Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 311

Cover Renegade Immortal 1

311. เข็มทิศดวงดาว

เหนือพื้นดินหนึ่งร้อยฟุตมีสิ่งที่ลอยในมิติว่างก็คือธารน้ำแข็งสีฟ้าอันเวิ้งว้างซึ่งบางส่วนเชื่อมต่อกับพื้นดินด้วยเสาน้ำแข็ง

ธารน้ำแข็งนี้เชื่อมต่อกับพื้นดินแต่มันก็ลอยอยู่ในมิติว่างเหนือพื้นดินด้วยเช่นกัน

หวังหลินขมวดคิ้วมองไปรอบๆและเอ่ยขึ้น “พี่ฉีหู ชิ้นส่วนชั้นแรกนั้นมีสิ่งใดพิเศษหรือ? หรือว่ามีพลังปราณสวรรค์รวมกันที่จุดนั้น?”

ฉีหูตกตะลึง “ความเสียหายที่พื้นที่ส่วนนั้นได้รับถือว่ากว้างใหญ่ดังนั้นจึงไม่มีพลังปราณสวรรค์หลงเหลืออยู่ และท่านบรรพชนของข้าฉีซือไม่ได้กล่าวถึงว่ามันจะมีสิ่งใดพิเศษ แค่มันเป็นพื้นที่อันตราย”

หวังหลินมองออกไปไกลอย่างสงบนิ่งด้านหลังตัวเอง “เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่มีคำถามอื่น”

ผีเสื้อแดงกวาดสายตาผ่านหวังหลินแต่นางไม่ได้เอ่ยอะไร ร่างของนางเคลื่อนไหวและผ่านระยะหนึ่งร้อยฟุตร่อนลงบนยอดธารน้ำแข็งได้ง่ายๆ ฉีหูสูดหายใจลึกและติดตามไปเช่นกัน ขณะที่เขาอยู่ในอากาศหวังหลินก็กระโดดด้วยทำให้ทั้งคู่ร่อนลงถัดกันและกัน

ขณะที่เขาร่อนลงคลื่นความหนาวเย็นแทรกเข้ามาในร่างกายผ่านฝ่าเท้า หวังหลินเคลื่อนไหวพลังปราณไปรอบๆอย่างรวดเร็วและขับความหนาวเย็นออก

ฉีหูยิ้มแย้ม “เราต้องการวิชาของผีเสื้อแดงที่นี่ โปรดอย่าออมมือ”

ผีเสื้อแดงไม่ได้พูดอะไร นางเหาะเหินไปข้างหน้าขณะเดียวกันฉีหูฝืนยิ้มไปที่หวังหลิน

ผีเสื้อแดงเหาะเหินข้ามผ่านธารน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ยิ่งพวกเขาไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นและสีของธารน้ำแข็งก็ยิ่งเข้มขึ้นและเข้มขึ้น

บางครั้งลมหนาวเย็นได้เสียดแทงผ่านกระดูกเข้ามาจากระยะไกล

ชั่วขณะหนึ่งหลังจากทั้งสามคนจากไป ชายวัยกลางคนปรากฎในจุดที่พื้นดินและธารน้ำแข็งเชื่อมต่อกัน เขาดื่มเหล้าจากน้ำเต้าและพึมพำกับตัวเอง “ถิงเอ๋อ เมื่อข้าได้หินหยกสวรรค์เราจึงสามารถจากไปได้ แม้ว่าทั้งสามคนพวกนั้นจะมาจากซูซาคุเหมือนกับข้า แต่หากพวกเขากล้าต่อสู้เพื่อแย่งชิงหยกสวรรค์ไป ข้าจะสังหารพวกเขา”

ขณะเอ่ยจบเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเชื่องข้า

ทั้งสามคนเหาะเหินข้ามผ่านธารน้ำแข็ง ในวันที่สามหวังหลินพบกำแพงหมอกสีฟ้าที่ดูราวกับกำลังกลืนกินฟ้าดินอยู่ กำแพงนี้กำลังเข้าใกล้พวกเขา

แววตาฉีหูสว่างขึ้นและอธิบาย “หมอกความเย็นของธารน้ำแข็งนั้นบรรจุไปด้วยพลังงานความเย็น ผีเสื้อแดงเรากำลังพึ่งเจ้า”

ผีเสื้อแดงตบกระเป๋าและรูปปั้นน้ำแข็งลอยออกมาเปลี่ยนเป็นนางฟ้าหิมะขนาดใหญ่

นางฟ้าหิมะเหาะเหินไปข้างหน้าเข้าหาสายหมอก สายหมอกแยกออกจากกันเมื่อนางฟ้าหิมะสัมผัส รูปปั้นน้ำแข็งแห่งนี้ราวกับมีดร้อนที่กำลังตัดผ่านเนยจนมันแบ่งส่วนออกจากกัน

