187. การสืบทอดของเทพโบราณ 1
มันเงียบกริบ วิชานี้ได้ถูกยืนยันแล้วแต่ยังไม่จำเป็นที่จะออกสถานที่แห่งนี้ อันดับแรกหวังหลินต้องการดูว่าเป็นไปได้ไหมที่จะเข้าไปในมิติลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า
หากเขาสามารถเข้าไปได้ เช่นนั้นโอกาสหนีรอดจะเพิ่มขึ้นสูงมาก หวังหลินเลื่อนมือไปที่ระหว่างคิ้ว ใบหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความประหลาดใจในแววตา
ไม่มีกฎเกณฑ์ในการเข้ามิติของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เขาสามารถเข้าไปเวลาไหนก็ได้ หวังหลินปล่อยลมหายใจโล่ง เขาสะบัดแขนขวาและนำกระเป๋าของจักรพรรดิโบราณมาถือไว้ ตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ มีพลังสายหนึ่งต่อต้านออกมาจากกระเป๋า
สัมผัสวิญญาณของกระเป๋าป้องกันสัมผัสวิญญาณของหวังหลิน ซึ่งหมายความว่าจักรพรรดิโบราณยังมีชีวิต แต่หวังหลินไม่มั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ ก่อนหน้านั้นกระเป๋าของเมิ่งหลังค่อมได้สูญเสียสัมผัสวิญญาณของมัน แต่เมิ่งหลังค่อมยังดูมีชีวิตอยู่
ตอนนี้หวังหลินมีกระเป๋าสองใบที่ไม่สามารถเปิดได้ หนึ่งใบมาจากจักรพรรดิโบราณและอีกใบเป็นตอนที่เขาพบในถ้ำของเจดีย์เทพสงครามจากโครงกระดูกลึกลับ
ทั้งสองกระเป๋ายังมีสัมผัสวิญญาณของเจ้าของคนเดิม ด้วยสิ่งนี้หวังหลินจึงไม่สามารถตรวจสอบกระเป๋าได้ หวังหลินไม่เร่งรีบ เขาสัมผัสกระเป๋าและล้อมกรอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาเองเพื่อป้องกันจักรพรรดิโบราณจากการตรวจจับ
หลังเสร็จสิ้นหวังหลินสูดหายใจลึกและพุ่งออกดั่งศรธนูไปสู่พื้นที่ห่างไกล เป้าหมายของเขาคือทะเลภูมิปัญญาของเทพโบราณ
นอกจากนั้นหวังหลินได้รับหินหยกสำหรับสร้างธงกฎเกณฑ์มา และวัตถุดิบจำเป็นสำหรับสร้างอยู่ในทะเลภูมิปัญญา
หลังเดินทางผ่านพื้นที่แห่งนี้ที่ดูไม่ต่างจากท้องฟ้าและปฐพี หวังหลินยังไม่เห็นเส้นขอบฟ้าเลย
เขาจดจำได้ว่าตวนมู่และคนอื่นๆพูดถึงร่างของเทพโบราณที่มีขนาดใหญ่มาก ร่างเต็มวัยของเทพโบราณมีขนาดใหญ่กว่าดาวเคราะห์ซูซาคุทั้งดวง แม้จะแค่การเดินทางระหว่างสองเส้นโลหิต ระยะทางไม่อาจจินตนาการถึง
แม้พื้นที่แห่งนี้จะใหญ่โต แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือกฎเกณฑ์ใด มีเพียงความเงียบสงัด หวังหลินไม่ได้หยุดและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไป
ในร่างกายของเทพโบราณ ไม่มีกฎเกณฑ์ใดสำหรับสัมผัสวิญญาณซึ่งเหมือนกับโลกภายนอก วิญญาณของหวังหลินได้รับการหล่อเลี้ยงในบททดสอบที่สามอย่างมาก โดยวิญญาณตัวใหญ่ที่เกือบจะเป็นวิญญาณกลืนกินซึ่งทำให้วิญญาณของหวังหลินเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อหวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา มันสามารถยืดได้หลายพันลี้ เป็นผลให้หวังหลินติดตามรอบๆด้วยสัมผัสวิญญาณขณะที่เหาะเหินไปข้างหน้าได้ หลังจากผ่านไปนาน หวังหลินหยุดลงด้วยใบหน้าตกใจขณะที่จ้องไปบนพื้นที่ห่างไกล พลังปราณในร่างกายเริ่มรุนแรงราวกับมีพลังลึกลับบางสายดึงไปซึ่งทำให้พลังปราณของเขาอยู่ในภาวะตื่นตัว
