ตอนที่ 188 : งานลีลาศ
จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วบาง แก้มตอบ นัยน์ตาสีฟ้าเจือจาง
คีลิงเกอร์กำลังตรวจสอบรูปลักษณ์ใหม่ของตัวเองในกระจก เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีจุดใดแตกต่างจากชายนอนหมดสติ
หลังจากซักซ้อมกิริยาท่าทางให้คล้ายอีกฝ่ายจนพึงพอใจ มันทำการลากร่างชายไม่ได้สติเข้าไปยัดไว้ในตู้เสื้อผ้า
ทันใดนั้น คีลิงเกอร์กระตุกมือขวาแผ่วเบา เกิดเสียง ‘กร็อบ’ พร้อมการป่นละเอียดของกระดูกต้นคอชายนิรนาม
มันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับคราบสกปรกบนมือพร้อมกับปิดตู้เสื้อผ้ามิดชิด
คีลิงเกอร์เดินกลับไปยังกระจกเงาบานใหญ่ คราวนี้มันเลือกสวมสูทกระดุมสองแถว ผูกเนกไทเรียบร้อย จากนั้นก็ยกขวดน้ำหอมสีเหลืองอำพันขึ้นมาสูดดม ก่อนจะหยดลงบนข้อมือสองสามครั้งและปาดทาทั่วลำตัว
คีลิงเกอร์ยืนจัดแต่งทรงผมหน้ากระจกจนถึงพอใจจึงค่อยเดินออกจากห้อง มันนำมือประสานกันด้านหน้าพร้อมกับส่งเสียงเรียกพ่อบ้านซึ่งยืนรอด้านนอก
“อย่าให้ใครเข้ามาห้องนอนเด็ดขาด ในนั้นมีของสำคัญมากยิ่งกว่าชีวิต”
“ขอรับท่านบารอน”
พ่อบ้านศีรษะล้านนำฝ่ามือทาบหน้าอกพร้อมกับโน้มตัวขานรับอย่างนอบน้อม
“รถม้าและคนรับใช้ส่วนตัวของท่านกำลังรออยู่ด้านล่างขอรับ รวมถึงบัตรเชิญจากท่านดยุคนีแกนด้วย”
เพื่อรักษาท่วงท่าองอาจของบารอน คีลิงเกอร์ผงกศีรษะหงึกหงักเงียบงัน มันเดินลงบันไดด้วยย่างก้าวสง่างามโดยมีพ่อบ้านเดินประคองอย่างระมัดระวัง
…น่าสมเพชชะมัด
…คนหนี้สินท่วมหัวอย่างบารอน ไม่มีเงินจะจ้างคนคุ้มกันส่วนตัว แต่กลับเลือกจ้างพ่อบ้าน คนรับใช้ชายส่วนตัว คนรับใช้ทั่วไปสองคน สาวใช้ชั้นหนึ่งสองคน สาวใช้ชั้นสองสี่คน สาวซักรีดสองคน คนขับรถม้า คนดูแลคอกม้า คนสวน พ่อครัว และรองพ่อครัว
…สำหรับพวกขุนนางงี่เง่า ศักดิ์ศรีคงสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดสินะ
คีลิงเกอร์รำพันอย่างเหยียดหยาม
…
ณ กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด
ภายในหอพักคับแคบ
ซิล·เดียร์ชานั่งไขว่ห้างบนขอบเตียงพลางมองไปทางฟอร์ส·วอลล์ซึ่งกำลังอ่านนิยายด้วยแสงสว่างจากหน้าต่าง
“น่าผิดหวังชะมัด คีลิงเกอร์ไม่ทิ้งร่องรอยใดเอาไว้เลย จนแล้วจนรอด พวกเราก็ไม่ทราบว่ามันมีแผนจะทำสิ่งใดในเบ็คลันด์”
หญิงสาวทั้งสองทำตามแผนการเดิม คือแจ้งข่าวการตายของดัคโฮล์ม ด้วยการแอบส่งจดหมายไปยังกรมตำรวจท้องถิ่นและอธิบายเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างละเอียด โดยทิ้งท้ายไว้ว่า ผู้ต้องสงสัยอาจเป็นคีลิงเกอร์
