Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 244

Lord of the Mysteries 244

ตอนที่ 244 : รับทำงาน

“อะไรนะ?” ฟอร์สใช้มือลูบไล้ติ่งหูด้วยสีหน้าสุดฉงน คล้ายกับไม่มั่นใจว่าเธอได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่ถูกต้องหรือไม่

กุลสตรีสง่างาม สูงศักดิ์ เลอค่า ใสซื่อ ช่างอยากรู้อยากเห็น และไร้เดียงสาคนนั้น กลับกำลังมอบภารกิจลอบสังหารให้พวกตน!?

แถมเป้าหมายยังเป็นราชทูตของประเทศมหาอำนาจแห่งทวีปเหนืออย่างอินทิส!

ซิลออกอาการช้าว่าเพื่อนสนิท เธอทำสีหน้าตะกุกตะกักสักพักก่อนตอบ

“พ…พวกเราไม่แข็งแกร่งพอจะรับงานนี้”

สตรีร่างเล็กมุ่งความสนใจไปยังระดับความยากง่ายของงานเป็นลำดับแรก

ออเดรย์ไม่ตอบคำถามซิล รวมถึงไม่อธิบายเหตุผลของการจ้างภารกิจ ปล่อยให้สองสาวจินตนาการกันเอาเอง เพียงอมยิ้มจนเผยลักยิ้มเล็กๆ พร้อมกับกล่าวต่อ

“ฉันไม่ได้ต้องการให้พวกคุณทำงานนี้ด้วยตัวเอง แต่อยากรบกวนให้ช่วยหาใครสักคนมาทำภารกิจนี้ ตัวอย่างเช่นมิสเตอร์ A ทางดิฉันยินดีจ่ายค่าตอบแทน สี่พันปอนด์ แน่นอนว่าสามารถต่อรองได้ และถ้าภารกิจสำเร็จ ดิฉันจะจ่ายค่าแรงให้พวกคุณ ห้าร้อยปอนด์ แต่ถึงภารกิจจะล้มเหลว คุณสองคนก็ยังจะได้รับค่าเสี่ยงภัยจำนวน สองร้อยปอนด์อยู่ดี”

ออเดรย์เหลือเงินสดในธนาคารราว หนึ่งหมื่นสามพันปอนด์ ส่วนนี้เหลือจากการนำไปลงทุนในหุ้นหลายตัว เป็นค่าหัวจากเหตุการณ์จับตายพลเรือโทโจรสลัดคีลิงเกอร์ อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถเคลื่อนย้ายเงินทั้งหมดได้ในคราวเดียว แบบนั้นจะดึงดูดสายตาท่านเคาต์ฮอลล์มากเกินไป อาจส่งผลให้ธนาคารบาวาร์ดตรวจสอบการไหลของเงิน ออเดรย์จึงคำนวณว่า ห้าพันปอนด์คือขีดจำกัดการใช้งานในคราวเดียว

สี่พันปอนด์…ซิลเริ่มหายใจแรง แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที สตรีร่างเล็กทำได้เพียงตัดพ้ออย่างผิดหวัง เพราะทราบดีว่าตนไม่มีทางสำเร็จภารกิจนี้ได้ด้วยตัวเอง

ยอมจ่ายถึง ห้าร้อยปอนด์เพียงเพื่อให้พวกเราเสี่ยงออกหน้า จ้างผู้วิเศษแข็งแกร่งคนอื่นมารับงานนี้แทน…เราไม่เคยเห็นใครใจกว้างและสง่างามเท่ามิสออเดรย์มาก่อน! ซิลกลับมามองโลกตามความเป็นจริงอีกครั้ง

ขณะกำลังปลาบปลื้มกับค่าตอบแทนจำนวนมาก ในหัวฟอร์สพลันผุดคำถามใหม่

เหตุใดมิสออเดรย์ถึงมอบภารกิจนี้?

เกิดอะไรขึ้นกับแวดวงชนชั้นสูง?

สัญญาณของสงครามระหว่างประเทศ?

หรือเคาต์ฮอลล์จะเป็นตัวแทนของขั้วอำนาจใหญ่ในการสร้างความปั่นป่วน?

