ตอนที่ 176 : จดหมาย
สำหรับไคลน์ การประกอบพิธีกรรมพื้นฐานนั้นง่ายดายเหมือนกับหายใจเข้าออก เพียงพริบตา วัตถุดิบทั้งหมดถูกจัดเตรียมเรียบร้อยพร้อมกับเริ่มจุดเทียนไขแทนตัวเอง
ขณะมองแสงเทียนสลัวบนโต๊ะซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นแท่นบูชาชั่วคราว ชายหนุ่มพลันบังเกิดเกิดความคิดขบขัน
แบบนี้เหมือนกับการจุดเทียนระลึกให้กับการจากไปของตัวเองเลยไม่ใช่หรือ
บ้าจริง มัวคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่
…
เมื่อสติกลับมาจดจ่อพิธีกรรมตรงหน้า ชายหนุ่มโปรยผงบุปผาเน่าเปื่อย ตัวแทนขอบเขตเทพมรณา ลงบนเปลวเทียน เพียงพริบตา กลิ่นประหลาดคล้ายยาดองศพของโลกเก่าพลันฟุ้งกระจายถ้วนทั่วกำแพงวิญญาณ
ถัดมาเป็นการหยดน้ำมันสกัดจันทร์เต็มดวง ตัวแทนของเทพธิดารัตติกาล
ท่ามกลางเสียงซู่ซ่า บรรยากาศรอบตัวพลันสุขสงบ ก่อนจะตามด้วยการสั่นสะเทือนของพลังเวทมนตร์ไร้รูปร่าง
ไคลน์ก้าวถอยหลังพร้อมกับเปล่งเสียงค่อยภายในลำคอเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ
จากนั้นก็พูดด้วยเฮอร์มิสปรกติ
“ตัวข้า! ขออัญเชิญผู้มีนามดังนี้! วิญญาณเร่ร่อนไร้จุดหมาย ผู้รับใช้มนุษย์จากห้วงมิติขั้นสูง ผู้ส่งสารแห่งดาลีย์·ซิโมเน่”
ฟ้าว-!
เกิดเสียงสายลมครวญคราง เปลวไฟเทียนไขเปลี่ยนจากเหลืองนวลเป็นน้ำเงินเข้ม
ภายใต้แสงสลัวสีฟ้า บนผนังเหนือโต๊ะอ่านหนังสือปรากฏคลื่นกระเพื่อมเล็กน้อย ตามด้วยการผุดของใบหน้าโปร่งแสงน่าขนลุก ปราศจากดวงตาและจมูก มีเพียงปากอันใหญ่อยู่กึ่งกลาง
ริมฝีปากของมันเริ่มอ้ากว้าง ลิ้นยาวแดงเหยียดยืดออกมา เผยให้เห็นฟันคมกริบเรียงกันภายในช่องปาก ขณะเดียวกัน ปลายสุดของลิ้นแดงยังปรากฏห้านิ้วมือกำลังขยับงอตลอดเวลาคล้ายกับทวงหาจดหมาย
นี่คือผู้ส่งสารของมาดามดาลีย์?
ดูเหมือนกับเด็กทารกทันทีเมื่อนำไปเทียบกับมิสเตอร์อะซิก …ไม่สิ ตัวมันไม่สามารถตัดสินระดับของวิญญาณด้วยรูปลักษณ์ภายนอกได้ ตนหนึ่งอาจเป็นเผ่ายักษ์โตเต็มวัย ส่วนอีกตนอาจเป็นเผ่ามนุษย์วัยเด็ก
ได้แต่นึกสงสัยว่า โครงกระดูกยักษ์ใหญ่ของมิสเตอร์อะซิกเกิดจากพลังวิญญาณมหาศาลของเจ้าตัว หรือเกิดจากสมบัติวิเศษอย่างนกหวีดทองแดงกันแน่
…ถ้าเป็นแบบแรก แปลว่าเขาจะเหนือกว่าผู้วิเศษลำดับ 6 อย่าง ‘ผู้นำทางวิญญาณ’ หลายขุมเลยไม่ใช่หรือ?
