Skip to content

สู่วิถีอสุรา 121

ตอนที่ 121 หานเฟยจื่อ

บนยอดเขา แววตาเสวียนหลุนขยับประกาย ราวกับพลันนึกอะไรบางอย่างได้ ม่านตาของเขาหรี่ลง ยามนี้ตัวเหอเฟิงพลันพุ่งทะยานวิ่งห้อไปตามโซ่เหล็กท่ามกลางพลังโลหิตมหาศาล หนึ่งก้าวหลายจั้ง ไม่นานก็มาถึงปลายโซ่ส่วนแรก ดูจากความเร็วของเขา เหมือนใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเสาหินต้นแรก

“เขาไม่ได้คิดจะโจมตีโซ่เขาหาน!” เสวียนหลุนสีหน้าเปลี่ยน ในสมองผุดความคิดที่ชวนให้เขาเห็นท่าไม่ดี

“ไม่ถูก เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง! เหมือนว่าเขาอยากพิสูจน์จะอะไรบางอย่าง หรือว่า….” เสวียนหลุนพลันเบิกตากว้าง การคาดเดาในความคิดขยายใหญ่ขึ้นไร้ขอบเขต เห็นเหอเฟิงห่างจากเสาต้นแรกไปไม่ไกลแล้ว นัยน์ตาเสวียนหลุนฉายแววเหี้ยมเกรียม

เขาพลันยกมือขวากดไปตรงกลางระหว่างคิ้วตัวเอง ลากลงมาด้านนอก ควันดำสามเส้นถูกดึงมาจากระหว่างคิ้ว ก่อนกลายเป็นเงาคนเลือนรางสามคนตัวสั่นเทา

เมื่อมองไป เงาคนทั้งสามเป็นผู้อาวุโสสองคนกับเด็กสาวหนึ่งคน ทว่าด้วยหนึ่งนิ้วมือของเสวียนหลุน ราวกับทำลายผนึกของพวกเขา ทำให้เสียงร้องแหลมของทั้งสามพลันดังก้องกังวานโดยรอบ

“เฟิงเอ๋อร์…”

“พี่ชาย…..”

เสียงดังขึ้นกะทันหัน ทำให้ผู้ชมโดยรอบตื่นตกใจ ขณะเดียวกัน เหอเฟิงผู้ยอมเสียทุกอย่างอยู่ห่างจากปลายโซ่ส่วนแรกไม่ไกลพลันตัวสั่น หันกลับมามอง น้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นเงาสามคนเบื้องหน้าเสวียนหลุน

เห็นเหอเฟิงชะงัก เสวียนหลุนแอบถอนหายใจโล่งอก ทำเสียงหึพลางใช้มือขวาบีบเงาคนเด็กสาวไปหนึ่งครั้ง ก่อนตั้งใจคลายลงช้าๆ และตั้งใจให้เสียงของเด็กสาวดังขึ้น เหมือนกับทั้งตัวนางถูกฉีก ถูกกลืนกินทีละน้อย

น้ำเสียงดังก้องนั้น ทำให้ผู้พบเห็นเป็นต้องจิตใจสั่นไหว

ซูหมิงเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น แอบถอนหายใจเบา เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหอเฟิงคนนี้ต้องมีความหลังอย่างแน่นอน

เหอเฟิงตัวสั่นเทา จับจ้องเสวียนหลุนอยู่ไกลๆ ผู้อื่นมองไม่เห็นสีหน้าของเขา เห็นเพียงเขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนพลันหมุนตัวกลับเดินไปเบื้องหน้า ทว่าร่างกายของเขากลับสั่นอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น มีเสียงร้องแหลมดังขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงร้องแหลมแฝงไว้ด้วยเสียงร้องเรียกปานจะขาดใจ

“เฟิงเอ๋อร์…ช่วยข้าด้วย…”

ในมือเสวียนหลุน เมื่อบีบเงาดำของเด็กสาวจนแตกแล้ว จึงค่อยๆ บีบบนเงาหนึ่งในสองผู้อาวุโส จนกระทั่งเสียงหวีดร้องเบาลง ครั้นเห็นว่าเหอเฟิงตัวสั่นเทาประหนึ่งเดินต่อไม่ไหว ทำท่าจะตกลงไป เสวียนหลุนก็บีบเงาดำคนสุดท้าย

