493. วิชาหลอมสวรรค์เก้าโคจร
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ “พี่สี่ ข้าสงสัยว่าเมื่อไหร่ท่าจะสอนวิชาเคลื่อนที่พริบตานั้นให้ศิษย์น้อง”
พี่สี่มองหวังหลินก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา นางสัมผัสกระเป๋านำหินหยกออกมาและโยนให้หวังหลิน
“เดิมทีข้าวางแผนจะปลดปล่อยเจ้าหลังงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของอาจารย์ แต่ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสามารถทะลวงออกมาด้วยตัวเองได้ น้องเจ็ด เรื่องนี้ข้าจนใจจริงๆและหวังว่าศิษย์น้องจะไม่นำมันมาต่อกรกับข้า ในหินหยกนั้นนอกจากวิชาเคลื่อนที่พริบตาแล้วมันยังมีกฎเกณฑ์ที่อาจารย์สอนข้าอีก กฎเกณฑ์นี้เป็นสิ่งที่อาจารย์สร้างขึ้นมาหลังศึกษาวิชาสวรรค์ระดับต่ำ ดังนั้นมันจึงมีพลังมหาศาล ถือว่าเป็นของขวัญขอโทษจากการกระทำของข้าก่อนหน้านี้”
หวังหลินรับหินหยกจากนั้นมองศิษย์พี่สี่และพยักหน้า
เขาไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์กับใครโดยสิ้นเชิงเว้นแต่ว่าจำเป็นต้องทำจริงๆ นางอยู่ขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายและไม่ได้คิดร้ายต่อเขา สามเดือนก่อนนางแค่ผนึกเขาด้วยกฎเกณฑ์และไม่ได้พยายามทำร้ายเขาเลย
ส่วนป๋ายเวย เขาเพียงยิ้มบางและเอ่ยขึ้น “น้องเจ็ด ดูเหมือนว่าตำแหน่งศิษย์สายตรงจะเป็นของเจ้าแน่นอนแล้ว ศิษย์พี่ขอดื่มอวยพรเจ้าล่วงหน้าตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน!” เขาหยิบจอกเหล้ามาและดื่มไปหนึ่งจิบ
หวังหลินยิ้มบางจากนั้นหยิบจอกเหล้ามาดื่มด้วย หวังหลินยืนขึ้นคำนับฝ่ามือและเอ่ยออกมา “ข้ายังมีบางเรื่องที่ต้องทำ ไว้เจออันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้”
ป๋ายเวยยิ้มและพยักหน้า “ไปเถอะน้องเจ็ด ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกเรา”
พี่สี่พยักหน้าเช่นกัน นางยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวอะไร
หวังหลินก้าวไปข้างหน้าและเปลี่ยนเป็นลำแสงพร้อมกับเลือนหายไป
ภายหลังที่จากไป ป๋ายเวยและพี่สี่พูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกทางกัน
บนเส้นทางกลับสู่ตำหนักเว่ยม่วง ดวงตาป๋ายเวยเผยแสงอันชั่วร้าย เขามองไปทางสำนักหลักของสำนักชะตาสวรรค์และพึมพำกับตนเอง “อาจารย์ไม่ยุติธรรมเกินไปที่ปลูกเมล็ดมารร้ายในตัวศิษย์พี่ ตอนนี้มารตัวนั้นตื่นขึ้นแล้ว การฟื้นฟูระดับบ่มเพาะของศิษย์พี่คงใช้เวลาไม่นาน หากเป็นเช่นนั้นข้าจะไม่สามารถแก้แค้นได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี?”
