Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 211

Lord of the Mysteries 211

ตอนที่ 211 : พิธีศพ

ณ ชั้นใต้ดินของวิหารพระแม่เซเลน่า

ห้องผู้คุมหน้าประตูยานิส

เลียวนาร์ด·มิเชลกำลังนั่งบนเก้าอี้พลางใช้ขาสองข้างเหยียดยาวพาดบนโต๊ะทำงาน

นัยน์ตาของมันเหม่อลอยขาดสมาธิ

แม้ว่าสุขภาพจะดีขึ้นมากจากผลรักษาของพิธีกรรมเวทมนตร์ แต่สีหน้าเลียวนาร์ดยังคงย่ำแย่ไม่เปลี่ยน ประหนึ่งได้รับโรคร้ายไม่มีวันหายตลอดชีวิต

ปัจจุบัน ผู้วิเศษระดับสูงจากวิหารศักดิ์สิทธิ์กำลังสร้างผนึกหลังประตูยานิสเพิ่มเติมแทนเถ้ากระดูกพระแม่เซเลน่า

พวกมันมีปากเสียงกันเล็กน้อย บางคนโต้แย้งว่าควรใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์ชนิดอื่นช่วยเพิ่มพลังของผนึก แต่อีกฝ่ายเถียงว่าไม่จำเป็นต้องลำบากยุ่งยากขนาดนั้น

เหนือสิ่งอื่นใด สำหรับโบสถ์รัตติกาลสมบัติศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นสิ่งของหายากและมีจำนวนเพียงหยิบมือ

ส่วนใหญ่จึงลงความเห็นว่า ควรลดบทบาทของเหยี่ยวราตรีในทิงเก็นลง และโยกย้ายสมบัติวิเศษอันตรายและมีสัญญาณชีพไปไว้ในวิหารสุขสงบของมุขมณฑลเบ็คลันด์แทน จะได้เหลือแค่สมบัติวิเศษอ่อนแอและไม่ต้องใช้ผนึกแข็งแรง

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้อยู่นอกเหนืออำนาจการตัดสินใจของพวกมัน จำเป็นต้องส่งโทรเลขไปขอให้สภาอาวุโสใหญ่และอาร์คบิชอปลงความเห็นชี้ขาด

เลียวนาร์ดไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิดเดียวมันรู้สึกราวกับตัวเองเป็นศพเดินได้ปราศจากอาการโศกเศร้าหรือตื่นเต้นยินดี

มีเพียงความรู้สึก ‘ชา’ ไปทั้งตัว

ไม่ต้องการพบปะใครปรารถนาเพียงใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ คนเดียวในมุมมืด

บ่อยครั้งมักครุ่นคิดหาสาเหตุว่าทำไม ‘ฆาตกร’ ถึงเลือกขโมยตะกอนพลังของไคลน์ติดตัวไป แต่กลับไม่สนใจศพของดันน์·สมิท

กึกๆๆ…

เสียงฝีเท้าดังก้องทางเดินเงียบสงัด

ซีก้า·ทีรอนปรากฏตัวในห้องผู้คุมหน้าประตูยานิส แขนขวาของเธอทั้งท่อนถูกรัดด้วยผ้าพันแผล

ขณะไคลน์ ดันน์ และเลียวนาร์ดกำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของเมืองทิงเก็น เธอและเหล่าผู้คุมชราก็กำลังรับมือสมบัติวิเศษอาละวาดอย่างยากลำบากไม่แพ้กัน

หากไม่เพราะการมาถึงทันเวลาของหน่วยทูตพิพากษาและจิตแห่งจักรกล รวมถึงอาวุโสจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ ตัวเธอเองก็คงไม่รอด

อย่างไรก็ตามเหล่าผู้คุมชราด้านในไม่สามารถยื้อชีวิตได้นานขนาดนั้น พวกเขาต่อสู้จนตัวตาย ด้วยความตั้งใจของตัวเอง

“เลียวนาร์ดฉันพบข้อความโทรเลขไม่ได้เข้ารหัสจากห้องทำงานหัวหน้าถูกส่งมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์”

ซีก้ากล่าว

นัยน์ตาเขียวมรกตของเลียวนาร์ดสั่นกระตุกเล็กน้อยคล้ายเพิ่งกลับมาได้สติ

มันยังจำได้ดี ขณะตัวมันและไคลน์กำลังนับถอยหลังเพื่อเข้าไปช่วยดันน์·สมิท มีเสียงโทรเลขดังมาจากในห้องทำงานหัวหน้า แต่ทั้งมันและไคลน์ไม่มีเวลามัวสนใจ

“ข้อความเขียนว่า?”