เห็นทีต้องประเมินพลังอะซิกเสียใหม่
บ้าจริง ตนดันลืมเขียนถามในจดหมาย เกี่ยวกับชื่อของโอสถลำดับ 4 และ 3 เส้นทางผู้เก็บซากศพ มิสเตอร์อะซิกอาจเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น
เขาอาจไม่ได้พัฒนาลำดับด้วยตัวเอง แต่สืบทอดพลังมาจากบรรพบุรุษอีกทอดหนึ่ง
เรื่องนั้นช่างมันก่อน ไว้ค่อยถามคราวหน้า ผู้ส่งสารกำลังรอจดหมาย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากส่งให้มันช้า
ไคลน์เพ่งพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะยื่นกระดาษจดหมายซึ่งถูกพับเรียบร้อยให้กับ ‘มือ’ ของผู้ส่งสาร จากนั้นก็เฝ้ามองอีกฝ่ายคว้าไว้แน่นขนัด
หงับ!
ผู้ส่งสารหดลิ้นกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับกลืนจดหมายหายเข้าไป ใบหน้าโปร่งแสงอันน่าขนหัวลุกเริ่มเลือนรางจากผนังเหนือโต๊ะอ่านหนังสือ
…พิธีกรรมเจ๋งชะมัด ค่อนข้างสะดวก แต่ไม่สามารถเล่าให้ทุกคนฟังได้
ไคลน์จ้องมองเทียนไขเปลี่ยนกลับเป็นสีเหลืองนวลตามปรกติ ก่อนจะตัดสินใจยุติพิธีกรรมไว้เท่านี้
…
เช้าวันจันทร์
ณ กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี
ในมุมอับของสวนเทศบาลซึ่งสร้างโดยดยุคนีแกน ซิล·เดียร์ชากับผมทองกระเซอะกระเซิงของเธอ รวมถึงฟอร์ส·วอลล์ผู้มาพร้อมท่าทางเกียจคร้านไร้ชีวิตชีวา
สองสาวกำลังจ้องมอง ‘อีกฝ่าย’ ด้วยสายตาตกตะลึงชนิดไม่ทราบว่าต้องแสดงอาการทักทายอย่างไร
ซิลร่างเล็กกะทัดรัดเจ้าของส่วนสูงเกินเมตรครึ่งเล็กน้อย จ้องมองสุนัขโกลเดนรีทรีเวอร์ขนทองฟูฟ่องตรงหน้ากำลังแลบลิ้นพลางกระดิกหาง หล่อนพยายามเรียบเรียงคำพูดด้วยอากัปกิริยากระอักกระอ่วน
“คุณคือผู้ส่งสารของมิสออเดรย์ใช่ไหม? ตายจริง แล้วทำไมฉันถึงต้องซักถามสุนัขอย่างเอาจริงเอาจังขนาดนี้?”
ฟอร์ส·วอลล์ซึ่งมือซ้ายคีบบุหรี่ หล่อนหัวเราะคิกคักเสียงค่อยในลำคอ
“อาจเป็นสัตว์วิเศษก็ได้”
“…แต่ฉันไม่เคยเห็นสัตว์วิเศษมีรูปลักษณ์เหมือนกับสุนัขมาก่อน”
ซิลตอบเสียงขรึม
ขณะเดียวกัน ซูซี่นั่งลงพลางปิดปาก ก่อนจะใช้อุ้งเท้าหน้าชี้ไปยังบริเวณช่องท้องตัวเอง
จุดดังกล่าวมีกระเป๋าหนังถูกผูกไว้รอบเอว
ซิลเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครกำลังเฝ้ามอง จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาซูซี่พลางแกะสายกระเป๋าหนัง
ฟอร์สยืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ทันใดนั้น สีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนสี
“…นั่นมันกระเป๋าหนังจระเข้ แถมยังเป็นผลงานออกแบบของมิสเตอร์ไซดีส! นักออกแบบชื่อดังแห่งโลเอ็น! เธอกล้านำของแพงขนาดนี้มาผูกกับสุนัขเพื่อใช้แลกเปลี่ยนกับพวกเราได้ยังไง”
“…แพงมากเลยหรือ?”
