Skip to content

สู่วิถีอสุรา 339

ตอนที่ 339 ยินดีต้อนรับสู่เมืองหมอกนภา

การปรากฏตัวของซูหมิง ไม่เพียงแต่ชายร่างกำยำผู้รักษาการณ์ที่คาดไม่ถึง แม้แต่ชาวเผ่าเชมันคนนั้นก็ยังไม่ทันสังเกตเห็น ทว่าชาวเผ่าเชมันคนนั้นเชี่ยวชาญในการต่อสู้ เขายิ้มเยาะแล้วสับขวานใส่ซูหมิงอย่างไม่ลังเล ตอนอธิบายช้าทว่าความจริงเร็วกว่านั้น ขวานห่างจากซูหมิงไม่ถึงหนึ่งฉื่อแล้ว!

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง กระบี่เล็กแสงดำกะพริบในมือขวา ขณะเดียวกับที่ขวานสับลงมา กระบี่เล็กก็พุ่งไปทางระหว่างคิ้วชาวเผ่าเชมัน ในสายตาผู้อื่น เหตุการณ์นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการวัดกันว่าใครเด็ดเดี่ยวกว่ากัน!

ใครเด็ดเดี่ยวกว่า คนนั้นมีสิทธิ์รอด!

หากชายร่างกำยำกลัวก่อนแล้วฝืนหลบ ขวานที่สับลงจะต้องเสียหลัก ทว่าก็ยังดีกว่าตาย

หากซูหมิงกลัวก่อนแล้วหลบก็จะเสียโอกาสในครั้งนี้ไป ชาวเผ่าเชมันคนนั้นต้องมีกำลังที่ไม่อาจต้านทานไหวแน่

แต่หากไม่มีใครหลบ การต่อสู้ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสองคนต้องตายตกไปพร้อมกัน!

ชายรักษาการณ์ร่างกำยำด้านหลังซูหมิงอึ้งไป เขาเตรียมระเบิดตัวเองเรียบร้อยแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าคนที่ตนขวางไม่ให้เข้าสงครามเมื่อครู่พลันมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

โดยเฉพาะเกราะบนตัวซูหมิง ทำให้ชายร่างกำยำมองออกในแวบเดียว นี่มันคือเกราะแม่ทัพเทพ!

เขายังไม่ทันกล่าวอะไร นัยน์ตาชาวเผ่าเชมันฉายแววบ้าคลั่ง ไม่สนใจกระบี่เล็กแสงดำที่ตรงมายังระหว่างคิ้วแม้แต่น้อย เสียงโครมดังขึ้นพร้อมกับขวานที่สับลงบนตัวซูหมิง

เสียงระเบิดดังก้องอีกครั้ง ซูหมิงหยุดชะงักและเซถอยหลังไปหลายก้าว โลหิตไหลมาจากมุมปาก ตัวเขากลับไม่มีบาดแผลใดๆ เกราะตรงหัวไหล่ที่ถูกขวานสับเป็นรอยแยกเท่านั้น ทว่าก็เชื่อมเข้าหากันด้วยความเร็วระดับสายตาเห็น

ส่วนชาวเผ่าเชมันผู้นั้นไม่มีโอกาสได้เห็นภาพนี้ สีหน้าเขายังคงบ้าคลั่ง ตรงระหว่างคิ้วเป็นโพรงลึก โลหิตหลั่งทะลัก หากแต่นั่นมิใช่สิ่งที่พรากชีวิตเขา เพราะช่วงที่สับขวานลง ปรากฏกริชหนึ่งเล่มด้านหลังแล้วเฉือนคอเขา ขณะเดียวกับที่หว่างคิ้วถูกทะลวง ศีรษะก็ถูกคนข้างหลังตัดลง

กระบี่เล็กแสงดำทะลวงผ่านศีรษะชาวเผ่าเชมัน เฉียดผ่านใบหน้าของผู้ที่ปรากฏตัวด้านหลังชาวเผ่าเชมัน ฝากรอยแผลเล็กๆ หนึ่งรอยไว้

ผู้ที่ปรากฏตัวด้านหลังชาวเผ่าเชมันคนนั้น ซูหมิงเคยพบมาก่อน บุคคลนี้คือรักษาการณ์อีกคนที่มาขวางเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้