ฉีหูหัวเราะ “รูปปั้นน้ำแข็งนางฟ้าหิมะของผีเสื้อแดงนับว่าอัศจรรย์จริงๆ ข้าประทับใจยิ่งนัก”

แววตาหวังหลินสงบนิ่งเมื่อมองรูปปั้นนางฟ้าหิมะอย่างละเอียด ข้างในนั้นเขาสามารถเห็นเส้นโลหิตมากกว่าร้อยสายกำลังเคลื่อนไหวและมีบางส่วนที่ยังไม่ได้กระตุ้นใช้งาน

หวังหลินลอบคิด “นี่ต้องเป็นสมบัติชิ้นสำคัญในเฉว่ยี่ มันมีผลลัพธ์เช่นเดียวกับรูปปั้นน้ำแข็งครึ่งคนครึ่งอสรพิษ”

ด้วยการป้องกันของรูปปั้นน้ำแข็งนางฟ้าหิมะ ความเร็วของพวกเขาไม่ลดลงเลย หมอกสีฟ้าหนาขึ้นและหนาขึ้นจนเกิดเสียงรอยร้าวดังขึ้นได้ยินและรอยร้าวหนึ่งปรากฎบนรูปปั้น

ผีเสื้อแดงขมวดคิ้ว นางผนึกด้วยฝ่ามือและชี้ไปที่รูปปั้นน้ำแข็ง ในไม่ช้าเส้นโลหิตที่ไม่ได้ใช้งานจึงเริ่มเคลื่อนไหวและรวมเข้ากับที่กำลังใช้งานไปแล้ว

ยิ่งเส้นโลหิตเริ่มเคลื่อนไหวหลายเส้นมากขึ้น รอยร้าวบนรูปปั้นน้ำแข็งค่อยๆหายไปและเริ่มปลดปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็น

เบื้องหลังทั้งสามคนไปไกล ชายวัยกลางคนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าขณะดื่มเหล้าจากน้ำเต้าไปด้วย เมื่อหมอกสีฟ้าเคลื่อนเข้าใกล้เขาพลันมีพลังล่องหนสายหนึ่งบังคับให้ไปด้านข้าง

เมื่อสายหมอกหนาแน่นขึ้น ชายวัยกลางคนมักจะพ่นสุราที่กำลังดื่มออกมา พลันเกิดเสียงซี่ๆราวกับน้ำมันร้อนปะทะกับน้ำแข็งและสายหมอกกระจายอย่างรวดเร็ว

“ถิงเอ๋อ ร่างของเจ้าเย็นมากกว่าหมอกนี้นับหมื่นเท่า ร่างของเจ้ายังอยู่ดี เมื่อข้าอุ้มเจ้าไว้ข้ารู้สึกอุ่นใจ”

หลังจากนั้นไม่กี่วันสายหมอกสีฟ้าจางลง ในไม่กี่วันนี้ผีเสื้อแดงได้ใช้รูปปั้นน้ำแข็งทั้งหมดสามชิ้น ใกลสุดเส้นทางสายหมอกหนาแน่นขึ้น แม้กระทั่งเกิดชั้นหมอกสีม่วงกระจายใส่รูปปั้นน้ำแข็งในทันที ผีเสื้อแดงเรียกสมบัติแห่งชีวิตของนางออกมา กุหลาบสวยงามนั้นสามารถยืนหยัดต่อไปได้

พลังปราณในร่างของนางหมดสิ้นและใบหน้าซีดเผือด แววตาของนางเคลื่อนเข้าหาหวังหลินด้วยความระมัดระวัง

หวังหลินตกใจพลันคิดว่าหากเป็นตัวเองคงไม่มีทางมาได้ไกลขนาดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นหมอกสีม่วงนั่น หลังได้สัมผัสละอองที่เหลือจากสายหมอก เขารู้สึกว่าครึ่งร่างเย็นเยียบไปถึงกระดูก

แม้กระทั่งเซียนขั้นตัดวิญญาณธรรมดาก็คงยากที่จะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ มีเพียงคนเช่นผีเสื้อแดงผู้ซึ่งฝึกเซียนด้วยรากฐานจากน้ำแข็งจึงจะสามารถผ่านที่นี่ได้อย่างปลอดภัย

ฉีหูต้องพิจารณาเรื่องนี้ก่อนที่จะขอให้ผีเสื้อแดงเข้าร่วม

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆและในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอีกฝั่งของสายหมอกฟ้า เมื่อมาถึงขอบธารน้ำแข็งผีเสื้อแดงพูดอย่างเย็นชา “ข้าทำงานของข้าเสร็จแล้ว จากตรงนี้ต่อไปข้าจะไม่ลงมืออีก”