สองสาวรีบติดต่อมิสเตอร์ A ทันที ผ่านช่องทางพิเศษสำหรับกรณีฉุกเฉิน จนกระทั่งเวลาบ่ายสามโมงตรง ดวงตะวันขี้อายเหนือกรุงเบ็คลันด์กำลังฉายแสงสาดส่องมอบความสว่างให้เมืองหลวง ฟอร์สและซิลเดินทางมาถึงบ้านสำหรับจัดการชุมนุมหลังเดิม และได้พบมิสเตอร์ A กำลังนั่งรอในท่าไขว่ห้างสวมผ้าคลุมศีรษะปกปิดใบหน้ามิดชิด บรรยากาศรอบตัวค่อนข้างเป็นกันเอง

“มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยใช่ไหม” สายตามิสเตอร์ A มองสลับไปมาระหว่างสองสาว

เราเคยได้ยินมาว่า มีหญิงสาวผู้วิเศษจำนวนมากยอมพลีกายให้มิสเตอร์ A เพื่อแลกวัตถุดิบหลัก…ไอ้โรคจิตวิตถาร… ฟอร์สยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างยิ้มแย้ม

“เป็นงานใหญ่มากค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณจะสนใจหรือไม่”

มิสเตอร์ A สำรวจใบหน้าซิลพลางส่งเสียงคิกคักในลำคอ

“ว่ามาได้เลย ข้าอยากได้ยินว่างานใหญ่ชิ้นนั้นเป็นอย่างไร”

ขณะพยายามอดกลั้นมิให้ตัวเองชักใบมีดออกมาแทงอีกฝ่าย ซิลตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาของผู้ตัดสิน

“ลอบสังหารราชทูตอินทิสประจำอาณาจักรโลเอ็น เบเคอร์ลัน·ฌอง·มาติน”

มิสเตอร์ A เงียบงันหลายลมหายใจ แต่เนื่องจากใบหน้าถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าคลุมหัว ซิลและฟอร์สจึงไม่ทราบว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอย่างไร

ผ่านไปสักพัก มันเอนหลังพิงเก้าอี้นวมตัวใหญ่พลางซักถามเสียงทุ้ม

“แล้วมีสิ่งใดมาแลกเปลี่ยน”

“สี่พันปอนด์ นอกจากนั้น พวกเราจะมอบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับราชทูตเบเคอร์ลันอย่างละเอียด เช่น มันเป็นผู้วิเศษลำดับหก ของเส้นทางนักล่า นักวางแผน รวมถึงมีลูกน้องเป็นผู้วิเศษลำดับห้า จุดอ่อนใหญ่หลวงคือความลุ่มหลงในหญิงงาม” ซิลพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเชื่อว่าภารกิจนี้มีโอกาสสำเร็จ

มิสเตอร์ A หัวเราะในลำคอ

“ข้าสามารถรับภารกิจนี้ได้ แต่ต้องเพิ่มรางวัลอีกสักหน่อย ทางเลือกแรก สูตรโอสถอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างผู้เจิดจรัส ผู้สังเวยภัยพิบัติ ผู้หยั่งรู้ และจอมบงการ แน่นอนว่าสูตรโอสถเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่าภารกิจ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์ ขอแค่บางส่วนก็เพียงพอ ทางเลือกสอง เงินสด หนึ่งหมื่นปอนด์ อา…จำนวนเทียบเท่าค่าหัวพลเรือโทโจรสลัดวายุคีลิงเกอร์ เบเคอร์ลันอาจไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้านั่น แต่ก็มีลูกน้องทรงพลังอยู่ไม่น้อย และเชื่อข้าเถอะ มันถือครองสมบัติวิเศษแน่นอน”

สมเหตุสมผล แต่ก็เป็นจำนวนเงินมหาศาลเกินไปอยู่ดี…ซิลและฟอร์สหันมองหน้ากัน

“พวกเราขอกลับไปพิจารณาก่อน พรุ่งนี้เวลาเดิมจะนำคำตอบมามอบให้คุณ”

“ไม่มีปัญหา” มิสเตอร์ A ส่งสัญญาณมือส่งแขกกลับ

หลังจากเดินตามผู้ช่วยออกมานอกตัวบ้าน ฟอร์สพึมพำพลางขมวดคิ้ว

“สูตรโอสถเหล่านั้นเป็นลำดับสูงใช่ไหม? ว่ากันตามตรง ฉันค่อนข้างแปลกใจ ไม่คิดว่าคนอย่างมิสเตอร์ A จะยอมรับค่าจ้างเป็นเงินทอง นึกว่าต้องการเฉพาะสูตรโอสถหรือวัตถุดิบหลักเสียอีก คนอย่างเขายังต้องการเงินไปใช้ทำสิ่งใดกัน”