สถานีตำรวจดำเนินการไม่ผิดจากพวกเธอคาดเดา คอยระมัดระวังคดีนี้เป็นพิเศษและส่งเรื่องต่อให้กับทูตพิพากษา
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ข่าวคราวการลอบขึ้นฝั่งของพลเรือโทแห่งวายุได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางในบรรดา ‘หน่วยผู้วิเศษ’
เมื่อซิลและฟอร์สทราบเช่นนั้น จึงแอบสืบสวนในทางลับแทน เนื่องจากสามโบสถ์หลักไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้วิเศษนอกรีตสักเท่าไร พวกมันมองว่า ผู้วิเศษนอกรีตทุกคนมีโอกาสกลายเป็นอาชญากร
ฉะนั้น ไม่เพียงซิลและฟอร์สต้องคอยหลบการแก้แค้นจากคีลิงเกอร์ พวกเธอยังต้องหลบ ‘หน่วยผู้วิเศษ’ อีกทอดหนึ่ง
“ถ้าแม้แต่ผู้วิเศษกระจอกอย่างเรายังสามารถพบจุดประสงค์ของคีลิงเกอร์ได้ง่ายดาย หมอนั่นคงถูกฝังในสุสานจนวัชพืชปกคลุมไปนานแล้ว”
ฟอร์สตอบประชดประชัน
“พวกเราต้องอดทนรอ ในเมื่อสามโบสถ์หลักออกโรงเต็มตัวขนาดนี้ อีกไม่นานมันต้องก่อความผิดพลาดขึ้นแน่ แต่ว่ากันตามตรง ฉันอิจฉาสมบัติวิเศษจำแลงกายของมันมาก”
ซิลนั่งกอดเข่าพลางมองไปนอกหน้าต่าง
“ฉันก็แค่กังวลว่า คีลิงเกอร์จะรีบลงมือและรีบชิ่งหนีออกจากเบ็คลันด์ หากเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่มีใครตอบสนองได้ทันท่วงทีแน่ แล้วพวกเราก็จะพลาดรางวัลตอบแทนจากมิสออเดรย์ ฉันคงไม่ได้เลื่อนเป็นลำดับ 8 สักที ไม่ต้องฝันถึง 6 หรือ 5 เลย”
สตรีร่างเล็กเว้นวรรค
“อีกนานแค่ไหนกัน กว่าฉันจะทวงคืนเกียรติยศและทุกสิ่งของครอบครัวกลับคืนมาสำเร็จ …ไม่ได้พบหน้าน้องชายตัวเองนานกว่าหนึ่งปีแล้ว”
ฟอร์สอมยิ้มอ่อนโยน
“หากเธอทำความฝันสำเร็จเมื่อไร ฉันขอนำเรื่องราวชีวิตไปเขียนในนิยายได้ไหม มันจะต้องออกมาสุดยอดมากแน่ …จะว่าไป มิสออเดรย์เป็นคนใจกว้าง ต่อให้คีลิงเกอร์หนีไปได้ แต่เธอคงตอบแทนพวกเราสักสิ่งสองสิ่งกลับมา ถือเป็นค่าเสี่ยงชีวิต เธอคงเห็นว่าพวกเราพยายามสืบคดีนี้อย่างจริงจังมากแค่ไหน และยังเป็นสาเหตุให้คีลิงเกอร์ปรากฏตัว”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น …เฮ่อ ทำไมพวกเราถึงโชคร้าย ต้องพบหมอนั่นในลักษณะนี้”
ซิลใช้มือรวบผมทองประบ่า
ฟอร์สขมวดคิ้ว
“ในโลกของผู้วิเศษ การเผชิญหน้ากันมักมาพร้อมอันตรายเสมอ แม้กระทั่งปัญหาของตัวฉันเอง ปัจจุบันยังไม่เข้าใจเลยว่า เสียงเพรียกในคืนจันทร์เต็มดวงหมายถึงสิ่งใด และมันจะส่งผลร้ายต่อร่างกายไหม …การเผชิญหน้าแบบปลอดภัยอาจมีอยู่จริง แต่เกิดขึ้นได้น้อยมากจนยากจะคาดหวัง นอกเสียจากถูกอวยพรจากเจ็ดเทพหลัก หรือไม่ก็ตัวตนลึกลับใจดี แต่ถ้ามีเหตุการณ์ทำนองนั้น เราก็คงไม่ทราบอยู่ดีว่าอีกฝ่ายมีเจตนาเป็นเช่นไร”