ไม่นานหลังจากนั้นสัมผัสวิญญาณของหวังหลินจึงตรวจเจอคลื่นพลังปราณสีน้ำเงินเข้มที่กำลังโถมเข้ามาจากพื้นที่ไกลๆ คลื่นพลังปราณสูงหลายพันฟุตและความยาวไม่สามารถประมาณได้ คลื่นพลังปราณนับว่าอยู่ไกลมากแต่เสียงราวกับแผ่นดินไหวที่มันสร้างออกมายังคงได้ยิน
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที พลังปราณเข้ามาใกล้มากขึ้นจนทำให้พลังปราณปั่นป่วนอย่างรุนแรง หวังหลินหันหน้าและเหาะหนีจากมันโดยไม่ได้เอ่ยคำพูด คลื่นพลังปราณเหล่านี้แปลกประหลาดเกินไปและหวังหลินตื่นตระหนกกับลักษณะของมัน
สิ่งที่ทำให้จิตใจหวังหลินจมดิ่งก็คือเขาสูญเสียการควบคุมพลังปราณในร่างกาย เมื่อพลังปราณสั่นอย่างรุนแรง ความเร็วของเขาตกลงไปอย่างมาก
คลื่นปราณนี้เข้ามาใกล้ขึ้น เสียงที่มันสร้างออกมาราวกับอยู่ด้านหลังตอนนี้ หวังหลินประหลาดใจแต่ดวงตาสงบนิ่ง เขารู้ว่าไม่สามารถหนีจากคลื่นพลังปราณได้ในเวลานี้จึงชี้ไปที่ระหว่างคิ้วและลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าลอยออกมา ร่างหวังหลินเริ่มเลือนหายก่อนจะหายวับไป
ผ่านไปสิบลมหายใจ คลื่นเสียงพลังปราณผ่านตำแหน่งที่หวังหลินหายไปและหายไปไกล หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่งภาพร่างหวังหลินค่อยๆเริ่มปรากฎขึ้นจนกลายเป็นเขาจริงๆ หวังหลินจ้องคลื่นพลังปราณที่ผ่านไปเป็นเวลานานพลันหัวเราะกับสิ่งที่เขาพึ่งเห็น
หลังจากขบคิดอยู่ชั่วขณะ หวังหลินเหาะเหินไปข้างหน้าต่อไป
จ้าวปิศาจหกปรารถนาปรากฎตัวภายในระยะหนึ่งพันฟุตจากทางออกของบททดสอบที่สาม แสงสีแดงโลฟิตจางลงรอบตัวเขาเปิดเผยเป็นใบหน้าผอมและขมขื่น ในฝ่ามือเขาถือโครงกระดูกที่แขนข้างหนึ่งหายไป
มีจุดสีทองบนตัวโครงกระดูกพร้อมกับปลดปล่อยแสงสีทองเล็กๆ
ร่างเนื้อของเขาสูญสลายตอนที่ปะทะกับวิญญาณเร่ร่อน วิญญาณเซียนของเขาเกือบจะสูญสลาย มีวิญญาณเร่ร่อนนับไม่ถ้วนในร่างกายเขา เมื่อพวกมันโจมตี แรงกายของจ้าวปิศาจหกปรารถนาลดลงไปเล็กน้อย
ตอนนี้เขากระทั่งไม่มีพลังงานพอที่จะกระตุ้นวิชาหลบหนีปรารถนาโลหิตอีกแล้ว เขาทำได้เพียงรอวิญญาณกลืนกินที่กำลังกินเขาอย่างเงียบๆหรือรอให้อาจารย์ตามมาทัน
ในใจเขา เขาหวังจริงๆว่าอาจารย์จะตามเขาทันก่อนที่วิญญาณเร่ร่อนจะกลืนกินเขา แม้มันจะหมายถึงการกลายเป็นมารร้าย เขาจะรักษาชีวิตตัวเองไว้
น่าเสียดายที่แรงปรารถนาของเขานั้นยากเกินไปที่จะบรรลุ เป็นเพราะตอนนั้นวิญญาณเซียนของเขาเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึงทันทีเมื่อเจอการโจมตีของวิญญาณเร่ร่อน
