ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 60

Cover Renegade Immortal 1

60. ผู้อาวุโส

ฮวงหลงรับมาเปิดดูแล้วถอนหายใจ “น้ำจากแม่น้ำหลังภูเขาไม่อนุญาตให้นำออกมา ข้าจะเก็บสองขวดนี้ไว้ก่อนตอนนี้กลับไปพักผ่อนได้ จำไว้ว่าพรุ่งนี้ในยามเช้าให้เจ้ากลับมาที่นี่อีกข้าจะพาไปหอคัมภีร์ประจำสำนักและเลือกวิชาที่เหมาะสมให้”

หลังได้ยินคำนั้น หวังหลินตื่นเต้นดีใจโค้งคำนับให้ก่อนจะลาออกไปแม้ว่าระดับฝึกตนของเขาจะสูงแต่มีเพียงวิชาเซียนแรงโน้มถ่วงวิชาเดียวเท่านั้น

หลังจากที่หวังหลินออกไปฮวงหลงหันกลับมา โค้งคำนับและพูดขึ้นอย่างนอบน้อม “ผู้อาวุโสช่างกวนท่านคิดว่าหวังหลินพูดความจริงหรือไม่? และเราจะต่อรองกับเขาเช่นไรดี?”

ชายชราผิวคล้ำสวมเสื้อคลุมยาวสีฟ้าเดินออกมาจากโถงหลักใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น “จริงแค่ไหนน่ะหรือ? ฮวงหลงเจ้าก็บอกไม่ได้หรือว่าเด็กน้อยคนนั้นไม่ได้พูดความจริงประโยคเดียว?”

ฮวงหลงเผยสีหน้าอึดอัดเขาเป็นหนึ่งในสิบผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้น ในโลกผู้ฝึกเซียนความแข็งแกร่งถือว่าเป็นที่สุดเขาเป็นจ้าวสำนักและเหล่าพี่น้องเซียนที่เป็นผู้อาวุโสมีเพียงคนด้านหน้าคนเดียวที่ละทิ้งการออกไปโลกข้างนอก

กฎของสำนักเหิงยั่วนั้นหากมีใครเข้าถึงขั้นสร้างลำต้นได้เขาก็จะกลายเป้นผู้อาวุโสและได้รับสิทธิพิเศษหากเข้าถึงขั้นแตกหน่อก็จะได้กลายเป็นผู้อาวุโสที่แท้จริงของสำนักและถ้าเข้าถึงขั้นผลิดอกเมื่อนั้นก็จะเป็นบรรพบุรุษของสำนักเหิงยั่วอย่างแน่นอน

โดยปกติสิบผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้นจะปิดประตูฝึกฝนแต่หลังจากได้ยินข่าวสะเทือนขวัญจากสำนักซวนต้าวฮวงหลงรีบเข้าไปหาสิบผู้อาวุโสเพื่อบอกผู้อาวุโสขั้นแตกหน่อทั้งสองเกี่ยวกับความจริงเรื่องนี้

รูปลักษณ์ของหวังหลินเป็นเรื่องที่เกินคาดการณ์จากฮวงหลงดังนั้นเขาจึงนำหวังหลินมาที่นี่เพื่อถามเขาและมีคำถามกับผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้นเช่นกัน

ผู้อาวุโสช่างกวนมองดูขวดในมือฮวงหลงเขาตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณจากนั้นพูดขึ้น “เด็กน้อยเหลือขอคนนี้พูดความจริงเรื่องหนึ่งนี่เป็นน้ำจากแม่น้ำหลังภูเขาจริงๆและหากบริโภคมันทุกวันก็จะช่วยเพิ่มการฝึกเซียนได้”

ฮวงหลงลังเลชั่วครู่ “ผู้อาวุโสช่างกวน ท่านคิดว่าวิชาที่หวังหลินใช้จะเป็นวิชาแรงโน้มถ่วงจริงๆน่ะหรือ?”

