241. หวังจัว
หลังจากวิญญาณกลืนกินของหวังหลินสังหารสมาชิกหลักของตระกูลเถิงทั้งหกคน เขาจึงกลับเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
หวังหลินลืมตาขึ้นและครุ่นคิดชั่วครู่ เมื่อตอนที่เขาสังหารชายวัยกลางคนนั้น เขาเห็นร่างหนึ่งที่ทำให้จิตใจเขาสั่นไหว
หากสายตาเขาไม่เข้าใจผิด คนผู้นั้นคือหวังจัว
สตรีด้านข้างเขาคือลูกสาวของชายวัยกลางคนนั้น เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันบางอย่าง ดวงตาหวังหลินเรืองสว่างขึ้นขณะที่เก็บธงวิญญาณ กระจกทองแดง และเหล่าปิศาจกลับไป จากนั้นเขากระโดดขึ้นไปบนอสูรยุง เขาพบสตรีคนนั้นพร้อมกับหวังจัวผ่านสัมผัสวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็ว
ทิศทางที่ทั้งคู่เดินทางไปไม่ได้ตรงเข้าหาเมืองตระกูลเถิงแต่เป็นชายแดน
หวังหลินครุ่นคิดชั่วครู่จากนั้นตามไล่นางไป
เถิงซิ่วซิ่วเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แม้ว่านางจะวิ่งมาได้ไกลแล้วก็ยังอดน้ำตาไหลรินมิได้ นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อ แต่นางรู้สึกว่าความหนักหน่วงในหัวใจพลันหนักอึ้งจนยากที่จะหายใจ
ความรู้สึกอันยุ่งเหยิงสับสนในใจหวังจัวยิ่งรุนแรงขึ้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีมากตอนที่สมาชิกตระกูลเถิงถูกสังหาร แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกกังวลอยู่ลึกๆ
ร่างกายหวังจัวสั่นเทา เขาหยุดเคลื่อนไหวและหลับตาลงพร้อมกับนึกถึงตอนที่ตระกูลของตัวเองถูกตระกูลเถิงฆ่าล้าง
เถิงซิ่วซิ่วเห็นหวังจัวหยุด นางจึงหยุดอย่างรวดเร็วพลันมองเขาพร้อมกัดริมฝีปากเล็กน้อย ตอนนี้ชายคนนี้ สามีของนางเป็นเพียงคนเดียวที่นางพึ่งพาได้
หลังผ่านไปชั่วครู่ หวังจัวลืมตาขึ้นและตบหน้าตัวเอง เขาต้องการเตือนตัวเองว่าตระกูลเถิงคือศัตรูและเขาต้องไม่มีความรู้สึกใดๆต่อเถิงซิ่วๆ
ตราบใดที่พวกเขามาจากตระกูลเถิง พวกเขาสมควรตาย!
เถิงซิ่วซิ่วเคลื่อนร่างไปหยุดเบื้องหน้าหวังจัว น้ำตาของนางหยดเป็นสายอันไร้กันบึ้ง
หวังจัวทำใจแข็ง เขาสะบัดแขนและโยนเถิงซิ่วๆไปด้านข้าง “ออกไปซะ! นับแต่วันนี้ไป เจ้าและข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว!”