เขากลับสู่ตำหนักป๋ายม่วงด้วยใบหน้าคิ้วขมวด
ขณะที่หวังหลินเหาะเหิน เขาพบเซียนหลายคนจากสำนักอื่นและคำนับต่อพวกเขา หลังจากนั้นชั่วครู่หวังหลินก็กลับสู่ตำหนักไพรม่วงได้
ห่างหายไปสามเดือน ตำหนักไพรม่วงยังเหมือนเดิมเหมือนก่อน เขาตรงไปที่ชั้นสามและนำหินหยกออกมา
หินหยกชิ้นนี้คือชิ้นที่ศิษย์พี่สี่ให้เขาซึ่งบรรจุวิชาและกฎเกณฑ์ไว้ข้างใน
กฎเกณฑ์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้นับแสนลี้ซึ่งเป็นวิชาช่วยชีวิต เมื่อตอนเขาเห็นมันครั้งแรกเขารู้ว่าตัวเองต้องการมัน ตอนนี้จึงตรวจสอบและจากนั้นเริ่มขมวดคิ้ว
หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณและเผยใบหน้าขบคิด
“เช่นนั้นนี่คือวิธีการทำงานของกฎเกณฑ์เคลื่อนย้ายน่ะสิ มันใช้การบิดเบือนเวลาสองช่วงตอนที่เกิดการเคลื่อนย้าย อันดับแรกผนึกตัวเองด้วยกฎเกณฑ์นี้ในทันทีซึ่งจะสามารถใช้สร้างพลังเคลื่อนที่ลึกลับได้หลายเท่า จากนั้นเมื่อผนึกปลดปล่อย พลังทั้งหมดระเบิดทันทีและสร้างการเคลื่อนที่พริบตาที่ทรงพลังมากขึ้นหลายเท่า”
“แม้ว่าวิธีการของมันฟังดูง่ายแต่มีปัญหามากตอนที่จะใช้มันจริงๆ หากไม่ควบคุมเวลาตอนผนึกตัวเองได้ดีมันเหมือนเป็นการส่งตัวเองเข้าสู่รอยแยกอวกาศ”
“นอกจากนั้นไม่มีทางที่การเคลื่อนย้ายจะไปสู่ตำแหน่งนั้นจริงๆ น่าคิดว่าศิษย์พี่สี่ใช้สัมผัสวิญญาณขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางพร้อมกับความเข้าใจดาวเทียนหยุนเพื่อสามารถเคลื่อนที่เราไปที่ป่าแห่งนั้น”
“อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้ววิชานี้ค่อนข้างพิเศษ!”
หวังหลินขบคิด ยืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้า พริบตาเดียวร่างกายก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพมายา ในเวลาเดียวกันฝ่ามือสร้างผนึกลึกลับ ยกมือขึ้นและแสงสีเงินล้อมรอบทั่วบริเวณ
ขณะที่แสงสีเงินปรากฎขึ้น หวังหลินรู้สึกราวกับมีน้ำเคลื่อนผ่านรอบตัว ราวกับเขาพึ่งจมเข้าไปในมหาสมุทร จากนั้นพื้นที่รอบตัวเขาเริ่มรู้สึกเป็นรูปร่าง
หวังหลินจดจำความรู้สึกนี้ไว้อย่างละเอียดจากนั้นดวงตาส่องสว่างพลันก้าวไปข้างหน้า ปกติแล้วการก้าวเท้านี้ทำให้เขาเดินทางไปได้หลายพันลี้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้มันเพียงทำให้ร่างกายเขาก้าวไปข้างหน้าเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น
จากนั้นเขาก้าวเท้าไปข้างหน้าอีก เขาไม่หยุดและก้าวไปข้างหน้าต่อไปราวกับกำลังปีนขึ้นสู่สรวงสวรรค์
ทั้งหมดเจ็ดก้าว!
ทั้งเจ็ดก้าวนี้ทำให้หวังหลินลอยตัวสูงยิ่งขึ้น ตอนที่เขากำลังก้าวเท้าสูงขึ้นไปบนพื้น แสงสีเงินรอบตัวเขากระพริบและหายวับไป
ขณะที่แสงสีเงินหายไป หวังหลินรู้สึกว่ามีพลังฉีกกระชากรุนแรงล้อมรอบตัวเขาจากทุกทิศทุกทาง ขณะนั้นร่างกายหลุดจากการควบคุมและหายตัวไป
ห่างออกไปห้าหมื่นลี้ ระเบิดแสงสีเงินพุ่งออกมาจากภูเขาและในเวลาเดียวกันเกิดเสียงดังปังออกมาจากในภูเขานั้น
หวังหลินเดินออกมาจากเมฆฝุ่นที่มีดินโคลนเปรอะไปทั่วตัว
เขาเผยใบหน้าตื่นเต้นพลางพึมพำกับตนเอง “พลังของกฎเกณฑ์เคลื่อนย้ายอันนี้มหาศาลจริงๆ ข้าคิดถูกที่มาดาวเทียนหยุน หากข้ายังอยู่บนดาวซูซาคุข้าจะเรียนวิชารูปแบบนี้ได้อย่างไร?”