ท่ามกลางเสียงร้องน่าเวทนา

ซูหมิงเห็นเหอเฟิงบนโซ่เหล็กกระอักโลหิต ก้าวเดินไปเบื้องหน้าด้วยฝีเท้าสั่นเทา จนขาตกไปหนึ่งข้าง ก่อนหล่นลงไปในเหวลึกหมื่นจั้งเบื้องล่าง

ซูหมิงเห็นภาพนี้ก็นึกถึงชนเผ่าของตัวเอง นึกถึงภาพเหตุการณ์น่าสลดเหล่านั้น และนึกถึงความอำมหิตของปี้ถู

‘สัตว์ป่าหากไม่แข็งแกร่งจะเป็นอาหารของผู้คน คนหากไม่แข็งแกร่งจะถูกผู้แข็งแกร่งครอบงำโชคชะตา แม้จะต่อต้านก็ไม่มีประโยชน์อะไรมาก…

นี่เรียกว่าผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง หากอยากเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ก็ต้องพึ่งตัวเอง…..กลายเป็นผู้แข็งแกร่ง!’ แววตาซูหมิงไม่มีความเห็นใจ มีเพียงความยึดมั่นและแน่วแน่

เหอเฟิงฝืนยิ้มขมขื่น ร่างตกลงไปเหวลึกอย่างรวดเร็ว เขาหลับตาลง เขามีเรื่องอีกมายที่ยังไม่ทำ มีความแค้นที่ยังไม่ชำระ ทว่าตอนนี้เหมือนจะไม่มีโอกาสแล้ว

เสวียนหลุนยืนขึ้น รีบเดินไปยืนบนยอดเขา มุมปากยิ้มเยาะ เขารอเพียงแค่ให้อีกฝ่ายตกลงไปตาย จากนั้นก็ใช้พลังของเผ่าผู่เชียงนำซากศพเละเทะของอีกฝ่ายกลับมา เขาสืบจนทราบมาว่าภายในเหวลึกหมื่นจั้งเบื้องล่างมีขุมพลังน่ากลัวอยู่ ต่อให้เป็นเขาก็ไม่กล้าเหยียบเข้าไป มีแค่คนจากสามชนเผ่าเท่านั้น หลังจากทำพิธีพิเศษบางอย่างแล้วจึงจะออกมาได้อย่างปลอดภัย

ทันใดนั้นพลันมีเสียงถอนหายใจลากยาวดังขึ้น เงาคนสีขาวเดินมาจากชั้นหนึ่งเมืองเขาหาน รูปร่างดูอ่อนช้อย เป็นสตรีผู้หนึ่ง นางเหยียบอยู่บนเมฆขาว คล้ายใช้มันรองไว้ กลายเป็นสายรุ้งยาวตรงเข้าไปหาเหอเฟิงที่กำลังตกเหวลึกใต้โซ่เหล็ก

ด้วยความเร็วของนาง พริบตาเดียวก็เข้าประชิด ทำให้เหอเฟิงที่กำลังหลับตาอยู่ตกลงบนเมฆขาว

เสวียนหลุนแววตาขยับประกายจ้องสตรีผู้นั้น ทว่าไม่กล่าวสิ่งใดราวกับหวาดกลัว

การปรากฎตัวช่วยเหอเฟิงของนาง แม้แต่เผ่าผู่เชียงยังไม่ส่งเสียงใดๆ ประหนึ่งยอมรับแต่โดยดี

สตรีสวมชุดขาว บนใบหน้ามีผ้าโปร่งสีขาว ทำให้มองเห็นหน้าไม่ชัด ทว่าดวงตาของนางกลับงดงามยิ่งนัก ดุจแฝงไว้ด้วยเสน่ห์น่าอัศจรรย์ พาให้ผู้พบเห็นต้องเคลิบเคลิ้ม

ซูหมิงจิตใจสั่นไหว สตรีคนนี้เป็นคนที่คุยกับเหอเฟิงเมื่อคืนวาน แต่นางในยามนี้ดูแปลกไปจากตอนนั้น

“ผู้อาวุโสเสวียนหลุน บุคคลนี้เคยรู้จักกับเหยียนเฟย ฉะนั้นเหยียนเฟยช่วยเขา หวังว่าผู้อาวุโสจะไม่กล่าวโทษ” เสียงของนางไพเราะยิ่งนัก แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเย็นเยือกประดุจลมหนาวพัดผ่าน ทำให้ผู้ฟังล้วนหนาวเหน็บน้อยๆ

“ช่วยไม่ได้ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ข้าคงไม่ยุ่งเกี่ยวแต่แรก เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ทว่าอย่างไรข้ากับเขาก็มีความแค้นต่อกัน หวังว่าหานเฟยจื่อจะเข้าใจ”