ผู้อาวุโสช่างกวนมองไปที่ฮวงหลงก่อนจะพูดขึ้น “ข้าเห็นการประลองของเขาแล้วและยืนยันได้ว่าเขาได้ใช้วิชาเซียนแรงโน้มถ่วงจริงๆ”

ใบหน้าฮวงหลงเปลี่ยนเป็นตกใจมากขึ้น “ใช่วิชาแรงโน้มถ่วงจริงหรือ?​ แต่มันมีพลังที่แม้แต่สามารถจับต้องสมบัติเศษขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”

ผู้อาวุโสช่างกวนเผยความเยือกเย็นและพูดขึ้น “วิชาเซียนใดๆก็แล้วแต่หลังจากฝึกซ้อมเป็นเวลานานก็จะให้ผลลัพธ์ที่พิเศษขึ้นได้แม้มันจะไม่มีคุณค่าในเหล่าผู้ฝึกเซียนขั้นสร้างลำต้นวิชาเซียนนี้ก็เป็นวิชาพืนฐานส่วนใหญ่ในโลกผู้ฝึกเซียนเจ้ายังไม่เข้าใจวิชาพื้นฐานมากกว่านี้หรือ? ประวัติศาสตร์อันยาวนานขนาดนั้น?”

ฮวงหลงพยักหน้ารวดเร็วเป็นเชิงตกลง

ผู้อาวุโสช่างกวนลังเลชั่วครู่จากนั้นพูดขึ้น “เด็กคนนี้แท้จริงแล้วมีพลังอยู่ระดับสามแต่เขากลับมีพลังปราณในร่างมากมายนักดังนั้นข้าก็ไม่อาจตรวจสอบได้ละเอียดทั้งหมดข้าเดาว่าพลังของเขาอยู่ที่ระดับ 14 ขั้นรวบรวมลมปราณดังนั้นเขาควรจะถึงขั้นสร้างลำต้นเร็วๆนี้ศิษย์คนหนึ่งมีความลับเป็นของตนเองนั่นก็ไม่เป็นไรเพราะว่าสถานะของสำนักตอนนี้ถือว่าอันตรายอย่างใหญ๋หลวง ฮึ่ม!สำนักซวนต้าวเรียกว่าเป็นสำนักเล็กๆถึงจะถูกการส่งผู้อาวุโสขั้นรวบรวมลมปราณบางส่วนมาและพยายามเอาชนะหวังหลินด้วยการชักชวนซึ่งๆหน้านั่นอีก!”

ฮวงหลงตกตะลึงเขาไม่ได้ถามเรื่องการชักชวนต่อ แต่ถามอีกเรื่อง “ฮวงหลงน้อมคำนับผู้อาวุโสช่างกวน เรื่องเกี่ยวกับเหล่าบรรพบุรุษนั้น…”

ผู้อาวุโสช่างกวนถอนหายใจและกลายเป็นหน้าบึ้งเขาส่ายหัวและพูดขึ้นมา “ไม่มีการส่งข่าวกลับมาจากเหล่าบรรพบุรุษมาสามสิบปีแล้วข้ากลัวว่า…เฮ้อ…นี่มันก็ไม่มีเรื่องไหนที่เจ้าสามารถทำได้หากสำนักซวนต้าวต้องการยอดภูเขาเหิงยั่วจริงๆเมื่อนั้นก็เราก็ทำอะไรไม่ได้แคว้นจ้าวเป็นแคว้นขนาดใหญ่และมีเขตสำนักเหิงยั่วกระจายเป็นจุดๆก่อนที่ผู้อาวุโสที่แท้จริงจะทะลวงถึงขั้นผลิดอก ฮึ่มความอัปยศพวกนี้จะได้รับการชดใช้”

ฮวงหลงยิ้มขมขื่นและพยักหน้าเงียบๆ

ส่วนหวังหลิน หลังจากที่เดินออกมาจากโถงหลัก เหล่าศิษย์สายในทั้งหมดต่างมองเขาอย่างเคารพและชื่นชม นี่มันตรงกันข้ามกับวันก่อนยิ่งนัก

“ความแข็งแกร่งเป็นทุกอย่างในโลกผู้ฝึกเซียนจริงๆ” หวังหลินรู้สึกสิ่งเร้าพวกนี้น้อยนิดเมื่อกำลังเดินกลับไปที่สวนสมุนไพรของซุนต้าซื่อ

