Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1299

ตอนที่ 1299 เจ้าไม่ควร!

พลิกมือเป็นเมฆา คว่ำมือเป็นห่าฝน(1) การมาของซูหมิงเปลี่ยนแปลงกฏไร้รูปอย่างเงียบเชียบ อันดับแรกสร้างความตกใจแก่ผู้ฝึกฌานล้านคน ต่อมาจักรพรรดิ รุ่งอรุณเหยียนเผยแปลกไป ทุกอย่างนี้ เมื่อซูหมิงมององค์ชายสาม เมื่อสองคน สบตากัน เหมือนกับภูเขาไฟเงียบ…ที่เผยสัญญาณการปะทุมารางๆ

“เจ้าหาญกล้านัก บุกเข้ามาในดาวจักรพรรดิยมโลกของข้าแล้วโอหังเช่นนี้ อยากรู้นักว่าเจ้าจะมีอภินิหารใดบ้าง” ผู้ยิ่งใหญ่โลกนี้ดวงตาฉายแววเย็นชา แต่ระงับความตึงเครียดในใจไว้ ด้วยพลังและมันสมองของเขา จะมองไม่ออกถึงความน่ากลัวของซูหมิงได้อย่างไร แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว ตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้ โดยเฉพาะซูเซวียนอีอยู่เบื้องหลัง เขาจึงได้แค่ทำใจดีสู้เสื้อพูดออกไป นอกจากนี้ ในใจเขา ความแกร่งของซูเซวียนอีหยั่งลึกไม่อาจคาดเดา เทียบกับคนตรงหน้าแล้ว เขาเอียงไปทางซูเซวียนอีมากกว่าที่ได้เปรียบ

กระทั่งในใจเขายังมีอีกความคิดหนึ่ง อีกฝ่ายมาด้วยวิธีการน่าตะลึงเช่นนี้คงจะเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ หากซูเซวียนอีแข็งแกร่งทุกอย่างจะไร้อุปสรรค แต่หาก ซูเซวียนอีแพ้…เช่นนั้นนี่อาจเป็นโอกาสของตน

ชั่วขณะที่ความคิดต่างๆ วนเวียนในหัว ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้พลันขยับเท้าพุ่งเข้าไปใกล้ซูหมิง ก่อนยกมือขวาขึ้นสะบัดแขนเสื้อ พลังมหาศาลหลั่งทะลักมาในทันใด กลายเป็นรูปปั้นยมโลกยักษ์ตรงหน้าพุ่งทะยานกดไปทางซูหมิง แต่ไม่ได้มีจิตสังหารมากนัก เหมือนว่าเพียงแค่อยากให้ซูหมิงถอยเท่านั้น เกิดเสียงสูงดังสนั่นสะเทือน แก้วหูในพริบตา ขณะรูปปั้นยมโลกเข้าไปใกล้ ซูหมิงไม่ มองผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่หางตา แต่ยกมือขวาชี้ไปแบบตามอำเภอใจ

เพียงชี้ไป ฟ้าดินเปลี่ยนสี เกิดเมฆลมโหมกระหน่ำ บนฟ้าทั้งดาวแท้จริงเหมือนเจตนารมณ์สวรรค์มาเยือน กลายเป็นน้ำวนยักษ์หมุนวนส่งเสียงดังสนั่น ดวงจิตน่าตะลึงลงมาเยือนแล้วกดไปทางผู้ยิ่งใหญ่เบาๆ ตามนิ้วซูหมิง

เมื่อกดไป เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น รูปปั้นยมโลกของผู้ยิ่งใหญ่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขากระอักเลือดมาหนึ่งคำ ร่างกายตะลึงค้างกับภาพดวงจิตบนฟ้ามาเยือนจน หลบไม่ได้ จึงชนเข้ากับดวงจิตไร้รูปโดยตรง ทั่วร่างสั่นสะท้าน กระอักเลือดต่อเนื่องกันเจ็ดแปดคำ ร่างกายยังลอยไปราวว่าวเชือกขาด ถูกโยนไกลออกไป ขณะอยู่กลางอากาศโลหิตทั่วร่างเขาถูกขับออกมาอย่างรวดเร็ว ร่างเงาไปตกอยู่ ใต้ต้นไม้โบราณ จมหายไปในทะเลโบราณ

