Skip to content

สู่วิถีอสุรา 719

ตอนที่ 719 เกาตรงที่คัน

รอยยิ้มน้อยๆ ของศิษย์พี่รอง ความอบอุ่นในความอ่อนโยน คืออดีตในความทรงจำซูหมิง นั่นคือความทรงจำเมื่อนานมากแล้ว เนิ่นนานมากจริงๆ ที่ไม่ได้เจอ

ยามนี้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของศิษย์พี่รองอีกครั้ง ท่าทางเงยหน้าเอียงศีรษะให้แสงตะวันส่องด้านข้าง ทุกอย่างทำให้ซูหมิงมีน้ำตามากขึ้นในยามนั้น

ภาพต่างๆ บนยอดเขาลำดับเก้า ชายหนุ่มผู้อบอุ่นคล้ายดอกไม้ ศิษย์พี่รองที่ยืนยิ้มให้ตนภายใต้แสงตะวันอยู่กลางพืชดอกเต็มพื้น ซ้อนทับกันกับใบหน้าที่ต้องทนทรมานในลูกแสง แต่ก็ยังคงยกยิ้มในเวลานี้

บนท้องฟ้า ปราณกระบี่พุ่งตรงเข้ามายังซูหมิงในพริบตา ด้านหลังปราณกระบี่เป็นกระบี่เล็กสีโลหิตเกือบหมื่นเล่มปูลงมาคล้ายสายฝน พายุคลั่งม้วนตลบกวาดไปรอบๆ แสงกระบี่คมกริบคล้ายจะฉีกแยกมวลอากาศ และเข้ามาใกล้ซูหมิงในเสี้ยววินาทีนั้น

ซูหมิงน้ำตาไหล เขาพลันเงยหน้าขึ้น จ้องศิษย์สำนักชุมนุมเซียนเรือนหมื่นบนฟ้าตาเขม็ง ตอนนี้ไม่มีพลังใดมาขวางการสังหารของซูหมิงได้อีก กระบี่สังหารในมือขวาส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นและกระหายเลือด เขายกกระบี่ขึ้นก่อนตัดกระบี่ขึ้นไปบนฟ้า

ฟ้าดินส่งเสียงครึกโครม ปราณกระบี่ยักษ์ที่เข้ามาใกล้พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ รวมถึงกระบี่เล็กสีโลหิตด้านหลังเหล่านั้น ล้วนสลายหายไปจนสิ้นด้วยกระบี่ของซูหมิง

ขณะเดียวกัน เกล็ดหิมะที่โปรยปรายอยู่กลางฟ้าดินก็รวมกันเข้ามา แล้วตรงไปยังค่ายกลกระบี่บนฟ้าจากทุกสารทิศ

ซูหมิงไม่มีทางปล่อยสำนักชุมนุมเซียนเหล่านี้ไปอย่างแน่นอน ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่การสังหาร แต่คือตัดโซ่พันธนาการศิษย์พี่รองให้หมด

ซูหมิงขยับตัวไหววูบเข้ามา ใช้กระบี่ตัดโซ่เส้นที่สองโดยพลัน เสียงโลหะกระทบกันดังก้องแสบแก้วหู เขาถูกแรงสะท้อนกลับอัดจนกระเด็นถอยไปหลายก้าว ในเวลาเดียวกัน โซ่เส้นที่สองก็แตกกระจายทันที

ซูหมิงไม่หยุดเท่านี้ เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว พลันโคจรกลิ่นอายพลังสร้างชะตา แล้วระเบิดพลังออกมาทั้งหมด ก่อนฟันลงอีกไปครั้ง โซ่เส้นที่สาม เส้นที่สี่ เส้นที่ห้าล้วนถูกตัดขาดภายใต้ความคลุ้มคลั่งนี้

หลังจากโซ่แต่ละเส้นขาดออก ร่างศิษย์พี่รองในลูกแสงก็สมจริงขึ้นจากหมอกอย่างรวดเร็ว หลังจากโซ่เส้นที่ห้าขาดลง ศิษย์พี่รองในลูกแสงก็มีร่างกายสมบูรณ์ เพียงแต่ใบหน้ายังคงซีดขาว ทั้งตัวแผ่กระจายความอ่อนแออย่างที่สุด หลายปีมานี้เขาถูกวงแหวนอาคมทรมานจนใกล้จะตายแล้ว

รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่ ต่อให้ตอนนี้อ่อนแอถึงขีดสุด ก็ยังยิ้มมองซูหมิง มองศิษย์น้องเล็กของเขา

เขาตื่นเต้นเพราะเจอซูหมิง เขาภูมิใจเพราะเห็นความแกร่งของซูหมิง เพราะซูหมิงเป็นศิษย์น้องเล็กของเขา

“ศิษย์น้องเล็ก…เจ้าโตแล้ว” ศิษย์พี่รองกล่าวเสียงเบา เสียงเขาแว่วผ่านลูกแสงมาเบาๆ

ซูหมิงมองศิษย์พี่รอง ทุกอย่างในความทรงจำลอยขึ้นมาในความคิดอย่างต่อเนื่อง อดีตกลายเป็นสมบัติล้ำค่า และตอนนี้ก็กลายเป็นความเย็นชาที่ทำให้เขาสังหาร

ทว่าโซ่พวกนี้ไม่ใช่วัตถุธรรมดา หลังจากตัดไปห้าเส้นแล้ว แรงสะท้อนกลับที่ซูหมิงต้องทนรับแทบจะมหาศาล เขาอ้าปากกระอักเลือด แต่ในแววตายังมีความแน่วแน่และยึดมั่น ฟันไปยังโซ่เส้นสุดท้ายทันใด

แววตาที่ตั้งมั่นนี้ แม้ต้องเผชิญหน้ากับภยันตรายชั่วร้ายอย่างที่สุด เขาก็จะก้าวออกไปอย่างไม่ลังเล ส่วนสีหน้าแน่วแน่นี้ก็คือการปกป้องจากใจอย่างหนึ่ง

ตอนนั้นท่านปกป้องข้า ตอนนี้…ข้าจะปกป้องท่าน ศิษย์พี่รอง!

ทันทีที่หนึ่งกระบี่ฟันลงไป ศิษย์สำนักชุมนุมเซียนบนฟ้าเกือบหมื่นคล้ายถูกแช่แข็งด้วยเกล็ดหิมะที่รวมกันเข้ามานับไม่ถ้วน ทว่าช่วงที่ถูกแช่แข็ง มีเสียงหนึ่งตะโกนดังก้องฟ้า

“เซ่นไหว้โลหิต!”

ซูหมิงรู้จักคนที่ตะโกน เขาคือบิดาของเฉินซินในภูเขาทมิฬ

จ้าวเผ่าภูเขาทมิฬเฉินหลง (尘隆) หรือควรจะเรียกว่าเฉินหลง(陈隆) ในตอนนี้

หลังจากเขาตะโกนเสียงต่ำ ศิษย์สำนักชุมนุมเซียนที่กำลังถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็วและมีคนเสียชีวิตไปจำนวนมากแล้วพลันตาแดงก่ำขึ้นมา ในแววตาไม่มีสติปัญญา แต่เป็นความว่างเปล่า ตรงระหว่างคิ้วฉีกออกเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง

ครั้นรอยแยกเผยขึ้นแล้วก็มีโลหิตจำนวนมากพุ่งออกมาพร้อมกับเศษน้ำแข็ง จากนั้นศิษย์สำนักชุมนุมเซียนเกือบหมื่นร่างกายแห้งเหี่ยวอย่างเร็วรี่ พริบตาเดียวก็กลายเป็นโครงกระดูก ก่อนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งตกลงมาจากบนฟ้า

การตายของพวกเขาไม่ใช่เพราะซูหมิง ความจริงแล้วขณะที่ซูหมิงแช่แข็งพวกเขา พวกเขาก็ได้ตายไปแล้ว ผู้สังหารคืออภินิหารวิชาของสำนักชุมนุมเซียน คือค่ายกลกระบี่ที่พวกเขารวมขึ้นเอง และเป็นเฉินหลงที่เอ่ยคำว่าเซ่นไหว้โลหิตเพื่อใช้งานมัน

โลหิตอบอวลอยู่เต็มฟ้า แผ่กระจายบนผืนนภาในพริบตา พวกมันม้วนตลบแล้วรวมเป็นกระบี่ยักษ์พันจั้งเล่มหนึ่ง ก่อนทะลวงฟ้าลงมายังซูหมิง

ไม่อาจบรรยายความเร็วของกระบี่ยักษ์เล่มนี้ได้ ตอนมองไปยังอยู่บนฟ้า แต่ความจริงห่างจากซูหมิงไม่ถึงสิบจั้งแล้ว ความเร็วสูงสุดนี้เหนือกว่าสายลม ฉีกแยกมวลอากาศ และมาพร้อมกับกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงกลัว หมายจะทำลายทุกชีวิตที่ขวางหน้า