วิญญาณเร่ร่อนเผยใบหน้าโลภจัดและเข้ามาทับซ้อนกัน จ้าวปิศาจหกปรารถนาทำอะไรไม่ถูกตอนนี้แต่โครงกระดูกในมือเขาปล่อยแสงสีทอง
แสงสีทองจำนวนมากออกมาจากโครงกระดูกและล้อมรอบจ้าวปิศาจหกปรารถนา วิญญาณเร่ร่อนถูกกระดอนออกจากเขาพร้อมกับกรีดร้องและทิ้งร่างเขาเพื่อหนีแสงสีทอง
จ้าวปิศาจหกปรารถนาเพ่งพินิจว่าเกิดอะไรขึ้นเบื้องหน้า หลังจากวิญญาณเร่ร่อนจากไปจึงกลับมาควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง เขาเผยใบหน้าตื่นเต้นขณะที่จ้องไปที่โครงกระดูกในฝ่ามือพลันรู้สึกได้ว่าพึ่งหนีออกจากความตายมาได้
แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขามีความสงสัยอย่างมากแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนั้น
วิญญาณเร่ร่อนทั้งหมดรอบกายเขาเริ่มถอยห่างราวกับมันกลัวแสงสีทอง จ้าวปิศาจหกปรารถนาเป็นคนเด็ดขาด ขณะที่เขาตระหนักเรื่องนี้ได้จึงเก็บความรู้สึกสงสัยไว้ในใจและมุ่งหน้าที่ทางออกของบททดสอบที่สาม
รอยแยกขนาดใหญ่ใกล้ทางออกได้ปิดไปแล้ว เขาเกือบจะมาถึงทางออกในทันทีโดยไม่มีวิญญาณเร่ร่อนกีดขวางและก้าวเข้าไปในน้ำวน
เขารู้สึกโล่งใจมากในตอนนั้น บททดสอบที่สามน่ากลัวเกินไป หากเขาสามารถหนีออกจากที่นี่ ขอสาบานว่าจะไม่กลับมาอีก
ตอนที่เขามาที่นี่ครั้งแรกเมื่อพันปีก่อน แม้ว่าเขาจะมาถึงบททดสอบที่สามได้ มันไม่ได้ประหลาดเช่นนี้ อาจารย์ของเขาฟื้นคืนชีพ เมิ่งหลังค่อมกลายเป็นมารร้าย และเหตุการณ์หลายอย่างได้สร้างหมอกแห่งความสงสัยในใจเขา หมอกนี้เพียงกระจายออกมาและทำให้เขาแทบประสาทกิน
เขาอยู่ในน้ำวน ขณะที่สายฟ้าม่วงออกมา เขาสะบัดแขนและกระทำวิชาสัญลักษณ์หนึ่งชุด หลังเสร็จสิ้นวิญญาณเซียนของเขาได้หดลงไปมาก
แสงสีในดวงตาทื่อลงมาก วิชานั้นร่อนลงบนโครงกระดูดในฝ่ามือเขา แสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าขณะที่กระดูกเริ่มแตกก่อนที่มันจะกลายเป็นฝุ่นและกระจายออกทุกทิศทุกทาง
ท่ามกลางขี้เถ้าที่มีจุดแสงสีทองนับไม่ถ้วน จ้าวปิศาจหกปรารถนาสะบัดแขนทำให้ขี้เถ้ากระจายออกขณะที่จุดแสงกลับเข้ามารวมกันสร้างเป็นกระดูกแขนสีทองประกายหนึ่งข้าง
ทว่าบนกระดูกแขนนี้มีเพียงสี่กับอีกครึ่งนิ้ว ครึ่งนิ้วนางได้หายไป
ขณะที่กระดูกแขนปรากฎขึ้น ริ้วสายฟ้าม่วงนับไม่ถ้วนในน้ำวนหยุดที่ตำแหน่งเขา ไม่เคลื่อนไหว จ้าวปิศาจหกปรารถนากระทั่งไม่มองพวกมันขณะที่นำกระดูกแขนเกือบสมบูรณ์นี้ออกมาและปล่อยพลังปราณออกจากปาก
พลังปราณถูกแขนนี้ดูดซับอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจ้าวปิศาจหกปรารถนาเริ่มสร้างผนึกขึ้นด้วยแขนนี้ หากหวังหลินอยู่ที่นี่เขาจะเข้าใจว่านี่เป็นชุดผนึกเดียวกับที่เขาได้มาจากจักรพรรดิโบราณ แต่แทนที่จะใช้เพียง 400 ชุด มันใช้มากกว่า 1000 ชุดแทน
