ตอนที่ 10
(18+)ล้มทับนาคราช
สามวันต่อมานัทชัย จินตนาและลินจิราก็เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงราย
จากนั้นทั้งสามคนก็ออกไปดูที่ด้วยกัน
“ที่นี่เหรอคะคุณนัท” จินตนาถามพร้อมกับมองไปรอบๆที่ดินที่หลานสาวคิดจะทำรีสอร์ท “รกจังคะ”
ลินจิรามองไปรอบๆพร้อมกับสมุดสเก็ตภาพและกล้องถ่ายรูป
แล้วหล่อนก็หันไปบอกกับทั้งสองคนว่า “ถ้าคุณปู่คุณย่าร้อนก็เข้าไปนั่งรอในรถก็ได้ค่ะ”
“ไม่ร้อนนักหรอกลูก ต้นไม้ครึ้มขนาดนี้ป้ากับลุงนั่งรอใต้ร่มไม้ได้จ้ะ เย็นดีซะอีกลูก ออกซิเจนเพียบ” จินตนาบอกแล้วก็เดินไปหลบแดดใต้ต้นไม้
นัทชัยเดินตามไปอีกคน ปล่อยให้หลานสาวทำงานอย่างสะดวก
ลินจิราเดินดูทางนั้นที ทางนู้นที ทั้งถ่ายรูปทั้งร่างแบบ วางผังรีสอร์ทคร่าวๆ ถึงแม้แสงแดดจะร้อนแรง แต่ก็มีลมพัดโชยๆตลอดเวลาช่วยให้คลายความร้อนได้มากโข แต่ใบหน้าหวานใต้หมวกสานก็ยังร้อนแดดจนแก้มใสๆแดงระเรื่อ
“ลินจี้มาดื่มน้ำเย็นๆก่อนลูก” จินตนาเรียกพลางกวักมือ
“ค้าคุณย่า” ลินจิราเดินไปหาทันที
จินตนาส่งขวดน้ำให้ แล้วก็โบกพัดช่วยคลายร้อน
ลินจิรารับน้ำมาดื่มหมดไปครึ่งขวด แล้วหันไปพูดกับนัทชัยว่า “ลินจี้ว่าเราไปดูที่อื่นกันต่อดีกว่าค่ะคุณปู่คุณย่า ตรงนี้ลินจี้เก็บรายระเอียดหมดแล้วค่ะ”
จากนั้นทั้งสามคนก็เข้าไปนั่งในรถ นัทชัยก็ขับรถไปบริเวณอื่นต่อ
ลินจิราถ่ายรูปสเก็ตภาพไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเรือนศิลา
“ที่นี่น่ะเหรอคะเรือนศิลาที่เขาว่ามีอาถรรพ์น่ะคะ” จินตนาถามสามีแล้วก็มองไปรอบๆ
“ที่นี่แหละครับคุณจิน” นัทชัยพยักหน้าตอบหน้าเครียด
“คุณปู่คุณย่าเข้าไปดูข้างในซิคะ ลินจี้มีอะไรจะโชว์ค่ะ” ลินจิราบอกยิ้มๆแล้วก็เดินไปจูงมือทั้งคู่
จินตนากับนัทชัยมองหลานสาวอย่างสงสัย
“อะไรเหรอลูก” นัทชัยถาม
“Surprise ค่ะ บอกไม่ได้ค่ะคุณปู่” ลินจิราอมยิ้ม หล่อนจูงมือทั้งคู่เดินเข้าไปจนถึงด้านในสุด
แต่พอมองไปบนผนังด้านที่มีภาพพญานาค หล่อนกลับต้องประหลาดใจซะเอง “เอ๊ะ!”