ซิลหันไปมองเพื่อนสนิทด้านข้าง

“ฟอร์ส เธอเป็นทั้งแพทย์และนักเขียนไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงไม่ทราบว่าเงินมีความสำคัญต่อชีวิตคนแค่ไหน มิสเตอร์ A ย่อมต้องมีลูกน้องมากมาย คนเหล่านั้นต้องการบ้านซุกหัวนอน ต้องการอาหารเติมเต็มความอิ่มท้อง ต้องการเสื้อผ้าสวมใส่ รวมถึงการตอบสนองความปรารถนาด้านอื่น ทั้งหมดข้างต้นล้วนใช้เงินทองขับเคลื่อนทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาตระกูลขุนนางตกยาก ถ้ามีเงินจำนวนมากล่อตาล่อใจตรงหน้า พวกมันยอมขายได้ทุกสิ่ง หากไม่มีลูกน้อง มิสเตอร์ A ก็แค่คนแข็งแกร่งตามลำพัง แต่ปราศจากข้อมูลข่าวสารสำหรับถือครองความได้เปรียบ ฉันได้ข้อมูลเหล่านี้จากปากกลุ่มอันธพาลในเขตตะวันออก”

ฟอร์สขมวดคิ้ว “ซิล…เธอก็มีมุมฉลาดเหมือนคนอื่นด้วยหรือ”

ในช่วงเย็นวันเดียวกัน สองสาวได้พบสุนัขโกลเดนรีทรีฟเวอร์ขนทองตัวใหญ่ในจุดนัดหมาย จากนั้นก็แนบกระดาษข้อเสนอต่อรองของมิสเตอร์ A ฝากไปถึงออเดรย์

เมื่อเด็กสาวอ่านจบ นอกจากจะไม่แสดงสีหน้าผิดหวังแล้ว เธอยังถอนหายใจโล่งอก

สำหรับออเดรย์แล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากกับการลอบสังหารราชทูตให้สำเร็จได้ด้วยเงินเพียง หนึ่งหมื่นปอนด์เท่านั้น!

แต่ช่วงนี้เราถอนเงินได้แค่ ห้าพันปอนด์ รวมถึงต้องจ่ายซิลและฟอร์สอีก ห้าร้อยปอนด์ คงต้องยืมกายลินมาก่อน หกพันปอนด์…ไม่สิ ต้องยืม แปดพันปอนด์ เราจะให้ใครเห็นไม่ได้ว่าขัดสนเงินทอง จากนั้นค่อยใช้คืนให้ครบภายในสี่ถึงห้าเดือน พร้อมดอกเบี้ยอีก หนึ่งพันปอนด์…หมายความว่าก่อนช่วงปีใหม่ ค่าใช้จ่ายของเราจะขัดสนมาก เหลือใช้เพียงเดือนละไม่เกิน 1หนึ่งพันปอนด์เท่านั้น ตกสัปดาห์ละ สองร้อยห้าสิบปอนด์…เมื่อวางแผนเสร็จ ออเดรย์เผากระดาษจากซิลและฟอร์สทิ้งพร้อมกับหยิบใบใหม่ขึ้นมาเขียน :

“ตกลง ฉันเลือกทางสอง แต่ขอจ่ายล่วงหน้า สองพันปอนด์ หลังจากงานเสร็จจึงจะจ่ายอีก แปดพันปอนด์ในส่วนขาด”

ณ บ้าน 15 ถนนมินส์ ไคลน์นัดพบแมรี·เกเลอร์อีกครั้งในช่วงเวลาดื่มชา

เป็นการนัดผ่านคุณนายสตาร์ลิ่ง·ซาเมอร์

“มาดามแมรี ผมสะกดรอยตามสามีของคุณและพบว่าเขาแวะสโมสรครักซ์ แต่ไม่สามารถตามเข้าไปได้เนื่องจากไม่ใช่สมาชิกสโมสร อย่างไรก็ตาม ผมแอบเฝ้าทางออกสโมสรจากระยะไกลและพบว่า หลังจากสามีคุณกลับออกมา หญิงสาวคนหนึ่งตามออกมาโดยทิ้งระยะห่างราวครึ่งชั่วโมง ชื่อของเธอคือเอริก้า·เทย์เลอร์ อาศัยในบ้าน 126 ถนนปีใหม่ เขตฮิลสตัน เคยทำงานกับบริษัทโคอิมอยู่ช่วงหนึ่ง ปัจจุบันว่างงาน ผมแอบถ่ายภาพเธอขณะเดินออกจากสโมสรครักซ์”