เวลานี้ซูหมิงกำลังฟันโซ่เส้นที่หก กระบี่ยักษ์สีโลหิตกำลังตรงเข้ามาด้านหลัง เขาหรี่ตาลง แต่กระบี่ในมือกลับฟันโซ่เส้นที่หกอย่างไม่ลังเล เสียงอึกทึกดังกังวานอย่างชัดเจน โซ่เส้นนั้นขาดสะบั้นทันใด ทว่ามีแรงสะท้อนกลับรุนแรงทะลักเข้าไปในร่างกาย ทำให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว แล้วปะทะเข้ากับกระบี่ยักษ์สีโลหิตทันที

การปะทะกันครั้งนี้ พลันมีแสงเก้าสีระเบิดมาจากในตัวซูหมิง แสงเก้าสีนั้นคือผนึกห้าเหลี่ยม มันวนเวียนรอบตัวเขากับศิษย์พี่รอง หนำซ้ำยังเข้าปะทะกับกระบี่โลหิต เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องฟ้าดิน ม่านแสงจากผนึกห้าเหลี่ยมพังทลายลงทีละชั้น ทว่าก็รวมขึ้นมาทีละชั้นเช่นกัน แผ่นดินใต้เท้าเกิดรอยร้าวลุกลามไป เสี้ยววินาทีเดียวแผ่นดินใต้เท้าซูหมิงในระยะร้อยลี้ก็ถล่มทลายลง

ม่านแสงเก้าสีแตกกระจายแล้ว มีแรงจู่โจมมหาศาลพุ่งเข้ามา ซูหมิงเดินออกไปยืนอยู่หน้าศิษย์พี่รองนอกลูกแสงอย่างไม่ลังเล แล้วใช้ร่างกายตนขวางปราณกระบี่สีโลหิตไว้

ขณะเดียวกัน ตอนที่กระบี่ยักษ์สีโลหิตฟันใส่ม่านแสงเก้าสี ในจังหวะเดียวกับที่ม่านแสงเก้าสีแตกกระจาย กระบี่ยักษ์ก็เกิดรอยร้าวและแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนพังพินาศลงโดยพลัน ภายใต้เสียงระเบิดกับแรงสะท้อนกลับ กลายเป็นเศษสีโลหิตนับไม่ถ้วน

เสียงระเบิดกลายเป็นคลื่นเสียงค่อยๆ กระจายออก เศษฝุ่นโดยรอบร่วงลงมา ตอนที่ทุกอย่างชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ซูหมิงกระอักเลือด ลูกแสงด้านหลังบิดเบี้ยว ทว่าศิษย์พี่รองภายในไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

เพราะซูหมิงรับปราณกระบี่สีโลหิตส่วนใหญ่เอาไว้ มันจึงเข้าไปในลูกแสงไม่มาก รวมกับการป้องกันของลูกแสงเอง ศิษย์พี่รองเลยไม่รู้สึกถึงปราณกระบี่สีโลหิตด้วยซ้ำ

ทว่าการปกป้องด้วยร่างกายของซูหมิงกลับอยู่ในสายตาศิษย์พี่รองอย่างชัดเจน รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่ ความอบอุ่นในรอยยิ้มมีการปลงอนิจจัง มีความรักระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง!

เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เพราะหากเป็นศิษย์พี่รองก็จะทำแบบนี้ จะปกป้องศิษย์น้องอย่างไม่ลังเลเช่นกัน

บนท้องฟ้า ขณะเศษกระบี่ยักษ์สีโลหิตกระจายไปรอบๆ มันก็รวมขึ้นอีกครั้งกลางอากาศ กลายเป็นกระบี่ยาวอีกเล่มหนึ่ง ไม่ใช่ขนาดพันจั้ง แต่มีขนาดปกติ ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงต่ำดังกึกก้อง

“สละวิญญาณ!”