“มีอะไรเหรอลินจี้” จินตนาถาม
ลินจิราปล่อยมือคุณปู่คุณย่าแล้วเดินไปลูบผนังตรงที่เคยเห็นมีภาพพญานาค “หายไปไหนล่ะเนี่ย หายไปได้ยังไงกันล่ะ วันนั้นยังเห็นอยู่เลย”
“อะไรหายเหรอลูก” จินตนาถามพลางมองหลานอย่างสงสัย
“นั่นซิลินจี้ อะไรหายเหรอ” นัทชัยถามอีกคน
“ก็รูป Naga บนผนังไงคะ วันนั้นลินจี้ยังเห็นอยู่เลยค่ะ แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่มีแล้วล่ะคะ หายไปได้ยังไงเนี่ย” ลินจิราตอบอย่างงงๆ
นัทชัยกับจินตนาจึงช่วยกันมองหาตามผนังไปจนทั่ว แต่ก็เห็นแต่เถาไม้รกเรื้อ
“ไม่เห็นมีเลยลูก ลุงว่าหนูคงจำผิดแล้วมั้ง” นัทชัยบอก
แต่พอเห็นสีหน้าหลานสาวที่ทำท่าผิดหวังก็รีบปลอบว่า “ลุงว่าหนูคงเห็นที่อื่นมั้งลูก แต่คงจะจำไม่ได้ว่าที่ไหน เอาไว้เดี๋ยวเราไปเที่ยวกันอีกทีนะลูกนะ”
“คงอย่างงั้นมั้งคะคุณปู่” ลินจิราพยักหน้า เสียความรู้สึกนิดๆที่อุตส่าห์จะอวดให้คุณปู่คุณย่าดูซักหน่อย แต่กลับกลายเป็นว่าหน้าแตก
“ถ้างั้นป้าว่าหนูรีบทำงานต่อเถอะ ใกล้จะเที่ยงแล้วลูก จะได้ไปหาอะไรกินกัน” จินตนาบอกพร้อมกับยิ้มปลอบ
“ลินจี้เก็บรายละเอียดหมดแล้วล่ะค่ะ”
“งั้นเหรอจ๊ะ ถ้างั้นป้าว่าพวกเราก็ไปกันเถอะลูก ป้าชักอยากจะเข้าห้องน้ำแล้วล่ะ” จินตนาบอก
ทั้งสามคนจึงออกจากเรือนศิลา แล้วขึ้นรถออกไปหาร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวัน
พอทานอาหารเสร็จทั้งสามคนก็ไปเที่ยวกันต่อ จนกระทั่งเย็นค่ำจึงพากันกลับโรงแรม
หลังจากทานอาหารค่ำแล้ว จินตนาและนัทชัยก็แยกตัวเข้าห้องพักของตัวเอง
ภายในห้องพัก
“คุณนัทคะ” จินตนาเรียกสามีซึ่งกำลังถอดแจ็กเก็ตออก
“อะไรเหรอคุณ” นัทชัยหันไปมองภรรยา
“คุณรู้สึกแปลกๆอะไรบ้างมั้ยคะ”
นัทชัยทำหน้างง “รู้สึกอะไรล่ะคุณจิน ถ้ารู้สึกเหนื่อยล่ะก็…ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อยมากครับ”
“ก็รู้สึกขนลุกทุกทีเวลาที่อยู่กับลินจี้ไงคะ คุณไม่รู้สึกมั่งรึไงคะ” จินตนาท่าทางกังวล
นัทชัยนิ่งคิด “อืม…นี่คุณก็รู้สึกแบบนี้ด้วยเหรอ ผมคิดว่าผมรู้สึกอยู่คนเดียวซะอีก”
“จินรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครซักคนกำลังมองตลอดเวลาเลยค่ะ จินรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งที่ลินจี้อยู่ด้วย เมื่อก่อนก็ไม่รู้สึกนะคะ เพิ่งจะมารู้สึกแบบนี้ก็ตั้งแต่ที่คุณกับลินจี้กลับจากเชียงรายนั่นแหละคะ จินไม่ได้คิดไปเองนะคะ แต่จินรู้สึกแบบนี้จริงๆนะคะ”
