Skip to content

สู่วิถีอสุรา 631

ตอนที่ 631 มิตรภาพ

ช่วงที่เสียงคำรามคล้ายคลื่นเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น หมัดของเซินตงที่อยู่ห่างจากตรงหน้าหลายร้อยจั้งช้าลงโดยทันที อีกทั้งร่างกายยังสั่นไหวคล้ายจะหายไป

ทว่าตอนนี้ซูหมิงใช้พลังในร่างกายไปแปดส่วน!

พลังแปดส่วนนี้คือขีดจำกัดของเขาในตอนนั้น ตอนนี้หลังจากใช้แล้วแม้หมัดอีกฝ่ายจะช้าลง แม้คล้ายจะหายไป แต่มันก็ยังตรงเข้ามาใกล้ซูหมิงเรื่อยๆ พลังทำลายล้างจากหมัดนั้น ราวกับว่าเพียงสัมผัสซูหมิงก็จะทำลายล้างกายและจิตวิญญาณจนสิ้นไป!

เซินตงที่ซ่อนอยู่ในร่างเงายักษ์ บนใบหน้ามีเส้นเลือดดำปูดโปน เขาใช้พลังทั้งหมดในร่างกายให้เป็นพลังที่แก่กล้าที่สุดของคนยักษ์ นั่นคือพลังที่สามารถรับมือกับภัยพิบัติหมานได้ ทำให้กำปั้นนี้พลันรวดเร็วขึ้น ชั่วพริบตาเดียวก็เหมือนข้ามผ่านจุดสูงสุดของซูหมิงในอดีตแล้วตรงเข้ามาใกล้

หากแต่พลังแปดส่วนเป็นเพียงจุดสูงสุดของซูหมิงในอดีต เขาในตอนนี้แม้ยังไม่ฟื้นกลับมาครบสิบส่วน แต่ก็ใกล้จะเก้าส่วนแล้ว เวลานี้จึงใช้พลังเกือบหนึ่งส่วนที่เพิ่มมาเป็นครั้งแรก

พลังงานปะทุมาจากในร่างซูหมิง ผสานรวมเข้ากับเสียงคำรามแห่งเทพหมาน มีผลให้คลื่นเสียงในยามนี้กลบทับเสียงทุกสรรพสิ่งในโลก ประหนึ่งว่าเข้ามาแทนที่การโคจรของฟ้าดินแล้วระเบิดออกทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบ

ทันทีที่เสียงคำรามดังกึกก้อง กำปั้นตรงหน้าซูหมิงพลันสลายเป็นชิ้นๆ ก่อนม้วนตลบไป กระทั่งร่างเงายักษ์ยังระเบิดกระจาย เมื่อร่างหมอกสลายไป เซินตงข้างในกระอักโลหิต ร่างกระเด็นถอยไปต่อเนื่องสิบก้าว ทุกก้าวจะทำให้อากาศสั่นสะเทือน ทุกก้าวคือหนึ่งจั้ง!

ถอยไปสิบก้าวก็เท่ากับถอยไปสิบจั้ง!

ซูหมิงหน้าขาวซีด ขณะเดียวกับที่เสียงคำรามสิ้นสุดลงและหมอกคนยักษ์สลายไป เขาก็กระอักเลือดเช่นกัน ร่างกระเด็นถอยไปสิบก้าวเช่นกันกว่าจะหยุดลง

ลมหายใจกระชั้น ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเซินตงที่มีโลหิตไหลตรงมุมปาก

สองคนมองกันเช่นนี้ ตอนประมือกันครั้งแรก ทั้งสองฝ่ายออมพลังอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นเซินตงจึงด้อยกว่าเล็กน้อย ทว่าการประมือครั้งที่สองเซินตงใช้พลังทั้งหมด ความแกร่งระดับนี้ต่อให้ซูหมิงใช้พลังก่อนจะบาดเจ็บก็ไม่อาจรับมือไหว หากมิใช่เพราะเขาซ่อนพลังเอาไว้ การประมือครั้งนี้เห็นทีคงเป็นฝ่ายแพ้

ทว่าหลังจากซูหมิงปลดปล่อยพลังเก้าส่วนที่ฟื้นกลับมา ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งสองคนกระอักโลหิตแล้วถอยไปสิบก้าวเหมือนกัน นี่ก็นับว่าเสมอกัน!