ผนึกมากกว่าพันชุดถูกผนึกไว้ในแขนนี้ ไม่นานนักน้ำวนหนึ่งปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเขา ดวงตาจ้าวปิศาจหกปรารถนาเรืองแสงขึ้น เหตุผลที่เขากล้าเข้ามาที่นี่ก็เพราะเขาสู้สึกว่าเข้าใจกระดูกแขนข้างนี้ดีที่สุดและด้วยเหตุนี้เขาสามารถหนีออกไปได้เช่นพันปีก่อน
กระดูกแขนเป็นมรดกสมบัติที่หวังหลินกำลังมองหา หลังจากผ่านไปหนึ่งพันปีในที่สุดจ้าวปิศาจหกปรารถนาได้ทำให้เกิดรอยร้าวกับกระดูกแขนลึกลับ
เขากังวลว่ามันจะถูกขโมยหรือบางสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นดังนั้นจึงหลอมมรดกสมบัติใส่ศิษย์คนหนึ่งอย่างระมัดระวัง ไม่มีใครนึกได้ว่ามรดกสมบัติไม่ได้อยู่ในกระเป๋าแต่เป็นชายหนุ่มที่ติดตามมาด้วย
ต้องขอบคุณการเชื่อมต่อที่เขามีกับกระดูก เขาสามารถใช้มันได้ตลอดเวลาดังนั้นมันจึงปลอดภัย อีกทั้งกระดูกแขนเป็นมรดกสมบัติจากดินแดนของเทพโบราณ ดังนั้นจึงไม่มีขีดจำกัด ศิษย์ของเขาจึงสามารถเข้าดินแดนของเทพโบราณได้โดยไม่มีปัญหา
หลังจากสร้างผนึกชิ้นสุดท้าย เขาตัดสินใจว่าจะไม่กลับมาสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้อีกครั้ง แต่ตอนนี้ขณะที่เขากำลังรู้สึกมั่นใจและก้าวเข้าไปในน้ำวน มันพังทะลายในทันทีเบื้องหน้าเขาและแตกกระจายไป
จ้าวปิศาจหกปรารถนาตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่เวลาเดียวกันสายฟ้าม่วงที่แช่แข็งในอากาศได้ตกลงมาปะทะเข้าทำให้ร่างกายหายไปจากทางออกของบททดสอบที่สาม
หลังจากเขาหายตัวไป จอมเวทย์ปิศาจฟ้าปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มประหลาด “ศิษย์รักของข้า เจ้าต้องสำเร็จให้ได้ ดังนั้นจงอย่าให้ความพยายามของอาจารย์ที่เปิดความลับของแขนเพื่อช่วยชีวิตเจ้าจากวิญญาณเร่ร่อนและหยุดเจ้าจากการหนีออกที่นี่”
ทั่วร่างหวังหลินราวกับสายฟ้า เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่านพื้นที่นอกทะเลปราณของเทพโบราณ ทว่าทิศทางของเขาเปลี่ยนไป แทนที่จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแต่ตอนนี้เหินสูงขึ้น
เขาไม่รู้ว่าต้องเหาะเหินต่ออีกนานแค่ไหน รอบด้านของเขามีลักษณะเหมือนเดิม หากไม่ใช่เพราะว่าสัมผัสวิญญาณของเขาคงคิดได้ว่าเขากำลังเหาะเหินอยู่ในสถานที่แห่งนี้
ช่วงเวลานี้หวังหลินพบเจอคลื่นพลังปราณมากกว่าสิบคลื่น เขาหลบมันทั้งหมดด้วยการเข้าไปในมิติฝืนลิขิตฟ้า หวังหลินค่อยๆพบเงื่อนงำบางอย่าง ไม่ว่าเขาจะมองมันอย่างไร คลื่นพลังปราณถูกสร้างจากพลังปราณ
หวังหลินได้รับคำตอบในใจแล้ว แต่เขาปฏิเสธที่จะเชื่อมัน เห็นได้ชัดว่าคลื่นพลังปราณนี้ออกมาจากน้ำวนพลังปราณของทะเลปราณ หากวังวนสามารถผลิตคลื่นพลังปราณอันแข็งแกร่งเช่นนั้นได้ ทั่วทั้งทะเลปราณคงไม่ได้มีพลังปราณระดับที่จินตนาการไม่ถึงไปเลยหรือ?
