Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 279

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 279 หัวขโมยพี่เยี่ย ข้ามาแล้ว! (ต้น)

C

ทันใดนั้น ก็มีเสียงครางแผ่วเบา ดังมาเข้าหูของเยี่ยฉวน “พะ พี่เยี่ย……ขะ ข้ายังไม่ตาย!” เสียงที่ว่านั้นทำให้ร่างกายที่กำลังสะท้านด้วยแรงสะอื้นผ่อนลงทันที ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้เห็นว่าหลิงฮั่นซึ่งเอนซบอยู่กับทวนที่ปักอยู่กับพื้นกำลังมองตรงมา ดวงตาหรี่ปรือที่มุมปากมีคราบโลหิตไหลเปรอะเปื้อนเป็นทาง หลิงฮั่นยังไม่ตายจริงๆ แถมกำลังหัวเราะใส่เสียด้วย……

เห็นเช่นนั้นทำเอาเยี่ยฉวนนิ่งงันไปชั่วขณะ หน้าตาตื่นตะลึงก่อนจะผวาเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างดีใจ ในขณะที่เหยี่ยลี่และคนที่ยังรอดชีวิตต่างพากันวิ่งเข้ามาหา พร้อมโผกอดพลางเขย่าตัวไปมา……อีกทางหนึ่ง ลู่ป้านจวงมองดูคนทั้งกลุ่มนิ่ง พลางทรุดกายลงนั่งบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง พลันล้วงขนมเปี๊ยะอันใหญ่ขึ้นใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ปากเคี้ยวไป สายตาเหลือบมองขนมในมือซึ่งบัดนี้สีแดงเปรอะเปื้อนเป็นหย่อม

เลวร้าย! นับเป็นเหตุการณ์ที่ถือว่าเลวร้ายยิ่งของทั้งสองฝ่าย! ด้านแคว้นถังก็ต้องสูญเสียทหารม้าหนักไปเกือบร้อย อีกทั้งผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแผ่นดินชิงต้องตายไปหลายสิบคน ยังมีขุนศึกเต๋าแห่งสถานศึกษาฉางมู่ถูกซึ่งถูกทำลายล้างจนไม่เหลือ! ด้านเยี่ยฉวนและพวกของนาง ก็ต้องพบกับความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียของพี่น้องร่วมกลุ่มไม่แตกต่าง!

ลี่เฟิงและหวังหมิงจบชีวิตทันทีในลานต่อสู้ กานอู๋เว่ยและคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะหลิงฮั่นและเหยี่ยลี่ ทั้งสองไม่เพียงได้รับบาดเจ็บแต่ทั้งคู่เกือบเอาชีวิตไม่รอดทีเดียว! สองคนนั้นต้องสูญเสียพลังไปในการต่อสู้เกือบทั้งหมด อย่ากระนั้นเลยคนอื่นๆ ก็มีสภาพไม่ดีไปกว่ากันเท่าใด!

ที่ภายนอกกองทัพทหารแห่งแคว้นถังยังปักหลักโอบล้อมยังมิได้ล่าถอยไปแม้แต่น้อย ขณะนั้น เยี่ยฉวนเดินตรงไปที่ร่างของลี่เฟิงและหวังหมิง เขาหยุดที่ข้างศพของคนทั้งสองริมฝีปากเม้มแน่น คนอื่นที่ตามมาต่างเงียบงันด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ

ชายหนุ่มยืนนิ่งมองลี่เฟิงและหวังหมิงเนิ่นนานก่อนจะยื่นมือออกไปแตะที่ร่างไร้วิญญาณของลี่เฟิงเบาๆ “กลับมา ชาติหน้าพวกเราจะได้เป็นพี่เป็นน้องกันอีก!” ชาติหน้าก็จะเป็นพี่น้อง! จากนั้นจึงขยับจัดท่าทางให้ร่างไร้วิญญาณอยู่ในท่าเรียบร้อย ก่อนจะหันมาทางหลิงฮั่นและคนอื่น “เยียวยาบาดแผลของพวกเจ้าก่อนเถอะ” เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตหลิงฮั่นรวมทั้งคนอื่นทรุดฮวบลงบนพื้น หลังจากนั้นจึงต่างคนต่างรีบกลืนยาโอสถเทพประสานโดยเร็ว!