มีเพียงการต่อสู้กันอย่างสมน้ำสมเนื้อแบบนี้เท่านั้นถึงจะเป็นที่ชื่นชอบของคนที่สุด สองคนห่างกันยี่สิบจั้งกว่า ต่างมองหน้ากันและกัน ไม่มีใครกล่าวอะไร เพียงปะทะกันด้วยสายตา

ผ่านไปพักหนึ่ง เซินตงค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก ซูหมิงก็เช่นกัน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นหัวเราะเสียงดัง

เซินตงหัวเราะ ซูหมิงก็หัวเราะ บนลานประลองกว้างโล่งนี้เมื่อครู่ ทั้งสองคนยังห้ำหั่นกันอยู่ แต่ตอนนี้กลับหัวเราะเสียงดังดูสอดรับกันได้เป็นอย่างดี ทั้งยังผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือมิตรภาพต่อกัน เป็นความเคารพซึ่งกันและกัน และเป็นการยอมรับในตัวอีกฝ่ายด้วย

“การประมือครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก!” เซินตงหัวเราะเสียงดังพลางใช้มือขวาตบถุงเก็บวัตถุ พลันมีน้ำเต้าลอยขึ้นมาหนึ่งอัน เมื่อใช้มือจับไว้แล้วก็ตบจุกน้ำเต้าทิ้งไป กลิ่นหอมสุราเข้มข้นโชยออกมา ก่อนเงยขึ้นหน้าดื่มไปอึกใหญ่

“สหายนกกระจอกเหลือง เจ้าจะดื่มหรือไม่?” พอเซินตงดื่มล้างโลหิตไปอึกใหญ่แล้วก็ยิ้มมองซูหมิง แววตามีความเคารพอยู่บางๆ ความเคารพแบบนี้ หลังจากเขามาถึงแดนหมานก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย ต่อให้อยู่ต่อหน้าท่านจี๋อั้นก็เพียงยำเกรงเท่านั้น มันคนละความหมายกับเคารพ

“ข้าเป็นเผ่าหมาน” ซูหมิงยังคงยิ้ม เพียงแต่ในรอยยิ้มเริ่มมีความสับสน

สิ่งที่เขาสับสนคือแม้จะรู้จักคนผู้นี้ไม่มาก ทว่าคำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายในการต่อสู้กลับได้รับความเคารพจากซูหมิง ความรู้สึกเสมอภาคกันนี้ไม่เพียงเกิดในใจอีกฝ่าย มันยังเกิดในใจเขาด้วย

ทว่าความต่างของเผ่าพันธุ์กำหนดตอนจบของสองคนไว้แล้ว

“แล้วอย่างไร เจ้าคือเผ่าหมานคนที่สองที่ได้รับความเคารพและนับถือจากข้า สหายนกกระจอกเหลืองเป็นคนกล้าหาญและรอบคอบ ทำอะไรย่อมเด็ดขาด ของวิเศษเจ้ามีมากมายนัก และยังมีทวนฝังอสูร ทว่ากลับไม่ใช้…

อีกทั้งเมื่อครู่นี้ตอนที่ข้ากระเด็นถอยเพราะเสียงคำราม เดิมทีเจ้ามีโอกาสทำให้ข้าเจ็บหนักกว่านี้ แต่เจ้ากลับไม่ทำ…เจ้ากับข้าจะเป็นคนละเผ่าแล้วอย่างไร ข้ารู้เพียงว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันสนุกมาก!

สหายนกกระจอกเหลือง สุรานี้แซ่เซินจะมอบให้เพียงคนที่ยอมรับ ขอถามอีกครั้ง เจ้าจะดื่มหรือไม่?” เซินตงมองซูหมิง เสียงหัวเราะดังกังวาน ความรู้สึกเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้ขจัดความอึมครึมในตัวเขาไปทันที

แม้จะเกิดในสำนักอสูร ในสำนักอสูรก็มีชายชาตรีแท้จริงอยู่!

