บทที่ 201 หาใช่บุรุษผู้กล้าหาญเลยสักคน! (ปลาย)
ทันทีที่กลุ่มเยี่ยฉวนคล้อยหลัง ผู้คนพากันทยอยกลับออกไปทันทีเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นาน ทั่วบริเวณเชิงเขาฉางซานกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
หลี่เสวียนชางหันหลังกลับ เขามองไปทางหลีซิ่วซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล “ถ้าวันนี้เจ้าต่อสู้กับมัน เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน!”
หลีซิ่วพูดเสียงแหบแห้ง “ข้ารู้! แต่ไหนเลยจะทนให้สถานศึกษาฉางมู่ของเรา ถูกพูดจาดูถูกเช่นนี้!”
อีกฝ่ายพึมพำเสียงเบา “ฉางมู่ของเรา ยามนี้ชื่อเสียงป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี!”
หลีซิ่วค้อมศีรษะลงอย่างยอมรับผิด “ตอนนั้น ถ้าข้า……” เสียงคนพูดสะดุดแค่นั้น เขาได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจ
หลี่เสวียนชางหันไปมองทางที่พวกเยี่ยฉวนกลับออกไปจนลับสายตา “เจ้าไม่ต้องใส่ใจให้มากกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ต่อไปพวกเรามาคอยดูเวลาที่ฉางหลานต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตามมาแก้แค้นดีกว่า ยังไงเสีย มันจะต้องตายแน่!”
จากนั้นดูเหมือนคิดอะไรได้ เขาหันกลับมาพูดกับหลีซิ่ว “แจ้งไปยังแคว้นถัง หากทำให้เยี่ยฉวนหายไปจากโลกนี้ได้ สถานศึกษาฉางมู่จะให้ความร่วมมือกับเขาในทุกกรณี!”
อีกฝ่ายได้ยิน เขาออกท่าทีลังเลเล็กน้อย “แคว้นถัง ทำเช่นนี้จะไม่เป็นการเสียแรงเปล่าหรือขอรับ?”
หลี่เสวียนชางตอบมาเสียงเบาดุจกระซิบ “ต่อไปถ้าแคว้นเจียงกลายเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของแคว้นถัง พวกเราไม่ได้สูญเสีย แต่ถ้าเยี่ยฉวนไม่ตาย คนผู้นี้จะกลับมาทำลายสถานศึกษาฉางมู่อย่างแน่นอน!”
หลีซิ่วพยักหน้าช้าๆ “เข้าใจแล้วขอรับ!” จากนั้นจึงหันกลับออกไป ทำการดำเนินการตามคำสั่งทันที
หลี่เสวียนชางยืนอยู่เพียงลำพัง สายตาทอดมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา จากนั้นจึงหันกลับและหายวับไป
ไม่นานนัก เป็นอีกครั้งที่ข่าวเหตุการณ์ซึ่งสถานศึกษาฉางมู่ไม่กล้ารับคำท้าทายกระพือสะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง จากเดิมที่คนมีความภาคภูมิใจในสถานศึกษาฉางมู่ ทว่าในเวลานี้ ศิษย์ของฉางมู่กลับไม่กล้าบอกใครว่าเป็นศิษย์ฉางมู่!
แม้แต่ญาติพี่น้องและเพื่อนยังไม่กล้าบอกว่าเพื่อนและญาติของพวกเขาเป็นศิษย์ฉางมู่!
น่าอับอาย!
เป็นเรื่องน่าอับอายสิ้นดี!
ในทางกลับกัน สถานศึกษาฉางหลานที่เคยหายสูญไปนานหลายทศวรรษ บัดนี้ได้เผยตัวออกสู่สาธารณชน!
นอกจากนั้นทั้งเยี่ยฉวน โม่อวิ๋นฉี ไป๋เจ๋อ และจี้อันซื่อ……
ชื่อเสียงของพวกเขาต่างก็ขจรขจายไปทั่วเมืองหลวงอีกด้วย!
ไม่เพียงแค่เมืองหลวงเท่านั้น แต่ได้แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเจียงเลยต่างหาก!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยี่ยฉวน ที่ชื่อเสียงครั้งนี้กลายเป็นนำหน้าอันหลานซิ่ว!
ณ สถานศึกษาฉางหลาน
ในเวลากลางคืน
ทุกคนนั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะในหอโถงฉางหลาน เยี่ยฉวนลงมือทำกับข้าวมากมายหลายสิบเมนู และเพื่อการเลี้ยงฉลอง มันจึงมีทั้งจานปลา จานเนื้อ
จี้อันซื่อนั่งประจำที่พลางเลียตะเกียบเล่นเตรียมพร้อมลงมือตลอดเวลา พลันเสียงของอาจารย์ใหญ่จี้ดังขึ้นว่า “ข้ามีเรื่องจะบอกพวกเจ้า!”
ทุกคนละสายตาจากกับข้าวบนโต๊ะหันมามองชายชราเป็นตาเดียว แต่สุดท้ายเขากลับตัดสินใจพูดว่า “กินให้เสร็จก่อนแล้วกัน!”
จี้อันซื่อเคลื่อนไหวรวดเร็ว เร็วมากถึงมากที่สุด……
ชั่วไม่กี่ลมหายใจต่อมา อาหารจานปลาที่อยู่เบื้องหน้าก็เหลือแต่ก้างคาชาม!
โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อถือตะเกียบค้าง อ้าปากหวอ พลันทั้งคู่หันมาก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว! ด้วยหากช้าอีกเพียงนิดเดียว แม้แต่ก้างปลาก็คงไม่เหลือ!
เยี่ยฉวนหันไปมองเพื่อนทั้งสาม เขาส่ายหน้า พลางหัวเราะเบาๆ “ไม่พูดไม่จากันเลยนะ พวกเจ้าไม่ต้องห่วงในครัวยังมีกับข้าวอีก!”
โม่อวิ๋นฉีเงยหน้าขึ้นมอง เขาชูนิ้วโป้งมาทางเยี่ยฉวนพลางว่า “พี่หัวขโมยเยี่ย ฝีมือทำกับข้าวอร่อยสุดยอดยิ่ง พอๆ กับแม่ข้าเลย!”
เยี่ยฉวน “……”
ครึ่งชั่วยามให้หลัง กับข้าวทุกชามบนโต๊ะหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือหลอ
โม่อวิ๋นฉีนั่งเอนหลังลงกับพนัก เอามือลูบท้องป้อยๆ ขณะสายตามองมาทางอาจารย์ใหญ่จี้ “อาจารย์ใหญ่ ท่านมีอะไรก็รีบพูดเถอะขอรับ ข้าจะได้รีบไปฝึกต่อ!”
ในเวลานั้นเยี่ยฉวนและคนอื่นพากันหันมองอย่างใคร่รู้
อาจารย์ใหญ่จี้ ยกจอกสุราขึ้นจิบก่อนจะพูดว่า “พวกเจ้าทั้งสี่รีบกลับไปเก็บของ และหนีออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด!”
ทุกคนนิ่งขึง ตะลึงงันไปตามกับสิ่งที่ได้ยิน
เสียงของอาจารย์ใหญ่จี้แผ่วเบาราวกระซิบ “ข้าเพิ่งติดต่อสำนักใหญ่ และพวกเขาปฏิเสธทั้งบอกว่าไม่ขอร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา”
โม่อวิ๋นฉีลังเลเล็กน้อย ก่อนถามออกมา “อาจารย์ใหญ่ ท่านต่อสู้กับพวกนั้นไม่ได้หรือ?”
อาจารย์ใหญ่จี้หันมามองหน้า “ถ้าข้าสู้กับหนึ่งคน ส่วนที่เหลือปล่อยพวกเจ้ารับมือล่ะ ไหวไหม?”
โม่อวิ๋นฉี “…”
เยี่ยฉวนนั่งอยู่อีกด้านถามขึ้นว่า “อาจารย์ใหญ่ พูดจริงหรือขอรับ?”
ชายชราพยักหน้า “ข้าพูดเรื่องจริง พวกเจ้าจงแยกย้ายกันหนีไปเสีย ไปให้ไกลที่สุด เท่าที่จะไกลได้!”
ชายหนุ่มคิ้วขมวดมุ่น “อาจารย์ใหญ่ ท่านจะทิ้งสถานศึกษาฉางหลานอย่างนั้นหรือขอรับ?”
อาจารย์ใหญ่จี้หันมาสบตา ก่อนกล่าวสั้นๆ “การมีชีวิตสำคัญที่สุด!” เพียงแค่นั้นทุกคนพากันหุบปากนิ่งเงียบ
หนีไป? ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะรู้สึกผูกพันกับที่นี่จนเปรียบเสมือนบ้าน!
เยี่ยฉวนก็เช่นกัน!
อาจารย์ใหญ่จี้เห็นเยี่ยฉวนยังนั่งเฉยไม่ขยับเขยื้อน เขาจึงส่ายหน้าน้อยๆ “อย่าเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ หากเจ้ายังขืนอยู่ที่นี่ มีแต่จะตายไปเสียโดยเปล่าประโยชน์ หนีไปและหมั่นฝึกปรือ เจ้ายังมีอนาคตเป็นได้ถึงยอดฝีมือสูงล้ำ ในภายหน้าเจ้าจะได้เป็นที่หนึ่งแน่!”
โม่อวิ๋นฉีมองตรงมาที่ชายชรา “อาจารย์ใหญ่จี้ แล้วท่านเล่า? จะอยู่ที่นี่ต่อไปหรือ?”
ผู้เฒ่าตอบเสียงแผ่วต่ำ “ต้องมีใครสักคนที่อยู่เป็นคนสุดท้าย ไม่ใช่หรือ? หรือว่าเจ้าจะอยู่กับข้ากัน?
โม่อวิ๋นฉี “……”
ขณะที่เยี่ยฉวนกำลังจะเอ่ยปากพูด ฉับพลันพลังบางอย่างพุ่งเข้าครอบคลุมหอโถงไว้ทั้งอาคาร!
ด้วยพลังกดดันที่บังเกิดขึ้นนี้ ทำให้เยี่ยฉวนและคนอื่นทั้งสี่รู้สึกเหมือนถูกบีบบด ราวภูเขาขนาดมหึมากำลังกดทับลงมาทั้งลูก ทั้งแน่นหนักจนหายใจยากลำบากยิ่ง!
เสียงของชายชราที่ในหอโถงพึมพำแผ่ว “พวกมันมาถึงไวกว่าที่คิด……มีมากกว่าหนึ่งคน……มันมาเพื่อสังหารพวกเราทุกคน!”
— จบตอน —