หากเทพโบราณตายแล้ว ทำไมพลังปราณของเขาถึงยังหมุนเวียนอยู่อีก? นอกจากนี้หวังหลินสังเกตได้ขณะที่เขาเหาะไปข้างหน้า คลื่นผันผวนทำให้อารมณ์เขาเปลี่ยนไป คลื่นพวกนั้นออกมาจากทุกด้าน ทว่าหวังหลินไม่ได้รับอันตรายจริงๆ มันมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่นั่นทำให้หวังหลินเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เขาตรวจสอบตำแหน่งทะเลปราณของตัวเองเป็นแหล่งอ้างอิง
เหนือทะเลปราณคือจุดจู่เซี่ยวและในนั้นมีทะเลภูมิปัญญาอยู่
ขณะที่หวังหลินเหาะเหินจึงลอบคำนวณในใจ แต่ข้อมูลมีน้อยเกินไปราวกับมีหมอกบดบังดวงตาเขาป้องกันไม่ให้เห็นความจริงเสมอ ดินแดนของเทพโบราณเป็นบรรยากาศที่แปลกประหลาด
ขณะที่หวังหลินกำลังเหาะเหิน พลันหยุดกึก เขาชี้ระหว่างคิ้วตนเองและหายไปในมิติลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าทันที ขณะเดียวกันแสงกระพริบสีขาวปรากฎขึ้นใกล้ๆ ขณะที่แสงสีขาวจางหาย ร่างจ้าวปิศาจหกปรารถนาปรากฎขึ้น
ใบหน้าบูดบึ้ง เขามองแขนสีทองในมือจากนั้นมองไปรอบๆ เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ ความคิดหนึ่งแล่นผ่านหัวสมองพลันมองรอบๆอีกครั้งและใบหน้าเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับเผยใบหน้าปิติยินดี
“นี่…เห็นได้ชัดว่าเทพโบราณตายไปแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้ยังมีแรงผันผวนอันแข็งแกร่งอยู่หรือ?” ดวงตาจ้าวปิศาจหกปรารถนากลายเป็นสว่างขึ้นและสว่างขึ้น เขารู้สึกถึงความผันผวนมาจากทุกด้าน
ความผันผวนพวกนี้สำหรับเขาเป็นแรงปรารถนาทุกประเภท ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในใจ เขาสร้างผนึกชิ้นหนึ่งด้วยฝ่ามือขวา ร่ายเวทในอากาศ งูพลังปราณสีดำร่างผอมปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเขาและเหาะเหินมุ่งหน้าไปไกล
จ้าวปิศาจหกปรารถนาดวงตาสว่าง เขาอ้าปากและสูดอากาศเข้าไป งูแสงสีดำหันไปรอบๆทันทีและดูดเข้าไปด้วยเช่นกัน ใบหน้าจ้าวปิศาจหกปรารถนาเผยความยินดีอีกครั้ง เขารู้สึกได้จากการดูดซับร่องรอยปรารถนาได้ชัดเจน วิญญาณของเขากำลังฟื้นฟูจากความเสียหายที่ได้รับจากวิญญาณเร่ร่อน
จ้าวปิศาจหกปรารถนาไม่ได้พูดอะไร ตรวจสอบพื้นที่ทั่วบริเวณด้วยสัมผัสวิญญษรและพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาอ้าแขนตัวเองขึ้นทันที ทั้งสองแขนสร้างผนึกแตกต่างกันขณะที่นั่งขัดสมาธิพร้อมกับร้องตะโกน “ปรารถนาความกลัว เข้ามา!”