เสวียนหลุนเหยียดยิ้มบางบนใบหน้า สีหน้าดูอ่อนโยน

“เรื่องระหว่างผู้อาวุโสกับบุคคลนี้ เหยียนเฟยย่อมไม่ก้าวก่าย”

สตรีผู้นั้นกล่าวจบ เมฆใต้ฝ่าเท้าเคลื่อนไหว พาร่างหมดสติของเหอเฟิงบินไปทางยอดเขาเผ่าเหยียนฉือที่อยู่ห่างไกล

เสวียนหลุนเงียบขรึมอยู่ตรงนั้นเพียงชั่วครู่ ก่อนสะบัดแขนเสื้อ กลับเข้าไปในชั้นสอง

เสาแปดต้นเบื้องล่างโซ่เหล็กที่เชื่อมไปทางเผ่าเหยียนฉือ ยามนี้เกิดเสียงดังสนั่น ค่อยๆ จมลงอย่างเชื่องช้า จนหายไปในเหวลึกหมื่นจั้งในที่สุด ทำให้โซ่เหล็กแกว่งไกวตามแรงลมอีกครั้ง

จนกระทั่งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ในยามโพล้เพล้ ซูหมิงมองเงาร่างสตรีที่จากไปไกล ได้ยินเสียงสนทนาจากผู้คนรอบข้าง

“เป็นหานเฟยจื่อ!”

“ธิดาแห่งสวรรค์ของเผ่าเหยียนฉือ นางมีผู้อาวุโสสำนักเหมันต์สวรรค์ให้ความสนใจ ตอนนี้ก็เป็นคนในสำนักไปครึ่งตัวแล้ว ได้ยินว่าน่าจะเข้าร่วมสำนักไปก่อนหน้านี้ แต่นางกลับขอเลื่อนออกไปก่อน รอจนกว่าสำนักจะรับคนรอบหน้าจึงค่อยเข้าร่วม”

“เรื่องนี้ข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็ยังได้รับขนานนามว่าหานเฟยจื่อ นี่เป็นคำเรียกที่มีเกียรติยิ่งนัก ได้ยินว่าผู้อาวุโสแห่งสำนักเหมันต์สวรรค์ท่านนั้นเป็นคนมอบให้”

“นี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร การรับคนของสำนักเหมันต์สวรรค์มีการคัดเลือกอย่างเข้มงวด อีกทั้งศิษย์ในสำนัก ในประวัติศาสตร์มีเพียงสามผู้แข็งแกร่งที่ได้รับขนานนามว่าหานจื่อ”

“ได้ยินว่านางมีเส้นเลือดเก้าร้อยกว่าเส้น เป็นพวกฟ้าลิขิตให้ทะลวงสู่ขั้นชำระล้าง แม้ว่าเสวียนหลุนจะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้าง ทว่าต่อหน้าสำนักเหมันต์สวรรค์ก็ยังต้องเกรงกลัว เมฆขาวใต้ฝ่าเท้านางนั่นก็น่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าสืบทอดมาจากเผ่าเหยียนฉือ ได้ยินว่ามันเปลี่ยนรูปได้หลากหลาย นามคืออวิ๋นเหยียน…”

เสียงสนทนาดังขึ้นไม่นาน กลุ่มคนก็ค่อยๆ จางหาย บางทีในวันนี้มีเหตุการณ์มากมาย ทำให้ผู้คนหน้าประตูชั้นสามส่วนใหญ่ไม่มีกระจิตกระใจซื้อขาย ไม่นานผู้คนก็ลดน้อยลงไปมาก ยังมีบางร้านค้าปิดก่อนเวลา

ซูหมิงไม่ได้จากไป แต่เดินเข้าไปในร้านค้าที่เขาเล็งไว้ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสภายในร้านกำลังนั่งขัดสมาธิ เห็นซูหมิงเข้ามาจึงมองไป

“ข้าเห็นเจ้าเหมือนจะเข้ามาเมื่อตอนบ่าย แต่ก็โดนเรื่องบุกโซ่เขาหานขวางเสียก่อน” ผู้อาวุโสกล่าวเรียบๆ

ซูหมิงพยักหน้า พลางเดินดูไปรอบๆ ร้านนี้

“ชอบอะไรก็บอกมาตรงๆ ไม่ต้องทำเรื่องย้อมแมวขาย ในร้านนี้ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้จัก ไม่ให้เจ้าได้จับผิดหรอก” ผู้อาวุโสมองซูหมิงแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วขึ้น

ซูหมิงยังคงพยักหน้า ชี้ไปทางขาที่เก้าของแมงมุมเก้าขา

“ข้าต้องการสิ่งนี้!”

