Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1249

ตอนที่ 1249 เดินทางออกจากแดนมรณะหยิน

ทั้งแผ่นดินหมานสั่นสะเทือน พื้นดินที่ไม่มีทะเลมรณะพลันเกิดรอยแยกยักษ์หลายสาย รอยแยกเหล่านี้ลากผ่านตัดสลับกัน แต่นอกจากพื้นดินตรงชายขอบแล้ว ภายในไม่ได้พังลง

ภายใต้การเกิดร่องหุบเขาและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พื้นดินตรงชายขอบค่อยๆ ยกสูงขึ้นหลังจากเหมือนแผ่นดินแตกออกเป็นขั้นบันได

ท้องฟ้าพังพินาศลงทั้งหมด จะเห็นมวลอากาศขุ่นมัวของน้ำวนมรณะหยินข้างนอก ซูหมิงอยู่กลางอากาศ ตอนที่ยกสองมือขึ้น เส้นผมเขาปลิวไสว อาภรณ์ยาวโบกสะบัด ในดวงตาเป็นประกาย

“ด้วยดวงจิตแห่งโลกแท้จริงข้า…” ท่ามกลางเสียงซูหมิงดังก้อง โลกหมานพลันสั่นสะเทือน กลิ่นอายพลังของโลกแท้จริงอัดแน่นไปรอบๆ เหมือนกลายเป็นมือใหญ่จริงๆ คว้าโลกหมานยกขึ้นช้าๆ

ชาวเผ่าหมานนับไม่ถ้วนต่างพากันใจสั่นสะท้าน พวกเขาไม่กลัว แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและฮึกเหิม พวกเขาพากันคุกเข่าคารวะซูหมิง แม้จะอยู่กลางเสียงดังสนั่น แต่คลื่นเสียงจากพวกเขาก็ยังดังก้องอย่างไม่อาจควบคุมได้

“เทพหมาน!”

“เทพหมาน!”

“เทพหมาน!”

“กฏชะตาเผ่าหมาน หลอมรวมจุดสูงสุดแห่งโลกแท้จริง!” ดวงตาซูหมิงวาววับ เขายกมือขวาโบกไปรอบๆ ฉับพลันนั้นท่ามกลางเสียงดังสนั่นในโลกหมาน พลังแห่งกฏชะตาที่อัดแน่นอยู่ในฟ้าดินและรวมมาพันกว่าปี กระทั่งเทียบได้กับของหนึ่งร้อยหกสิบล้านคนข้างนอกโผล่มาพร้อมกัน พุ่งตรงเข้ามาหาซูหมิง

ภายในมีกฏชะตาหนึ่งร้อยหกสิบล้านสาย ภายนอกมีมือใหญ่แห่งโลกแท้จริง ดาราสัจธรรม ซูหมิงอยู่ตรงใจกลาง หลังจากรวมมาแล้วก็ปะทุเป็นพลังที่สั่นคลอนน้ำวนมรณะหยินได้

พลังนี้ทำให้มือใหญ่ที่คว้าโลกหมานขยายใหญ่ขึ้น และแทบจะกลายเป็นของจริง คว้าโลกหมานยกขึ้น!

เกาะนับไม่ถ้วน เผ่าหมานมากมายไปจนถึงฝุ่นละอองของโลกหมานลอยออกจากพื้นดินในทันใด เหลือไว้เพียงหลุมเว้ายักษ์ จากนั้นพุ่งออกจากมิติมรณะหยินที่บรรจุโลกหมาน

ซูหมิงกางสองแขน เส้นผมยาวปลิวไสว ร่างแน่นิ่ง แต่ตอนที่โลกหมานพุ่งออกมาจากมิติ ชาวเผ่าหมานทุกคนได้เห็น…โลกที่เดิมทีพวกเขามองไม่เห็น!

ภาพนี้เหมือนกับที่จ้าวหมานต้าอวี๋ในตอนนั้นกล่าวเอาไว้ตอนทำนายฟ้าหมาน โลกที่เขาเห็น คนอื่นมองไม่เห็น!

บางทีนั่นอาจเป็นเพราะเขาตาบอด แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาตาบอดจริงๆ โลกที่เขาเห็นจึงมีความหมายที่สืบต่อกันมาบางอย่าง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เวลานี้…ซูหมิงให้ชาวเผ่าหมานทั้งหมด ให้พวกเขา…ได้เห็นโลกที่ก่อนหน้านี้มีเพียงซูหมิงที่ได้เห็น!

