312. รนหาที่
หวังหลินไม่ได้กระจายสัมผัสวิญญาณออกซึ่งไม่จำเป็นต้องทำเพราะเชื่อมต่อกับเหล่าวิญญาณเร่ร่อนอยู่แล้ว หลังจากนั้นไม่นานนักท่าทางหวังหลินเปลี่ยนไปทันที
หวังหลินรีบส่งข้อความออกมา “มีบางสิ่งผิดปกติเบื้องหน้าสิบลี้”
สิบลี้ห่างจากพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดคล้ายปลาหมึกมีหนวดนับไม่ถ้วนกำลังพริ้วไหว
วิญญาณเร่ร่อนตัวหนึ่งเข้าใกล้ มันถูกหนวดเส้นนึงสัมผัสและหายวับไปทันที
หวังหลินสูดหายใจลึกและส่งภาพการมองเห็นนี้ด้วยข้อความ
ไม่ต้องเอ่ยคำใด ฉีหูเปลี่ยนทิศทางของเข็มทิศให้อ้อมมันทันที ขณะที่ผ่านไปมีหนวดเส้นนึงกวาดไปด้านข้างของเข็มทิศ
ปัง!
เข็มทิศเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงและเริ่มหมุนคว้างพร้อมกับพวกเขากระเด็นไปทางทิศเหนือ
หวังหลินสัมผัสพลังรุนแรงสายหนึ่งเข้ามาในร่างกายได้ เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในถูกตีด้วยพลังหนักสิบตัน โลหิตพุ่งขึ้นมาที่ลำคอแต่เขากลืนกลับลงไปได้
เข็มทิศยังคงหมุนและในพริบตาก็ลอยห่างออกไปไกล
ใบหน้าฉีหูแดงเถือก โลหิตซึมออกจากมุมปากและแววตากระหายโลหิต เขาร้องคำรามและหลังจากนั้นจึงทำให้เข็มทิศคงที่อยู่พักใหญ่ ทั้งร่างดูราวกับพร้อมจะแตกสลาย ลมหายใจถี่กระชั้นขณะนำเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าและกลืนลงไป
ผีเสื้อแดงดูยุ่งเหยิงเช่นกัน สายตานางเผยความตกใจที่หาได้ยากยิ่ง
หลังผ่านไปโดยไม่รู้เวลา ฉีหูสูดหายใจลึกและส่งข้อความออกมา “ขอบคุณมากน้องเซิ่งสำหรับการเตือนล่วงหน้า พวกเราทั้งสามคงตายไปแล้วหากไม่ใช่เพราะเจ้าเตือนก่อน”
ผีเสื้อแดงถามขึ้น “อสูรตัวนั้นมันอยู่จำพวกไหน?”
“ข้าไม่ค่อยรู้นักแต่สิ่งที่สามารถอาศัยอยู่ข้างในมิติว่างของดินแดนสวรรค์ได้ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถต่อกรได้ เพียงแค่มันปัดพวกเราเบาๆก็แทบจะสังหารเราได้แล้ว น่ากลัวยิ่งนัก” ฉีหูยังคงหวาดกลัวในน้ำเสียง
หวังหลินเอ่ยช้าๆ “อสูรตัวนี้เรียกว่า ซวี่”
ฉีหูตกตะลึง “น้องเซิ่งรู้จักอสูรตัวนี้หรือ?”
หวังหลินพูดต่อ “อสูรซวี่ตัวนี้นับว่าเป็นอสูรจอมล้างผลาญระดับเล็กน้อย มันเกิดมาจากการกลืนกินปฐพีและอาศัยโดยกินพลังหยินเป็นอาหาร แม้กระทั่งในยุคโบราณ เหล่าเซียนโบราณยังต้องใช้หลายคนเพื่อเอาชนะมัน”
มีคำอธิบายของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นในความทรงจำของเทพโบราณตู่ซือ สิ่งมีชีวิตตัวนั้นมีของล้ำค่าสามอย่าง หนึ่งคือหนวดของมันซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับหลอมสมบัติระดับสูง ชิ้นที่สองคือสมองของมันซึ่งสามารถเพิ่มอายุขัยได้ ชิ้นที่สามคือแกนของมันซึ่งสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้สามารถแบกของหนักสิบตันได้
เผ่าเทพโบราณชื่นชอบแกนของมันที่สุดเนื่องจากการฝึกฝนของพวกเขามุ่งเน้นไปที่ร่างกาย
หวังหลินไม่ได้ส่งต่อข้อมูลเช่นนี้ไป
ฉีหูเอ่ยขึ้น “น้องเซิ่งมีความรู้มากจริง ข้านับถือ”
ผีเสื้อแดงพ่นลมหายใจและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใครจะรู้ว่ามันจริงหรือเท็จ? อย่าสร้างชื่อสุ่มๆขึ้นมาสิ”
หวังหลินเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “โง่เขลา!”