จินตนาทำหน้าเครียด “มันจะเป็นเพราะบ้านอาถรรพ์หลังนั้นรึป่าวคะคุณนัท”
นัทชัยมีสีหน้ากังวลเช่นกัน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะคุณจิน ทีแรกผมคิดว่าตัวเองคงคิดฟุ้งซ่านเครียดเรื่องงานมั้งถึงได้รู้สึกแบบนั้น แต่พอคุณพูดแบบนี้ผมก็ชักจะห่วงลินจี้ซะแล้วซิคุณ”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะคุณนัท เกิดบ้านหลังนั้นมีอาถรรพ์จริงๆเราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ” จินตนาจับมือสามีท่าทางกระวนกระวายไม่สบายใจ
หล่อนไม่เชื่อถือเรื่องไสยศาสตร์ใดๆทั้งสิ้น หล่อนคิดว่าหล่อนคงเครียดกับงานมากไป จนคิดฟุ้งซ่านไปเอง แต่เมื่อสามีก็รู้สึกแบบเดียวกันมันก็ชักจะยังไงๆอยู่
“จินว่าพรุ่งนี้เราไปกราบพระแล้วขอให้ท่านรดน้ำมนต์ให้ดีมั้ยคะ”
“อืม…ก็ดีเหมือนกันนะครับ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น” นัทชัยบอกแล้วก็ยิ้มขำๆ “นี่ถ้าใครรู้เข้าว่าพวกเราจะไปรดน้ำมนต์คงแซวกันไม่เลิกละมั้ง”
“ใครจะว่ายังไงก็ช่างเขาเถอะค่ะ ตอนนี้จินขอแค่ทำยังไงก็ได้อย่าให้มีอาถรรพ์ใดๆมันมาทำให้พวกเราต้องเจอเรื่องแย่ๆก็แล้วกันค่ะ” จินตนามีสีหน้ามุ่งมั่น
ส่วนทางด้านลินจิรา ก็กำลังนั่งมองภาพสเก็ตสลับกับดูรูปถ่ายบนหน้าจอโน๊ตบุ๊ค หล่อนค่อยๆร่างแบบรีสอร์ทไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าล้าจึงปิดโน๊ตบุ๊คเก็บสมุดสเก็ตภาพแล้วลุกไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมารินใส่แก้ว หล่อนดื่มน้ำแล้วก็เดินไปยืนริมหน้าต่างมองดูวิวทิวทัศน์ด้านนอก พลางนึกวางแผนในใจว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรจะไปที่ไหน
พอดูวิวจนเบื่อหล่อนก็หมุนตัวจะเดินกลับไปที่เตียง แต่เท้ากลับสะดุดขาโซฟาริมหน้าต่าง
“ว๊าย!” ร่างบางระหงถลาล้มลงบนโซฟายาวซึ่งนาคินทร์นอนอยู่ “เฮ้ย!”
พอตัวของลินจิราแตะถูกร่างกายของนาคินทร์ทำให้มนตราที่คลุมร่างหายไป ร่างของนาคินทร์จึงปรากฎกายขึ้น เรือนร่างบางอรชรทาบทับอยู่บนกายแกร่งงามสง่า จมูกโด่งสวยแนบชิดกับผิวแก้มขาวคมคาย
ลินจิราค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากหายตกใจพร้อมกับยันตัวจะลุกขึ้น แต่พอสองมือสัมผัสกับผิวนุ่มเรียบลื่นอุ่นร้อนหล่อนก็แปลกใจ “เอ๊ะ!”
และยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนเป่ารดพวงแก้ม หล่อนผงะออกทันที “…..”