ซิลนั่งหลังตรงพร้อมกับวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงบนหน้าอก
“ท่านเทพธิดาได้โปรดอวยพรด้วย”
…
ดยุคนีแกนกำลังพักในคฤหาสน์หรูหราส่วนตัวใจกลางกรุงเบ็คลันด์ มันถูกใช้จัดงานเลี้ยงลีลาศอย่างยิ่งใหญ่ในค่ำคืนนี้
คฤหาสน์แบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งในนั้นคือฮอลล์เต้นรำชั้นล่างซึ่งถูกปกคลุมด้วยแผ่นกระเบื้องแกะสลักลวดลายงดงาม ตรงมุมห้องมีวงดนตรีคลาสสิกส่วนตัวของดยุค ชั้นสองมีลักษณะเป็นระเบียงวงกลมล้อมรอบ ช่วยให้รับชมงานเต้นรำชั้นล่างได้ชัดเจน
แขกร่วมงานมักถือแก้วไวน์จิบพลางเอนหลังพิงราวระเบียง สายตาชำเลืองมองผู้คนเต้นลีลาศด้านล่างอย่างมีความสุข ลักษณะคล้ายผู้ชมกำลังจดจ่อศึกฟันดาบอันดุเดือดจากด้านบนเวทีโคลอสเซียม
บางครั้งบางคราว สุภาพบุรุษจะเดินไปเข้าชักชวนสุภาพสตรีหรือไม่ก็ภรรยาของตนร่วมเต้นรำ ถ้าอีกฝ่ายตอบรับ คนสองคนจะเดินจูงมือลงบันไดไปยังชั้นล่างและเริ่มเต้นลีลาศ
อีกฟากฝั่งไกลสุดของระเบียงทางเดิน บานประตูเรียงรายห่างกันในระยะพอเหมาะ ห้องเหล่านี้มีไว้สำหรับให้แขกพักผ่อนหย่อนใจ
ประตูกระจกใสบานใหญ่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของห้องโถงชั้นสอง ด้านหลังกระจกเป็นทางเดินยาวสุดลูกหูลูกตา ฝั่งซ้ายขวาถูกตกแต่งด้วยรูปปั้นยิปซัมจำนวนมาก ทั้งหมดคือบรรพบุรุษของตระกูลนีแกน
สุดทางเดินเป็นอีกหนึ่งโถงใหญ่ซึ่งสามารถมองเห็นงานลีลาศเบื้องล่างได้เช่นเดียวกัน ภายในมีโต๊ะยาวหรูหราจำนวนมาก ทั้งหมดปกคลุมไปด้วยอาหารรสเลิศนานับชนิด รวมถึงไวน์ชั้นดีและวงดนตรีคอยสร้างความสุนทรีย์ให้แขกระดับสูง
ภายในโถงจัดงาน แขกจำนวนมากกำลังยืนรวมตัวจับกลุ่ม บ้างนั่งบ้างยืนสนทนาในหัวข้อหลากหลาย หากใครต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย สามารถเดินออกไปชมวิวริมระเบียงด้านนอกคฤหาสน์เพื่อทัศนาความงดงามของจันทร์แดง
หลังจากเต้นเสร็จไปหนึ่งรอบ ออเดรย์เดินกลับขึ้นมายังชั้นสอง เธอยืนเอนตัวพิงระเบียงฝั่งด้านในพลางแหงนมองโคมเทียนระย้าขนาดใหญ่ซึ่งสร้างจากคริสตัลด้วยแววตาเหม่อเลย
ทันใดนั้น สายตาพลันชำเลืองเห็นชายหนุ่มหลายคนกำลังยืนประหม่า คล้ายกับหวังมาชวนเธอลงไปเต้นรำ เด็กสาวไม่รีรอ รีบปลีกตัวเองออกจากความวุ่นวายด้วยการเดินหนีไปยังทางเดินเชื่อมต่อกับโถงห้องอาหาร
…น่าเบื่อชะมัด แต่จะไม่ร่วมงานก็ไม่ได้
…เฮ่อ ปล่อยให้ฉันสังเกตผู้คนอย่างสงบไม่ได้เลยหรือ?