ซิลทดสอบเขย่ากระเป๋าหนังนุ่มนวล
ฟอร์สเม้มริมฝีปาก พลางผงกศีรษะหนักแน่นเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง
ซิลทวีความระมัดระวังในทันที เธอบรรจงรูดซิปเปิดกระเป๋าอย่างใจเย็นพร้อมกับหยิบจดหมาย ลักษณะท่าทางคล้ายกำลังถือแจกันโบราณพันปีมูลค่ามหาศาล
หลังอ่านจดหมายจบ ซิลส่งต่อให้ฟอร์ส
เมื่อฟอร์สอ่านจบ เธอเผามันด้วยไฟบุหรี่ สายตาชำเลืองมองเศษขี้เถ้ากระจัดกระจายบนพื้นดิน
“ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเลย”
ซิลพึมพำตามนิสัย ขณะเดียวกันก็หยิบแผ่นกระดาษพับเรียบร้อยออกจากชุดฝึกอัศวินของตัวเอง
เธอจ้องมองซูซี่ด้วยสายตาเอาจริงเอาจังพร้อมกับกล่าวกำชับ
“จดหมายฉบับนี้คือรายงานสืบสวนในช่วงสองสามวันหลัง เธอต้องนำไปส่งให้ถึงมือมิสออเดรย์·ฮอลล์ …เข้าใจไหม?”
ซูซี่สะบัดขนเล็กน้อยพร้อมกับยืนตัวตรง โคนหางกำลังส่ายกระดิกรุนแรง
ซิลพยักหน้าพึงพอใจ ก่อนจะยัดแผ่นกระดาษเข้าไปในกระเป๋าหนัง จากนั้นก็มัดไว้รอบเอวโกลเดนรีทรีเวอร์ขนฟู
ซู่ซี่ส่งเสียงเห่าในลำคอหนึ่งหนก่อนจะวิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
…
ภายในคฤหาสน์สุดหรูของตระกูลฮอลล์
ออเดรย์กำลังนั่งบนโซฟาภายในห้องนั่งเล่น มือขวาถือเครื่องตัดกระดาษ เตรียมเปิดอ่านจดหมายฉบับใหม่ตรงหน้า
เป็นจดหมายจากหนึ่งในบรรดาพี่ชาย ส่งตรงจากอาณาจักรไบลัมของทวีปใต้ แถมยังมีพัสดุกล่องหนึ่งถูกส่งมาพร้อมกัน
ทันใดนั้น หางตาเหลือบเห็นซูซี่ใช้ตัวดันประตูซึ่งกำลังเปิดแง้ม ก่อนจะวิ่งพรวดเข้ามาด้วยความเร็วสูง
สุนัขขนทองนั่งลงบนพรมอย่างว่าง่าย เด็กสาวเห็นช่นนั้นจึงเดินเข้าไปจับกระเป๋าหนัง
“ทำงานของผู้ส่งสารได้ยอดมาก!”
ออเดรย์ชมจากใจ
ซูซี่ชำเลืองกลับไปยังประตูห้องเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสร้างคลื่นเสียงผ่านอากาศ
“เพื่อนของเธอมีบรรยากาศประหลาด ทั้งดุดันและคุกคามน่าหวาดกลัว คล้ายกับเมื่อตอนฉันถูกฝึกโดยพวกนายพราน”
ทบทวนความจำสักนิด ซูซี่คือของขวัญแถมมาหลังจากเคาต์ฮอลล์ซื้อสุนัขล่าเนื้อ
…ซูซี่ ภาษาโลเอ็นของเธอชักจะลื่นไหลขึ้นทุกวัน ถึงจะมีข้อบกพร่องทางตรรกะอยู่เล็กน้อยก็ตาม
ออเดรย์เชยชมพลางใช้มือปลดสายรัดกระเป๋าหนังและรูดซิปเปิดอย่างชำนาญ
จากนั้นก็ชำเลืองส่งสัญญาณให้ซูซี่ สุนัขโกลเดนรีทรีเวอร์แสนรู้เข้าใจความหมายทันที เธอรีบลุกยืนและวิ่งตรงไปปิดประตูห้องมิดชิด
“…ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม ทางเราเพียงพบเบาะแสการหายตัวไปของคนเร่ร่อนรอบสะพานเบ็คลันด์ แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นฝีมือของคีลิงเกอร์หรือไม่ บางทีอาจเป็นแค่การย้ายถิ่นของคนเร่ร่อน”