“เจ้า!” แววตาผีเสื้อแดงสว่างขึ้น
ฉีหูรู้สึกปวดหัว ขณะที่กำลังจะเอ่ยขึ้นมาแต่หวังหลินพูดก่อน “ปกติแล้วสิ่งมีชีวิตตัวนี้จะแผ่หนวดออกมาเพื่อหาอาหารเท่านั้น พี่ฉีหูรีบบินไปทางทิศเหนือเถอะ เมื่อมันไล่ล่ามันจะกระจายรัศมีสีแดงออกมาซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถต่อต้านได้”
ฉีหูตกตะลึงหากพวกเขาเคลื่อนที่ต่อไปทางทิศเหนือคงจะหลงทางโดยสิ้นเชิงจึงช่วยไม่ได้ที่จะลังเล ความจริงแล้วเขามีความสงสัยสิ่งที่หวังหลินพูดเช่นกันแต่เขาไม่ได้แสดงท่าทีเหมือนที่ผีเสื้อแดงทำ
หวังหลินลอบถอนหายใจ เขายืนขึ้นและกระโดดออกจากเข็มทิศ ธงกฎเกณฑ์เคลื่อนไหวรอบกายพร้อมกับหวังหลินพุ่งไปทางทิศเหนือ
“น้องเซิ่ง!” ฉีหูตกตะลึง
ผีเสื้อแดงเอ่ยอย่างเย็นชา “ดีแล้วที่เขาจากไป ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะจดจำสิ่งมีชีวิตตัวนั้นได้”
ฉีหูขมวดคิ้ว การเอาตัวรอดนั้นสำคัญยิ่งกว่าดังนั้นเขากัดฟันแน่นและกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าพลันเปลี่ยนไปเมื่อเห็นคลื่นรัศมีสีแดงกระจายเข้าหาพวกเขา
ฉีหูตกใจพลันคุมหางเสือและเหาะไปทางเหนือ
ผีเสื้อแดงตกใจเช่นกัน หลังกระจายสัมผัสวิญญาณออกใบหน้านางจึงไม่ชอบอย่างชัดเจน
หลังจากที่หวังหลินออกมาจากเข็มทิศ เขามุ่งหน้าไปทางเหนือ แม้จะไม่รู้พลังที่แท้จริงของรัศมีสีแดงแต่มันได้ทิ้งความประทับใจฝังลึกในความทรงจำของเทพโบราณตู่ซือ
นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่ลังเลออกจากเข็มทิศและเหาะหนีออกมาด้วยตัวเอง
ใบหน้าฉีหูมืดมนขณะคุมหางเสือของเข็มทิศ เขากำลังบินไปทางทิศเหนืออย่างรวดเร็วแต่รัศมีสีแดงอันตรายอย่างมากและมันไล่ตามพวกเขาทันในพริบตา
แกร๊ก!
เมื่อขอบของเข็มทิศสัมผัสกับรัศมีสีแดงพลันหายวับไปราวกับถูกกลืนกิน
เข็มทิศสั่นไหวอย่างรุนแรง ฉีหูกระอักโลหิตออกมาและกระทั่งใบหน้าผีเสื้อแดงมีสีแดงอย่างผิดปกติ
ฉีหูร้องตะโกน “ผีเสื้อแดงลงมือ! ข้าต้องมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การควบคุมเข็มทิศดังนั้นจึงไม่สามารถใช้วิชาใดเพื่อต่อต้านได้!” เขาเสียใจที่ไม่ฟังคำของเซิ่งหนิว เช่นนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในภาวะวิกฤตนี้ด้วยความเร็วของเข็มทิศได้อย่างไร?
ผีเสื้อแดงชี้ไปที่คิ้วและดอกกุหลาบปรากฎอีกครั้ง นางดึงออกมาสองกลีบอย่างรวดเร็วและสะบัดเข้าหารัศมีสีแดง
ปัง ปัง
เกิดการระเบิดขึ้นสองครั้งผลักคลื่นสีแดงแยกออกไป ผีเสื้อแดงสัมผัสความหวานในลำคอและกระอักโลหิตออกมาคำโต
ด้วยการใช้แรงระเบิด ฉีหูจึงบังคับเข็มทิศให้ออกจากรัศมีสีแดงได้แต่พวกเขายังไม่พ้นขีดอันตราย
รัศมีสีแดงถูกกลีบกุหลาบเปิดช่องขึ้นแต่เวลานี้ราวกับเป็นปากขนาดใหญ่กำลังกลืนกินเข็มทิศ
ปัง!