“ว่างงาน แต่กลับพักเขตฮิลสตันเนี่ยนะ” สตาลิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

หลังจากทำสีหน้าอึมครึมสักพักใหญ่ แมรีตัดสินใจกล่าว

“คุณต้องหาหลักฐานแบบจับต้องได้มากกว่านี้ เอ่อ…สโมสรครักซ์ใช่ไหม? ดิฉันจะให้สมาชิกสองคนช่วยรับรองคุณ แต่มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ คุณต้องกรอกอาชีพในใบสมัครว่า ‘นักสืบชื่อดัง’ เท่านั้น ให้เหมาะสมกับการสละเวลารับรองคุณเข้าเป็นสมาชิก”

“ไม่มีปัญหา” ไคลน์แสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อยหลังกล่าวจบ “แล้วใครต้องเป็นคนจ่ายค่าสมาชิกครับ?”

“ดิฉันจะจ่ายค่าสมาชิกงวดแรกให้เอง ตอบแทนสำหรับการทำงานอย่างแข็งขัน แต่ถ้าคุณต้องการต่ออายุสมาชิกสโมสรครักซ์ในปีถัดไป ต้องจ่ายเงิน สิบห้าปอนด์ด้วยตัวเอง” ราวกับดวงตาแมรีกำลังลุกโชนด้วยโทสะ

ค่าต่อสมาชิก สิบห้าปอนด์ต่อปี…ค่าแรกเข้ามีราคาราว ห้าสิบปอนด์…สมกับเป็นสโมสรระดับสูง…มาดามแมรี คุณช่างใจกว้างดุจดังมหาสมุทร! ไคลน์รีบผงกศีรษะ

“แล้วผมจะรีบหาหลักฐานให้โดยเร็ว!”

หลังอาหารเย็น ไคลน์ออกจากบ้านอีกครั้งโดยมีเป้าหมายเป็นผับวีรบุรุษในเขตสะพานเบ็คลันด์

การกระทำเช่นนี้มีเพื่อแสดงให้สายลับของกองทัพเห็นว่าตนหมดสิ้นหนทางอย่างแท้จริง จำเป็นต้องดิ้นรนอย่างสุดความสามารถเพื่อให้มีชีวิตรอด ส่วนอีกเหตุผลคือ การตบตาลูกน้องเบเคอร์ลัน ผู้วิเศษเส้นทางนักทำนาย ให้มันเข้าใจว่าตนคือกวางน้อยแสนอ่อนแอรอวันถูกเชือด

อีกฝ่ายไม่มีทางทำนายเหตุการณ์บนมิติสายหมอกสีเทาได้แน่ รวมถึงเรื่องการเดินทางข้ามมิติ คืนชีพครั้งใหม่ และการสร้างยันต์ถ้อยคำกัดกร่อนจากความช่วยเหลือของพระผู้สร้างแท้จริงเมื่อวันก่อน

ยันต์ชนิดดังกล่าวคือไพ่ตายสำหรับใช้ขณะอีกฝ่ายเผลอ ดังนั้นไคลน์ต้องเล่นละครให้ลูกน้องเบเคอร์ลันเข้าใจว่า ตนทั้งอ่อนแอ ขาดแคลนความช่วยเหลือ และกำลังตะเกียกตะกายดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างสุดความสามารถ สิ่งเหล่านี้จะทำให้อีกฝ่ายประมาท

ยามท้องฟ้ามืดสนิท ไคลน์ย่างกรายเข้าผับ

ก่อนจะเดินไปสั่งเบียร์หน้าบาร์ ชายหนุ่มเหลือบเห็นคาสปาสจมูกแดงกำลังยืนกอดอกข้างกรงแข่งสุนัขล่าหนู

“มาได้จังหวะพอดี มาริคตามหานายอยู่” เมื่อเห็นไคลน์เดินเข้ามาในร้าน คาสปาสรีบกะเผลกเข้าหา

“มาริคตามหาผม?” ไคลน์ขมวดคิ้ว

ไคลน์รีบล้วงนกหวีดทองแดงของอะซิกตามสัญชาตญาณ สมองกำลังนึกหาข้ออ้างไม่เข้าพบมาริคเป็นการส่วนตัว

ถ้าเรานำพลังวิญญาณเคลือบนกหวีดทองแดงไว้ จะช่วยยับยั้งไม่ให้ซอมบี้ใกล้ตัวเกิดอาการอาละวาดได้ไหม? คนอย่างอะซิกอาจไม่เคยไปเยือนสุสานมาก่อน หรืออาจไม่มีซอมบี้ตนใดกล้าจู่โจม จึงไม่ได้ผนึกนกหวีดไว้ตั้งแต่แรก…ไคลน์ครุ่นคิดหน้าเครียด