นาคินทร์เองก็ตกใจเช่นเดียวกัน
หัวใจดวงน้อยแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นใบหน้าคมคายงามสง่าห่างแค่คืบ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่ง ดวงตาสวยเก็บภาพใบหน้างามสง่าเหมือนกล้องบันทึกภาพไว้ในความทรงจำ
วินาทีต่อมา สองมือที่ยันบนแผงอกแกร่งก็ออกแรงดันเต็มที่ หล่อนดีดตัวออกห่างทันที
“คุณ!” คำแรกที่หลุดออกจากปากเบาหวิว
คำต่อมาที่กำลังจะหลุดตามออกมาก็คือเสียงกรี๊ด นาคินทร์รีบโบกมือผ่านใบหน้าสวยวูบ! “จงหลับ!”
ฉับพลันนั้น! ลินจิราก็หลับไป เรือนร่างบางทรุดวูบลงทาบทับกายแกร่ง วงหน้าสวยซุกซบบนบ่าแข็งแรง ทรวงอกนุ่มทาบทับกับแผงอกกว้าง
นาคินทร์ถอนหายใจโล่งอก “เฮ้อ…เกือบไป”
เขายกท่อนแขนโอบร่างงามจะขยับตัวพลิกขึ้น แต่กลิ่นกายสาวกับสัมผัสนุ่มนิ่มทำให้เขาเผลอกอดหล่อนแนบแน่น
ชั่ววินาทีนั้น เหมือนโลกหยุดหมุน เขาอยากจะกอดหล่อนเช่นนี้ไปตลอดกาล
“เจ้าลิน” เสียงทุ้มกังวานพึมพำเบาๆ จมูกโด่งคมสันซุกไซ้เรือนผมนิ่มสลวย สูดกลิ่นกายสาวหอมหวานเย้ายวนอย่างหลงไหลลืมตัว
ครั้นพอรู้สึกตัว เขาก็หยุดการกระทำของตัวเอง
“ข้าขอโทษนะเจ้าลิน” เขาละอายใจที่แอบล่วงเกินหล่อน จึงค่อยๆพลิกตัวขึ้น แล้วลุกขึ้นอุ้มเรือนร่างงดงามยวนตาไปวางไว้บนเตียงนอน
เขาห่มผ้าให้อย่างเบามือแล้วปัดเส้นผมสลวยให้พ้นวงหน้าสวย นิ้วเรียวขาวลูบไล้ผิวแก้มนวลละออ ความรู้สึกบางอย่างแล่นริ้วจนร่างกายร้อนรุ่มไปหมด
นาคินทร์ขบกรามแน่นแล้วรีบผละออกกลับไปนอนที่โซฟาดังเดิม เขาพยายามข่มตาหลับสะกดกลั้นความต้องการอย่างยากเย็น
…………..แต่ดูเหมือนว่ายิ่งสะกดกลั้น อารมณ์ก็ยิ่งพลุ่งพล่านจนร่างแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนสุดที่จะทนทานต่อไปได้
นาคินทร์จึงลุกขึ้นพุ่งพรวดไปที่เตียงนอนตวัดผ้าห่มออกแล้วจ้องมองเรือนร่างงดงามตรงหน้าดั่งเสือจ้องมองเหยื่อ เขาก้าวขึ้นไปบนเตียงแล้วเอนตัวลงนอนตะแคงเคียงข้างหล่อน มือข้างหนึ่งท้าวขึ้นค้ำคาง ดวงตาแดงเจิดจ้ามองจ้องวงหน้าสวย แล้วเขาก็โบกมือวูบคลายมนต์สะกดออก
ลินจิราลืมตาตื่นอย่างงงๆ แต่พอหันมาเห็นเขาหล่อนก็ผงะทันที “อ่ะ!”
หล่อนผลักเขาออกพร้อมกับตวาดลั่นว่า “ออกไปนะ!”