ซูหมิงมองเซินตง พลันยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศไปทางน้ำเต้า น้ำเต้าจากเซินตงลอยมาหาเขาในทันที เมื่อคว้าเอาไว้แล้วก็มองเซินตง ก่อนจะวางน้ำเต้าไว้ตรงริมฝีปากก่อนดื่มเข้าไปอึกใหญ่

“การต่อสู้ครั้งนี้สนุกมากจริงๆ! สุรานี้ก็ถึงอกถึงใจเช่นกัน!” สุราในปากซูหมิงกลายเป็นความร้อนกระจายสู่ร่างกายราวกับเส้นเพลิง ทำให้พลังฟื้นกลับมาเล็กน้อย

แม้จะเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ถึงคุณค่าของสุรานี้!

“ในเมื่อชอบสุรานี้ แซ่เซินก็ขอมอบน้ำเต้าสุรานี้ให้เจ้าไปเลย!” เซินตงหัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้าเบิกบานใจยิ่งนัก นี่คือสิ่งที่พบได้เห็นยากในสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาของเขา

ทว่าความจริงใจข้างใน ด้วยประสบการณ์ของซูหมิง เขาจึงมองออกว่าในนั้นไม่มีสิ่งลวงหลอก

“แซ่เซินมาเผ่าหมานครั้งนี้ก็เพื่อตามหาโอกาสข้ามผ่านขั้นทรงอำนาจไปสู่ก้าวที่สอง สหายนกกระจอกเหลือง ข้าเห็นว่าขั้นพลังหมานของเจ้าพิเศษมาก ดูแล้วคงอยู่ในช่วงสำคัญเหมือนกัน หากเจ้ากับข้าข้ามผ่านไปได้ ไว้เรามาสู้กันอีก!”

เซินตงมองซูหมิง ก่อนหยิบน้ำเต้าจากถุงเก็บวัตถุมาอีกอันแล้วดื่มไปอึกใหญ่

“เจ้ากับข้ายังเหลือประมืออีกครั้ง จะสู้หรือไม่?” เซินตงวางน้ำเต้าสุราลงแล้วหัวเราะเสียงดัง

“ต้องสู้อยู่แล้ว!” ซูหมิงก็หัวเราะเช่นกัน สองคนประสานสายตา ในแววตาของสองฝ่ายไม่มีความแค้น แต่กลับมีประกายไม่ยอมแพ้วูบวาบในเวลาเดียวกัน

“วิชาของข้าต่อไปนี้ ข้าได้มาโดยบังเอิญตอนอยู่ในแดนเซียน วิชานี้น่าจะสืบทอดมาจากเผ่าเซียนในยุคบรรพกาล ข้าฝึกมาหลายปีก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ วิชานี้…..มีนามว่า…ผนึกมรณะหยินเจ็ดยมโลก!

ด้วยขั้นพลังข้าในตอนนี้ใช้ได้เพียงผนึกเดียว สหายนกกระจอกเหลือง เจ้าดูให้ดี!”

เซินตงกล่าวพลันกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตเป็นลูกศรโลหิต ลูกศรโลหิตระเบิดออกโดยทันที ขณะกระจายเป็นวงกว้างก็ปรากฏร่างเลือนรางเจ็ดตน ร่างเจ็ดตนนี้เพิ่งออกมา กลิ่นอายความตายมหาศาลเข้มข้นไร้ที่เปรียบก็รวมเข้ามาจากโดยรอบทันที หลังจากร่างเจ็ดตนนั้นสูบไปแล้ว พวกมันจึงดูชัดเจนขึ้น

เจ็ดคนนี้สวมมงกุฏจักรพรรดิ สวมเสื้อคลุมสีดำทึบ มองเห็นใบหน้าไม่ชัด ทว่ากลับมีแรงกดดันทำให้จิตใจซูหมิงสั่นสะท้านแผ่มาจากร่าง

จากนั้นร่างเงาสวมเสื้อคลุมดำทึบเจ็ดตนยกมือขวาสะบัด ฟ้าดินเปลี่ยนสี พื้นดินโดยรอบเปลี่ยนไป ท้องนภาหายไปด้วยถูกหมอกดำปกคลุมเอาไว้ข้างใน

ในเวลาเดียวกัน ร่างเงาดำทึบเจ็ดคนนั้นหายไป ทว่าวินาทีนั้น ภยันตรายร้ายแรงพลันส่งมาจากใต้เท้าซูหมิง

ตอนที่ซูหมิงก้มหน้า เขาหรี่ม่านตาลง เห็นว่าพื้นดินมีหมอกดำเข้ามาแทนที่ เวลานี้กลายเป็นผนึกใหญ่ยักษ์

