Skip to content

สู่วิถีอสุรา 192

ตอนที่ 192 ความคิดบังเกิด

แผ่นดินเมืองเขาหานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไม่มีใครส่งเสียงใด ไม่ว่าจะเป็นขั้นพลังใดก็ล้วนได้สติกลับมาในชั่วพริบตา พวกเขากลั้นลมหายใจมองท้องฟ้า มองเงาคนกำลังนั่งขัดสมาธิบนยอดเขาผู่เชียง ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังขั้นชำระล้าง

ห่างจากเมืองเขาหานหลายพันลี้ ยามนี้สายรุ้งสามเส้นกำลังห้อเหยียดตรงเข้ามา ทว่าเพียงแค่แรงกดดันจากเทวรูปชำระล้างก็ยังทำให้พวกเขาเดินทางช้าลงได้ ในช่วงที่ชั้นเมฆรวมตัว สายฟ้าสีครามผ่าลงมา อานุภาพที่ขยายไปทั่วฟ้าดินนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ร้ายแรงยิ่งกว่า

ชายหญิงสองคนใบหน้าขาวซีด ลมหายใจกระชั้นถี่ เหม่อมองไปทางเมืองเขาหาน ในความคิดขาวโพลน สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความเคารพยำเกรงต่อหานเฟยจื่อศิษย์น้องหญิงของพวกเขา

ทว่าชายชรากลับมีนัยน์ตาเป็นประกายแวววาว มองไปทางเมืองเขาหาน เขาไม่กล่าวสิ่งใด เพียงแต่เกิดความตื่นตะลึงในใจ

‘เทวรูปชำระล้างแท้จริงปรากฏ กล่าวคำชำระล้างสามครั้ง นี่หมายความว่าบุคคลนี้ยังคงยับยั้งเส้นเลือดเอาไว้…บุคคลนี้มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่มีความอดกลั้นเหนือกว่าคนธรรมดา อีกทั้งยังมีวิธีการเพิ่มเส้นเลือดอีกครั้งอย่างชัดเจน!

บุคคลนี้จะเป็นเด็กสาวหานเฟยจื่อจริงๆ หรือ…หากเป็นนางจริง โจวซานรับเด็กคนนี้เป็นศิษย์ หากสั่งสอนดีๆ กระทั่งอาจมีโอกาสเทียบเคียงเจ้าซือหม่า!

ทว่านี่ยังมิใช่สิ่งที่น่าตะลึงที่สุด ชั้นเมฆกลับรวมตัวกันภายใต้แรงกดดันของร่างจริงเทวรูปชำระล้าง อีกทั้งสายฟ้าสีคราม…มันมาจากไหน?’

นัยน์ตาชายชราเป็นประกายวูบไหว แอบถอนหายใจ ไม่เผยทีท่าชัดเจนเกินไปให้อีกสองคนสังเกตเห็น เมื่อถอนหายใจแล้วมีสีหน้าสงบนิ่ง และยังคงรักษาความเร็วกับชายหญิงสองคน ค่อยๆ ทะยานต่อไป

เมืองเขาหานในเวลานี้ ท้องฟ้าเกิดเสียงดังสนั่น วินาทีที่เส้นเลือดของซูหมิงเพิ่มมาเป็นเก้าร้อยเก้าสิบเอ็ดเส้น ในชั้นเมฆเหนือเทวรูปชำระล้างสวมเสื้อเกราะดำมีแสงสีครามขยับวูบวาบเด่นชัดอีกครั้ง สายฟ้าสีครามที่หนากว่าก่อนหน้านี้ผ่าลงมาอีกครั้งในพริบตา

สายฟ้าในครั้งนี้ทำให้ฟ้าดินบิดเบี้ยว ภายในสายตาของผู้คนภูเขาหานที่แทบหายใจไม่ออก พวกเขาเห็นสายฟ้าผ่าลงมาเป็นเส้นตรงใส่เหอเฟิงข้างกายซูหมิง!

บริเวณศีรษะของเหอเฟิง หมอกสมุนไพรที่กำลังรวมตัวอย่างรวดเร็ว ก่อเป็นกลุ่มก้อนหมุนวนเร็วรี่ ราวกับอยากสูบหมอกสมุนไพรทั้งหมดเพื่อสร้างเม็ดโอสถขึ้น!