ยังไม่ทันจะได้ข้อสรุป ชายหนุ่มเหลือบเห็นมาริคเดินตรงมาจากอีกฝั่งของผับ ใบหน้าของมันยังขาวซีดและดวงตาดุร้ายเช่นเคย เพียงแต่ไม่มีซอมบี้เดินตาม

ซอมบี้ไปไหน? ไคลน์ไตร่ตรองด้วยอารมณ์ฉงนปนโล่งใจ

มาริคเพียงชี้นิ้วไปทางห้องเล่นไพ่และเดินนำเข้าไปก่อน เมื่อไคลน์เห็นว่าด้านในไม่มีซอมบี้ จึงเดินตามหลังด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

“มีอะไรหรือ” ชายหนุ่มซักถาม

มาริคในเชิ้ตขาวกั๊กดำนั่งลงบนโต๊ะเล่นไพ่พลางจ้องมองเข้ามาในดวงตาไคลน์

“ยังต้องการจ้างคนคุ้มกันอยู่ไหม”

“หือ?” มันตามบทสนทนาไม่ทัน

“เพื่อนของผมคนหนึ่งกำลังขัดสนด้านเงินทอง จึงต้องการทำภารกิจคุณ เธอแข็งแกร่งกว่าผมมาก สามารถปกป้องคุณได้แน่ แต่จะคุ้มกันให้แค่สามวันเท่านั้น ค่าจ้าง หนึ่งพันปอนด์” มาริคพูดเสียงเบาจนคล้ายพึมพำ

ทำไมถึงเพิ่งจะเสนอตัวหลังจากเราได้รับยันต์ถ้อยคำกัดกร่อนแล้ว…? ช่างเถอะ แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน เพื่อนมาริคคงช่วยถ่วงเวลาลูกน้องเบเคอร์ลันได้มาก ขณะพวกมันกำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย โอกาสใช้ยันต์ถ้อยคำกัดกร่อนก็จะเปิดกว้าง ชัยชนะของเราจึงอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น…ปัญหาเดียวในตอนนี้คือ เพื่อนของมาริคเชื่อถือได้ไหม…หืม เรื่องนี้ค่อยใช้มิติสายหมอกเทาทำนายหาคำตอบ…ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนกล่าว

“ขอเวลาตัดสินใจและรวบรวมเงินก่อน คุณคงทราบว่ามันไม่ใช่จำนวนน้อย แล้วก็ ผมต้องการให้เธอแอบคุ้มกันในทางลับ ไม่ควรเผยตัวสู่สาธารณะ ส่วนจะเป็นสามวันไหน ขอตัดสินใจอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง แต่เริ่มงานภายในสองสัปดาห์นี้แน่นอน”

ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนักทำนาย มันต้องตระหนักถึงตัวตนของคนคุ้มกันแน่…ไคลน์เสริมเงียบงันในใจ

เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา มันเตรียมวางแผนไว้ล่วงหน้ามาสักพักแล้ว ในกรณีหากตะกอนพลังของเมอซอลทำเงินได้ไม่มากพอสำหรับจ้างคนคุ้มกัน ไคลน์เตรียมไถเงินจากมิสจัสติสผู้มั่งคั่งร่ำรวย ก่อนหน้านี้ได้บอกเธอเป็นนัยไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ‘ผู้รับใช้ของเดอะฟูล’ อาจต้องการเงินสนับสนุนในภารกิจใหม่ สิ่งแลกเปลี่ยนคงเป็นข้อมูลในไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ มีหลายสิ่งสามารถขายได้ในมูลค่าสูง อย่างไรก็ตาม ถ้าคนคุ้มกันเรียกค่าจ้างแพงเกินไป แผนเดิมของไคลน์คือถอนตัว

ในสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ตะกอนพลังเมอซอลจะกลายเป็นยันต์ถ้อยคำกัดกร่อนไปแล้ว แต่เรายังมีมิสจัสติสเป็นกองทุนสำรอง! เธอยังติดค้างเงินสำหรับสูตรโอสถลำดับแปด ผู้ภาวนาแห่งแสงจากการชุมนุมล่าสุด รวมถึงข้อมูลของลัทธิเร้นลับ ลำพังสองสิ่งนี้เทียบเท่ากับ หนึ่งพันปอนด์ได้ไม่ยาก!

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!