บทที่ 166 กรุณาเรียกข้าว่าเยี่ยฉวนเซียนกระบี่! (ปลาย)
ยามนั้นปรากฏกระแสคลื่นเป็นเส้นสายของแสงแห่งกระบี่แผ่กระจายออกมาภายนอกร่างกาย ขณะเดียวกันกระบี่หลิงซิ่วก็พลันทะยานสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
เปรี้ยง!
ฉับพลันกระแสแห่งพลังชี่ก็ได้ปรากฏรอบตัวของชายหนุ่ม!
ขั้นทะยานสวรรค์!
เปลือกตาของเยี่ยฉวนกระพือเปิดขึ้นทันที กระบี่หลิงซิ่วทอประกายระยิบระยับอยู่เบื้องหน้า
ทว่าเพียงไม่นานแสงระยิบระยับกลับเลือนหาย!
ด้วยเคล็ดกายาไร้เทียมทานทำให้ร่างกายของเขาผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่
เยี่ยฉวนสูดลมหายใจจนเต็มปอด บัดนี้เขารู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง!
ระหว่างจ้องมองไปยังกระบี่หลิงซิ่ว จากนั้นจึงแบมือข้างขวาออกและงอเข้าหาตัวเล็กน้อย เรียกหากระบี่หลิงซิ่วทะยานมาสงบนิ่งบนฝ่ามือนั้น ชั่วขณะหนึ่งที่อุ้งมือกระชับกระบี่ ชายหนุ่มพลันรับรู้ถึงแรงสั่นของกระบี่อย่างเบาบาง ก่อนจะบังเกิดเสียงเสียดสีด้วยของมีคมดังแหลมลากยาว!!
กระบี่ประกายแสงระดับสูง!
กระบี่ประกายแสงมีสามระดับ ได้แก่กระบี่ประกายแสงระดับต้น กระบี่ประกายแสงระดับสูง และสุดยอดกระบี่ประกายแสง!!!
ทั้งพลังและกระบี่ได้พัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น!
ภายหลังจากที่บรรลุขั้นทะยานสวรรค์แล้ว นอกจากความกล้าแกร่งที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม กระบี่ยังพัฒนาขึ้นด้วย ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงเกิดความมั่นใจว่าหากเข้าเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างเฟิงอี้ซิ่วในเวลานี้ โอกาสที่เขาสามารถสังหารอีกฝ่ายมีราวหกถึงแปดส่วนเลยทีเดียว!
ส่วนเหตุผลที่ความมั่นใจไม่เต็มร้อย ก็เพราะกังวลใจว่าเฟิงอี้ซิ่วอาจไม่ได้แบไต๋ทั้งหมดในการปะทะครั้งที่ผ่านมา ด้วยยอดอัจฉริยะหรือยอดคนทั้งหลาย พวกเขามักเก็บงำไม้เด็ดของตนไว้เป็นไพ่ใบสุดท้ายเสมอ
เยี่ยฉวนนิ่งคิดชั่วครู่ จากนั้นเขาเงยมองขึ้นไปที่ประตูทางขึ้นชั้นที่สอง นั่งมองอยู่เช่นนั้นพลางทำเสียง “ฮึ่ม ฮึ่ม” พร้อมทำท่าขัดใจ……
เพี้ยะ!
ทันใดนั้น เสียงตบวัตถุดังฉาดใหญ่แหวกอากาศลอยมา ทำเอาใบหน้าของเยี่ยฉวนหงายเงิบ ร่างทั้งร่างกลิ้งหลุนๆ อย่างไม่เป็นท่า
เยี่ยฉวนกลิ้งไปหยุดบนพื้นดินด้านนอกหอคอย ผมเผ้ายุ่งเหยิงใบหน้าทิ่มปักลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทิ้ม และหลังเสียงเงียบลงสักครู่หนึ่ง เขาจึงค่อยๆ พลิกกายกลับขึ้นมา
ก่อนจะค่อยยกมือขึ้นลูบใบหน้าและสลัดศีรษะอย่างมึนงง พร้อมเหยียดยิ้มมุมปาก เขาเคยคิดว่าหลังจากบรรลุขั้นทะยานสวรรค์แล้ว ควรจะได้ขยับขึ้นชั้นสองเสียที!