“ข้ากลัวว่ามีเพียงพวกเซียนเทวะเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนที่พริบตาได้ไกลเช่นนี้ได้”
ชั่วขณะนั้นจิตใจหวังหลินรู้สึกไร้กังวล เขาเงยศีรษะขึ้นมองดวงจันทร์ก่อนจะหัวเราะออกมา หวังหลินส่ายทั้งศีรษะทำให้ฝุ่นผงทั้งหมดหายไปโดยไร้ร่องรอย
ภายใต้แสงจันทรา ร่างหวังหลินเปลี่ยนเป็นลำแสงและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ขณะเหาะเหินเขานำหินหยกออกมาตรวจสอบกฎเกณฑ์ที่สองที่พี่สี่ให้เขา
หลังตรวจสอบมันดวงตาหวังหลินเผยประกายแสงลึกลับ หวังหลินหยุดตัวกลางอากาศและเริ่มขมวดคิ้ว
“กฎเกณฑ์ที่สองไม่มีชื่อและเป็นวิธีการใช้พลังปราณสวรรค์ พลังปราณสวรรค์จะไม่เคลื่อนไหวไปในช่องทางในร่างกายตามปกติ แต่กลับเคลื่อนไหวเป็นเกลียวและปล่ดปล่อยออกมาแทน มัทั้งหมดเก้ารอบและยิ่งหมุนเกลียวในร่างกายได้ยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
“จากบันทึกของศิษย์พี่สี่ ตอนที่อาจารย์ให้วิชานี้กับนาง เขาบอกว่ามันสร้างขึ้นจากวิชาเทพระดับต่ำ วิชาหลอมสวรรค์เก้าโคจร”
“วิชานี้เป็นการเลียนแบบ ดังนั้นหากสามารถบรรลุถึงเก้ารอบเต็ม มันสามารถแสดงความแข็งแกร่งได้เทียบเท่ากับการหมุนของวิชาเทพสามรอบ”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและไม่ได้ใช้มันในทันที เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกมาเพื่อค้นหาสถานที่เงียบเชียบเพื่อเริ่มศึกษามันอย่างละเอียด
หวังหลินไม่ใช่คนบุ่มบ่าม ยิ่งศิษย์พี่สี่ให้มันมาง่ายเท่าไหร่เขายิ่งต้องให้มั่นใจว่ามันดีพร้อมก่อนจะตัดสินใจฝึกฝนมัน
หลังศึกษามันอย่างละเอียดเป็นเวลานาน หวังหลินจึงสามารถใช้มันด้วยความรู้ของตนเองและใช้วิชาสามสังหารที่ซือถูหนานสร้างขึ้นจากวิชาสวรรค์เพื่อยืนยันว่ากฎเกณฑ์นี้เป็นของจริง!
“วิชาหลอมสวรรค์เก้าโคจร…” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและเผยแววตามุ่งมั่น จากนั้นสูดหายใจลึกกระตุ้นพลังปราณสวรรค์และแบ่งมันบางส่วนออกมา จากคำแนะนำ หวังหลินวางปราณสวรรค์ออกห่างเล็กน้อยและเริ่มพยายามทำให้มันหมุน
หากหวังหลินไม่ได้บรรลุขั้นแปลงวิญญาณและร่างกายยังเป็นคนธรรมดา คงไม่มีทางที่เขาจะฝึกฝนวิชาเทพได้ ทว่าตอนนี้ร่างกายเขาได้ปรับแต่งด้วยพลังปราณสวรรค์แล้วดังนั้นจึงสูญเสียร่างกายหยาบและได้รับร่างของเทพมาแล้ว
แม้ว่าพรสวรรค์ของร่างเทพนี้ไม่ได้ดีที่สุดและมีคุณภาพระดับกลางเท่านั้น มันกลับเพียงพอต่อหวังหลินแล้ว พรสวรรค์ของร่างเทพมีมากกว่าร่างมนุษย์ของเขามากมายหลายเท่า
นี่เป็นเหตุผลที่หวังหลินชอบใช้สมบัติวิเศษมากกว่าวิชาเซียน เพราะการฝึกฝนวิชาเซียนต้องมีพรสวรรค์อย่างมากและรากวิญญาณด้วย
วิชาเซียนบางอย่างไม่สามารถศึกษาได้หากขาดพรสวรรค์ บางคนไร้พรสวรรค์ถึงกับต้องพยายามหลายหมื่นครั้ง แต่บางคนที่มีพรสวรรค์ เพียงครั้งเดียวก็นับว่าเพียงพอ
พลังปราณสวรรค์ในร่างกายหวังหลินเริ่มหมุนปั่นภายใต้การควบคุมและในไม่ช้ามันก็สร้างการโคจรที่สมบูรณ์ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของการโคจรหนึ่งรอบ
พลังปราณหนึ่งรอบเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้าจึงเกิดพลังแหลมคมเกิดขึ้น หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาเพื่อศึกษามันทันทีและค่อยๆได้รับความเข้าใจบางอย่าง
สิ่งที่วิชาหลอมสวรรค์เก้าโคจรสร้างขึ้นคือพลังโลหะสวรรค์!