ช่องที่เปิดขึ้นพลันปิดลงและเข็มทิศสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นรอยร้าวปรากฎมากขึ้น ฉีหูรู้สึกราวกับกำลังสูญเสียพละกำลังทั้งหมดในร่างกายและใบหน้าผีเสื้อแดงซีดเผือด
ปัง!
รัศมีพยายามกลืนกินเข็มทิศอีกครั้ง ครั้งนี้มันห่างเพียงปลายเส้นผม
ผีเสื้อแดงกัดฟันแน่น นางดึงเกสรจากดอกไม้และสะบัดเข้าหารัศมีสีแดงนั้น
ปัง ปัง ปัง!
แรงระเบิดรุนแรงจนหวังหลินได้ยินไกลๆ เขายิ้มอย่างเยือกเย็นและเหาะเหินให้เร็วมากขึ้น
ในที่สุดปากที่สร้างจากรัศมีก็เปิดออกอีกครั้งและเข็มทิศสามารถหนีเป็นอิสระได้ จังหวะที่เข็มทิศหนีออกมามันเคลื่อนไหวไปทางทิศเหนือราวกับดาวหาง
ใบหน้าผีเสื้อแดงมีท่าทีไม่ชอบอย่างมาก กลีบกุหลาบสามารถเติมขึ้นมาใหม่ได้แต่มีเพียงเกสรแค่สามครั้งเท่านั้นและมันยากมากที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้
ขณะที่หวังหลินเหาะเหินไปในที่สุดเขาก็หยุดและจ้องมองเบื้องหลัง หลังจากนั้นชั่วครู่เขาก็เห็นเข็มทิศเข้ามาใกล้ ฉีหูเห็นหวังหลินลอยอยู่ที่นี่จึงไม่ช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
ขณะนี้เองความมีประโยชน์ของหวังหลินเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีจำกัดและเกินกว่าผีเสื้อแดงมาไกล
เขาสูดหายใจลึก เข็มทิศหยุดที่หวังหลินและเอ่ยขึ้นมา “น้องเซิ่งเข้ามาเถอะจากนั้นเราค่อยคุยกัน”
หวังหลินไม่ลังเลและรีบนั่งลงบนปลายทิศตะวันออกของเข็มทิศ
เข็มทิศตอนนี้หายไปมุมหนึ่ง เหลือเพียงแค่ทิศเหนือ ตะวันตกและตกวันออกเท่านั้น
ฉีหูเอ่ยด้วยความรู้สึกอึดอัด “น้องเซิ่ง ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ข้าผิดพลาดไป มีสิ่งอื่นอีกไหมที่อสูรตัวนั้นจะลงมือหลังรัศมีสีแดง? เราจะเลือกทิศทางหลังจากนี้ได้อย่างไร?”
ใบหน้าผีเสื้อแดงไม่เต็มใจ นางไม่ได้เอ่ยอะไร
หวังหลินพูดอย่างสงบนิ่ง “เมื่อเราสามารถหนีรอดจากรัศมีสีแดงได้ ตอนนี้นับว่าไม่ควรมีปัญหาอะไรแล้ว พี่ฉีหูควรตามแผนที่และพยายามกลับไปตามเส้นทาง”
ฉีหูพยักหน้า เขลอบคิดว่าพวกเขาจำเป็นต้องรีบเร่งเสียแล้ว ด้วยเข็มทิศในตอนนี้มันไม่สามารถคงอยู่ได้นานนัก
ไม่กี่วันถัดมา ฉีหูพบตำแหน่งบนแผนที่และเข็มทิศจึงตามเส้นทางเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางผีเสื้แดงไม่ได้พูดอะไรและปล่อยให้หวังหลินนำทาง ฉีหูไม่มีคำถามต่อหวังหลินอีกและรับฟังสิ่งที่หวังหลินบอกเขาทุกอย่าง
มีสิ่งมีชีวิตมากมายอาศัยอยู่ในมิติว่างแห่งนี้ ระหว่างการเดินทางโลกของหวังหลินขยายออกไปมาก เขาเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดจำนวนมากที่อยู่ในความทรงจำของตู่ซือ
ภายใต้การนำทางของหวังหลิน เข็มทิศจึงผ่านไปได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เจออันตรายร้ายแรง
พวกเขาเข้าใกล้ปลายทางขึ้นทีละนิดทีละนิด