ออเดรย์ก้มหน้ามองฝ่าเท้าอย่างเหนื่อยหน่าย เธอนำพาตัวเองเดินตรงไปข้างหน้าด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ขณะเดียวกัน ภาพบุรุษผู้หนึ่งได้ปรากฏขึ้นตรงมุมสายตา เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินสวนเข้ามาในระยะใกล้ เด็กสาวลดความเร็วลงและเยื้องย่างด้วยกิริยาชดช้อย
“สวัสดีค่ะ บารอนเกรเมียร์”
ออเดรย์ทักทายพร้อมรอยยิ้มและท่วงท่าสง่างามไร้จุดตำหนิ
บารอนเกรเมียร์ผู้มีคิ้วบางและนัยน์ตาสีฟ้าเจือจาง มันยิ้มตอบและโค้งตัวคำนับเล็กน้อย
“ได้พบกันอีกแล้วนะครับ มิสฮอลล์ คุณคืออัญมณีเจิดจรัสและแพรวพราวไม่มีใครเกินในงานเลี้ยงลีลาศวันนี้”
หลังจากทักทายพอเป็นพิธี เกรเมียร์เดินสวนเธอเข้าไปในโถงจัดงาน ส่วนออเดรย์เดินตรงเข้าไปในโถงห้องอาหาร
เมื่อผ่านไปสองสามก้าว เด็กสาวพลันขมวดคิ้วด้วยสีหน้าฉงนสุดขีด นัยน์ตาเขียวมรกตเผยความประหลาดใจชัดเจน
…บารอนเกรเมียร์ทำตัวแปลกมาก
…ในอดีต หากเขาได้พบหญิงสาวโฉมงามหรือบรรดามาดามฐานะสูงกว่า ชายคนนั้นมักแอบชำเลืองจากด้านข้างโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว จากนั้นจะฉวยโอกาสสำรวจเรือนร่างบ่อยครั้ง
…แต่ทำไมวันนี้ถึงกล้าสบตาด้วยท่าทางมั่นใจเสียเต็มประดา แถมน้ำหอมก็ยังมีกลิ่นฉุนผิดไปจากปรกติ
…ในงานเลี้ยงก่อนหน้า รอบตัวเขามักส่งกลิ่นอำพันเด่นชัด แต่ไม่ได้ฉุนแสบจมูก ถือเป็นกลิ่นสง่างามลุ่มลึก หรือก็คือ เป็นเทคนิคทาน้ำหอมทิ้งไว้ก่อนร่วมงานนานหลายชั่วโมง เพื่อให้กลิ่นฉุนตอนต้นบรรเทาลง เหลือเพียงกลิ่นอำพันตอนปลาย
…แต่เมื่อครู่ เป็นกลิ่นอำพันตอนกลางเหมือนกับเพิ่งฉีดได้ไม่นาน มันยังเข้มข้นเสียดจมูกผิดวิสัย
ออเดรย์ลดความเร็วลง ในฐานะผู้วิเศษเส้นทางผู้ชม แถมยังย่อยโอสถสมบูรณ์ ความละเอียดอ่อนของประสาทสัมผัสยากจะหาผู้วิเศษเส้นทางใดทัดเทียม
ทันใดนั้น เด็กสาวพลันตระหนักถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง นัยน์ตาเขียวมรกตพลันสั่นระริกรุนแรงอย่างหยุดไม่อยู่
…หรือจะเป็นคีลิงเกอร์ปลอมตัวมา?
…ยุบพองหิวโหยมีพลังสำหรับเปลี่ยนรูปลักษณ์มนุษย์ไม่ใช่หรือ
…
ยิ่งออเดรย์ไตร่ตรองมากเท่าไร ความเป็นไปได้ก็ยิ่งมากเท่านั้น หัวใจของเด็กสาวเริ่มถูกบีบรัดจากอาการกระวนกระวาย
…ถ้าเป็นพลเรือโทแห่งวายุคีลิงเกอร์จริง หมอนั่นพยายามทำอะไรในงานเลี้ยงลีลาศ?
…น่าเสียดาย เราพาซูซี่เข้ามาในงานไม่ได้
…ต้องรีบแจ้งให้ท่านพ่อทราบ!