ขณะที่เขาเดินเข้าไปก็ได้เห็นซุนต้าซื่อออกมารับด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว “ศิษย์คนเก่ง อาจารย์รอเจ้ามานานแล้วนี่เป็นชาฟื้นฟูคุณภาพดีที่อาจารย์ปรุงให้มันจะช่วยให้เจ้ารู้สึกดีขึ้นเมื่อดื่มลงไป”

เขาหยิบชาถ้วยหนึ่งจากโต๊ะหินในสวนขึ้นมาและยื่นมันให้กับหวังหลิน

ใบหน้าหวังหลินกลายเป็นบิดเบี้ยวเล็กน้อย พฤติกรรมของซุนต้าซื่อเปลี่ยนไปรวดเร็วมากเป็นเพราะว่าหวังหลินตกตะลึง

ซุนต้าซื่อเห็นใบหน้าหวังหลินเขายิ้มเก้ๆกังๆและพูดด้วยความจริงใจผ่านสายตา “หวังหลินอาจารย์เจ้าไม่ได้เรื่องและเราต่างเข้าใจผิดกันไปมาก”

หวังหลินไม่ได้หยิบถ้วยชา เขาตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและพบกับพลังปราณที่มีความผันผวน “ศิษย์เหนื่อยแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่ดื่มชานี่”

ซุนต้าซื่อพูดรวดเร็ว “เหนื่อย? งั้นเจ้าก็ต้องพักพ่อนซะบ้าง ห้องที่เจ้าอยู่ก่อนนี้เล็กเกินไป จากนี้ต่อไปเจ้าอาศัยที่ห้องข้าก็ได้”

ใบหน้าหวังหลินสงบเรียบแต่เขาระมัดระวังในใจ ด้วยคำพูดนั้นในสำนัก ซุนต้าซื่อเป็นคนที่น่าจะมีพิรุธมากที่สุดสำหรับเขาดังนั้นหวังหลินพยักหน้าพูดขึ้น “ก็ดี ข้าจะไม่พักนานนักจากนั้นค่อยกลับไปหลังภูเขาเพื่อปิดประตูฝึกตนสักสองสามวัน”

ซุนต้าซื่อเปิดปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่หวังหลินรีบบอกลาและออกไป เขามองชาในมือ สายตาเต็บไปด้วยความเย็นเฉียบ

ทันใดนั้นหวังหลินหันกลับไปมองรอบๆด้วยรอยยิ้มบางและมองซุนต้าซื่ออย่างครุ่นคิด

ใบหน้าซุนต้าซื่อแข็งทื่อ “ศิษย์คนเก่ง มีอะไรอีกหรือไม่?”

หวังหลินเผยใบหน้าแดกดัน เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและพูดขึ้น “อาจารย์ ท่านดูกังวลเกินไปนะ”

หัวใจซุนต้าซื่อเต้นถี่ยิบเขาถอยหลังไปสองก้าวและคืนความสงบได้ “อาจารย์กังวลจริงๆ เจ้าศิษย์ที่แข็งแกร่งกว่าข้า ข้าเพียงอยู่ระดับห้าขั้นรวบรวมลมปราณ”

หวังหลินมองชาและพูดขึ้น “อาจารย์ ดื่มชานี้เพื่อศิษย์เถิด”

ใบหน้าซุนต้าซื่อเปลี่ยนไปทันทีและเขาฝืนยิ้ม “อะไรนะ? หากเจ้าไม่ดื่ม ข้าก็จะเททิ้ง!” พูดเช่นนี้เขาโยนแก้วไปบนพื้นและเคลื่อนตัวกลับสองสามก้าวจนถึงหน้าประตู

“อาจารย์ดื่มมันซะ!” หวังหลินสงบเรียบเขากระตุ้นวิชาเซียนแรงโน้มถ่วงถ้วยชาที่กำลังตกไปบนพื้นก็หยุดลงและลอยเข้าหาซุนต้าซื่อ หวังหลินถอนหายใจเขารู้ว่าซุนต้าซื่อมีเจตตาปองร้ายอยู่แล้วเนื่องจากมีบางอย่างผิดปกติในถ้วยชานี้

ใบหน้าซุนต้าซื่อยุ่งเหยิงหลังจากครุ่นคิดอยู่นานเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น “หวังหลินดูเหมือนเจ้ายังมีความเข้าใจผิดกับอาจารย์ของเจจ้าเจ้าเชื่อว่าจะมีอะไรผิดปกติในชานี้หรือ? ก็ได้ ข้าจะดื่มมัน”