มันเพิ่งสังเกตเสียงพูดของตนแหบพร่า

ซีก้าผมขาวนัยน์ตาดำตอบโดยไม่ลังเล

“จงระวังอินซ์·แซงวิลล์ จงระวังสมบัติวิเศษ 0-08”

“อินซ์·แซงวิลล์ เพศชาย อายุสี่สิบปี อดีตอาร์คบิชอปของโบสถ์รัตติกาล ลำดับ 5 ผู้เฝ้าประตู เส้นทางมรณา ล้มเหลวในการเลื่อนลำดับพลัง…สมบัติวิเศษ 0-08 ภายนอกเป็นเพียงปากกาขนนกธรรมดา จุดเด่นคือไม่ต้องใช้หมึกในการเขียน…”

เลียวนาร์ดพึมพำข้อมูลในความทรงจำ

ทันใดนั้นนัยน์ตาเขียวครามพลันหดเกร็ง อาการเศร้าหมองและเหม่อลอยก่อนหน้าถูกขจัดหายเป็นปลิดทิ้ง

“เป็นแบบนี้เองหรือ…”

เลียวนาร์ดดึงเท้าสองข้างกลับพร้อมกับพยุงตัวลุกยืน ดวงตามรกตเริ่มส่องประกายคล้ายจับใจความบางสิ่งได้

มันมองไปทางซีก้าและกล่าว

“ผมจะสมัครเข้าถุงมือแดง”

ถุงมือแดงเป็นชื่อหน่วยผู้วิเศษ รวบรวมขุนพลระดับหัวกะทิของเหยี่ยวราตรีจากทั่วทั้งอาณาจักรโลเอ็น

ภายใต้สถานการณ์ปกติ หน่วยเหยี่ยวราตรีจะทำงานเฉพาะในขอบเขตรับผิดชอบตัวเองโดยไม่ก้าวก่ายเขตอื่น ไม่มีสิทธิ์จับกุมอาชญากรนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นจึงมีอาชญากรเจ้าเล่ห์หลายรายรีบย้ายถิ่นฐานทันทีเมื่อก่อความผิด

เพราะต่อให้ถูกสาวถึงตัว แต่เหยี่ยวราตรีก็ไม่มีอำนาจข้ามเขตไปจับ ต้องติดต่อประสานงานไปยังเหยี่ยวราตรีในเขตรับผิดชอบเท่านั้น ขั้นตอนจึงค่อนข้างติดขัดเมื่อมีอาชญากรรายใหญ่ปรากฏตัว

เพื่อขจัดปัญหาดังกล่าวทางโบสถ์รัตติกาลจึงก่อตั้งหน่วยถุงมือแดงขึ้น สมาชิกถูกคัดกรองเป็นอย่างดีจากผู้วิเศษหัวกะทิของทุกเขต บางรายถือครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไม่สมบูรณ์ไว้กับตัว

ภารกิจหลักของถุงมือแดงคือช่วยสนับสนุนเหยี่ยวราตรีท้องถิ่นหากเกิดคดีใหญ่ รวมถึงตามล่าตัวอาชญากรได้อิสระทั่วอาณาจักรโดยไม่ถูกข้อจำกัดผูกมัด

ในบางวงการพวกมันถูกเรียกว่า ‘ผู้ไล่ล่า’ หรือไม่ก็ ‘สุนัขล่าเนื้อ’

“ถุงมือแดง? ขั้นต่ำต้องลำดับ 7 ไม่ใช่หรือ? แถมยังเผชิญอันตรายมากกว่าเหยี่ยวราตรีทั่วไปหลายสิบเท่า”

ซีก้าซักถามอย่างสงสัยเจือกังวล

เลียวนาร์ดยิ้มเย็นชา

“ผมใกล้เลื่อนลำดับแล้ว”

ขณะนัยน์ตาของมันเริ่มเจือความอาฆาต เลียวนาร์ดกัดฟันเค้นเสียงพึมพำ

ต้องแก้แค้นให้ได้!

ได้โปรดอินซ์·แซงวิลล์ แกห้ามรีบตายเด็ดขาด ต้องอยู่จนกว่าฉันจะมีพลังมากพอ!