ฉีหูหัวเราะและคำนับฝ่ามือด้วยความจริงใจ “ผีเสื้อแดงท่านวางใจเราได้ หลายวันที่ผ่านมาท่านใช้พลังปราณไปมาก ดังนั้นท่านควรจะพักสักหน่อยเถิด” สิ้นคำเขาจงใจไม่มองไปที่หวังหลินและวางตำแหน่งตัวเองคั่นกลางระหว่างหวังหลินและผีเสื้อแดง

หวังหลินยิ้มบางเบา หากฉีหูไม่อยู่ที่นี่เขาคงพยายามโจมตีผีเสื้อแดงแน่นอน ทว่าการกระทำของฉีหู่นั่นหมายความว่าหากเขาลงมือ ฉีหูจะหยุดเขาเอง

มิหนำซ้ำหวังหลินไม่เชื่อว่านางจะอยู่ในสภาวะอ่อนแอ ชัดเจนแล้วว่านางตั้งใจแสดงท่าทีเช่นนี้เพื่อวางเหยื่อหวังหลินให้โจมตี รวมไปถึงหากพลังปราณของนางถูกใช้ไปจนหมดเช่นนั้นน่าต้องมีเม็ดยาที่สามารถฟื้นฟูได้ทันทีอย่างแน่นอน

ด้วยประสบการณ์ของหวังหลิน เขาจะตกกับดักหลอกเด็กได้อย่างไร?

ฉีหูตบกระเป๋าและแสงสีเขียวลอยออกมาเปลี่ยนเป็นเข็มทิศยักษ์ที่ลอยอยู่ในมิติว่างเบื้องหน้าเขาในทันที

แววตาสวยงามของผีเสื้อแดงจดจ้องไปที่เข็มทิศขณะที่นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข็มทิศดวงดาว สมบัติของเผ่ามารยักษ์?”

แววตาหวังหลินสว่างขึ้นขณะมองไปที่เข็มทิศ มีลวดลายลึกลับซับซ้อนหลายอย่างบนนั้น เพียงแค่มองมันหวังหลินรู้สึกว่าสัมผัสวิญญาณของเขาถูกดูดเข้ไปทำให้ต้องถอนกลับออกมาอย่างรวดเร็ว

ในความทรงจำของเทพโบราณตู่ซือ มีคำอธิบายรายละเอียดของเข็มทิศดวงดาวและวิธีการผลิตของมันซึ่งวัตถุดิบหลายอย่างได้สูญพันธุ์ไปแล้ว

ฉีหูหัวเราะ “หากนี่เป็นเข็มทิศดวงดาวของจริงเช่นนั้นข้าคงไม่สามารถควบคุมมันได้ นี่เป็นเพียงแค่ของปลอมเท่านั้นซึ่งแตกต่างกับของจริงมากนัก”

ผีเสื้อแดงมองเข็มทิศและพยักหน้าเงียบๆ

“ผีเสื้อแดงได้โปรดไปทางทิศตะวันตกของเข็มทิศ เข็มทิศมีม่านป้องกันอยู่ดังนั้นเจ้าสามารถพักผ่อนและฟื้นฟูได้ ข้าสัญญาว่าจะไม่มีสิ่งใดก่อกวนเจ้าระหว่างการเดินทางผ่านมิติว่างครั้งนี้” ขณะที่ฉีหูเอ่ยขึ้นเขาหันไปหาหวังหลินและยิ้มแย้ม

ผีเสื้อแดงไม่ได้พูดอะไรพลันกระโดดไปบนเข็มทิศและนั่งบนสุดทิศตะวันตก ในไม่ช้าหลังจากนางนั่งลง ม่านแสงสีเขียวได้ล้อมรอบนางเอาไว้

“น้องเซิ่ง ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าควบคุมสุดปลายของทิศตะวันออกและใช้วิญญาณพวกนั้นของเจ้าเพื่อสอดแนมรอบๆ หากเจ้าพบสิ่งใดผิดปกติให้บอกข้าเช่นนั้นถึงจะหลีกเลี่ยงพวกมันได้ เจ้าต้องไม่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาในมิติว่างนี้เพราะการทำเช่นนั้นจะนำหายนะมาให้ นี่เป็นสิ่งที่ท่านบรรพชนฉีซื่อบอกข้า” หลังฉีหูพูดจบเขาร่อนตัวเองลงใจกลางเข็มทิศและนั่งลงในท่านั่งดอกบัว

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเหาะขึ้นไปบนตำแหน่งทิศตะวันออกและนั่งลง

หวังหลินมองไปที่ทิศเหนือและทิศใต้ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พี่ฉีหู เข็มทิศนี้ต้องการห้าคนเพื่อสั่งการให้ดีที่สุดใช่ไหม”