ซุนต้าซื่อหยิบถ้วยชาและดื่มลงไปจากนั้นเขาโยนถ้วยชาไปบนพื้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “พอใจรึยัง? ท่านจ้าวสำนักเรียกข้าไปสอบถาม ถ้ามันสายก็คงแย่นักถ้ามีอะไรอื่นอีกก็ค่อยคุยภายหลังละกัน” พูดเช่นนี้เขาก็หันจากไป

สายตาของหวังหลินเบิกกว้างและเคลื่อนร่างเข้าไปหาใบหน้าซุนต้าซื่อเปลี่ยนไปและรีบยกมืออย่างรวดเร็วแต่เขาเพียงอยู่ระดับห้าจะเทียบกับหวังหลินได้เช่นไร?

ขณะนั้นเขาก็ถึงถัดจากซุนต้าซื่อสายตาเบิกกว้างและตบเข้ากับอกซุนต้าซื่อ เมื่อตอนที่ซุนต้าซื่อดื่มชาเขาสังเกตได้ว่ามันไม่ได้ดื่มจริงๆแต่กลับหุ้มด้วยพลังปราณไว้อีกชั้น

ด้วยการตบนั้น พลังปราณของซุนต้าซื่อกระจัดกระจายและน้ำชาละลายเข้าสู่ร่างซุนต้าซื่อทันที

ใบหน้าซุนต้าซื่อเปลี่ยนไปเหลือเพียงแววตาโกรธเกรี้ยวรีบพูดขึ้นทันที “หวังหลินเจ้ากำลังทำอะไร? เจ้าต้องการจะฆ่าอาจารย์ของเจ้าหรือ? ถ้าเจ้าฆ่าข้าสำนักเหิงยั่วไม่ยกโทษให้แน่!”

หวังหลินเงียบเสียงเขาส่งสัมผัสวิญญาณตัวเองออกไปและพบว่าน้ำชาได้ละลายเข้าสู่ร่างซุนต้าซื่อเรียบร้อยจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงสายใยสีเงินที่เกิดจากน้ำชาเข้าสู่หัวซุนต้าซื่อ

ซุนต้าซื่อรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติแต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร สายใยสีเงินก็ถึงสมองเรียบร้อยแล้วชั่วอึดใจเดียวใบหน้าโหดร้ายของเขาก็เริ่มผ่อนพลาย

หวังหลินจ้องซุนต้าซื่อและสังเกตได้ว่ามีบางอย่างถูกระงับไป ซุนต้าซื่อดูเหมือนจะซึมเซาเล็กน้อย

เขาครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นจึงถามขึ้น “อาจารย์ ศิษย์ไม่ได้พยายามจะฆ่าท่าน แต่ท่านกลับต่อต้านข้าเองหากท่านดื่มชาจริงๆข้าก็คงไม่ต้องทำเช่นนี้”

ใบหน้าซุนต้าซื่อยังคงทื่อลง เขาพูดขึ้นรวดเร็ว “ชานี้ไม่ควรดื่มลงไป”

หวังหลินตกใจ เขาตรวจสอบซุนต้าซื่ออย่างระมัดระวังจากนั้นก็ถามขึ้น “ทำไมถีงไม่ควรดื่ม?”

“ชานี้มีส่วนผสมของหญ้าไส้เดือนใยไหม”

หวังหลินหรี่ตา “หญ้าไส้เดือนไยไหมมีผลสะท้อนอะไร?”

“สามารถควบคุมคนที่ดื่มชาลงไปได้ชั่วเวลาสั้นๆ มันเป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างหุ่นเชิด”

หวังหลินเผยจิตสังหารผ่านแววตา “ทำไมท่านต้องการให้ข้าดื่มมัน?”