ชายวัยกลางคนมีแววตาเย็นชา แต่สีหน้าเย็นชายิ่งกว่า ไม่สนใจรอยแผลบนใบหน้าแม้แต่น้อย หลังมองซูหมิงแวบหนึ่งค่อยยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นดุร้ายเล็กน้อย ทว่าไม่มีเจตนาร้าย

“ยินดีต้อนรับสู่เมืองหมอกนภา!” ขณะกล่าวเขาโยนศีรษะให้ซูหมิง เมื่อซูหมิงรับไว้แล้ว เขาก็หมุนตัวทะยานไปยังชาวเผ่าเชมันอีกคน

“เก็บศีรษะพวกมันเอาไว้ นี่เป็นหลักฐานสำคัญในการบันทึกวีรกรรมในสงคราม!” ชายร่างกำยำที่ซูหมิงช่วยกล่าวขึ้น บุคคลนี้มีสีหน้าซาบซึ้งใจ เผยยิ้มน้อยๆ อย่างสดใสให้ซูหมิง

“ดีที่ไม่ได้ไล่เจ้าไปก่อน มิเช่นนั้นวันนี้ข้าคงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ ข้าชื่อจางเทียนถ่า ยินดีต้อนรับสู่เมืองหมอกนภา!” ชายร่างกำยำหัวเราะเสียงดัง ยกมือขวาขึ้น ซูหมิงก็ยกมือขวาเช่นกัน หลังจากทั้งสองคนแปะมือกันแล้วก็แยกกันเข้าสู่สนามรบไปคนละทาง

จากการแปะมือครั้งนี้ ซูหมิงรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของชีวิต แรงสั่นสะเทือนเป็นของจางเทียนถ่า เป็นของสงครามเข่นฆ่า ซูหมิงหมุนตัวกลับ ดวงตาขวามีสีแดงโลหิต บนตัวมีหมอกดำโอบล้อม เกราะแม่ทัพเทพรวมขึ้นเป็นอาคมเสริม ทำให้มีพลังป้องกันในระดับสูงสุด

อีกทั้งใต้เกราะแม่ทัพเทพยังมีระฆังเขาหานขยับวิบวับ มีระฆังนี้อยู่จะทำให้การป้องกันของซูหมิงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้น! แสงดำขยับวูบวาบข้างกายเขา เป็นกระบี่เล็กบินวนรอบตัว

ขณะเดินหน้า มีชายหนุ่มเผ่าเชมันคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา ชายหนุ่มคนนี้สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ มือขวาเป็นสีดำทึบ ด้านบนมีงูเล็กสีแดงกัดอยู่ราวกับกำลังส่งพิษเข้าไป แขนซ้ายเขามิใช่สีดำ ทว่ากลับพองบวม ด้านบนมีตะขาบสีสันแพรวพราวเหมือนกัดเอาไว้แน่น บนใบหน้าชายหนุ่มมีลายสักพิลึก ดูไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ให้ความรู้สึกเหี้ยมโหด เขาเพิ่งสังหารชาวเผ่าหมานไปคนหนึ่ง หลังจากเด็ดศีรษะแล้วก็ยิ้มเยาะพุ่งตัวมาทางซูหมิงต่อ

ทั้งสองคนพลันเข้าประชิดตัวกัน แสงดำขยับแสงตรงไปยังศีรษะชาวเผ่าเชมันคนนั้น ทว่าชายหนุ่มเชมันกลับคำรามเสียงต่ำ ยกมือขวาขึ้นเข้ารับกระบี่ แขนขวาพลันระเบิดกระจุย กลายเป็นของเหลวสีดำแตกกระจายโดยรอบ

เมื่อกระบี่เล็กสัมผัสกับของเหลวสีดำ มีเสียงซ่าๆ ดังขึ้นและเริ่มแกว่งไกว ขณะเดียวกับที่เกราะแม่ทัพเทพของซูหมิงโดนของเหลวสีดำ ก็พลันเกิดเป็นจุดเว้าลงไปเหมือนถูกกัดกร่อน ดีที่ระฆังเขาหานสกัดกั้นพิษเอาไว้ได้