ออเดรย์พลิกกระดาษรายงาน จากนั้นก็นั่งครุ่นคิดว่าตนควรตอบจดหมายกลับไปเช่นไร
หรือควรกระตุ้นซิลสักนิดว่า หากเธอพบเบาะแสสำคัญของพลเรือโทแห่งวายุคีลิงเกอร์ ตนจะซื้อสูตรโอสถเจ้าพนักงานให้
…ไม่ได้ แบบนั้นฟังดูไม่ค่อยเป็นมิตร คล้ายกับเราวางตนเหนือกว่า
…ใช่แล้ว ต้องบอกไปว่า
“มิสซิล ฉันเตรียมรางวัลไว้ให้คุณแล้ว หากงานนี้ผ่านไปด้วยดี เงินรางวัลตอบแทนของคุณคือ 425 ปอนด์”
…เฮ่อ
เด็กสาวถอนหายใจเหนื่อยหน่าย วัตถุดิบหลักของโอสถนักอ่านใจหาไม่ง่ายนัก เพิ่งพบเพียงไขสันหลังของกระต่ายฟาสแมน ยังเหลือต่อมใต้สมองของซาลามันเดอร์สีรุ้ง ทั้งกายลินและฟอร์สต่างก็ไม่มีเบาะแส
ออเดรย์พยายามให้กำลังใจตัวเอง …อย่างน้อยตนก็ย่อยโอสถผู้ชมสมบูรณ์แล้ว
หากวัตถุดิบวิเศษทั้งหมดครบเมื่อใด เธอจะกลายเป็นผู้วิเศษลำดับ 8 ทันที
…
ออเดรย์นั่งเรียบเรียงความคิด ก่อนจะหยิบปากกาและกระดาษเพื่อเขียนจดหมายตอบ
เมื่อเสร็จสรรพ เธอบรรจงพับเก็บอย่างเรียบร้อยพลางยัดใส่กระเป๋าหนังและฝากฝังให้ซูซี่เดินกลับไปอีกรอบ
ขณะเฝ้ามองโกลเดนรีทรีเวอร์วิ่งหายไป เด็กสาวเปิดอ่านกระดาษจดหมายซึ่งถูกส่งมาจากพี่ชายด้วยรอยยิ้ม
“แด่น้องรัก พี่อยากให้เธอลองมาเที่ยวทวีปใต้สักครั้ง โดยเฉพาะดินแดนอาณานิคมของโลเอ็น ในเขตจักรวรรดิไบลัมเก่า แถบนี้มีแสงแดดจัดจ้าน แต่อากาศบริสุทธิ์และน้ำใสสะอาดมาก ทะเลเขียวมรกตจนน่าตกตะลึง แถมอาหารจากทะเลยังรสชาติเยี่ยมเป็นพิเศษ วัฒนธรรมก็แปลกใหม่ ผู้คนของไบลัมมีอัธยาศัยดีและเชื่อฟังคำสั่ง เหมาะสำหรับทำงานเป็นคนรับใช้ ถือเป็นดินแดนอุดมไปด้วยอิสระ ตรงข้ามกับเบ็คลันด์ เมืองหลวงแห่งนั้นทั้งหนาวเหน็บและอากาศชื้น มลภาวะสูงมาก แถมยังเต็มไปด้วยฝุ่นควัน บรรยากาศเลวร้ายดังกล่าวนำพามาสู่โรคภัยและปัญหา แถมทุกวันยังมีแต่งานเลี้ยงพบปะไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งลีลาศ ปาร์ตี้ และซาลอน …กิจกรรมทางสังคมของชนชั้นสูงน่าเบื่อเกินไป พี่ต้องการออกห่างจากสิ่งเหล่านั้นอีกพักใหญ่ น้องรัก พี่หวังว่าเธอจะเข้าใจ พี่ไม่ได้หนีออกจากบ้าน เพียงแต่ออกเดินทางเพื่อแสวงหาโลกให้เหมาะสมกับตัวเอง แต่บรรดาพี่ชายคนอื่นไม่ได้คิดแบบเดียวกัน พวกนั้นเห็นแก่ตัวและยึดติดกับแวดวงชนชั้นสูงมากเกินไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาคงไม่รังแกเธอแน่ เนื่องจากทราบดีว่าบุตรสาวจะสืบทอดมรดกของพ่อเพียงส่วนน้อย