เถิงซิ่วซิ่วมองหวังจัวด้วยแววตาสิ้นหวัง นางลืมเลือนไปชั่วขณะจนจำไม่ได้ว่ากำลังกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดไหลออกมา น้ำตาของนางเปรอะเปื้อนใบหน้าอันสวยงามขณะที่พยายามคว้าหวังจัวเอาไว้
แต่หวังจัวหลบอีกครั้งและกล่าวอย่างเย็นชา”เจ้าไม่ไปหรือ? งั้นข้าจะไปเอง!” เช่นนั้นเขาเริ่มเหาะเหินไปทิศทางตรงข้าม
เถิงซิ่วซิ่วมองเบื้องหลังหวังจัวอย่างตกใจ ความเศร้าโศกในแววตายิ่งมากขึ้น หัวใจราวกับถูกแทงด้วยมีด ใบหน้าเป็นสีแดงราวกับคนป่วยและไอออกมาเป็นโลหิต จากนั้นซีดขาวเมื่อพยายามประคองตนเองไว้
ความจริงแล้วขณะที่หวังจัวหันกลับมา เขารู้สึกราวกับหัวใจฉีกขาด แต่เมื่อคิดถึงการตายของตระกูลตัวเองแล้วจึงฝืนใจแข็ง ขณะนั้นความเจ็ฐปวดที่หวังจัวรู้สึกไม่ได้น้อยไปกว่าความเจ็บปวดของเถิงซิ่วซิ่วเลย
เถิงซิ่วซิ่วยิ้มออกมาอย่างน่าสมเพชขณะที่นางเอ่ยถึงหวังจัวเบาๆ “อย่าไป…”
ร่างหวังจัวสั่นสะท้าน เขากำหมัดแน่นพร้อมกับหันกลับมาหาเถิงซิ่วซิ่วและร้องตะโกน “ไปซะ!”
เช่นนั้นเขาเร่งความเร็วขึ้นและหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา
โลหิตซึมออกมาจากปากเถิงซิ่วซิ่วอีกครั้งขณะที่นางมองไปทิศทางที่หวังจัวหายไป นางยิ้มอย่างขื่นขมและสายตาเต็มไปด้วยความสับสน
แม้ว่าโลกจะกว้างใหญ่แต่นางไม่รู้จะไปที่ไหน สองคนสำคัญที่ชีวิตในโลกของนาง หนึ่งในนั้นนางไม่รู้ว่าเขาจะอยู่หรือตาย และอีกหนึ่งก็ทิ้งนางไป สำหรับสตรีแล้วเรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับท้องฟ้าที่กำลังล่มสลาย
หวังจัวเหาะเหินมาได้มากกว่าสิบลี้ ฝ่ามือเป็นรอยโลหิตจากการกำหมัด ฉากเหตุการณ์ที่ตระกูลของตนเองเสียชีวิตยังอยู่ในใจเขา แต่สายตาความเศร้าและความผิดหวังของเถิงซิ่วซิ่วค่อยๆมาแทนที่
หลังเวลาผ่านไปสักพัก หวังจัวร่อนลงพื้น เขาคุกเข่าและใบหน้าหันไปทางบ้านเกิดตนเองและโขกหัวบนพื้นอย่างรุนแรง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกชายของท่าน…ช่างอกตัญญูยิ่งนัก!”
หลังพูดจบ เขาหลับตาและหยดน้ำตาสองสายไหลลงมาที่แก้ม จากนั้นยืนขึ้นและรีบกลับไปหาเถิงซิ่วซิ่ว
ขณะที่เขาหันกลับไปพลันรู้สึกได้ว่าเขาเห็นตระกูลของตนเองโดยเฉพาะครอบครัวของเขาได้จ้องมาด้วยสายตาเจ็บปวด ทั้งหมดนั้นชี้มาที่เขาและเรียกกันว่าคนทรยศ บางคนก็เรียกลูกชั่วของตระกูลหวัง
หัวใจหวังจัวฉีกขาดออกเป็นสองส่วนขณะที่ไล่หลังเถิงซิ่วซิ่ว ไม่นานนักเขาเห็นเถิงซิ่วซิ่วกำลังเหาะเหินด้วยความสับสน นางดูเหมือนจะสังเกตได้และหันกลับมาเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
แต่ขณะที่ทั้งสองพบกัน จิตสังหารอันทรงพลังพุ่งตรงเข้ามาทางพวกเขา พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งมีเรือนผมปลิวไสวสีขาวขณะที่ขี่อสูรยุงตัวยักษ์ตรงมาด้วย
เบื้องหลังเขาคือร่างกายนับไม่ถ้วนของตระกูลเถิง กลิ่นโลหิตอันเข้มข้นลอยโชยตามมา
ใบหน้าเถิงซิ่วซิ่วซีดเผือด นางไปซ่อนอยู่หลังหวังจัวโดยไม่รู้ตัวและร่างกายสั่นเทา
หวังจัวจ้องมองชายหนุ่มผมขาว พลันไม่เชื่อสายตา
“เจ้า…เจ้าคือหวังหลิน!!”