“งั้นหรือ…”

คล้ายกับซีก้าเดาความคิดเลียวนาร์ดออก เธอถอนหายใจแผ่วเบา

“เกือบครึ่งหนึ่งของสมาชิกในทีมจะถูกแทนด้วยหน้าใหม่ว่ากันตามตรง แทบไม่เคยมีเหตุการณ์ใดสร้างความเสียหายต่อเหยี่ยวราตรีได้สาหัสขนาดนี้มาก่อน…”

สีหน้าเลียวนาร์ดเริ่มดำมืด มันกัดฟันถาม

“ศพพร้อมหรือยัง?”

“พร้อม” ซีก้าพยักหน้ารับ

เมื่อได้ยินคำตอบ เลียวนาร์ดรีบเดินออกจากห้องผู้คุม

“ผมจะไปแจ้งครอบครัวพวกเขา”

แต่ไหนแต่ไร เลียวนาร์ดพยายามเลี่ยงการแจ้งข่าวความสูญเสียมาตลอด มันไม่ชอบอารมณ์โศกเศร้าของญาติผู้ตาย

แต่ในคราวนี้มันขออาสาทำงานแสนสำคัญด้วยตัวเอง

‘เราจะทำมัน…’

……….

ณ บ้านหมายเลข 2 ถนนดารารัตน์

เมลิสซ่ากำลังนั่งบนโซฟาพลางตรวจสอบบัตรเข้าชมละครเวทีสามใบในมือ เธออ่านเนื้อความด้านบน วันพิมพ์ และหมายเลขเก้าอี้

เบ็นสันนั่งมองน้องสาว มันอมยิ้มอย่างมีความสุขด้วยท่าทางผ่อนคลาย

ทันใดนั้น กริ่งบ้านส่งเสียงดัง

กริ๊งๆ…

เมลิสซ่าเหลือบมองเบลล่า แต่หล่อนกำลังงานยุ่งมาก เด็กสาวจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับบัตรสามใบในมือ และรีบวิ่งไปทางประตูด้วยสีหน้าเจือความสับสน

เส้นผมสีดำแวววาว รูปร่างสมส่วน ไม่ผอมแห้งเหมือนสมัยอดีต ผิวพรรณแดงอมชมพู นัยน์ตาสีน้ำตาลสดใส

หลังจากบิดกลอนเปิดประตู ร่างเมลิสซ่าชะงักงันเล็กน้อย

เธอไม่รู้จักผู้มาเยือน

อีกฝ่ายเป็นบุรุษผมดำ นัยน์ตาเขียวมรกต ใบหน้าค่อนไปทางหล่อเหลา แต่ผิวพรรณขาวซีดจนผิดธรรมชาติ แววตาเจือความโศกเศร้ารุนแรงชนิดไม่ปิดบัง

“เอ่อ…คุณคือ?”

เมลิสซ่าซักถามจิตใจเริ่มกระสับกระส่าย

เลียวนาร์ดมิได้แต่งกายตามปกติ มันสวมชุดคลุมสีดำทับเชิ้ตขาวอย่างสุภาพ

มันตอบเสียงสั่น

“เพื่อนร่วมงานของไคลน์ พี่ชายคุณ”

หัวใจเมลิสซ่าหยุดเต้นกะทันหัน

เธอพยายามเขย่งเท้าเหลือบมองไปด้านหลังบุรุษตรงหน้า คล้ายกำลังหาใครสักคน แต่ก็ไม่พบสิ่งใด

เด็กสาวซักถามเสียงสั่น

“แล้วไคลน์อยู่ไหน?”

เลียวนาร์ดหลับตาเล่าเรื่อง

“ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขณะพี่ชายของคุณพยายามช่วยเหลือผู้อื่น เขาถูกสังหารด้วยน้ำมือของอาชญากรจิตใจต่ำทราม เขาคือวีรบุรุษ…ตัวจริงเสียงจริง”

ดวงตาเมลิสซ่าพลันเบิกโพลง ร่างกายสั่นเทาอย่างหยุดไม่อยู่ บัตรชมละครเวทีสามใบหลุดร่วงลงพื้น เผยให้เห็นชื่อละครเวทีชัดเจน

– ท่านเคาต์หวนคืน –

……..