เผ่าหมานที่กำลังคารวะหกแสนคนและยังมีชาวเผ่าบนเกาะที่นี่ที่มาคารวะ เทพหมานไม่ได้ ตอนนี้ทุกคนพากันเงยหน้ามองหมอกของน้ำวนมรณะหยิน มองรอบนอกโลกหมาน พวกเขาต่างลมหายใจกระชั้น เหม่อมองทุกอย่าง ข้างล่างพวกเขา หรือใต้แผ่นดินหมานนี้คือหลุมเว้ามิติที่ห่างกันไปเรื่อยๆ

หากมองภาพนี้จากที่ไกลๆ จะเห็นชัดว่าทั้งโลกหมานเหมือนกลายเป็นหินยักษ์ก้อนหนึ่ง บนหินคือแผ่นดินที่เหลืออยู่ของเผ่าหมาน และยังมีมรดกรวมถึงหมู่เกาะของเผ่าหมาน ตอนนี้หินกำลังพุ่งออกจากเผ่าหมาน พุ่งไปอยู่กลางพายุหมุน มรณะหยินกลางน้ำวนไม่มีสิ้นสุด

“ข้าจะพาพวกเจ้า…ไปดูโลกที่พวกเจ้าเคยมองไม่เห็น!” เสียงซูหมิงเข้าถึงหูชาวเผ่าหมานทุกคน ภายใต้เสียงคำรามด้วยความฮึกเหิมของพวกเขา ซูหมิงพาโลกหมานพุ่งทะยานอยู่ในน้ำวนมรณะหยิน

มือใหญ่ที่คว้าโลกหมานเอาไว้เต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจทำลาย ปล่อยให้น้ำวนนั้นลากผ่าน ปล่อยให้หมอกมรณะหยินกัดกร่อน แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย ซ้ำยังรักษาความเร็วที่มั่นคงลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทว่าน้ำวนมรณะหยินเข้าได้แต่ออกไม่ได้มาตลอด ต่อให้เป็นเผ่าเซียนในตอนนั้นก็ต้องใช้วงแหวนอาคมเดินทาง ข้ามผ่านน้ำวนมรณะหยิน ทว่าตอนนี้วงแหวนอาคมของเผ่าเซียนพังลงไปนานแล้ว ดังนั้นจึงต้องเดินทางกลับในน้ำวนมรณะหยิน ในด้านระดับความยาก ตอนนั้นซูหมิงก็เคยลองแล้วแต่ไม่สำเร็จ พวกศิษย์พี่ใหญ่ก็ลองแล้ว สุดท้ายต้องให้สามดวงจิตใหญ่ช่วยถึงออกไปได้

หากครั้งนี้ซูหมิงมาคนเดียวก็ไม่เป็นไร เขาสามารถออกไปได้แบบสบายๆ ถึงขั้นที่มีพันคนหมื่นคนหรือแสนคนไปด้วย มันก็ยากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ยังพาพวกเขาออกไปได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้…

ซูหมิงพาชาวเผ่าหมานทั้งหมดและยังมีแผ่นดินหมาน ดังนั้นจึงไม่ง่ายสำหรับเขา ความจริงก่อนที่จะมาเยือนโลกหมาน เขาไม่ได้มีความคิดจะเอาแผ่นดินไปด้วย แต่กฏชะตาที่รวมมาพันกว่าปีในโลกหมานกลับมอบโอกาสนี้ให้เขา

พลังแห่งโลกแท้จริงหลอมรวมกับกฏชะตาทำให้เขามีความสามารถทำเรื่องที่เป็นไม่ได้ให้เป็นไปได้!

แต่ว่าแรงดูดจากน้ำวนมรณะหยินกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่แผ่นดินลอยขึ้น เพียงชั่วครู่เดียว เกิดเสียงดังสนั่นจากแรงดูด เหมือนมีมือใหญ่อีกข้างคว้าแผ่นดินหมานเอาไว้ หมายจะกระชากลงไปที่เดิม

หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร แต่ขณะเดียวกับที่แรงดูดวนเวียนอยู่รอบๆ พลันเกิดช่องโหว่ขึ้นจากมิติจำนวนมากในน้ำวนมรณะหยิน มีเผ่าดุร้ายหน้ำตาประหลาดจำนวนมากพุ่งออกมา มุ่งหน้าไปยังแผ่นดินหมาน

เหมือนกับมีดวงจิตที่ซูหมิงสัมผัสไม่ได้วนเวียนอยู่ในน้ำวนมรณะหยิน เหนี่ยวนำให้เผ่าดุร้ายเหล่านั้นออกมาขวางซูหมิงอย่างบ้าคลั่ง