การเดินทางในมิติว่างใช้เวลายาวนานและสิ่งมีชีวิตประหลาดเหล่านั้นไม่ได้อยู่ทุกที่ทุกแห่งหน ในตอนนี้มันผ่านมาได้มากกว่าสิบวันแล้วนับตั้งแต่ที่พบเจออันตรายครั้งล่าสุด
หวังหลินนั่งอยู่ในท่านั่งดอกบัวบนขอบสุดทางทิศตะวันออกของเข็มทิศและมักจะพูดคุยเรื่องเต๋ากับฉีหูเป็นบางครั้ง ทั้งคู่รู้สึกราวกับได้รับความรู้จำนวนมาก
ฉีหูยิ้มแย้ม “เผ่ามารยักษ์ของข้าไม่ได้มีอยู่ดั้งเดิมในซูซาคุ บรรพชนได้อพยพมาที่นี่เหมื่อหลายพันปีก่อน จึงเป็นธรรมดาที่วิชาของพวกเราแตกต่างจากพวกเจ้าอยู่บางระดับ”
หวังหลินพยักหน้า
เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้หวังหลินกำลังฝึกฝนขณะเฝ้ามองเหล่าวิญญาณเร่ร่อนไปด้วยจนกระทั่งเขาลืมตาทันที เมื่อมองผ่านวิญญาณเร่ร่อนเขาเห็นของชิ้นห่างกว้างหลายเมตรกำลังลอยอู่ไกลๆ
ของชิ้นนี้ดูราวกับเป็นก้อนหินยักษ์กระพริบสีม่วง
จิตใจหวังหลินสั่นสะท้าน “หินม่วงทองคำ!”
ในความทรงจำของตู่ซือ มีวัตถุดิบสำคัญอย่างหนึ่งในการสร้างเข็มทิศดวงดาวและนั่นคือหินม่วงทองคำ หากเป็นก่อนที่เขาจะเห็นเข็มทิศดวงดาวหวังหลินคงไม่ถูกดึงดูดเช่นนี้
แต่ในตอนนี้แววตาหวังหลินสว่างขึ้น เขายืนและพูดขึ้นมา “พี่ฉีหูโปรดรอประเดี๋ยว ข้าเห็นวัตถุดิบสำหรับหลอมสมบัติ ให้ข้าไปได้มันมาก่อนแล้วเราค่อยจากไป”
เช่นนั้นเขาไม่รอให้ฉีหูตอบกลับและเหาะเหินเข้าหาหินม่วงคำทองในทันที
หวังหลินลอบคิด ‘ตอนที่ข้ากำลังรู้แจ้งสวรรค์เพื่อบรรลุขั้นตัดวิญญาณ ข้าได้พบผู้อาวุโสเทียนหยุนจื่อ ท่านได้บอกว่าหากข้าสามารถออกจากซูซาคุได้ ให้ข้าไปหาเขาที่ดาวเคราะห์เทียนหยุนและเขาระดับข้าเป็นศิษย์พิเศษเป็นเวลาร้อยฟุต ระดับฝึกฝนของเขาสูงส่งยิ่งนัก ดังนั้นข้าต้องใช้โอกาสนี้ ข้าต้องได้เข็มทิศดวงดาวมาไว้ในมือ’
หวังหลินรวดเร็ซมากดังนั้นจึงมาถึงเบื้องหน้าหินม่วงทองคำเพียงชั่วครู่ เขามองหินขนาดใหญ่ สูดหายใจลึกและเก็บมันไว้ในกระเป๋าก่อนจะกลับมา
หลังกลับมาที่เข็มทิศ ฉีหูสอบถามว่ามันเป็นวัตถุดิบชนิดไหนแต่หวังหลินหลบเลี่ยงคำถามด้วยรอยยิ้ม
อีกหนึ่งเดือนผ่านไป หวังหลินค้นหารอบด้านตลอดแต่ไม่อาจพบวัตถุดิบเพิ่ม ในวันนี้ในที่สุดเข็มทิศก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมกับรอยร้าวกระจายผ่านพื้นผิวของมัน
ในเวลาเดียวกันพลังรุนแรงสายหนึ่งปรากฎขึ้นและโยนทั้งสามคนออกจากเข็มทิศ
“เข็มทิศได้รับความเสียหายมากเกินไปจนไม่สามารถบินต่อได้ เราทั้งสามจะต้องพึ่งพาความสามารถการเหาะหินด้วยตัวเองแล้ว โชคดีที่ปลายทางไม่ไกลจากเรามาก เราควรจะถึงที่นั่นภายในสามวันด้วยความเร็วเต็มที่” ฉีหูยิ้มอย่างขื่นขมขณะโบกแขนและเก็บเข็มทิศไป
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หวังหลินเห็นพื้นดินไม่ไกลนัก พื้นดินแห่งนี้คือชิ้นส่วนดินแดนสวรรค์ชั้นแรก