เมื่อคำพูดนั้นออกจากปากพลันสร้างผนึกด้วยสองมือ ปราณสีดำเกิดเป็นรูปร่างรอบตัวเขาขึ้น ปราณทั้งหมดพุ่งเข้าหาจ้าวปิศาจหกปรารถนา
ยิ่งได้รับปราณสีดำมากขึ้น จนมันปกคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่รอบๆร่างจ้าวปิศาจหกปรารถนา ร่างกายเขาราวกับหลุมดำที่ดูดซับพลังปราณดำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ใบหน้าเขามีความมั่นใจมากขึ้น เขาเผยใบหน้าที่แฝงความประหลาดใจ พลันรู้สึกได้ชัดเจนว่าแรงปรารถนาความกลัวในร่างกายเทพโบราณมีขนาดใหญ่มากกว่าที่เขาจินตนาการ ไกลเกินกว่าที่คาดไว้นัก
เวลาค่อยๆผ่านไป ห่างออกไปหนึ่งแสนฟุต จอมเวทย์ปิศาจฟ้าเผยใบหน้าตื่นเต้นขณะที่มองไปทางจ้าวปิศาจหกปรารถนา เขาพึมพำกับตัวเอง “ดูดซับเข้าไปศิษย์รักของข้า ดูดซับเข้าไป เพื่อแผนของอาจารย์แล้ว เจ้าต้องได้ดี!”
เขายิ้มประหลาดออกมา มือทั้งสองไขว้เข้าหากันทำให้แสงสีฟ้ากระจายออกไปทุกทิศทาง ปกคลุมทุกสิ่งทันทีในระยะหนึ่งลี้ หลังจากเสร็จสิ้นพลังความคิดหนึ่งแล่นผ่านในใจ เขายิ้มกว้างมากขึ้น “ศิษย์รัก ก่อนหน้านั้นการคำนวณของอาจารย์นับว่าถูกต้อง ความบ้าบิ่นของเจ้าเป็นกำแพงที่ป้องกันเส้นทางฝึกฝน แต่มองมันตอนนี้สิ ในที่สุดความบ้าบิ่นของเจ้านี้จะช่วยให้แผนของตาเฒ่านี้สำเร็จ”
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ตอนนี้มีหมอกสีดำครอบคลุมในรัศมีหนึ่งลี้ หากไม่ใช่ว่าจอมเวทย์ปิศาจฟ้ากำลังปกป้องมัน หมอกสีดำจะกระจายออกอย่างต่อเนื่อง
เวลาที่ไม่ทราบได้ผ่านไป สายหมอกสีดำจางหาย ระดับฝึกตนของจ้าวปิศาจหกปรารถนาตอนนี้บรรลุถึงระดับที่เหลือเชื่อ
“ปรารถนาความโลภ เข้ามา!” เขาตะโกนอีกประโยค ไม่นานหลังจากนั้นหมอกแดงพลันปรากฎจนมันปกคลุมในรัศมีหนึ่งลี้ล้อมรอบเขา
ต่อจากนั้น ปรารถนาโทสะ ปรารถนาความสุข ปรารถนาความริษยา ปรารถนาอัตตา และเหมือนกันที่ทั้งหมดถูกจ้าวปิศาจหกปรารถนาดูดซับ สิ่งที่อาจารย์ของเขาพูดนั้นถูกต้อง จุดอ่อนแอที่สุดสำหรับความปรารถนาก็คือการยกระดับการฝึกฝนของตัวเอง หากให้โอกาสการเพิ่มระดับฝึกตน เขาจะไม่ยอมแพ้แน่นอน
แม้กระทั่งตอนนี้เขาไม่เคยหยุดคิดแต่ซึมซับความปรารถนาทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง เมื่อแรงปรารถนาอัตตาถูกเขาดูดไป ร่างกายปลดปล่อยกลิ่นอันน่าสยดสยองออกมา
หกปรารถนาในร่างของเทพโบราณถูกกระจัดกระจายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในวิญญาณเทพโบราณก่อนที่เขาจะตาย จ้าวปิศาจหกปรารถนาตอนนี้ได้ดูดซับแรงปรารถนาส่วนหนึ่งของเทพโบราณและบรรลุระดับของวิธีฝึกฝนปิศาจฟ้าเร้นลับที่เกินกว่าผู้สร้างมาหนึ่งระดับ ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจารย์ของเขาใฝ่ฝัน
ขณะเดียวกันนั้น จอมเวทย์ปิศาจฟ้าเผยรอยยิ้ม แม้ใบหน้าจะดูมืดหม่นธรรมดาแต่ช่วยไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพลันรีบเร่งไปทางจ้าวปิศาจหกปรารถนา
“ศิษย์รักของข้า หน้าที่ของเจ้าเสร็จสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าตาเฒ่าคนนี้ไม่เสียแรงที่รับเจ้ามา เวลานี้เจ้าได้แสดงพรสวรรค์ของเจ้าจริงๆ!”