“ตั้งแต่ที่ข้าพบว่าเจ้ามีน้ำเต้าพวกนั้นข้าเก็บความสงสัยไว้ในใจ ดังนั้นข้าจึงรับเจ้าเป็นศิษย์เดิมทีข้าต้องการให้เจ้าเข้าถึงระดับแรกก่อนถึงจะใช้วิชาค้นหาวิญญาณกับเจ้าได้แต่ได้ให้เจ้ากินหญ้ากระจายปราณไปแล้วดังนั้นข้าจึงคิดว่ามันอาจจะใช้เวลามากกว่าสิบปีเพื่อเข้าสู่ระดับแรกและนั่นทำให้ข้าคิดขึ้นได้ในการประลอง เจ้าได้แสดงฝีมือที่แข็งแกร่งดังนั้นข้าจึงคิดว่าเจ้าต้องมีน้ำเต้าพวกนั้นและความลับอื่นๆอีกข้าต้องการเพิ่มระดับฝึกตนของข้าดังนั้นจึงคิดจะให้เจ้าดื่มชานี้”

หวังหลินสูดหายใจลึกและถามขึ้น “หญ้ากระจายปราณคืออะไร? ท่านได้บอกคนอื่นเรื่องข้าอีกหรือไม่? และทำไมท่านถึงไม่ใช้หญ้าไส้เดือนใยไหมนี่กับข้าคราวก่อน?”

“หญ้ากระจายปราณมันใช้เพื่อช่วยให้ลบระดับฝึกตนของเจ้าออกมทั้งหมดส่วนเรื่องเกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่เคยบอกใครเลยข้าไม่ต้องการให้คนอื่นแย่งน้ำเต้านั่นและหลังจากนั้นหลายสิ่งหลายอย่างก็ได้เปลี่ยนไปดังนั้นขณะที่ข้าพูดอยู่นี้ก็ควรจบด้วยการเจ็บปวดแทนเองข้าจึงตัดสินใจทำมัน”

“ส่วนเรื่องหญ้าไส้เดือนใยไหมข้าไม่มีมันคราวก่อนและพึ่งได้มาจากผู้ฝึกเซียนคนอื่นตอนที่ขาออกจากภูเขาเมื่อปีที่แล้วผู้ฝึกเซียนคนนั้นพูดว่าหากใช้กับผู้ฝึกตนที่ต่ำกว่าขั้นสร้างลำต้นมันจะมีโอกาสสูงถึง 9 ส่วนที่จะสำเร็จเดิมทีข้าต้องการจะใช้มันกับลิ่วหยุนเจี๋ยเพื่อให้เขานำยาออกมาให้”

หวังหลินกลายเป็นโกรธเคืองและเยาะเย้ย “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะตรวจเจอหรือ?”

“ความลับที่เจ้ามี ข้าไม่กังวลอะไรมากข้าแก่แล้วถ้าข้าไม่เพิ่มระดับขึ้นเมื่อนั้นข้าก็ไม่อาจเข้าสู่ขั้นสร้างลำต้นได้ตลอดชีวิตความจริงข้าก็ไม่มั่นใจหากเจ้าไม่ได้กลับมาในวันนี้ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจเสี่ยงดวงและเตรียมชานี้ขึ้นมาถ้าเจ้ากลับมาข้าก็คงเสนอชานี้ให้ แต่หากไม่ข้าเดาว่าเจ้าคงจะอยู่กับท่านจ้าวสำนักและอาศัยในภูเขาด้านหลังเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นข้าไม่มีทางเลือกอื่นอีก”

แววตาเยือกเย็นปรากฎบนใบหน้าหวังหลิน “ท่านพูดว่าจ้าวสำนักเรียกหาท่านเป็นความจริงหรือ?”

“ไม่จริง”

ขณะที่ซุนต้าซื่อพูดออกมาแววตาหวังหลินหรี่ลงและใช้มือตัวเองทุบไปบนศีรษะซุนต้าซื่อเลือดพุ่งออกมาจากรูทวารทั้งหมดและเขาก็หล่นลงบนพื้น

หวังหลินจ้องไปที่ร่างซุนต้าซื่อ เขารู้สึกยากจะเปล่งออกมาเป็นคำพูด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฆ่าคนและมันเป็นอาจารย์ของเขาเอง

หลังจากหวังหลินครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็แบกร่างซุนต้าซื่อไว้และเดินออกจากสำนักเหิงยั่วด้วยสีหน้าเฉยชาจนถึงภูเขา จากนั้นก็โยนร่างลงไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!