ขณะนั่งในห้องรับแขกของบ้านโมเร็ตติ เลียวนาร์ดไม่กล้าสบตาเบ็นสันและเมลิสซ่า

มันยังสลัดภาพเมื่อครู่ออกจากหัวไม่ได้ ภาพของเด็กสาวไร้เดียงสาและมีความสุข พลันดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึงราวกับโลกทั้งใบแตกสลายตรงหน้า

เธอไม่กล่าวสิ่งใดอีกเลย แววตาเหม่อลอยประหนึ่งวิญญาณหลุดจากร่างกะทันหัน

บุรุษใบหน้าคล้ายไคลน์อาจตกใจน้อยกว่าเด็กสาว แต่ก็แสดงอาการเหม่อลอยเป็นระยะ

เรื่องราวยืดยาวถูกบรรจงเปล่งจากปากเลียวนาร์ดอย่างเชื่องช้า

“…นั่นคือเรื่องราวทั้งหมด ผมรู้สึกผิดอย่างมากเมื่อไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ทันเวลา บริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ กรมตำรวจ และหน่วยงานซึ่งรอดพ้นจากอันตรายเพราะความกล้าหาญของไคลน์ ทุกฝ่ายร่วมมอบเงินชดเชยให้ครอบครัวโมเร็ตติเป็นจำนวน 6,000 ปอนด์..”

เลียวนาร์ดกล่าวพลางกวาดสายตา

แต่ถูกเบ็นสันขัดจังหวะด้วยเสียงแหบห้าว

“แล้วตอนนี้ไคลน์อยู่ไหน? ผมหมายถึงศพของเขา”

มันเม้มปากแน่น

“พวกเราขอพบเขาครั้งสุดท้ายได้ไหม?”

“ไม่มีปัญหา ร่างไคลน์อยู่ในบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ พวกคุณสามารถไปพบได้ทุกเมื่อ”

เลียวนาร์ดตอบเสียงสั่นมันไม่สามารถเก็บซ่อนความเศร้าได้อีก

“ตกลง”

เบ็นสันพยายามขยับริมฝีปากแข็งกระด้างด้วยความยากลำบาก

“ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน”

โดยไม่รอคำตอบมันเดินเข้าไปในห้องน้ำชั้นหนึ่งพลางปิดประตูมิดชิด

เบ็นสันยืนจ้องอ่างล้างหน้าพร้อมกับเปิดน้ำไหลทิ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงไปและใช้มือวักน้ำสาดใส่ใบหน้าตัวเอง

มันยืนแข็งทื่อเช่นนั้นเป็นเวลานาน

บ้านโมเร็ตติเงียบสงัดพักใหญ่ มีเพียงเสียงน้ำไหลจากห้องน้ำชั้นหนึ่ง

ไม่กี่นาทีถัดมา เบ็นสันเงยหน้ามองกระจก

มันพบใบหน้าตัวเองกำลังชุ่มฉ่ำด้วยของเหลวสีใส ดวงตาแดงก่ำจนมิอาจเก็บซ่อนความรู้สึกภายในได้

……….

ไม่กี่วันถัดมา

ณ มุมหนึ่งของสุสานราฟาเอล

หลังจากเสร็จงานศพดันน์·สมิท ฝูงชนจำนวนหนึ่งโยกย้ายมายืนหน้าหลุมศพใหม่

ภาพขาวดำบนป้ายถูกถ่ายขณะไคลน์เพิ่งจบการศึกษาได้ไม่นาน เปี่ยมด้วยมาดนักวิชาการเสียเต็มประดา

เมลิสซ่ายืนหน้าหลุมศพพี่ชายด้วยแววตาเหม่อลอย ด้านข้างคืออลิสซาเบธผู้ซับน้ำตาหนแล้วหนเล่า

เลียวนาร์ด เบ็นสัน ฟราย และไบรท์ช่วยกันแบกโลงศพเดินเข้าไปวางลงในหลุม

นักบวชเริ่มสวดส่งวิญญาณพร้อมกับอวยพรให้ไปสู่สุขคติ ตามด้วยถ้อยคำภาวนาของญาติ และเพื่อนสนิททีละคน จนกระทั่งถึงขั้นตอนฝังกลบ

ดินสีน้ำตาลเข้มถูกบรรจงโปรยบนโลงศพสีดำทีละนิดอย่างไม่รีบร้อน เมลิสซ่าคุกเข่าลงพร้อมกับโยนนกหวีดทองแดงปริศนาลงไปในหลุมมันถูกพบในตัวศพพี่ชายตามคำบอกเล่าของเลียวนาร์ด

นักกวีเที่ยงคืนยืนมองเหตุการณ์ด้วยหัวใจปวดร้าว ขณะเดียวกันก็ตระหนักว่าเด็กสาวคนนี้เข้มแข็งมากเพียงใด