หากทว่านี่เป็นข้อพิสูจน์ ว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นได้แค่คนชั้นล่าง! ด้วยตนเองก็ไม่อาจต้านทาน หากบางสิ่งบนนั้นเกิดความขุ่นเคืองใจขึ้นมา!
เยี่ยฉวนเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นจึงออกไปยังด้านหลังภูเขา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการฝึกฝน ครั้งนี้เขาเดินขึ้นไปบนยอดหรือในตำแหน่งที่เหมาะเจาะ สำหรับการเหินเวหา!
ขั้นทะยานสวรรค์!
เวลานี้พลังชี่ในกายก้าวหน้าขึ้นจนสามารถเหินเวหา!
จึงเป็นที่แน่นอนว่าความตั้งใจของเยี่ยฉวนคือการเหาะเหินบนอากาศในฐานะของผู้ฝึกกระบี่!
การเหินเวหาโดยควบคุมกระบี่!
นี่เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำมาเนิ่นนานแล้ว
ไม่นานนัก เยี่ยฉวนเดินมาถึงจุดสูงที่สุดของภูเขา มองจากจุดที่ยืนอยู่ขณะนี้คะเนว่าสูงไม่น้อยกว่า 180 จั้ง! นับว่าสูงเอาการ! เยี่ยฉวนชักลังเล “กระโดดจากความสูงขนาดนี้ ถ้าไม่สามารถบังคับกระบี่ได้เล่า?”
ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจจะไม่กระโดดลงจากหน้าผาโดยตรง ด้วยคิดแผนการบางอย่างขึ้นได้ ทันใดนั้นกระบี่หลิงซิ่วทะยานออกมาภายนอก และลอยตัวนิ่งอยู่เบื้องหน้า
เยี่ยฉวนออกคำสั่งให้กระบี่หลิงซิ่วทะยานในแนวนอนลงมาอยู่ในระดับเดียวกับฝ่าเท้า ก่อนที่คนจะก้าวขึ้นไปยืนบนกระบี่ที่ลอยตัวอยู่ แต่ทว่ากระบี่หลิงซิ่วเหมือนจะไม่สามารถทนรับน้ำหนักได้ จึงร่วงหล่นลงไปแตะพื้นดินในพลัน!
เห็นเช่นนั้น เขาก็ย่นหัวคิ้วอย่างสงสัย “แปลกจริง……” เห็นได้ชัดว่ากระบี่หลิงซิ่วไม่อาจรองรับน้ำหนักตัวได้!
“ข้าควรทำยังไง?” เยี่ยฉวนหน้ามุ่ย อยากถามสตรีลึกลับแทบใจจะขาด ถ้าเป็นนางเขาต้องได้คำตอบอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่นางยังคงอยู่ในสภาวะจำศีล ขณะเดียวกันเขาก็ไม่อยากรบกวนบางสิ่งบนชั้นสองให้เกิดความระคายเคือง! เพราะสิ่งนั้นมักลงโทษด้วยการตบสั่งสอนโดยไม่ทันตั้งตัว……
เช่นนั้นจึงมีเพียงวิธีเดียว คือช่วยเหลือตนเอง!
ณ ยอดเขาแห่งนั้น เยี่ยฉวนจับตามองกระบี่หลิงซิ่วในมือเป็นเวลาเนิ่นนาน ชั่วครู่เปลือกตากระพือเปิด “กระบี่สามารถตัดภูเขาและบดขยี้หินผา ฉะนั้นจึงมีความแข็งแกร่งเป็นเลิศ แต่เหตุไฉนถึงไม่อาจรองรับน้ำหนักของคนเพียงคนเดียวได้กัน?” เมื่อคิดเช่นนั้น ราวกับปัญญาทางสร้างสรรค์เริ่มเปิดออก ความคิดมากมายหลั่งไหลภายในหัวสมอง!