สายฟ้าผ่าลงมาส่งเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง แลบผ่านข้างเทวรูปชำระล้างตรงสู่เหอเฟิง เสียงฟ้าร้องดังก้องกังวาน กลับพบว่าร่างกายของเหอเฟิงมีแสงสีครามปกคลุม ส่งเสียงดังเปรี้ยงๆ รอบทิศ ประกายสายฟ้าลักษณะโค้งจำนวนมากไหลเวียนไม่หยุด อีกทั้งยังแผ่ขยายไปบนพื้นยอดเขาผู่เชียง กระทั่งบางส่วนยังส่งมาถึงซูหมิง

ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน พลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ ทั้งยังมีความสงสัยและเหลือเชื่อ

ในช่วงที่เขาลืมตาก็พบว่าร่างกายของเหอเฟิงมีแสงสีครามโอบล้อม ตัวสั่นสะท้าน แขนขาแหลกละเอียดกลายเป็นหมอกดำลอยหาย กระทั่งร่างกายมากกว่าครึ่งของเขาล้วนสลายกลายเป็นหมอกลอยหายไป

เหอเฟิงในสายตาของซูหมิงตอนนี้ ศีรษะที่ติดอยู่กับร่างกายส่วนน้อยครึ่งหนึ่งมีสายฟ้าหมุนวน ค่อยๆ หลอมเข้าสู่ร่างกายเขา ขณะเดียวกัน หมอกสมุนไพรในร่างกายของเหอเฟิงที่รองรับมหันตภัยสองครั้งรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว จนเป็นกลุ่มก้อนหมุนวนด้วยความเร็วมากขึ้นในศีรษะ กระทั่งยามนี้ภายในก้อนนั้นปรากฏเป็นลักษณะของเม็ดโอสถเท่าเล็บมือ อีกไม่นานก็จะหลอมสำเร็จ

และเพราะมหันตภัยสองครั้งจึงทำให้แรงกดดันจากเทวรูปชำระล้างหายไปไม่น้อย ทำให้อารมณ์ชั่ววูบในการข้ามผ่านขั้นชำระล้างลดลงอย่างรวดเร็ว นี่ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่พันปียังหาได้ยากสำหรับซูหมิง!

เรื่องนี้ไม่อยู่ในการคาดเดาของเขา ไม่อยากเชื่อเลยว่ามหันตภัยจากการหลอมโอสถชิงวิญญาณกับการทะลวงขั้นชำระล้างของเขาเกิดขึ้นพร้อมกัน จะทำให้ได้รับโอกาสที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้!

เส้นเลือดของเขาเดิมทีมาได้เพียงเก้าร้อยเก้าสิบเส้น นี่คือขีดจำกัดของร่างกายเขา อีกทั้งแรงกระตุ้นในการทะลวงขั้นชำระล้างยังไม่อาจควบคุมได้ จึงต้องข้ามผ่านไปอย่างเดียวเท่านั้น!

ในช่วงที่เขาเลือกทะลวงขั้น แม้กล่าวว่ายังมีความเสียดายอยู่ ทว่าเขาก็มิได้คิดเรื่องจะเพิ่มเส้นเลือดอีกแล้ว คนยักษ์จากเส้นเลือดเหนือศีรษะเขาแหลกสลาย เส้นเลือดในร่างกายหลอมรวม ทั้งตัวอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายพลังชำระล้าง จากตรงนี้เขาได้เสียสิทธิ์ในการเพิ่มเส้นเลือดไปแล้ว

มีแต่ต้องไปถึงชำระล้างเท่านั้น โดยเฉพาะกลิ่นอายพลังชำระล้างที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ทุกอย่างหมุนทวนเข็ม ทว่า…..การปรากฏขึ้นของมหันตภัยสองครั้งเหมือนกับการเปิดรอยแยกกั้นแม่น้ำ อีกทั้งรอยแยกนี้ยังมิใช่เล็กๆ แต่เป็นการฉีกขาด เป็นเหมือนคนที่ใกล้จะหมดลมหายใจพลันสูดอากาศเข้าไป

ดวงตาซูหมิงเป็นเปล่งประกาย สาเหตุของความลังเลและเหลือเชื่อในแววตาของเขาก็มาจากตรงนี้! แต่เกิดความลังเลไม่นานก็กลายเป็นความเด็ดขาด หลังจากเส้นเลือดเขาเพิ่มมาถึงเก้าร้อยเก้าสิบเอ็ดเส้น ก็ใช้กลิ่นอายพลังชำระล้างในร่างกายมาหลอมละลายกระดูกหมาน!

ขณะกำลังหลอมละลาย ยามที่การทะลวงขั้นชำระล้างพลันหยุดชะงัก เส้นเลือดของซูหมิงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

เก้าร้อยเก้าสิบสอง!