‘ถือว่าเป็นคนเหลี่ยมจัด ใช้อภินิหารที่ไม่แฝงไว้ด้วยจิตสังหารมากนักล่อให้ข้าลงมือ คงแน่ใจอยู่เล็กน้อยว่าข้าจะไม่สังหารเลยเดิมพัน ซ้ำยังไม่หลบแต่บุกเข้ามา การบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ทำให้สู้ต่อไปไม่ได้อีก ทำให้แม้ตอนสุดท้ายซูเซวียนอีจะชนะก็ทำอะไรเขาไม่ได้ หากข้าชนะก็หาประโยชน์อะไรจากเขาไม่ได้’ ซูหมิงมองความคิดของผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ออกในแวบเดียว แต่ก็ไม่เปิดโปง ทุกคนล้วนใช้โอกาสในการเลือกตอนเผชิญหน้ากับอันตราย ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เลือกแบบนี้ก็ถือว่าเข้าใจแจ่มแจ้ง

หลังซูหมิงกดนิ้วให้ดวงจิตลงมาเยือนกับผู้ยิ่งใหญ่กระอักเลือดร่างม้วนตกลงไปในมหาสมุทรแล้วนั้น ผู้ฝึกฌานล้านคนรอบๆ ที่ต่างตกตะลึงล้วนหน้าเปลี่ยนสี อย่างรุนแรง ต่างพากันมีสีหน้าตกใจกลัว

พวกเขาไม่รู้จักซูหมิง แต่ยามนี้ ร่างเงาซูหมิงกลายเป็นฝันร้าย บีบประทับตราในสมองพวกเขากลายเป็นนิรันดร์

องค์ชายสามเงียบ เหมือนว่าไม่ได้สนใจทุกอย่างมากนัก จักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยมีท่าทีรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ เขารู้ถึงความน่ากลัวของซูหมิงนานแล้ว ยามนี้ในใจเกิดการชื่นชมเสี้ยวหนึ่งต่อผู้ยิ่งใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้สนใจ แอบคิดในใจว่า คนนี้รู้จักความสำคัญในเหตุการณ์ ภายภาคหน้าอาจจะบ่มเพาะได้

แต่ซูเซวียนอีกลับหรี่ตาลง เผยประกายเย็นชาดุจปลายเข็มจ้องซูหมิง

“แซ่ซูมาที่นี่เพียงเพื่อสามเรื่อง” ซูหมิงเบนสายตาจากองค์ชายสามไปมองซูเซวียนอี ผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจคาดเดาในสายตาเขาในอดีต ตอนนี้เป็นเพียงเรื่องตลก

ความมหึมาของช่องโหว่สามรกร้าง การซ่อนตัวของทั้งสำนักดาราสัจธรรม การสอดแนมและแผนการต่อดวงจิตโลกแท้จริงดาราสัจธรรม การขวางการมาเยือนของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณที่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นฝีมือของซูเซวียนอีตรงหน้า

การใช้ประโยชน์ตน ทุกอย่างเหล่านี้ รวมถึงการบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต ทุกเรื่องราวในอดีตลอยขึ้นมาในความคิดซูหมิง กลายเป็นฝุ่นละออง

“เรื่องแรก ข้าจะพาอวี่เซวียนไป เจ้าดูแลอวี่เซวียนมาหลายปี เรื่องนี้ข้าต้องแจ้งเจ้า” ซูหมิงลูบผมอวี่เซวียนแล้วพูดขึ้นช้าๆ ด้วยแววตาสงบนิ่ง

“เรื่องที่สอง ข้าจะคืนของที่เจ้าให้ไว้กับข้ามานานมากกับเจ้า” ซูหมิงพูดพลางยกมือขวาคว้าอากาศ ทันใดนั้นเตาหลอมลำดับห้าปรากฏขึ้นกลางมือซ้าย เปลวเพลิง โอบล้อมเตาหลอม มันถูกลดขนาดลงมาก ตอนนี้ลอยอยู่ในมือซูหมิง ปล่อยให้ เปลวเพลิงวนเวียนรอบมือซ้ายตน ก่อนผลักไปข้างหน้าด้วยสีหน้ายังคงราบเรียบ