เยี่ยฉวนหันไปหาลู่ป้านจวง ซึ่งนั่งอยู่บนพื้นไม่ห่างไกล หญิงสาวได้รับบาดเจ็บที่ฝ่ามือทั้งสองมากพอสมควรด้วยบัดนี้เต็มไปด้วยบาดแผล ชายหนุ่มจึงค่อยนั่งลงข้างๆ “ขอโทษที่ข้าไม่สามารถปกป้องชีวิตพวกเขาได้!” อีกฝ่ายหันมามองก่อนเบนสายตาไปที่ไกล หญิงสาวนิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงสั่นศีรษะ “เมื่อพวกเราตัดสินใจมาที่นี่ย่อมหมายถึงพร้อมที่จะเผชิญความตายทุกเมื่ออยู่แล้ว” ผู้พูดเงียบไป พักหนึ่งจึงมาพูดว่า “ปกป้องคนที่ยังอยู่ เพราะตอนนี้เจ้าคือพี่ใหญ่ของพวกเรา”

พี่ใหญ่! คำสองคำเท่านั้นกลับให้ความรู้สึกคอหอยตีบตัน น้ำใสรื้นขึ้นในเบ้าตาของเยี่ยฉวน ลู่ป้านจวงเอื้อมมือมาตบที่บ่าอย่างให้กำลังใจ “เวลานี้ทุกคนพร้อมที่จะตายเพื่อเจ้า พิสูจน์ให้พวกเราเห็นสิว่าตัดสินใจไม่ผิด ไม่มีใครอยากเห็นเจ้ามานั่งโทษตัวเอง สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้ก็คือแก้แค้นให้พวกเขา!”

ล้างแค้น! เยี่ยฉวนผุดลุดขึ้นยืนทันที พลันหันหน้าไปทางมู่ซ่วนชิงซึ่งกำลังมองตรงมาทางเยี่ยฉวนด้วยแววตาสงบเย็นเยียบ ชายหนุ่มเหยียดมุมปาก “ในเมื่อสถานศึกษาฉางมู่อยากลองดี ได้ ข้าขอสาบานว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือจัดการกับพวกเจ้า ถ้าข้าไม่ตายฉางมู่ของเจ้าจะต้องพินาศย่อยยับ!”

มู่ซ่วนชิงตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ “พวกเราก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” จากนั้นยกมือข้างขวาขึ้นโบกครั้งหนึ่ง ครืน! เสียงครืนครันดังขึ้นในระยะไกล พลันที่สุดสายตากองทัพม้าค่อยปรากฏพ้นเส้นขอบฟ้ากำลังมุ่งตรงมา คะเนว่าราวสามพันม้า!

กองทัพทหารม้าหนักแห่งแคว้นถัง! นอกจากนั้น ยังมีทหารราบนับพันปรากฏออกพร้อมกระจายกำลังเข้าโอบล้อม! กองทัพยูหลิน! บัดนี้กองกำลังยอดเยี่ยมที่อารักขาวังหลวงทั้งหมดถูกส่งมาที่นี่ด้วยเช่นกัน

การเดิมพันครั้งฝ่ายตรงข้ามยอมเทหมดหน้าตัก! เท่านั้นยังไม่พอ ด้านหลังมู่ซ่วนชิงมีคนสี่สิบคนปรากฏกายและเป็นคนที่มีพลังกล้าแกร่ง ทุกคนมีขั้นพลังเกือบถึงผสานเทพ! นอกจากพวกที่เปิดเผยตัว ยังมีพวกที่แอบแฝงในความมืดอย่างมือสังหารแห่งดินแดนอันธกาลร! การปรากฏของเหล่ามือสังหารนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าพวกไหน ด้วยไม่มีใครคาดเดาความเคลื่อนไหวของพวกมัน!