“เผ่าหมานฟังคำสั่ง สังหารผู้ที่มาขวางเผ่าหมานของเราให้หมด!” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาว เพียงสะบัดแขนเสื้อไป พลันมีแสงอบอุ่นปกคลุมแผ่นดิน หลังปกป้องชาวเผ่าที่อ่อนแอบนเกาะแล้วก็พูดขึ้นอย่างเด็ดขาด หากไม่ผ่านการสังหารก็จะไม่มีผู้แข็งแกร่งถือกำเนิด ตอนนี้ชาวเผ่าหมานยกระดับพลังทั้งหมดแล้ว แต่การยกระดับพลังจำเป็นต้องผ่านความเป็นตายถึงจะบรรลุถึงขั้นพลังตัวเองได้ อย่างแท้จริง ดังนั้นตอนนี้ซูหมิงปกป้องได้ แต่กลับไม่ปกป้อง

การจะออกจากน้ำวนมรณะหยินเพื่อไปดูโลกข้างนอกมีราคาต้องจ่าย ต้องให้ ชาวเผ่าหมานรู้ถึงความยาก แบบนี้ถึงจะทำให้เผ่าหมานมีความมั่นใจเผชิญหน้ากับอุปสรรคทุกอย่างในอนาคตระหว่างที่จะผงาดขึ้น อีกทั้งต่อให้ซูหมิงจะลงมือช่วยครั้งนี้ ให้ชาวเผ่าหมานอยู่ใต้การคุ้มกัน ก็จะไม่เกิดการบาดเจ็บใดๆ แต่เขาปกป้องเผ่าหมานไม่ได้ชั่วชีวิต ภัยพิบัติจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่จะกวาดล้าง ทั่วสามรกร้างใกล้จะมาถึงแล้ว ครั้งนี้…คือ บททดสอบ หากผ่านบททดสอบไม่ได้ เผ่าหมานก็ไม่มีคุณสมบัติเผชิญหน้ากับมหันตภัยต่อไป หากเป็นอย่างนั้น ถ้าจะตายด้วยมือของคนนอกเผ่า สู้ไม่ออกจากน้ำวนมรณะหยินเสียจะดีกว่า

“ชนเผ่าทุกมิติในน้ำวนมรณะหยินมีคนพลังอ่อนแอและแข็งแกร่ง ข้าจะจัดการ ผู้แข็งแกร่งที่ขั้นพลังเหนือกว่าพวกเจ้าสองขั้นเอง!

ผู้อ่อนแอก็มีพลังพอๆ กับพวกเจ้า หรืออาจจะสูงกว่าเล็กน้อย พวกเจ้าจงสังหารด้วยตัวเอง จงเลือกว่าจะรอดแล้วตามข้าออกไปจากที่นี่ ไปเป็นประจักษ์พยาน การผงาดขึ้นของเผ่าหมานข้างนอก หรือว่า…จะตายอยู่ที่นี่!

สิ่งที่เผ่าหมานต้องการไม่ใช่ดอกไม้ที่เติบโตภายใต้การปกป้อง แต่สิ่งที่ต้องการคือ…ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางพายุฝน!” น้ำเสียงซูหมิงมาพร้อมความเลือดเย็น คำพูดดังก้องในใจผู้ฝึกฌานเผ่าหมานหกแสนคน ทำให้ในดวงตาพวกเขาฉายประกายสีแดง จิตสังหารเด่นชัดกับกลิ่นอายพลังดิบเถื่อนปะทุออกมาจากตัว พวกเขาทุกคน

การผงาดขึ้นของเผ่าหมาน นี่แทบจะเป็นความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของ เผ่าหมานทุกคน ตอนนี้พวกเขาปะทุจิตสังหารที่รุนแรงที่สุดในชีวิตออกมา อย่างไม่ลังเล จิตสังหารนี้พุ่งขึ้นฟ้าไปยังชนเผ่าจากทุกมิติที่ตอนนี้กำลังพุ่งมาจากนอกแผ่นดินหมานกลางน้ำวนมรณะหยิน