ยามนี้แขนขวาชายหนุ่มหายไป กลับมีเนื้ออ่อนขยับไหวอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับจะงอกออกมาใหม่อีกครั้ง ชายหนุ่มเชมันรวดเร็วยิ่งนัก พริบตาเดียวก็เข้าใกล้ซูหมิงอีกครั้ง แล้วอ้าปากพ่นหมอกพิษ หมอกนั้นกลายเป็นใบหน้าผีร้ายตรงเข้าใส่ซูหมิง

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย พลันถอยหลังหลายก้าว ก่อนยิ้มเยาะพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้า เขาเหมือนจะพุ่งตัวไปยังหมอกพิษ ทว่าความจริงแล้วการถอยหลังและเดินหน้าด้วยความเร็วน่าตะลึงของซูหมิงกลับทำให้เกิดลมพายุ

แม้หมอกพิษจะน่าอัศจรรย์จนลมธรรมดาไม่อาจพัดหายไป ทว่าลมที่เกิดจากความเร็วสูงของซูหมิงกลับพัดหมอกนั้นจนกระจัดกระจาย ก่อนซูหมิงทะลวงผ่านเข้าไปแล้วปรากฏตัวอยู่หลังชายหนุ่ม

ตอนที่ชายหนุ่มตะลึงงัน ซูหมิงยกมือขวาขึ้นแล้วกดศีรษะของอีกฝ่าย จากนั้นปล่อยพลังชำระล้างตอนปลายเข้าไป ทั้งยังมีกระบี่เล็กแสงดำพยายามฝืนบินเข้ามา ช่วงที่กระบี่เล็กทะลวงผ่านคอชายหนุ่ม ซูหมิงก็กระชากศีรษะออกจากตัว

กระทั่งศพชายหนุ่มไร้ศีรษะล้มลงกับพื้น ซูหมิงถือศีรษะทั้งใบหน้าซีดขาว ทว่าแววตากลับเย็นชา เขาหายใจถี่เล็กน้อย เสียงเข่นฆ่าโดยรอบดังสนั่น เสียงร้องโหยหวนดังก้อง ตอนที่เขาหยุดนิ่งมีแสงสีเหลืองตรงเข้ามาอย่างเร็วจากด้านหลัง

ภายในแสงสีเหลืองมีกระดูกสัตว์ลักษณะขนมเปียกปูน แหลมคมไร้ที่เปรียบ ตอนที่ซูหมิงยืนอยู่ในสนามรบเป็นครั้งแรก มันแทงใจกลางหลังเขา แม้มีเกราะแม่ทัพเทพขวางเอาไว้ ซูหมิงก็ยังโซเซไปด้านหน้าหลายก้าว มีโลหิตไหลมาจากมุมปาก

เขาพลันหมุนตัวกลับ จ้องไปทางจุดที่มาของกระดูกสัตว์ทรงขนมเปียกปูน พบว่าในกลุ่มคนกำลังเข่นฆ่ากัน มีชาวเผ่าเชมันสองคนกำลังร่วมมือกันโจมตีใส่ชายชราเผ่าหมานคนหนึ่ง ทั้งสองคนนี้หนึ่งสูงอีกหนึ่งเตี้ย แผดเสียงตะโกนผสานรวมกับโดยรอบ จึงได้ยินไม่ชัดนัก

ชายชราใบหน้าซีดขาว ตรงเคราย้อมด้วยโลหิตสด กำลังถอยหลังอย่างต่อเนื่อง

กระดูกที่ตรงเข้ามาเมื่อครู่มิได้ตั้งใจโจมตีใส่ซูหมิง แต่เพราะชายชราหลบได้จึงตรงมาถึงเขา

เหนือสนามรบของคนไม่ถึงพันมีเสียงระเบิดดังก้องรุนแรงยิ่งขึ้น ตรงนั้นเป็นสีดำทึบ บดบังสีท้องฟ้า ขณะหมอกดำหมุนตัว จะเห็นมังกรวารีตัวหนึ่งโผล่เงาให้เห็นเป็นบางครั้ง แผดเสียงคำรามไม่หยุด

คนที่ต่อสู้กับมังกรวารีเป็นชายวัยกลางคนหนึ่งในสี่ผู้แข็งแกร่งที่ปรากฏตัวในเมืองหมอกนภา ส่วนอีกสามคนก็อยู่ในหมอกดำเช่นกัน กำลังต่อสู้กับชาวเผ่าเชมันสามคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน

พวกเขาเหล่านี้มีขั้นพลังเหนือว่าเซ่นไหว้กระดูก ทะลวงสู่ขั้นวิญญาณหมานแล้ว ทว่าเป็นเพียงวิญญาณหมานตอนต้นเท่านั้น ทุกระดับของขั้นวิญญาณหมานจะต่างกันมาก เปรียบได้กับหนึ่งขั้นพลังใหญ่เลยทีเดียว

ซูหมิงจ้องชาวเผ่าเชมันสองคนในกลุ่มคน นัยน์ตามีจิตสังหารเป็นแสงโลหิต เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว เงาพลันหายวับไป แทบจะทันทีที่หายไป มีนักรบเชมันคนหนึ่งปล่อยหมัดเข้าใส่ซูหมิง แต่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเงาเท่านั้น

หลังจากปล่อยหมัดไปแล้วก็มีสีหน้ามึนงง ทว่าเขากลับไม่มีโอกาสได้คิดอะไรมาก ชาวเผ่าหมานคนหนึ่งเลือกระเบิดตัวเอง ระลอกคลื่นกระแทกใส่เขา ทำให้กระเด็นถอยไปอย่างต่อเนื่อง แล้วไปตายด้วยลูกธนูที่ยิงมาจากที่ใดไม่รู้

ด้วยความเร็วของซูหมิง เขาข้ามผ่านเงาคนที่กำลังเข่นฆ่ากันไปจำนวนมาก จนมาอยู่ด้านหลังเผ่าเชมันสองคนที่กำลังจะสังหารชายชราเผ่าหมาน ทั้งสองคนนี้มีใบหน้าบ้าคลั่ง อีกทั้งยังรู้ใจกันอย่างยิ่ง ในสงครามครั้งนี้มีชาวเผ่าหมานตายในมือพวกเขาไม่ต่ำกว่าสิบคนแล้ว

ยามนี้ในผลการรบของพวกเขามีเพิ่มมาอีกหนึ่ง ชาวเผ่าเชมันตัวค่อนข้างเตี้ยไหวตัววูบผ่านชายชราและเด็ดศีรษะฝ่ายตรงข้ามมา เขาถือศีรษะพลางแสยะปากหัวเราะเสียงดัง ทว่าตอนส่งเสียงหัวเราะ สหายเขาก็หัวเราะเช่นกัน เพียงแต่ดวงตาพลันเบิกกว้าง ก่อนจะอ้าปากร้องตะโกนพุ่งไปยังสหายชาวเผ่าเชมันตัวเตี้ย

เห็นเพียงด้านหลังชาวเผ่าเชมันตัวเตี้ยมีเงาซูหมิงเดินเข้ามา ดวงตาแดงก่ำ ช่วงที่ปรากฏตัวแสงดำขยับวิบวับ หลังจากกระบี่ทะลวงผ่านใจกลางหลังแล้ว ก็บินวนแล้วทะลวงผ่านระหว่างคิ้วอีกครั้ง

บุคคลนี้มีขั้นพลังไม่ธรรมดา ทว่าในสงคราม ขั้นพลังของทุกคนมีประโยชน์ก็จริง แต่ก็มิใช่ทั้งหมด โชค ความเด็ดขาด ความระวัง และการสังเกต สาเหตุเหล่านี้ต่างหากที่เป็นตัวสำคัญว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ จะขาดไปเพียงอย่างเดียวไม่ได้

เมื่อสังหารชาวเผ่าเชมันตัวเตี้ยแล้ว สหายของเขาก็คำรามพุ่งตรงเข้ามา นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา

“เหอเฟิง!” ขณะเดียวกับที่ซูหมิงกล่าว ด้านหลังชาวเผ่าเชมันพลันมีเงามืดคล้ายอ้าปากกว้างเขมือบลงมา ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้น ซูหมิงไม่สนใจ เขาเคลื่อนตัวไปอีกทางหนึ่ง

“ควบคุมเขาแล้วก็ทำลายใบหน้ากับลายสักเชมัน จากนั้นตามข้ามา!” หลังจากซูหมิงไป มีเสียงคำสั่งเย็นชาดังขึ้นข้างหูเหอเฟิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!