พี่ต่างหาก เป็นภัยคุกคามแท้จริงทางมรดกของพวกเขา รวมถึงตัวเต็งสำคัญในการสืบทอดตำแหน่งท่านเคาต์ต่อจากพ่อ สาเหตุเพราะพ่อของพวกเรามีมุมมองกว้างไกลกว่าใครเสมอ จึงไม่ยึดติดว่าบุตรชายคนโตสุดจะได้สืบทอดตำแหน่ง หากท่านพ่อเล็งเห็นว่าสิ่งใดสำคัญ เขาจะรีบทำโดยไม่ลังเล ตัวอย่างชัดเจนในอดีตคือ เขาเคยตัดสินใจขายเขตเกษตรกรรมไปกว่าครึ่งเพื่อนำเงินลงทุนในอุตสาหกรรมธนาคารโดยไม่คำนึงถึงเสียงต่อต้านจากหลายฝ่าย พี่มักคิดถึงเบ็คลันด์เป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่ความคิดถึงจะอยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่ และน้องสาวน่ารักอย่างเธอ ยังจำได้อยู่เลย เมื่อหลายปีก่อน เธอเคยแอบวาดรอยยิ้มไว้บนหน้าพี่ น้องสาว เธอเป็นอัญมณีล้ำค่าแห่งเบ็คลันด์ ไว้พี่จะรีบกลับในอีกสองสามปีให้หลัง ต้องเข้าใจว่าการทำงานคือหนึ่งในความภาคภูมิใจของสุภาพบุรุษ ถึงหนุ่มสาวไฟแรงหลายคนในโลเอ็นจะคิดว่ากรุงเบ็คลันด์คือเวทีใหญ่สุดแล้วก็ตาม”
…
“เธอควรบอกท่านป้าของเราว่า ชายฝั่งของจักรวรรดิไบลัมเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจในช่วงหยุดยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่านป้า อาการปวดไขข้อของเธอจะแย่ลงเมื่ออยู่ในภาพอากาศหนาวเหน็บ พี่ยินดีต้อนรับท่านป้าเสมอ และจะดีมากหากน้องรักเดินทางมาพร้อมกัน”
…
“พี่ไม่ได้ส่งของฝากไปมากนัก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของไบลัมมากกว่า เช่นผ้าไหมเหลืองชนิดพิเศษ รวมถึงเครื่องตกแต่งบ้านซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้เคยเคารพบูชาเทพมรณา พี่จำได้ว่าเธอชื่นชอบศาสตร์เร้นลับ ดังนั้นจะพยายามมองหาของฝากให้เหมาะสมในคราวหน้า จักรวรรดิไบลัมเต็มไปด้วยปริศนาสมใจเธอแน่นอน”
…
เมื่ออ่านจบ ออเดรย์หยิบปากกาและกระดาษออกมาเขียนจดหมายตอบ
“ถึงพี่อัลเฟรด แม้จะยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี แต่เด็กสาวตัวน้อยในความทรงจำของพี่เติบโตขึ้นมากแล้ว ฉันได้ไม่ชอบศาสตร์เร้นลับเหมือนก่อน ดังนั้นไม่ต้องส่งของขวัญมาให้รกบ้าน”
…เพราะแบบนั้นมันอันตรายเกินไป
ออเดรย์กล่าวเสริมในใจ
หลังจากได้พบซิลและฟอร์ส ออเดรย์เริ่มตระหนักถึงภัยอันตรายเมื่อคนธรรมดาพยายามเข้าใกล้สมบัติวิเศษและสิ่งเร้นลับ
จากนั้นก็เขียนเพิ่ม
“ช่วงนี้ฉันสนใจชีววิทยา กำลังศึกษาเกี่ยวกับซาลามันเดอร์สีรุ้งเป็นพิเศษ ช่วยสอบถามคนแถวนั้นให้ด้วย ว่าพอจะหาซากศพได้ไหม ขอเป็นศพสมบูรณ์ผ่านการดูแลรักษาอย่างดี”
……………………