“ในนี้มีร่างแยกของเจ้าคนหนึ่ง และก็มีร่างที่รอฟื้นคืนชีพของภรรยาเจ้า ของสำคัญแบบนี้ ไฉนเจ้าให้ไว้กับข้า ไม่มีคำพูดจะเอากลับไปแม้แต่น้อย หรือว่า…เจ้าไม่อยากได้รึ” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ เขามองออกถึงความรู้สึกซับซ้อนที่ซูเซวียนอีมีต่อ เตาหลอมลำดับห้า มองออกว่าซูเซวียนอีไม่อยากเผชิญหน้ากับเตาหลอมลำดับห้า ฉะนั้น…จึงไม่สนใจไม่ถามไถ่

ซูเซวียนอีมองเตาหลอมลำดับห้าที่ลอยเข้ามาด้วยสีหน้ามืดทะมึนขึ้นเรื่อยๆ แต่มีเพียงเขาที่รู้ว่ามีความซับซ้อนและขมขื่นอยู่ใต้ความมืดทะมึนนี้

ทันทีที่องค์ชายสามเห็นเตาหลอมลำดับห้าและได้ยินคำพูดซูหมิง ทั่วร่างเขา สั่นสะท้าน พลันมองไปด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจ

“แซ่ซูจัดการสองเรื่องแรกเสร็จแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงเรื่องที่สาม…จบบุญคุณความแค้นกับเจ้า” ซูหมิงมองซูเซวียนอี ทันทีที่พูดจบ ซูเซวียนอีเงยหน้าหัวเราะ เสียงดัง

รอยยิ้มเต็มไปด้วยความกำเริบเสิบสานและประมาท ซ้ำยังมีควมโอหังเหนือผู้ใด เหมือนกำลังหลงระเริงกับการเล่นกับชีวิตคนและกุมอยู่ในมือ

“ลูกทรพี เจ้า…”

“ถึงตอนนี้แล้ว เจ้าพูดแบบนี้ยังจะมีความหมายอะไรอีก?” ซูหมิงยังคงสีหน้าสงบนิ่ง แต่ความหนาวเยือกขณะกล่าวกลับทำให้ซูเซวียนอีเงียบลงโดยจิตใต้สำนึก จ้องซูหมิงอยู่พักหนึ่งก็ยิ้มเยาะ

“สมกับเป็นบุตรที่ซูจ้านกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าวิญญาณฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณมั่วโลกีย์กันจริงๆ มีทั้งพรสวรรค์อภินิหารเผ่ายมโลก มีทั้งพลังวิญญาณไม่ดับสูญของเผ่าวิญญาณอันแก่กล้า โดยเฉพาะการเติบโตที่เผ่าหมานทำให้เจ้ามีพลังหมานของเผ่าหมาน ทะเลดาราต้นกำเนิดจิตทำให้เจ้าเรียนรู้ความเจ้าเล่ห์ ไม่เลว ในด้านนี้ เจ้าไม่ด้อยไปกว่าทายาทแท้จริงของข้าสักเท่าไร เช่นนั้นข้าอยากรู้มากว่าเจ้าจะจบบุญคุณความแค้นนี้อย่างไร?” ซูเซวียนอียิ้มเยาะพร้อมยืนขึ้นปานภูเขาสูงตระหง่าน ต่อให้ตอนนี้ซูหมิงมาที่นี่ ต่อให้เขาเห็นถึงความแกร่งของซูหมิงกับตา แต่ความโอหังก็ยังทำให้เขาไม่เผยความอ่อนแอแม้แต่น้อย แต่ยังคงแข็งแกร่งดั่งในอดีต

ซูหมิงเงียบ เขาก้มหน้ามองอวี่เซวียนด้วยแววตาอ่อนโยน

“เจ้าใช้ประโยชน์ข้าได้ ให้ข้าบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตของเจ้าได้ ให้ข้าทำเรื่องที่เจ้าหวังให้ข้าทำทุกอย่างได้ แต่เจ้าไม่ควร…บอกว่าเจ้าคือบิดาข้า” ตอนที่ซูหมิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายเย็นชา ชั่วขณะที่เอ่ยออกไป เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว ด้วยความเร็วของเขาพริบตาเดียวก็มาปรากฏตรงหน้าซูเซวียนอี ก่อนยก มือขวาขึ้นกดไปยังหน้าอกอีกฝ่าย

เมื่อกดลงไป ซูเซวียนอีเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า เขาเตรียมป้องกันอย่างสุดกำลังนานแล้ว แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงเข้ามา เขาบีบหยกโบราณที่โผล่มาในมือเมื่อใดไม่รู้ทันที