“ขาที่เก้าของแมงมุมเก้าขา สิ่งนี้เป็นส่วนยอดเยี่ยมบนร่างมัน หายากยิ่งนัก ตัวข้าไม่ต้องการเหรียญหิน เจ้าจะเอาอะไรมาแลก? หากเป็นของธรรมดาคงให้ไม่ได้”

ผู้อาวุโสมองซูหมิง กล่าวอย่างเย็นชา

“ด้วยสิ่งนี้!” ซูหมิงกล่าวตรงๆ เช่นกัน ใช้มือขวายื่นเข้าไปในเสื้อ แล้วหยิบดาบกระดูกสีดำขึ้นมาหนึ่งเล่ม มันเป็นสีดำทุกส่วน หากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่าภายในมีเส้นสีแดงอยู่ สิ่งนี้คือดาบกระดูกที่ฟางมู่มอบให้

เขาวางดาบลงบนพื้น ก่อนผลักไปทางผู้อาวุโส สีหน้าผู้อาวุโสสั่นไหว หยิบดาบขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด

“ศาสตราวุธหมานเลียนแบบของเผ่าบูรพาสงบ…….” ผู้อาวุโสเงยหน้า กวาดสายตามองซูหมิง รู้สึกไม่มั่นใจเบื้องหลังของอีกฝ่าย เขาทราบว่าดาบชนิดนี้คนนอกยากจะครอบครอง มีแค่เผ่าบูรพาสงบเท่านั้นถึงจะมีและสร้างขึ้นได้ คนที่ได้รับดาบเล่มนี้ต้องมีความเกี่ยวพันธุ์กับเผ่าอย่างแน่นอน

“สิ่งนี้นอกจากแลกกับขาที่เก้าของแมงมุมตัวนี้แล้ว ยังต้องการกระดูกนี้ด้วย!”

ซูหมิงชี้ไปบนชั้นวางข้างผู้อาวุโส มันเป็นกระดูกสีดำขนาดเท่ากำปั้น ที่แปลกคือบนกระดูกมีน้ำแข็งค้างแผ่กระจายความหนาวเหน็บ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่กระดูกสัตว์ธรรมดา

“กระดูกภายในของสัตว์ไท่จิง…ดาบเล่มนี้แลกได้เหมือนกัน แต่แลกได้เพียงอย่างเดียว” ผู้อาวุโสยิ้ม มองออกถึงการให้ความสำคัญของบุคคลตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเอียงไปทางกระดูกภายในเสียมากกว่า เหมือนกับว่าเพราะดาบเล่มนี้ สีหน้าผู้อาวุโสจึงไม่เย็นชาอีก อ่อนนุ่มลงเล็กน้อย

“ท่านดูดาบเล่มนี้ให้ละเอียดก่อน” ซูหมิงมองผู้อาวุโสและกล่าวเรียบๆ

ผู้อาวุโสตื่นตกใจ ได้ยินดังนั้นจึงก้มหน้ามองอีกครั้ง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เห็นเส้นสีแดงเส้นนั้นภายในดาบ เขากำดาบลองกวัดแกว่ง พบว่ามีไอหนาวเยือกแผ่กระจาย ทว่าตรงส่วนลึกของไอหนาวกลับมีความร้อน หนาวกับร้อนตัดสลับราวกับผสมเข้าด้วยกัน

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ซูหมิงเดินออกจากร้าน ในมือเขาถือขาที่เก้าของแมงมุมเก้าขา และยังมีกระดูกสีดำ ผู้อาวุโสคนนั้นเดาไม่ผิด กระดูกนี้เป็นสิ่งที่ซูหมิงสนใจจริงๆ จะให้กล่าวอย่างถูกต้องคือ วัตถุดิบสองชนิดนี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขา หนึ่งคือเพื่อหลอมโอสถมอบจิต อีกหนึ่งคือเพื่อปลูกสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถชิงวิญญาณ

“ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีของสองชนิดนี้ แม้จะยังใช้ไม่ได้ในทันที ทั้งยังต้องแลกมาด้วยศาสตราวุธหมานเลียนแบบที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวในตอนนี้ก็ตาม แต่ว่า…..”

แววตาซูหมิงเป็นประกาย ในความคิดผุดภาพกระดิ่งดำหลายใบบนข้อมือผู้อาวุโส

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!