แต่แรงของหล่อนไม่ได้ทำให้เขาขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียว
นิ้วเรียวขาวแตะริมฝีปากชมพูระเรื่อ “ชู่ว! อย่าไล่ข้าเลยนะเจ้าลิน” ดวงตาคมเข้มสบตาหล่อนหวานซึ้งตรึงใจ
“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” ลินจิราตวาดซ้ำพร้อมกับเขยิบตัวหนี
วงแขนแกร่งจึงรีบรัดหมับรอบเอวอรชร “เจ้าลิน เป็นของข้าเถิดนะ”
เสียงทุ้มทอดหวานจนคนฟังแทบจะละลาย แล้วเขาก็ก้มลงจูบหล่อนทันที
ลินจิราเม้มปากแน่นพร้อมกับยกแขนดันเขาสุดแรง แต่ก็เหมือนดันหินผา ไม่ขยับเขยื้อนเลยซักนิด ริมฝีปากคมเฉียบบดกลีบปากนุ่ม มือเรียวขาวจับปลายคางมนตรึงไว้ไม่ให้ขยับหนี
“อื้อ!” สาวน้อยดิ้นขลุกขลักสุดฤทธิ์ ปลายลิ้นอุ่นร้อนพยายามจะแทรกเข้าไปในโพรงปากหอมหวาน แต่สาวน้อยก็เม้มปากแน่น
นาคินทร์จึงเลื่อนมือไปทาบกับทรวงอกนุ่มใต้เสื้อนอนบางเบา
ลินจิราตกใจร้องห้าม จึงเปิดโอกาสให้ปลายลิ้นร้อนแทรกเข้าไปภายใน ปลายลิ้นร้อนควานไปทั่วโพรงปากหอมหวานเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กซึ่งร่นหนี มือเรียวขาวคลึงทรวงอกอวบเต่งตึง
ลินจิรางอตัวหนีมือของเขา แต่ยิ่งหนี ฝ่ามือข้างนั้นก็ยิ่งทาบลงแนบแน่น นิ้วเรียวขาวบดคลึงยอดมณีกลางทรวงซึ่งเริ่มแข็งชูชันสู้มือ จากที่งอตัวหนีก็กลับแอ่นอกเข้าหายอมให้เขาคลึงเค้นเต็มมือ
ริมฝีปากร้อนถอนออกจากปากนุ่ม แล้วซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น
ลินจิราเผลอครางอย่างลืมตัว “อาห์….” สองมือจิกบ่าแกร่งเสียวสยิวจนขนลุกชัน
ปากร้อนไต่ไปตามผิวเนื้อ พอสะดุดกับสาบเสื้อก็โบกมือผ่านวูบ ชุดนอนสีหวานก็หายวับไปพร้อมกับอาภรณ์บนกายแกร่ง
“เจ้าช่างหอมหวานเหลือเกินเจ้าลิน” นาคินทร์พึมพำหลงไหล
ริมฝีปากร้อนเข้าครอบครองยอดทรวงข้างหนึ่ง ปลายลิ้นร้อนเลียดุนดันมณีสีหวานอย่างหิวกระหาย
“อู้ว…อาห์…” เสียงหวานใสครวญคราง
ยิ่งทำให้นาคินทร์ระรัวลิ้นกระตุ้นเร็ว มืออีกข้างก็คลึงเค้นทรวงสวยไม่หยุด เรือนร่างบางระหงบิดเร่าด้วยเพลิงปรารถนา วงหน้าสวยแดงก่ำดวงตาเยิ้มฉ่ำ นิ้วเรียวนุ่มจิกบ่าแกร่งระบายแรงปรารถนาที่แผดเผาจนแทบมอดไหม้
แล้วริมฝีปากร้อนก็ละจากมณียอดทรวงไต่ไปตามหน้าท้องนวลเนียนจนกระทั่งไปถึงพงหญ้าสีน้ำตาลทอง ดวงตาแดงเจิดจ้าจ้องมองดอกไม้สีหวานกลางพงหญ้าอย่างตะลึงลาน “งามเหลือเกินเจ้าลิน เจ้างามเหลือเกิน”