โดยเฉพาะพวกหนานกงเหิน ขั้นพลังพวกเขายกระดับสูงสุด ตอนนี้เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ก่อนนำหน้าบินขึ้นไปด้วยจิตสังหาร และยังมีเผ่าชะตาชีวิตเหล่านั้น สำหรับพวกเขาแล้วการต่อสู้ไม่ถือว่าเท่าไร เผ่านอกก็ดี สัตว์ทะเลก็ดี พันกว่าปีมานี้พวกเขาสังหารไปเยอะมาก ตอนนี้ต่างพุ่งออกไปด้วยสีหน้ำเย็นชา ร่างเงาตรงดิ่งไปยังน้ำวนประหนึ่งลูกธนูออกจากคันศร

ฟางชางหลันหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังฝืนทนเอาไว้ นางยิ้มมองทุกอย่าง แต่ด้วยควมอ่อนแอของนาง ซูหมิงจะไม่เห็นได้อย่างไร แทบเป็นขณะเดียวกับที่ ผู้ฝึกฌานหกแสนคนพุ่งออกไป ซูหมิงขยับวูบไหวไปปรากฏข้างฟางชางหลัน จับมือนางเอาไว้

กลิ่นอายพลังแสงสว่างหยางบริสุทธิ์หลอมรวมเข้าไปในร่างกายนาง หล่อหลอมกับกลิ่นอายมรณะหยิน กลายเป็นพลังชีวิตของนาง ด้วยการหลั่งไหลของพลังชีวิต นางจึงมีสีหน้าดีขึ้นเรื่อยๆ นางเงยหน้ามองซูหมิงพลางกัดริมฝีปากล่างเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

“ข้ารู้ ร่างกายเจ้าต่างจากเผ่าหมานเล็กน้อย หรืออาจพูดได้ว่า…เจ้าไม่ใช่ ผู้ฝึกฌานของเผ่าหมาน เทียบกับพวกเขาที่สืบเชื้อสายกันมาในแดนมรณะหยินจนชินกับกลิ่นอายมรณะหยินเหมือนกับคนตายแล้ว เจ้า…มีพลังแห่งแสงสว่างหยางของโลกภายนอก” ซูหมิงมองฟางชางหลันพร้อมเอ่ยเสียงเบา

จุดนี้ เขารู้ตั้งแต่ตอนที่โลหิตเขาหยดบนนิ้วฟางชางหลันแล้วระเหยหายไปทันทีแล้ว

“ดังนั้น ก่อนหน้านี้ที่กลิ่นอายพลังโลกแท้จริงเข้ามา แม้จะถูกข้าเปลี่ยนไปแล้วเพื่อให้เข้ากับชาวเผ่าหมาน แต่ก็ยังไม่เข้ากับเจ้า ตอนนี้กลิ่นอายมรณะน้ำวน มรณะหยินเข้มข้น เจ้าเลยยิ่งไม่สบายตัวไปใหญ่” ซูหมิงมองฟางชางหลัน อย่างอ่อนโยน ขณะกล่าว โลกหมานกำลังพุ่งทะยานอยู่ในน้ำวนมรณะหยิน ด้านบน มีเสียงคำรามแหลมและเข่นฆ่าดังแว่วมา นั่นคือชาวเผ่าหมานหกแสนคนกำลังทำสงครามเป็นตายกับตัวประหลาดจากเผ่าข้างนอก

“แต่ว่า….”

“ข้าจะต้องปรับตัวได้!” ฟางชางหลันสูดลมหายใจเข้าลึก นางมองซูหมิงพลางพูดขึ้นอย่างจริงจัง ท่าทางจริงจังของนางทำให้ใบหน้าทีเดิมทีงดงามอยู่แล้วมีเสน่ห์ น่าหลงใหลเพิ่มมา

ซูหมิงมองฟางชางหลันด้วยรอยยิ้มบางๆ จับมือนางพร้อมพูดต่อเบาๆ

“ยังเข้ากับมันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้าจะให้ฟ้าแห่งนี้เข้ากับเจ้าเอง” ซูหมิงตอบกลับพร้อมยกมือซ้ายชี้ไปข้างบน ทันใดนั้นเกิดสายลมจากนิ้วขึ้น มันทะลวงผ่านระหว่างชาว เผ่าหมานจนไปถึงระหว่างคิ้วชายร่างกำยำที่มีสี่แขนคนหนึ่ง ชายร่างกำยำคนนั้นมีพลังเทียบเท่าขั้นกุม กำลังแสยะยิ้มจะลงมือสังหารผู้ฝึกฌานระดับดินเผ่าหมาน คนหนึ่ง แต่แทบจะเพิ่งขยับตัว ก็เกิดเสียงดังโครมตรงระหว่างคิ้ว ทั้งหัวเขา ระเบิดออก…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!