ผนึกนี้เป็นสีดำ ปลดปล่อยแรงกดดันสร้างความตื่นตะลึงให้กับซูหมิง ราวกับจะหมุนโคจรระเบิดพลังทำลายล้างฟ้าดินของผนึกมรณะหยินเจ็ดยมโลกได้ทุกเมื่อ ทว่าผนึกยักษ์ไม่ได้เอาซูหมิงเป็นใจกลาง ตำแหน่งของเขาคือตรงขอบผนึก ตอนที่มองไปก็มีเสียงตะโกนของเซินตงดังกึกก้อง

ฉับพลันนั้นผนึกหมอกดำเปล่งแสงดำสว่างจ้าละลานตา แสงปกคลุมทุกอย่างโดยรอบ ไม่มีเสียงโครมคราม ไม่มีคลื่นพลังน่าสะพรึง ช่วงที่แสงหายไปซูหมิงยังคงยืนอยู่บนพื้น ส่วนเซินตงหน้าซีดขาวอยู่ไกลๆ

หมอกดำหายไป ผนึกมรณะหยินเจ็ดยมโลกก็หายไปด้วย

ทว่า…ห่างจากตรงนี้ไปหลายร้อยจั้งยามนี้กลับว่างเปล่า ในพื้นที่ว่างเปล่าของมวลอากาศมีขนาดร้อยลี้ มองไกลออกไปในนั้นเหมือนปรากฏหลุมลึกยักษ์ เพราะพื้นดินหายไปรวมถึงท้องฟ้าตรงนั้นยังขมุกขมัว กระทั่งปลายฟ้ายังมีอุโมงค์ยักษ์กำลังผสานรวมกันอย่างช้าๆ

ซูหมิงเงียบงัน

เซินตงหายใจกระชั้น ผ่านไปพักหนึ่งก็มองซูหมิงแล้วเผยรอยยิ้ม

“สหายนกกระจอกเหลือง แม้วิชานี้ใช้เพียงผนึกเดียว ทว่าอานุภาพของมันเป็นอย่างไรบ้าง?”

ซูหมิงหลับตา หลายลมหายใจต่อมาถึงลืมตาแล้วประสานมือคารวะเซินตง ไม่ได้ตอบกลับไป แต่ยกมือขวาเอาหลังมือชี้ขึ้นฟ้า เอาฝ่ามือชี้ลงดิน

“หากฝ่ามือข้าคือกาลเวลา หากด้านหนึ่งเป็นตัวแทนอดีต หากด้านหนึ่งเป็นตัวแทนอนาคต…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ เส้นผมที่ครอบครัวเสี่ยวโฉ่วเอ๋อร์ย้อมให้เป็นสีดำ ยามนี้สีลอกออกเป็นครั้งแรก เผยการผสานรวมกันของสีขาวและสีม่วง เผยให้เห็นเส้นผมน่าตะลึงทั้งศีรษะ!

ในเวลาเดียวกัน ซูหมิงกล่าวพร้อมกับสะบัดมือไป ทุกอย่างโดยรอบเกิดภาพการย้อนเวลาน่าทึ่ง

เซินตงเบิกตากว้างเหลือเชื่อและตื่นตะลึง เขามองพื้นดินและท้องฟ้ารอบๆ ย้อนเวลากลับมาอย่างเร็ว มองหลุมลึกบนพื้นดินหายไป อุโมงค์บนฟ้าหายไป ระหว่างพื้นดินกับฟ้าฟื้นคืนกลับมาอย่างเร็ว แล้วปรากฏเป็นผนึกยักษ์สีดำมืด มองทุกอย่างเหล่านี้พลางสูดลมหายใจเข้าลึก

‘นี่มันอภินิหารอะไร!’ ในใจเซินตงสั่นไหว เขารู้สึกโชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้เกิดความคิดจะสังหารอีกฝ่ายด้วยสัญลักษณ์ดำมืด มิเช่นนั้นแล้ว…

ซูหมิงมองผนึกดำมืดย้อนคืนกลับมา นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจพลางมองอย่างละเอียด หัวใจคือกระดานภาพ จิตวิญญาณคือพู่กัน คลับคล้ายกำลังลอกแบบ…..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!