“ถ้าข้าบังคับกระบี่เหินเวหาไม่สำเร็จ งั้นแล้วข้าก็ควรสร้างความกล้าแกร่งให้กับกระบี่!” ชายหนุ่มกระชับกระบี่หลิงซิ่วซึ่งกำลังสั่นรุนแรง ก่อนที่ในไม่ช้ากระบี่พลันเปล่งประกายรัศมีออกโดยรอบจนบังเกิดเป็นลำแสงกระบี่วูบวาบ!!
เยี่ยฉวนค่อยคลายมือออกจากกระบี่ ถึงกระนั้นเขาก็มิได้ปล่อยกระบี่อย่างสิ้นเชิง ด้วยได้ถ่ายพลังสู่กระบี่หลิงซิ่วมากขึ้น
ไม่นานนัก ร่างของเยี่ยฉวนค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นดินและขึ้นไปยืนบนกระบี่หลิงซิ่วทั้งตัว และแม้กระบี่จะลดระดับลงฮวบหนึ่งทว่ายังคงลอยอยู่เหนือพื้นดิน จึงบอกได้ว่าเวลานี้กระบี่สามารถทานน้ำหนักคนได้แล้ว!
เมื่อเห็นเช่นนั้น เยี่ยฉวนรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก “ข้าทำได้!”
ก่อนที่จะล่าช้าไปมากกว่านี้ เขาจึงพยายามข่มสติอารมณ์ จากนั้นเริ่มกำหนดพลังปราณบังคับกระบี่หลิงซิ่วที่อยู่เบื้องล่าง ทำให้กระบี่สั่นสะท้านอย่างชัดเจน ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกัน!
เมื่อเห็นว่ากระบี่เริ่มเคลื่อนตัว ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มอย่างยินดี จนกระทั่งกลายเป็นยิ้มกว้างขวางเต็มที่ในที่สุด……
จากจุดที่เคยอยู่ตอนนี้ เยี่ยฉวนสามารถเหินเวหาไปพร้อมกระบี่หลิงซิ่วไกลออกไป กระบี่ยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และช้ามาก ความเร็วพอกับเขาเมื่อเดินเท้า ถึงกระนั้น เวลานี้เยี่ยฉวนสามารถบังคับกระบี่เหินเวหาได้สำเร็จแล้ว……!!
พักใหญ่ต่อมา เยี่ยฉวนเหินกระบี่มาถึงบริเวณตีนน้ำตก ซึ่งเมื่อนับเวลาเดินทางทั้งหมด มันก็ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามต่อระยะทางไม่ถึง 150 จั้ง! อีกทั้งกระบี่ยังลอยสูงจากพื้นดินเพียงเล็กน้อย ไม่เกินศีรษะของผู้ใหญ่เสียด้วยซ้ำไป
ไป๋เจ๋อซึ่งฝึกพลังอยู่ที่น้ำตกแห่งนั้น เขาทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือผิวน้ำทันทีที่เห็นเยี่ยฉวนเหินกระบี่เฉียดเข้าไปใกล้ เสียงทักทายของคนในน้ำดังขึ้น “พี่หัวขโมยเยี่ย……เจ้า……”
เยี่ยฉวนตวัดมือไพล่หลังทำท่ายืดอก ชำเลืองมองไป๋เจ๋อด้วยหางตา “กรุณเรียกข้าว่าเยี่ยฉวนเซียนกระบี่ เข้าใจตรงกันนะ!”
ไป๋เจ๋อหน้าเหวอ “……”
— จบตอน —