หยกโบราณนี้เกิดรอยร้าวลายหนึ่ง ไม่ได้แตกออกทั้งหมด ฉับพลันนั้นเองปรากฏร่างเงาแปดหัวยักษ์ตนหนึ่งข้างหลัง พอร่างเงานี้ปรากฏพลันปะทุแรงกดดันและ พลังน่าตะลึง ความแกร่งของพลังทะยานถึงขั้นไม่อาจกล่าว ทำให้จักรพรรดิรุ่งอรุณ เหยียนเยยดวงตาวาววับ ทำให้แรงกดดันต่อผู้ฝึกฌานล้านคนรอบๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ฟ้าดินสั่นสะเทือน ผืนฟ้าเปลี่ยนสี และยังทำให้กฏรอบๆ ปั่นป่วน นี่คือหนึ่งในอาวุธสังหารของซูเซวียนอี เขาเป็นคนทะเยอทะยานแห่งโลกนี้ กล้าวางแผนต่อ โลกแท้จริงดาราสัจธรรม กล้าเปิดช่องโหว่สามรกร้าง คนแบบนี้จะไม่มีตัวหนุน ทรงพลังได้อย่างไร

ตอนนี้ซูเซวียนอีไม่เก็บงำอะไรเอาไว้อีก เมื่อปรากฏร่างเงาแปดหัว มันหลอมรวมเข้าไปในร่างซูเซวียนอีแล้วมาปรากฏกายอยู่ระหว่างเขากับซูหมิง ก่อนปะทะกับ ฝ่ามือซูหมิง

โครม!

ท่ามกลางเสียงครึกโครมดังสนั่น ร่างเงาแปดหัวระเบิด ฝ่ามือซูหมิงเหมือนจะทำลายได้ทุกอย่าง หลังร่างเงาแปดหัวที่แผ่กลิ่นอายพลังแก่กล้าระเบิดกระจุย มือซูหมิงถึงกดตรงหน้าอกซูเซวียนอี

ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ซูเซวียนอีกระอักเลือด ร่างซวนเซถอยไปอย่างรวดเร็ว หน้าเปลี่ยนสีต่อเนื่อง ดวงตาหรี่ลง สีหน้าดูตกใจกลัวเป็นครั้งแรก

“เจ้ามีขั้นพลังระดับใด!” เขาไม่กลัวไม่ได้แล้ว ร่างเงาแปดหัวมาจากหยกโบราณ หยกโบราณนี้มิใช่ของยุคนี้ แต่มาจากยุคก่อน ร่างเงาแปดหัวที่ปรากฏกายก็มี พลังไม่อาจกล่าว แม้จะอยู่ในเวลาสั้นๆ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ทำให้เขาก้าวสู่ขั้น ไม่อาจกล่าว สู้กับจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยได้

ประกอบกับสิ่งนี้มาจากยุคก่อน ดังนั้นกฏจึงต่างกับยุคนี้ มันลดกำลังดวงจิตของยุคนี้ลงไปได้มาก ดังนั้นในมุมมองซูเซวียนอี จึงมีไว้ใช้จัดการกับซูหมิงที่ยึดครอง โลกแท้จริงดาราสัจธรรมโดยเฉพาะ

แต่ว่า…เขานึกไม่ถึงเลยว่าร่างเงาแปดหัวขั้นไม่อาจกล่าวจะพังลงด้วยฝ่ามือเดียวตรงหน้าซูหมิง!

ภาพเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผย เขาถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ได้ยืนยันอีกครั้งแล้วว่าความน่ากลัวของซูหมิงไม่ใช่ภาพหลอนของร่างแยกตน แต่นี่คือ จุดสูงสุดในยุคนี้จริงๆ!

ท่านปู่โม่ซังข้างๆ เหม่อมองซูหมิง สีหน้าดูปลื้มใจทีละน้อย เผยการผ่านโลก มาเนิ่นนานเหนือกว่าอายุเขา…

และยังมีผู้ยิ่งใหญ่ใต้ต้นไม้โบราณที่ตอนนี้เพิ่งลอยขึ้นมาบนผิวทะเล ซ้ำยัง แผ่จิตสัมผัสบางๆ เพื่อสังเกตข้างบน หลังเขาเห็นภาพนี้แล้วในใจพลันสั่นไหว ก่อนยกมือขวาตบหน้าอกตัวเองโดยไม่ลังเลทีหนึ่ง เขากระอักเลือดและจมลงก้นทะเลต่อไป

(1) กลับร้ายกลายดีอย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!