“หวังจัว”
หวังหลินกระโดดออกมาจากอสูรยุง เขาร่อนลงเบื้องหน้าหวังจัวและมองสตรีเบื้องหลัง
หวังจัวซ่อนเถิงซิ่วซิ่วและมองหวังหลินด้วยสายตาซับซ้อน หลังจากผ่านไปชั่วขณะเขาจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ข้าควรจะเดาได้อยู่แล้วว่ามีเพียงเจ้าเท่านั้นที่มีพลังจะล้างแค้นให้ตระกูลของเราได้”
หวังหลินครุ่นคิดชั่วขณะและเอ่ยเบาๆ “หวังจัว ข้าขอโทษ”
หวังจัวยิ้อย่างขื่นขมและพูดต่อ “ถ้าเป็นข้าเมื่อก่อน ข้าคงไม่ยกโทษให้เจ้า แต่ตอนนี้เรามีศัตรูด้วยกันและนั่นคือเถิงฮว่าหยวน”
หวังหลินเปลี่ยนเป็นสายตาเย็นชาขณะเอ่ยช้าๆ “เถิงฮว่าหยวนไม่สามารถหนีไปได้ ทั้งตระกูลเถิงไม่สามารถหนีไปได้เช่นกัน!”
ร่างเถิงซิ่วซิ่วสั่นเทา แม้ว่านางจะกลัวแต่นางยังถาม “พ…ท่านพ่อข้า…เขา…”
“หุบปาก!” หวังจัวหยุดเถิงซิ่วซิ่วที่กำลังพูด เขาสงบใจตนเองและพูดกับหวังหลิน “นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า…”
ก่อนที่หวังจัวจะพูดจบ หวังหลินเอ่ยอย่างไร้อารมณ์ “พ่อของเจ้าไม่ควรมีชื่อเถิง”
ร่างเถิงซิ่วซิ่วสั่นสะท้าน สายตานางที่ตรงหาหวังหลินแฝงความเกลียดชังอยู่ลึกๆ
ขณะที่หวังจัวได้ยินประโยคนั้น เขารู้ทันทีว่าหวังหลินรู้ตัวตนของเถิงซิ่วซิ่วแล้ว ความรู้สึกอันซับซ้อนในใจเขายิ่งรุนแรงขึ้น
หวังหลินขบคิดชั่วขณะ เขามองไปที่เส้นขอบฟ้าและเอ่ยถาม “หวังเฮ่ายังอยู่ที่สำนักซวนต้าวไหม?”
หวังจัวส่ายศีรษะและพูดอย่างขื่นขม “เขาสร้างแกนพลังขึ้นมาไม่ได้..เขา…ตายไปแล้ว“
หวังหลินหลับตาพลันถอนหายใจ “เจ้าและนางควรจะออกจากแคว้นจ้าว” เช่นนั้นเขากระโดดขึ้นอสูรยุงและไม่หันกลับมามองอีก
หวังจัวได้เตรียมการไว้หลายอย่าง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้เถิงซิ่วซิ่วตาย
หวังจัวมองไปที่ร่างหวังหลิน ความสับสนของเขายิ่งทวีความรุนแรง การตายของครอบครัวและตระกูลยังติดอยู่ในตา ทั้งหมดจ้องไปที่เขาและเรียกว่าคนทรยศตระกูลหวัง!
