Skip to content

สู่วิถีอสุรา 376

ตอนที่ 376 หน้าประตูบ้านตัวเอง

ทางเหนือห่างจากเทือกเขาของถ้ำซูหมิง บนท้องฟ้ายามนี้ กลุ่มคนที่นำโดยชายวัยกลางคนกำลังจากไปอย่างรวดเร็ว เกรงว่าหากไปช้าอาจทำให้ผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลางไม่พอใจ

ตอนนี้บินออกมาเกือบหนึ่งหมื่นจั้ง พวกเขาจึงชะลอความเร็วลง บ้างก็หันไปมองด้านหลัง ระยะห่างหนึ่งหมื่นจั้งทำให้ทุกอย่างขมุกขมัว หากไม่มีขั้นพลังที่มากพอจะเห็นเพียงภาพไกลๆ

“ท่านเชมันระดับต้น จะทำอย่างไรดี” ชาวเผ่าข้างกายชายวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้ากังวลใจเล็กน้อย

“ใช่ ท่านเชมันระดับต้น ครึ่งปีก่อนตรงนั้นยังปกติอยู่เลย ทว่าเหตุใดตอนนี้ถึงปรากฏผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลาง…”

“หรือว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เผ่ากระเรียนดำเชิญมา คิดจะยึดครองที่นั่น!”

“เอาละ หุบปาก!” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว มีสีหน้าจนปัญญา มองชาวเผ่าข้างกายแวบหนึ่ง ก่อนมองทอดไกลไปตรงเทือกเขาของซูหมิง แล้วถอนหายใจ

“บางทีเขาอาจจะมาฝึกฝนเพียงชั่วคราว อีกไม่นานก็คงไป ถึงอย่างไรที่กันดารแบบนี้คงไม่มีอะไรดึงดูดให้ผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลางอยู่นานนัก ไปเถอะ กลับเผ่านำเรื่องนี้ไปแจ้งกับจ้าวเชมัน ให้จ้าวเชมันตัดสินใจดีกว่า” ชายวัยกลางคนเอ่ยพลางส่ายศีรษะ พาชาวเผ่าด้านข้างจากไปอย่างเร็ว

“จะต้องเป็นคนที่เผ่ากระเรียนดำเชิญมาแน่ เทือกเขานั้นสำคัญมากสำหรับพวกเราสองชนเผ่า เฮ้อ…” ชาวเผ่าคนหนึ่งด้านหลังชายวัยกลางคนพึมพำเบาๆ แล้วก็ไม่กล่าวอีก

เมื่อทุกคนจากไป โดยรอบก็ค่อยๆ กลับมาสงบอีกครั้ง

บนยอดเขาที่ซูหมิงนั่งฌานอยู่และเฝ้าสังเกตน้ำวนที่ค่อยๆ หายไป ยามนี้เขาลืมตาขึ้น ดวงตาล้ำลึกมีแสงอ่อนจาง มองไปทางที่กลุ่มชาวเผ่าโคขาวจากไป

‘เผ่าโคขาวอยู่แถบนี้…’ ซูหมิงละสายตากลับมามองเทือกเขา หากไม่แผ่ขยายจิตสัมผัสเป็นวงแหวน แต่รวมเป็นหนึ่งเส้นละก็ จะยืดยาวไปได้ไกลหนึ่งหมื่นจั้ง ฉะนั้นทุกสิ่งที่ชาวเผ่าโคขาวพูด ซูหมิงจึงได้ยินอย่างชัดเจน

‘ดูท่าเทือกเขานี้จะมีคนสนใจ ทว่าก่อนข้าปรับแก้มัน ที่นี่เป็นถิ่นกันดารจริงๆ ไม่มีอะไรพิเศษแม้แต่น้อย เผ่าโคขาวและเผ่ากระเรียนดำอะไรนั่น เหตุใดถึงแย่งชิงที่นี่กัน’ ซูหมิงประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าตอนเปิดถ้ำเคยสำรวจอย่างละเอียดหลายรอบ จนพบว่าที่นี่ไม่มีเงื่อนงำอะไรแล้ว จึงได้ตัดสินใจเช่นนี้