ในขณะที่ทุกคนต่างเฝ้ามองกองกำลังของฝ่ายศัตรูที่ค่อยเคลื่อนเข้าหาจากในระยะไกล ลู่ป้านจวงชี้มือไปทางอู๋เหย่พลางบอกกับเยี่ยฉวน “เจ้านั่นแหละที่ลอบจู่โจมหวังหมิง!” ทันทีที่ได้ยินเยี่ยฉวนหันไปทางชายที่ชื่ออู๋เหย่ คนผู้นี้มีชื่อในอันดับสามแห่งทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์ พลันเขาหรี่ตาลงทันทีที่สังเกตเห็นเยี่ยฉวน ขณะเดียวกันมือทั้งสองข้างขยับกำหมัด

ฉับพลันนั้นเยี่ยฉวนกลับหายวับไป ขณะเดียวกันอู๋เหย่หรี่ตาลงพลันกำหมัดขวาพร้อมย่อตัวลงครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้น เขาดึงหมัดขวาซึ่งกำแน่นกลับเข้าหาตัว จังหวะต่อมาก็กระแทกหมัดนั้นออกไปข้างหน้าอย่างแรง ก่อเกิดเสียงปานอสุนีบาตกัมปนาทสนั่น “หมัดทะลวงปราณ!”

ขณะที่หมัดถูกผลักออก รังสีแห่งพลังซึ่งประจุเต็มเปี่ยมภายในลายหมัดได้แผ่กระจายออกมาเป็นที่น่าสะพรึงกลัว พลังแห่งลายหมัดออกปะทะอย่างรุนแรงแม้แต่ธาตุอากาศยังแตกสลาย ยังส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบบริเวณกลายสภาพเป็นสูญญากาศในทันที

ในเวลานั้น เยี่ยฉวนได้ทะยานขึ้นสู่อากาศเบื้องบน พร้อมกันกับแสงเรืองรองซึ่งพุ่งออกจากกระบี่ฉายวาบทาบทับลงเบื้องล่าง หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา! กระบี่คมกริบซึ่งตวัดเข้าปะทะพลังแห่งลายหมัดจนอีกฝ่ายระเบิดเป็นผุยผง ฉับพลันก็มีร่างของใครบางคนถลันวูบจากข้างบนลงที่อู๋เหย่ด้านล่าง

เยี่ยฉวน! อู๋เหย่เหมือนรู้ชะตาด้วยคนสะดุ้งเฮือกพลันตัวแข็งทื่อ ทันใดนั้น ความเงียบเข้าครอบคลุมบริเวณชั่วขณะ ฉับพลันโลหิตทะลักพรวดออกจากจุดกึ่งกลางหว่างคิ้ว……สัมผัสสังหาร! ราวกับว่า ณ เวลานี้ทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตาของเยี่ยฉวนจะมีอานุภาพแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่แล้วมา จะว่าไปแล้วของเดิมไม่อาจเทียบเคียงเลยเสียด้วยซ้ำ!

ภายหลังจากที่สามารถสังหารอู๋เหย่ด้วยหนึ่งกระบี่ เยี่ยฉวนเบือนหน้าไปทางมู่ซ่วนชิงซึ่งขณะนั้นปรากฏเงื้อมเงาประหลาดขึ้นที่ด้านข้าง! จ้าวทมิฬแห่งดินแดนอันธกาลในแผ่นดินชิง! หนึ่งในบรรดาสุดยอดยุทธ์แห่งแผ่นดินชิง!

พลันมีเสียงจากจ้าวทมิฬที่เพิ่งเข้ามา “ทำไมไม่ลงมือ? เจ้าจะรอให้พวกมันฟื้นร่างกายคืนพลังหรือยังไง?” มู่ซ่วนชิงพูดตอบให้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาชัดเจน “ขุนศึกเต๋าของฉางมู่พ่ายแพ้ยับเยิน เจ้ายังไม่พอใจหรือไง?” ถึงแม้เสียงที่เปล่งออกมาจะดูสงบเยือกเย็น หากรับรู้ได้ว่าเขาได้ข่มความโกรธไว้ภายใน!

ด้วยเพราะเป็นข้อตกลงที่เคยพูดไว้ก่อนที่จะมานี่ ว่าดินแดนอันธกาลจะเข้าจู่โจมทันทีเมื่อขุนศึกเต๋าแห่งสถานศึกษาฉางมู่เปิดฉากจู่โจม ถึงกระนั้นอีกฝ่ายกลับส่งมาแต่มือสังหารแห่งดินแดนอันธกาล หาใช่ขุนศึกเต๋าแห่งดินแดนอันธกาลการในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดังที่ได้ตกลงกันไว้ไม่

— จบตอน —

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!