เซ่นไหว้โลหิตสละวิญญาณคือนามของค่ายกลกระบี่หมื่นคนของสำนักชุมนุมเซียน คนในค่ายกลที่สละชีพเซ่นไหว้โลหิตจะกลายเป็นการโจมตีทำลายล้าง ทว่าการสละวิญญาณคือรูปแบบที่แกร่งกว่าหากเซ่นไหว้โลหิตสังหารศัตรูไม่ได้

วินาทีที่เฉินหลงเอ่ยคำว่าสละวิญญาณ ร่างเขาสั่นไหวและกลายเป็นเถ้าธุลี วิญญาณดวงหนึ่งลอยมาจากในร่างที่กำลังสลายไป ในเวลาเดียวกัน วิญญาณคนสำนักชุมนุมเซียนเกือบหมื่นที่ถูกค่ายกลสังหารก็ลอยขึ้นมาบนฟ้า แล้วรวมกันอย่างรวดเร็วด้วยความสับสนและเหม่อลอย จนกลายเป็นร่างเงาสีดำร่างหนึ่ง

ร่างนั้นสูงสามจั้ง มีสองหัว ทว่ามีแขนข้างเดียว เวลานี้มันยกแขนขึ้นจับกระบี่โลหิต จากนั้นหนึ่งในสองหัวเงยหน้าขึ้นฟ้า อีกหัวหนึ่งก้มหน้าลงดิน ก่อนเปล่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนฟ้าดิน

“ศิษย์พี่รอง อยากสังหารวิญญาณร้ายที่รวมจากวิญญาณของสำนักชุมนุมเซียนหรือไม่” ซูหมิงเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก มองร่างเงาสองหัวกำลังร้องคำรามอยู่บนฟ้าแวบหนึ่ง แล้วมองศิษย์พี่รอง

“แบบนี้ดีมาก” ขณะศิษย์พี่รองยิ้ม ซูหมิงก็ใช้กระบี่ในมือฟันใส่ลูกแสง ลูกแสงพลันสั่นไหวและบิดเบี้ยวก่อนพังลง ในวินาทีนั้น ศิษย์พี่รองที่รวมร่างอย่างสมบูรณ์ก็เดินออกมาทีละก้าวด้วยความอ่อนแรง

พอเขาเดินออกมา แผ่นดินใต้เท้าซึ่งว่างเปล่ากลับมีพืชหญ้าสีเขียวกำเนิดขึ้น

ตอนที่ศิษย์พี่รองเดินมาอยู่ข้างซูหมิง ใบหน้าเขายังคงซีดขาว ความรู้สึกอ่อนแรงทำให้ซูหมิงย่อตัวลงแล้วแบกอีกฝ่ายขึ้นหลัง

“ศิษย์พี่รอง พวกเราไปสู้กับวิญญาณร้ายสองหัวนั่นด้วยกัน!” ซูหมิงเงยหน้าขึ้น แบกศิษย์พี่รองเดินขึ้นฟ้าหนึ่งก้าว ทันทีที่ก้าวเดิน วิญญาณร้ายสองหัวถือกระบี่โลหิตก็มองซูหมิงพร้อมกันทั้งสองหัว แล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวพลางร้องคำรามตรงมาหาเขา

สองฝ่ายเหมือนกับดาวตกสองดวงพุ่งจากฟ้าและดิน ก่อนเข้าปะทะกันตรงกลางอากาศโดยไม่มีใครหลบแม้แต่น้อย

การโจมตีครั้งนี้ตัดสินแพ้ชนะ!

ตอนนี้บนท้องฟ้ามีเมฆบางขยับวูบวาบอยู่ ต่อให้ฟ้าสั่นสะเทือนก็ยังไม่สลายไป อย่างมากสุดก็ทำให้มองไม่เห็นเท่านั้น

บนชั้นเมฆมีเด็กสาวงดงามล้ำเลิศกำลังกระทบเมล็ดแตงอยู่ สีหน้าดูเจ็บปวด ถอนหายใจไม่หยุด

“ขาดทุนแล้ว…ครั้งนี้ข้าขาดทุนแล้ว…ไม่อยากเชื่อว่าซูหมิงจะเติบโตเร็วขนาดนี้ รู้อย่างนี้แต่แรกน่าจะหาคนมารีดไถให้มากกว่านี้อีกหน่อย”

ขณะเด็กสาวกำลังนึกเสียใจภายหลัง สุนัขสีเหลืองที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ หาววอดอย่างสุขสบาย ข้างสุนัขมีอยู่สองคนนั่งยองหน้านิ่วคิ้วขมวด หนึ่งคือกระเรียนขนร่วง และอีกหนึ่งคือเฉียนเฉินซึ่งกำลังเกาให้สุนัขอยู่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!