ดูท่าตอนนี้เหมือนจะยังมีความลับที่ซูหมิงหาไม่เจออยู่อีก

ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิด เขายืนขึ้นมองน้ำวนที่รวมจากพลังฟ้าดิน มันเล็กลงมากกว่าครึ่งแล้ว ดูจากท่าทาง อีกประมาณสองวันจะหายไปจนหมด ถึงตอนนั้นที่นี่ก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม เว้นแต่จะเข้าไปข้างใน มิเช่นนั้นแล้วคงยากจะมองออกว่าที่นี่ถูกปรับแก้ให้กลายเป็นสถานที่ฝึกฝนชั้นยอด

ส่วนน้ำวนนั้น ชาวเผ่าโคขาวพวกนั้นมีขั้นพลังจำกัดจึงมองไม่เห็น เพียงแต่การรวมพลังฟ้าดินของที่นี่ทำให้พวกเขารู้สึกคล้ายต่างออกไป แต่ก็บอกไม่ถูก

ซูหมิงวูบไหวตัวมาตรวจสอบในเทือกเขาอีกครั้ง เขาแผ่ขยายจิตสัมผัสตลอดทาง ทว่าสุดท้ายก็ยังไม่พบอะไร

‘แปลก’ ซูหมิงขมวดคิ้ว หลังขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาก็ขยับประกาย หวนนึกไปถึงเส้นทางที่ชาวเผ่าโคขาวมาและจากไป ครั้งนี้เขาจึงไม่ตรวจสอบภายในเทือกเขาแต่บินไปข้างนอก

เมื่อขยายพื้นที่ค้นหามากขึ้น นำจุดสำคัญวางไว้ในรอบนอกเขตหนึ่งพันจั้งของเทือกเขา ต่อให้เป็นซูหมิงก็ยังต้องสังเกตอย่างละเอียด หลายชั่วยามต่อมา ซูหมิงมายืนอยู่บนที่ราบเว้านูนซึ่งห่างจากทางเหนือของเทือกเขาไปเจ็ดร้อยกว่าจั้ง เขาจ้องแผ่นดินใหญ่ด้วยนัยน์ตาวาววับ

ตรงหน้าเขาไม่ไกลมีถ้ำถูกขุดเอาไว้ ถ้ำนี้มีหญ้าปกคลุม หากมองแวบเดียวคงไม่ทันสังเกต อีกทั้งที่นี่อยู่นอกเทือกเขา ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ซูหมิงค้นหาอยู่แต่ในถ้ำ จึงไม่ได้สังเกตเห็นตรงนี้

และที่แปลกกว่าคือ ยามนี้ซูหมิงยืนแผ่ขยายจิตสัมผัสเพื่อตรวจสอบก็ยังไม่พบเงื่อนงำอะไร เมื่อลองขยายจิตสัมผัสเข้าไปในถ้ำกลับทำเอาอุทานเบาๆ

ภายในถ้ำประมาณสิบกว่าจั้ง จิตสัมผัสซูหมิงถูกพลังหยาบเถื่อนดีดกลับ ราวกับว่าที่นั่นเป็นแดนต้องห้ามบางอย่าง สามารถขวางจิตสัมผัสได้

‘หรือว่าสิ่งที่เผ่าโคขาวกับเผ่ากระเรียนดำแย่งกันจะเป็นที่นี่!’ ซูหมิงมองถ้ำบนพื้น วูบไหวตัวเข้าไป จากนั้นก้มตัวเดินเข้าไปในถ้ำ ถ้ำนี้ไม่ใหญ่นัก ทว่าก็จุคนได้หนึ่งคน เมื่อเข้ามาแล้วซูหมิงก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวอะไร แต่หลังจากเขาเดินออกจากถ้ำขนาดสิบกว่าจั้งก็พลันหยุดชะงัก

ตรงนี้เป็นจุดที่จิตสัมผัสเขาถูกดีดกลับ นัยน์ตาเขาวาววับ มองแวบเดียวก็เห็นวัตถุสองสิ่งบนพื้นในถ้ำตรงหน้า