ท่ามกลางคลื่นความคิดถาโถม ออเดรย์เร่งฝีเท้าก้าวเดินมายังโถงห้องอาหาร เธอได้พบบิดาของตน เคาต์ฮอลล์ กำลังนั่งร่วมวงสนทนากับหัวหน้าคณะรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญอีกมาก
เด็กสาวสวมรอยยิ้มสง่างามพร้อมกับเดินไปเกาะแขนเคาต์ฮอลล์
“ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย ดิฉันขอยืมตัวท่านเคาต์ฮอลล์สุดหล่อสักครู่ได้ไหมคะ?”
“อัญมณีล้ำค่าแห่งเบ็คลันด์เอ๋ย คุณได้รับสิทธิ์นั้น”
เหล่าสุภาพบุรุษตอบกลับอย่างเป็นมิตร
ออเดรย์เดินจูงเคาต์ฮอลล์ไปทางระเบียงเปลี่ยวภายในห้องอาหาร เมื่อพบมุมสงบปราศจากผู้คนแอบฟังบทสนทนา เธอกล่าวกับบิดาวัยกลางคนซึ่งร่างกายเริ่มอวบอ้วน
“ท่านพ่อ หนูมีบางสิ่งจะบอก”
เคาต์ฮอลล์ส่งยิ้มให้บุตรสาวแสนสวยของตนอย่างเอ็นดู ก่อนจะทำสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาจริงเอาจัง
“ว่ามา”
“เมื่อครู่ หนูบังเอิญเดินสวนกับบารอนเกรเมียร์ตรงทางเดิน วันนี้เขาทำตัวแปลกมาก เช่นเรื่องน้ำหอมกลิ่นอำพัน ปรกติแล้วจะใช้กลิ่นปลาย แต่วันนี้กลับเลือกใช้กลิ่นกลาง ไม่เพียงเท่านั้น-”
ออเดรย์อธิบายความแตกต่างทุกจุดของบารอนเกรเมียร์อย่างพิถีพิถัน
เมื่อเล่าจบ เด็กสาวไตร่ตรองคำพูดก่อนจะกล่าวเสริม
“หนูได้ยินจากไวเคาต์กายลินว่า พลเรือโทแห่งวายุคีลิงเกอร์สามารถแปลงโฉมเป็นใครก็ได้ แถมกำลังอาละวาดในเบ็คลันด์ช่วงนี้”
เคาต์ฮอลล์ยืนฟังอย่างตั้งใจพร้อมกับแสงสีหน้าวิตกกังวล แต่เพียงไม่นานก็ฉีกยิ้มกว้างเพื่อปลอบประโลมบุตรสาว
“เดี๋ยวพ่อจัดการเอง ตอนนี้ลูกไปอยู่เคียงข้างแม่ก่อนก็แล้วกัน เธอนั่งอยู่ในเขตพักผ่อนของโถงนี้”
“ได้ค่ะ” ออเดรย์ผงกศีรษะหนักแน่น
ระหว่างเดินไปทางเขตพักผ่อน เด็กสาวชำเลืองมองกลับหลัง และได้พบบิดากำลังสนทนาขุนนางคนหนึ่งอย่างเป็นกันเอง แต่สีหน้าค่อนไปทางตึงเครียด
ออเดรย์อดเป็นกังวลไม่ได้ เธอพยายามหาออกในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อไม่ให้พ่อแม่และพี่ชายต้องเป็นอันตราย
หลังจากเดินสำรวจรอบห้องโถงสักพัก เด็กสาวเดินออกจากโถงอาหารและได้พบกับห้องสวดมนต์ขนาดไม่ใหญ่ของดยุคนีแกน
เธอผลักประตูเข้าไปและลงกลอนด้านหลังมิดชิด สายตากวาดมองรอบห้องซึ่งเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของเทพวายุสลาตัน ก่อนจะเดินไปหยุดยืนตรงมุมห้องมืด
ออเดรย์นั่งลงและเอนตัวไปข้างหน้า เด็กสาวประสานมือรองหน้าผากไว้ในท่าก้มกราบสวดมนต์
ปากเปล่งเสียงแผ่วเบาเป็นภาษาเฮอร์มิส
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”
……………………