นาคินทร์ประกบปากกับกลีบดอกไม้นุ่ม แทรกปลายลิ้นร้อนผ่านกลีบสีสวยลงไปตวัดเลียเกษรกลางดอกไม้งาม
“โอ้ว….” ลินจิราครวญครางลั่น
บิดตัวส่ายสยิว น้ำหวานไหลรินจนเปียกชุ่ม นาคินทร์ดื่มกินน้ำหวานรสอร่อยจนเกลี้ยง แล้วปลายลิ้นร้อนก็เลียกระตุ้นให้ดอกไม้งามหลั่งรินน้ำหวานอีก
ลินจิราแอ่นสะโพกอ้าขาให้เขาดูดกินดอกไม้อย่างเต็มที่ สองมือน้อยละจากบ่าแกร่งมาขย้ำทรวงตนอย่างเสียวซ่าน
“อ้าห์…ได้โปรดช่วยฉันด้วย” เสียงหวานเว้าวอนขอร้อง
นาคินทร์จึงยิ่งระรัวลิ้นดูดดุนเกษรกลางดอกไม้งาม
สาวน้อยบิดกายส่ายเร่าร้อนเพลิงปรารถนาพุ่งถึงขีดสุด “โอ้ววววว…”
ร่างบางเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานชั้นยอดให้เขาได้ดื่มกิน ลิ้นร้อนเลียกินน้ำหวานจนแห้งเหือดแล้วจึงผละหวนไปจูบปากนุ่ม
สองมือทาบทับบนมือน้อยแล้วแทรกลงคลึงเค้นทรวงสวยนุ่มมือ ริมฝีปากร้อนผละออกห่างแล้วขานเรียก “เจ้าลิน” เสียงทุ้มทอดหวานจนคนฟังปรือตามองตาปรอย
“ขา” เสียงหวานใสขานรับอ่อนหวาน
นาคินทร์จึงทาบทับลงบนเรือนร่างงดงาม สอดขาแยกเรียวขาสวยออกจากกัน แล้วเขาก็ค่อยๆแทรกตัวผ่านช่องทางนุ่มซึ่งยังมิเคยมีผู้ใดผ่านเลย
“โอ๊ย!” ร่างบางระหงสะดุ้งเจ็บ สองมือผลักยันเรือนกายแกร่งให้ออกห่าง “ลินจี้เจ็บค่ะ”
“มิต้องกลัวนะเจ้าลิน เจ็บนิดเดียวเท่านั้น” นาคินทร์ปลอบประโลมแล้วก้มลงดูดยอดทรวงนุ่มกระตุ้นอารมณ์
“อ้าห์” ร่างน้อยครวญครางอีกครั้ง
นาคินทร์ก็ค่อยๆแทรกกายชำแรกแทรกผ่านช่องทางนุ่มแน่น
วงหน้าสวยเหยเกเจ็บแปลบ เขาหยุดนิ่งเพื่อให้หล่อนทำความคุ้นเคยกับเรือนกายแกร่ง พอเห็นวงหน้าหวานคลายความเจ็บ เขาก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนกาย “อื้มห์”
ช่องทางนุ่มตอดรัดจนแทบคลั่ง “โอ้วววว…เจ้าลิน…”
“อ้าห์…ลินจี้เสียวเหลือเกิน…” ร่างบางแอ่นรับเร่งเร้า
นาคินทร์จึงขยับกายอย่างเร่าร้อน จนสายธารหลั่งริน
“โอ้วววว…เจ้าลิน…”…………..
นาคินทร์สะดุ้งตื่นลุกพรวด ภาพวงหน้าสวยแดงก่ำเพราะเพลิงราคะยังติดตาตรึงใจ พอมองไปรอบๆตัวจึงรู้ตัวว่าฝันไป “ฝันไปเหรอเนี่ย”
เขามองไปที่เตียง เห็นสาวน้อยยังนอนหลับพริ้ม ก็ยิ้มจางๆ “ขนาดข้าหลับเจ้ายังตามไปกวนใจข้าในความฝันได้นะเจ้าลิน”