หลังจากได้รับข่าวร้ายของพี่ชาย เธอไม่ได้ร่ำไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า แต่กลับเงียบงันเย็นชาอย่างน่าสงสาร

ดินบนหลุมถูกปรับระดับจนแน่น จากนั้นเป็นการวางแผ่นหินปิดทับ เลียวนาร์ดตรวจสอบสภาพความเรียบร้อยของหลุมศพไคลน์เป็นหนสุดท้าย

ถ้อยคำจารึกสามประโยคถูกสลักไว้ด้านบน

สุดยอดพี่ชาย

สุดยอดน้องชาย

สุดยอดเพื่อนร่วมงาน

ภายใต้บรรยากาศเศร้าโศก เพื่อนร่วมงานจากบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬเริ่มทยอยเดินทางกลับ

เซเลน่าและอลิสซาเบธก็เช่นกัน พวกเธอต้องรีบกลับเพราะครอบครัวติดธุระ

เหลือเพียงเบ็นสันและเมลิสซ่า

“ฉันจะไปหารถม้าเช่า…”

เบ็นสันอยู่ในสภาพย่ำแย่คล้ายกับไม่ได้นอนหลายวันติดต่อ

“อื้อ” เมลิสซ่าพยักหน้ารับ

เมื่อเห็นพี่ชายคนโตเดินจากไป เธอหันกลับมามองหลุมศพไคลน์ จากนั้นก็นั่งกอดเข่าโดยซุกใบหน้าไว้ในอ้อมแขน

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด เมลิสซ่าส่งเสียงดุด่าอย่างโมโห

“นายมันบ้า!”

เธอร่ำไห้พลางเช็ดน้ำตาอย่างเงียบงัน

เพียงแต่มันไม่ยอมหยุดไหลสักที

……….

ค่ำคืนเดียวกัน

ณ สุสานราฟาเอล

อะซิกผิวแทนกำลังยืนตัวตรงหน้าหลุมศพไคลน์พร้อมกับถือช่อดอกไม้สีขาวมันไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานานจนกระทั่งพึมพำแผ่วเบา

“ผมขอโทษ ผมมาสายไปสิบนาที แต่ตอนนี้ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร…”

มันก้มลงพลางวางช่อดอกไม้ลง จากนั้นก็หันหลังกลับออกจากสุสาน อะซิกยังมีแผนเดินทางออกจากทิงเก็น แต่ไม่ได้นำนกหวีดทองแดงติดตัวกลับไป

สุสานราฟาเอลกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แสงนวลจากจันทร์แดงช่วยให้วิวทิวทัศน์ยิ่งทวีความงดงาม

ทันใดนั้นแผ่นหินปิดหลุมฝังศพถูกดันออก

ฝ่ามือขาวซีดผุดออกจากดินสีน้ำตาล

ตามด้วยท่อนแขน

แกร้ก!

ป้ายหลุมศพถูกกวาดล้มลง

ฝาโลงศพถูกเปิดออกโดยสมบูรณ์

ไคลน์พยุงตัวนั่งมันกวาดสายตารอบทิศด้วยสีหน้าสุดฉงน ความทรงจำล่าสุดยังคงเป็นฉากสุดท้ายก่อนโลกทั้งใบมืดลง

รองเท้าบูตหนังไม่คุ้นเคย ฝ่ามือขาวซีดผิดธรรมชาติของใครสักคนกำลังก้มหยิบกล่องเถ้ากระดูกของพระแม่เซเลน่า

ทุกอย่างหลังจากนั้นมืดสนิทเหมือนกับการนอนหลับยาวนานแบบไม่ฝัน

ไคลน์ก้มหน้าและปลดกระดุมเสื้อตามสัญชาตญาณ มันรีบมองไปทางหน้าอกซ้ายและได้พบหัวใจซึ่งเคยถูกทำลายกำลังยุบพองอย่างมีชีวิตชีวาเหมือนใหม่

หน้าอกยังคงเป็นรูโหว่ ประสบการณ์สยดสยองเช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วสมัยไคลน์คนเก่าใช้ลูกโม่เป่าขมับตัวเอง ขณะนั้น มันจ้องมองเข้าไปในกระจกและได้พบเนื้อสมองสีเทากำลังยุบพองในลักษณะเดียวกัน

จุดต่างเพียงหนึ่งเดียวคือบาดแผลในปัจจุบันเยียวยาได้ช้าและยากกว่ามาก

…………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!