หนึ่งเป็นชามหินสีดำ ในชามนั้นเต็มไปด้วยน้ำใส นี่เป็นของชิ้นแรก

ของชิ้นที่สองวางอยู่ข้างกัน เป็นขนนกสีดำปักอยู่บนพื้น

เป็นของสองอย่างนี้ที่สร้างพลังขวางจิตสัมผัสของซูหมิง ซูหมิงยืนอยู่ข้างๆ ก้มหน้ามองอยู่พักหนึ่ง ของสองอย่างนี้ดูไม่มีอะไรพิเศษเลย

ขนนกก็เป็นเพียงขนสัตว์ปีกธรรมดา สีด้านบนมิใช่สีดำโดยธรรมชาติ ในนั้นมีบางจุดที่ยังเป็นสีขาวดั้งเดิม ดูแล้วมันเป็นขกนกสีขาว เพียงแต่นำถ่านไม้มาทาเอาไว้ให้เป็นสีดำเท่านั้น

ส่วนชามหินยิ่งดูธรรมดากว่า น้ำในนั้นก็เช่นกัน

ซูหมิงหรี่ม่านตา แผ่ขยายจิตสัมผัสตรงไปยังขนนก

ช่วงที่สัมผัสกับขนนกนั้น ซูหมิงพลันเกิดความรู้สึกว่าขนนกนี้หายไป จนกระทั่งยังรู้สึกว่าถ้ำนี้หายไปด้วย ประหนึ่งว่าเขาถูกฝังอยู่ใต้ดิน

‘มิน่าก่อนหน้านี้นอกถ้ำข้าถึงตรวจไม่พบ ขนนกมีผลในการอำพราง ของธรรมดาๆ แต่กลับมีความสามารถแบบนี้…’ ซูหมิงให้จิตสัมผัสปกคลุมขนนก ตรวจสอบทีละชั้น ก่อนพลันหน้าเปลี่ยนสี

เพราะเขารู้สึกถึงจิตสัมผัสอ่อนแอในขนนกนี้ นี่ไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นจิตสัมผัส!

มันเป็นของที่มีจิตสัมผัสเหมือนกับเขา! ในแผ่นดินเชมันนี้ กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นครั้งที่สองแล้วในแดนอรุณใต้ที่เขาพบวัตถุที่มีจิตสัมผัสเหมือนกับตน ส่วนครั้งแรกคือในงานประมูลบนแผ่นดินเหมันต์สวรรค์

จิตสัมผัสอ่อนแอยิ่งนัก รวมตัวอยู่ในขนนก มันเป็นเพียงจิตสัมผัสเส้นเดียว ทำให้ขนนกธรรมดานี้มีพลังในการอำพราง จิตสัมผัสนั้นก็สังเกตเห็นซูหมิงเช่นกัน จึงพยายามดิ้นรนเพื่อต่อต้านการรุกรานจากจิตสัมผัสของซูหมิง

เทียบกับจิตสัมผัสของซูหมิงตอนนี้แล้ว จิตสัมผัสในขนนกอ่อนแอกว่าเล็กน้อย ขณะทั้งสองฝ่ายปะทะกัน จิตสัมผัสเส้นนั้นพลันค่อยๆ หายไป แม้แต่ขนนกยังกลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไปบนพื้น

ซูหมิงตะลึงงัน นี่เป็นครั้งแรกที่จิตสัมผัสตนปะทะกับจิตสัมผัสของวัตถุภายนอก เขามองขนนกลอยหายไป ก่อนมองชามหินด้านข้าง ขบคิดครู่หนึ่งแล้วก็แผ่ขยายจิตสัมผัสอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ปล่อยจิตสัมผัสไม่เยอะภายใต้การควบคุมของเขา ช่วงที่ปะทะกับชามหิน เขาพลันรู้สึกถึงพลังงานป่าเถื่อนจากในชามหินตรงเข้ามาปะทะกับจิตสัมผัสตน