หวังหลินขบคิดขณะควบคุมพลังโลหะสวรรค์ให้มันหมุนอย่างเชื่องช้า เขาต้องการหมุนรอบที่สองให้เสร็จสิ้น
การหมุนรอบที่สองช้ากว่ารอบแรกมาก หลังผ่านไปเวลาสามก้านธูปมันก็เสร็จสมบูรณ์
เมื่อโคจรรอบที่สองเสร็จสิ้นพลังแหลมคมมากกว่าเดิมนับสิบเท่า ความเจ็บปวดแหลมคมออกมาจากร่างกายเขาและหลังจากนั้นไม่นานมันก็ค่อยๆเร่ิมจางหาย
หวังหลินสังเกตการณ์มันอย่างละเอียดอยู่พักใหญ่จากนั้นกัดฟันแน่นและเริ่มหมุนรอบที่สาม
การหมุนรอบที่สามใช้เวลาทั้งสิ้นหนึ่งชั่วโมง เมื่อรอบที่สามเสร็จสิ้นพลังปราณโลหะสวรรค์จำนวนมหาศาลเคลื่อนผ่านร่างกายเขาและเขาสามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจออกมาจากอวัยวะทุกส่วน
พลังปราณที่หลงเหลือในร่างกายเขาชำระล้างอย่างรวดเร็วทำให้ความเจ็บปวดค่อยๆหายไป ขณะนั้นพลังปราณสวรรค์ที่หมุนจนเสร็จสิ้นสามวงโคจรก็ไม่ได้เป็นสีขาวอีกต่อไป ตอนนี้มันเรืองแสงสีทองแยกออกมาจากพลังปราณสวรรค์ส่วนอื่นราวกับมีลำดับชั้น เมื่อพลังปราณสวรรค์สีขาวในร่างกายหวังหลินเผชิญหน้ากับพลังปราณสวรรค์สีทอง มันเคลื่อนออกห่างราวกับเกรงกลัว
ท้ายที่สุดหวังหลินรวบรวมพลังปราณสวรรค์สีทองในมือซ้ายและยอมให้พลังปราณสวรรค์ในร่างกายเคลื่อนไหวตามปกติ ทว่าไม่มีพลังปราณสวรรค์ส่วนไหนที่เข้ามาหามือซ้ายเขาเลยราวกับเป็นพื้นที่ต้องห้าม
“พลังปราณสวรรค์ที่สร้างจากวิชาหลอมสวรรค์เก้าโคจรนับว่าน่าสนใจ ตอนนี้ข้าเพียงไม่รู้ว่ามันมีพลังเช่นไรอยู่…” แววตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาไม่ได้ใช้มัน ฝ่ามือสร้างผนึกเพื่อกระตุ้นวิชาเคลื่อนย้ายอันยิ่งใหญ่แทน เมื่อแสงสีเงินปรากฎหวังหลินก้าวเข้าไปเจ็ดก้าว
แสงสีเงินหายวับไปพร้อมกับหวังหลิน
มีแสงกระพริบหนึ่งเกิดขึ้นนอกกองกำลังสีม่วงและหวังหลินเดินออกมาจากกลุ่มก้อนแสงนั้น นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาใช้วิชานี้ดังนั้นเขาจึงไม่คุ้นเคยกับความเร็วของการเคลื่อนที่แบบนี้
หลังปรากฎตัวขึ้นหวังหลินลอยเข้าหาตำหนักไพรม่วง เวลากลางคืนแทบสิ้นสุด เส้นขอบฟ้าเริ่มเรืองแสงสีขาวและวันใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น
นี่คือวันที่เทียนหยุนจะสั่งสอนเต๋าและมันยังเป็นวันที่เหล่าแขกทั้งหมดที่มางานเฉลิมฉลองวันเกิดของเทียนหยุนตั้งตารอคอย!