คือชุมนุมไพ่ทาโรต์อันสูงศักดิ์ ไม่ใช่ชมรมเลี้ยงสัตว์!
ภาพลักษณ์แสนสง่างามของตนในสายตาแฮงแมนและมิสเตอร์ฟูลคงแตกเป็นเสี่ยงๆ หากถามเรื่องเหลวไหลออกไป
ขณะความคิดออเดรย์ปั่นป่วน เด็กสาวกลั้นใจเรียบเรียงคำถาม
“ขอเรียนถามท่านมิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ รวมถึงมิสเตอร์แฮงแมนผู้มากความรู้…สัตว์เลี้ยงวิเศษสามารถทำคุณประโยชน์ใดให้เจ้าของได้บ้าง? หรือก็คือ พวกมันมีประโยชน์ในแง่มุมใด?”
ด้วยพลังผู้ชม ดวงตาออเดรย์สัมผัสได้ทันทีว่า มิสเตอร์ฟูลและแฮงแมนพลันชะงักหลังจากได้ยินคำถามตน
บรรยากาศอึมครึมทันที
เฮ้ เฮ้ เฮ้! พวกคุณอย่าเข้าใจผิด! ฉันไม่ได้ซุ่มซ่าม! ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย!
ค…แค่…ถามแทนเพื่อนเท่านั้น
ออเดรย์กำลังกระอักกระอ่วนสุดขีด เธอต้องการแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด
ตนไม่ควรถามออกไปแต่แรก เด็กสาวคิด
ไคลน์แอบขมวดคิ้ว
ในการชุมนุมครั้งก่อน หากจำไม่ผิด จัสติสเคยถามเกี่ยวกับอาการของสัตว์เลี้ยงหากดื่มโอสถผู้วิเศษเข้าไป
ถ้าคำนึงจากอุปนิสัยส่วนตัวแล้ว มีความเป็นไปได้มากกว่า เด็กสาวซุ่มซ่ามจะให้สัตว์เลี้ยงตัวเองดื่มโอสถผู้ชมเข้าไป…
ในฐานะบอสใหญ่แห่ง ‘องค์กรลับนอกรีต’ มุมปากไคลน์พลันกระตุก มันสมเพชตัวเองเบาๆ เมื่อต้องมีสมาชิกรุ่นก่อตั้งสุดเซ่อซ่าอย่างจัสติส
ชายหนุ่มหาโอกาสแตะหว่างคิ้วสองครั้งเพื่อออกจากภาวะเนตรวิญญาณ มันไม่คิดจะตอบคำถามเหลวไหลของอีกฝ่าย
ทางด้านแฮงแมน อัลเจอร์·วิลสัน มันเงียบงันราวยี่สิบวินาที ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงแปลกไปจากปรกติ
…
“ขึ้นอยู่กับชนิดของโอสถ ขอยกตัวอย่างเป็นเส้นทางผู้ชม อย่างที่ทราบกันดี มนุษย์มักหวาดระแวงต่อกันเป็นพิเศษ แต่จะเมินเฉยสัตว์เลี้ยงปราศจากพิษภัยอย่างสุนัข ดังนั้น หากมีสุนัขตัวใดดื่มโอสถผู้ชมเข้าไปและรอดชีวิตมาได้ มันจะกลายเป็นสายสืบชั้นเยี่ยมให้กับเจ้าของทันที”
จริงด้วย! ท่านพ่อชอบประชุมกับขุนนางใหญ่และรัฐมนตรีของอาณาจักรอย่างลับๆ!
ไม่เคยให้เด็กสาวอย่างตนเข้าร่วมสักครั้ง
แต่ถ้าเป็นสุนัขแสนรู้อย่างซูซี่ เธอไม่มีพฤติกรรมเห่าเสียงดังหรือก่อความรำคาญ หากหลบซ่อนในห้องประชุมล่วงหน้า ต่อให้ถูกพบตัวในภายหลัง แต่ท่านพ่อคงไม่มัวเสียเวลาไล่ออกนอกห้องแน่
แลัวยังมีการนินทาลับๆ ของเหล่าคุณหญิงคุณนายภรรยาขุนนางใหญ่ สตรีเหล่านี้ชื่นชอบความแสนรู้ของซูซี่มาก พวกเธออาจเป็นฝ่ายพาสุนัขเข้าห้องด้วยตัวเอง
เมื่อคำนึงถึงความเป็นไปได้มากมาย ดวงตาออเดรย์เริ่มส่องประกายตื่นเต้น
ในเมื่อซูซี่พูดภาษามนุษย์ การถ่ายทอดข้อมูลก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ตนควรสอนหลักไวยากรณ์ภาษาให้สุนัขตัวโปรดโดยเร็ว รวมถึงคลังคำศัพท์สำคัญ
หืม…ตนควรสอนสำเนียงชนชั้นสูงหรือสำเนียงชาวเบ็คลันด์ดี?
ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลาซูซี่ออกไปนอกบ้าน เธอยังสอบถามข้อมูลกับสุนัขตัวอื่นได้ด้วย…
ไม่สิ สุนัขตัวอื่นไม่ได้พูดภาษามนุษย์สักหน่อย นี่ตนกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่?
เดี๋ยวก่อน! แล้วทำไมมิสเตอร์แฮงแมนถึงยกตัวอย่างเป็นโอสถผู้ชม?
ข…เขารู้แล้วหรือว่าเกิดอะไรขึ้น?
หลังจากฟุ้งซ่านกับตัวเองอยู่นาน ออเดรย์ฝืนยิ้มและหันไปพูดกับทุกคน
“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันรวบรวมไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ได้เพิ่มอีกหนึ่งแผ่นค่ะ”
จากฟอร์ส·วอลล์
“ทำได้ดี เพียงเท่านี้ หนี้เก่าระหว่างเราเป็นอันหายกัน”
ไคลน์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือความสุข
“ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ ไดอารีแผ่นนี้อาจมีข้อมูลไม่มากสักเท่าไร”
ออเดรย์ใช้ปากหมึกซึมสีแดงบรรจงเขียนเนื้อหาลงไปบนแผ่นกระดาษหนัง
ไคลน์โบกมือเบาๆ เพื่อย้ายแผ่นกระดาษในมือออเดรย์ให้ปรากฏตรงหน้าตน
“ไม่เกี่ยวกัน หนึ่งแผ่นก็คือหนึ่งแผ่น และไดอารีคราวก่อนของเจ้าก็มีข้อมูลเต็มแผ่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง”
ไดอารีส่วนใหญ่จากจัสติสและแฮงแมนจะไม่ใช่ตัวต้นฉบับ มีจำนวนไม่น้อยถูกคัดลอกเพื่อใช้ในการศึกษาและฝึกถอดรหัส จึงมีเพียงด้านเดียว แต่บางแผ่นก็ถูกคัดลอกให้สมจริงโดยมีทั้งด้านหน้าและหลัง
ไคลน์ก้มหน้าอ่านเนื้อความด้านใน
“20 ธันวาคม ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว แต่รายงานจากทีมสำรวจกลับทำให้เราทวีความสับสน…โลกนี้ไม่มีน้ำมันดิบ! ไม่มีเลยสักหยด!”
……………………