ซูหมิงรู้สึกเหมือนมีเสียงอื้ออึงในความคิด จิตสัมผัสเขาพลันถูกดีดกลับ ทว่าความรู้สึกนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ซูหมิงแค่นเสียงหึ แล้วเพิ่มจิตสัมผัสขึ้นอีกไม่น้อยกดทับใส่ชามหิน

ชามหินเหมือนทนไม่ไหว ด้านบนปรากฏรอยร้าว รวมถึงพลังจิตสัมผัสที่มีอยู่ไม่มากในนั้นก็ค่อยๆ หายไป จากนั้นชามหินเกิดเสียงดังแกรก แตกออกเป็นสองส่วน น้ำใสในนั้นไหลซึมลงสู่ผืนดิน

ซูหมิงขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าของสองสิ่งนี้คืออะไร แต่มั่นใจว่าพวกมันจะต้องเป็นวัตถุของเผ่าโคขาวหรือไม่ก็เผ่ากระเรียนดำแน่ บางทีอาจแบ่งกันคนละชิ้น

ไม่มีชามหินกับขนนกสีดำแล้ว ซูหมิงจึงหลับตาลง ยืนอยู่ตรงนั้น จิตสัมผัสไม่ถูกขวางกั้นอีก ตัวเขายังอยู่ที่เดิม ทว่าจิตสัมผัสตรงเข้าไปยังส่วนลึก ครู่ต่อมาซูหมิงพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้’

จิตสัมผัสอยู่สุดถ้ำ ห่างจากตรงนี้ประมาณหลายร้อยจั้ง เห็นเป็นถ้ำหินย้อย ถ้ำนี้ไม่ใหญ่มาก แต่บนกำแพงรอบทิศกลับมีวัตถุผลึกแสงไม่น้อย โดยรอบยังมีร่องรอยการขุดอีกมาก ผลึกแสงเหล่านั้น ซูหมิงมองแวบเดียวก็รู้ว่ามันคือผลึกเชมัน!

ที่นี่เป็นแหล่งผลึกเชมันที่อุดมสมบูรณ์

ด้วยจิตสัมผัสของซูหมิง เขาเห็นผลึกเชมันเชื่อมกันเป็นเส้น พื้นที่ไม่ใหญ่มากและถูกขุดไปเกือบครึ่งแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่นี้เหมือนว่าจะขุดได้อีกประมาณเกือบหมื่นผลึก บางทีชนเผ่าใหญ่หน่อยอาจไม่สนใจ ทว่าสำหรับชนเผ่าเล็กนี้ นี่คือความมั่งคั่ง

แต่เห็นได้ชัดว่าที่นี่เกิดปัญหาแย่งชิงกัน เผ่าโคขาวกับกระเรียนดำขัดแย้งกันเพราะที่นี่ จึงเกิดการกระทบกระทั่ง ด้วยการสังเกตของซูหมิง เห็นได้ชัดว่าที่นี่ขุดค้นมาหลายปีแล้ว แต่สองชนเผ่ายังขัดแย้งกัน เดาได้ไม่ยากว่าพวกเขาน่าจะมีวิธีแก้ไขปัญหากันเอง แม้จะไม่ดีที่สุดก็หลีกเลี่ยงสงครามได้

แต่เพราะการมาของซูหมิง ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป

ซูหมิงมีสีหน้าประหลาดใจ เขาคิดไม่ถึงว่าถ้ำที่ตนเลือกอาศัย ตรงหน้าประตูจะมีสมบัติซ่อนเอาไว้ เมื่อนึกถึงว่าเผ่าโคขาวกับกระเรียนดำจะต้องไม่ยอมปล่อยที่แน่ ภายภาคหน้าแม้ปัญหาไม่เยอะ แต่ก็ต้องปวดศีรษะเล็กน้อย

“ช่างเถอะ ในเมื่อเหมืองผลึกเชมันอยู่หน้าบ้านข้า นั่นก็หมายความว่ามีโชคชะตากับข้า ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะหลีกทางให้คนอื่นไม่ได้” ซูหมิงเอาสองมือไพล่หลังเดินออกจากถ้ำแห่งนี้ ก่อนจากไปเขาทิ้งจิตสัมผัสเส้นหนึ่งเอาไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!