หวังจัวยิ้มอย่างขื่นขมขณะที่หนกลับมามองเถิงซิ่วซิ่ว หัวใจเขาจมดิ่งลงขณะที่เห็นความรู้สึกเกลียดชังในแววตานางอยู่ลึกๆ
หวังจัวครุ่นคิดเล็กน้อย สายตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและที่พูดว่า “ซิ่วซิ่ว เราไปกันเถอะ” เช่นนั้นเขาจับที่เส้นผมนางอย่างเบามือ
เถิงซิ่วขวัญผวาและจากนั้นเริ่มร้องไห้อีกครั้ง ตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่หวังจัวเรียกนางว่าซิ่วซิ่ว
ทว่ารอยยิ้มของนางแข็งค้างเพราะฝ่ามือหวังจัวอยู่สันคอนาง พลังปราณพรั่งรูออกมา เขาจบชีวิตภรรยาของตัวเอง
เถิงซิ่วซิ่วตายโดยไม่มีความเจ็บปวด นางตายในอ้อมแขนของคนที่นางรัก…
แววตาหวังจัวเต็มไปด้วยความเศร้าโศกขณะที่ถือศพภรรยาตัวเอง เขามองไปทิศทางที่หวังหลินหายไปและเอ่ยขึ้น “หวังหลิน ข้าไม่ต้องการเป็นคนทรยศของตระกูลหวัง และข้าจะไม่ยอมให้สายเลือดตระกูลเถิงหลงเหลืออยู่”
เช่นนั้นเขาคุกเข่าตรงไปทิศทางบ้านเกิดตนเองและหมอบคลานหลายครั้ง เขาตีหน้าผากตนเองเพื่อที่จะจบชีวิต โลหิตกระอักออกมาจากปากขณะที่ฟุบลงบนพื้นมองภรรยา
“ซิ่วซิ่ว อย่ากลัวเลย ข้าจะไปพร้อมกับเจ้า…”
หวังหลินกำลังยืนอยู่บนอสูรยุงพร้อมกับร่างกายพลันสั่นไหว เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าแสงที่เป็นตัวแทนของหวังจัวในสัมผัสวิญญาณของเขาหายไป เขาครุ่นคิดเล็กน้อยและนร่างกายหายไปจากบนอสูรยุง
เมื่อปรากฎตัวอีกครั้งจึงยืนอยู่ถัดจากร่างหวังจัว เขามองร่างหวังจัวด้วยความรู้สึกซับซ้อนในใจ เขาเข้าใจว่าหวังจัวเสียใจระหว่างตระกูลและคนรัก ในตอนท้ายเขาจึงจบชีวิตภรรยาของตนเองเพื่อสำนึกผิดต่อตระกูล
ในเวลาเดียวกันหลังจากที่ภรรยาตาย เขาจึงฆ่าตัวตายเพื่อเติมเต็มความรักที่มีต่อภรรยา
หวังหลินขบคิดชั่วขณะจากนั้นชี้นิ้วไปที่คิ้วหวังจัว ดวงวิญญาณอ่อนแอที่สามารถแตกดับเมื่อไหร่ก็ได้พลันปรากฎในฝ่ามือหวังหลิน
เขาถอนหายใจและหายไปจากจุดนั้น
ในพื้นที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวง มีบ้านหลังหนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหวัง เด็กหนุ่มผมขาวปรากฎตัวข้างในบ้านตระกูลหวังแห่งนั้น เขาเดินผ่านเข้าตัวบ้านราวกับร่างกายโปร่งใส ไม่มีคนรับใช้คนไหนจะสังเกตเขาได้
หลังเดินเข้าไปชั่วขณะ เขาจึงหยุดเบื้องหน้าสิ่งก่อสร้างแห่งหนึ่ง ข้างในเป็นอตรีที่ท้องนูนป่อง ชัดเจนว่านางตั้งครรภ์
ชายหนุ่มนำบอลแสงลูกหนึ่งออกมา เขาถอนหายใจขณะที่โยนแสงสีขาวนั้นออกไป พลันแสงสีขาวเข้าไปในท้องสตรีผู้นั้น
อายุครรภ์ยังไม่ได้สร้างทารกที่มีวิญญาณของตนเอง เช่นนั้นมันจึงค่อยๆรวมเข้ากับแสงสีขาว
“คนผู้นี้จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งเซียนในอนาคต เราอาจจะมีโอกาสเจอกันในภายภาคหน้า” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองพร้อมกับจากไป