“ถูกต้อง หากเราได้คนเพิ่มมาอีกสองเช่นนั้นคงไม่มีปัญหาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ แต่มันก็ไม่มีสมบัติเพียงพอที่จะแบ่งให้กับคนห้าคนเช่นกัน” ฉีหูหัวเราะก่อนจะสูดหายใจลึก ฝ่ามือสร้างผนึกหลายแบบวางลงบนเข็มทิศและร้องตะโกน “น้องเซิ่งหากเข็มทิศนี้แตกเสียหายในมิติว่าง เราทั้งสามคนจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต ข้าหวังว่าน้องเซิ่งจะไม่เก็บออมพลังไว้! ข้าต้องเพ่งสมาธิไปที่การควบคุมเข็มทิศดังนั้นข้าจึงไม่สามาถช่วยได้ ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับน้องเซิ่ง!”

หวังหลินพยักหน้า ทันใดนั้นธงกฎเกณฑ์ปรากฎและล้อมรอบเขาในสายหมอกดำ หากฉีหูหรือผีเสื้อแดงโจมตีเขาตอนที่กำลังจัดการอยู่นี้ ธงกฎเกณฑ์จะสามารถป้องกันเขาไว้ได้ชั่วขณะทำให้มีเวลาต่อสู้กลับ

ข้อควรระวังนี้เป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แววตาฉีหูสว่างขึ้น เขาไม่รู้สึกผิดแต่ยิ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ นอกจากนั้นหากมันเป็นเขาก็จะทำสิ่งเดียวกัน เขาหลับตาลงและกระตุ้นพลังปราณ ทันใดนั้นเข็มทิศหายไป พวกเขาเคลื่อนที่มาได้หลายเมตรแล้ว

นี่ไม่ใช่การเคลื่อนที่พริบตา พวกเขากำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเต็มที่

ขณะที่ฉีหูกระตุ้นเข็มทิศดวงดาว พลังลึกลับสายหนึ่งล้อมรอบด้านบนเข็มทิศ ภายใต้ผลของพลังลึกลับนี้หวังหลินรู้สึกได้ว่าสัมผัสวิญญาณของเขาได้รวมเข้ากับเข็มทิศ ไม่ใช่เพียงแค่เขาแต่สัมผัสวิญญาณของฉีหูและผีเสื้อแดงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

สัมผัสวิญญาณของทั้งสามคนอยู่ภายในพลังลึกลับสายนี้

สัมผัสวิญญาณของฉีหูส่งข้อความหนึ่งพูดออกมา “ผีเสื้อแดง น้องเซิ่งอย่าตกใจ นี่เป็นการทำงานตามปกติของเข็มทิศดวงดาว เมื่อเข็มทิศดวงดาวใช้งานอยู่เราไม่สามารถพูดคุยกันได้ เราสามารถสื่อสารกันผ่านสัมผัสวิญญาณเท่านั้น”

“น้องเซิ่ง นี่คือแผนที่ดวงดาว เมื่อเจ้าจดจำมันได้ให้ส่งวิญญาณเหล่านั้นออกไป เมื่อเจ้าพบสิ่งใดผิดปกติโปรดจงบอกข้า”

แผนที่หนึ่งมีจุดนับไม่ถ้วนปกคลุมพลันปรากฎข้างในพลังลึกลับและถูกหวังหลินตรวจจับได้ทันที เขามองคราหนึ่งก่อนจะชี้ไปที่คิ้วตัวเอง ทันใดนั้นวิญญาณเร่ร่อนหนึ่งในสามที่เขามีจึงออกมาและกระจายไปรอบๆ

“เข็มทิศดวงดาวแห่งนี้นับว่าอัศจรรย์จริงๆ มันเป็นสมบัติที่ต้องมีหากข้าอยากจะเดินทางระหว่างดวงดาว หากมีโอกาสในอนาคตข้าจะหาไว้สักชิ้น น่าเศร้าที่ข้าขาดวัตถุดิบที่สร้างมันขึ้นมาได้แม้จะมีวิธีการสร้างก็เถอะ ไม่เช่นนั้นข้าคงหลอมมันขึ้นมาเองคงดีที่สุด” หวังหลินสนใจในเข็มทิศดวงดาวอย่างมาก

ความเร็วของเข็มทิศนี้นับว่าเหลือเชื่อ ในพริบตามันได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย มีวิญญาณเร่ร่อนหลายพันดวงล้อมรอบเข็มทิศ พวกมันราวกับปลาในน้ำแต่ว่ายลอยในมิติว่างแทน พวกมันกระจายออกมาอย่างช้าๆเพื่อตรวจสอบรอบๆด้าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!