เก้าร้อยเก้าสิบสาม!

เก้าร้อยเก้าสิบสี่!

เส้นเลือดเพิ่มมาอีกสามเส้น ทำให้มีเสียงระเบิดดังขึ้นในร่างกาย พลังจากเส้นเลือดปะทะกับกลิ่นอายพลังชำระล้าง จึงเกิดความขัดแย้งขึ้น ทว่าแววตาซูหมิงกลับเปล่งประกาย เขารู้สึกว่าทุกครั้งที่เส้นเลือดเพิ่มมาหนึ่งเส้นจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นหลายส่วน และสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของตนกำลังเพิ่มขึ้นตามเส้นเลือด!

บนท้องฟ้าในยามนี้ เทวรูปชำระล้างพลันตัวสั่นสะท้าน รอบตัวมีสายฟ้าลักษณะโค้งสีครามปรากฏอย่างน่าอัศจรรย์ ราวเชื่อมต่อกับร่างกายของเหอเฟิง ดังเช่นตอนที่ท่านั่งขัดสมาธิของเหอเฟิงเหมือนเทวรูปก่อนหน้านี้

มันแฝงไว้ด้วยกฎแห่งฟ้าดินบางอย่าง สามารถเชื่อมกับเขาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนกับเทวรูปเป็นตัวช่วย และเป็นตัวแทนร่างกายของเหอเฟิงเพื่อรองรับมหันตภัยก็มิปาน ท่ามกลางสายฟ้าไหลเวียน นัยน์ตาเทวรูปฉายแววไร้ความปรานี ตัวเขาค่อยๆ ยืนขึ้นจากท่านั่งขัดสมาธิ!

ขณะเดียวกัน ชั้นเมฆที่กำลังรวมตัวกันอยู่ตรงปลายสุดท้องฟ้าพลันเปล่งแสงสีครามสว่างจ้าครั้งที่สาม ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ารุนแรงกว่าสองครั้งก่อนหน้า แม้แต่ชั้นเมฆเองยังกลายเป็นเมฆครามด้วย!

บนท้องฟ้ารอบทิศ เวลานี้ประกายสายฟ้าจากเมฆฝนแล่นผ่านเมฆคราม หลอมรวมเข้าไปด้านในทีละเส้น ก่อขึ้นเป็นแรงกดดันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า จนท้ายที่สุดสายฟ้าจากในเมฆครามบรรลุถึงจุดที่ทำให้ทุกคนต้องเกิดความตื่นตะลึง สายฟ้าในครั้งนี้รุนแรงกว่าสองครั้งก่อนหลายเท่า กระทั่ง…ไม่อาจนำมาเปรียบกันได้!

จ้าวเผ่าและจ้าวหมานผู่เชียงตะลึงค้าง คุกเข่าลงกราบไหว้ทั้งตัวสั่นเทา

บนยอดเขาบูรพาสงบก็เช่นกัน แม้แต่หานชางจื่อยังมีใบหน้าขาวซีดยามมองท้องฟ้า สีหน้ามีความยำเกรงหยั่งลึก

บนยอดเขาเหยียนฉือ แม้เหยียนหลวนมีขั้นพลังชำระล้างตอนกลาง ทว่ายามนี้ภายใต้ปรากฏการณ์พิลึกบนท้องฟ้า นางเกิดความรู้สึกอ่อนแอ พลังจากสายฟ้าทำให้นางตกตะลึง

หญิงชราคุกเข่าลงกับพื้นก่อนหลับตา สีหน้าสงบนิ่ง แต่มือขวากลับกำแน่นและคลายออก เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของนางไม่ได้สงบนิ่งเหมือนสีหน้า

ภายในเมืองเขาหานเงียบสงัด ไม่มีเสียงดังอื้ออึง ไม่มีใครสนทนา ทุกคนในเวลานี้ล้วนตกอยู่ในความตึงเครียดและตกตะลึง คล้ายหมดแรงในการขบคิด

รวมถึงหนานเทียน เคอจิ่วซือ และเหลิ่งอิ้น ยังมีเสวียนหลุนที่คุกเข่าลงกับพื้นอยู่ไกลๆ เช่นกัน

กระทั่งเงาคนสามคนที่กำลังห้อเหยียดมาในระยะหลายพันลี้ ชายหญิงสองคนเปล่งเสียงออกมาด้วยความตะลึง ชะงักฝีเท้าทั้งสีหน้าตื่นกลัว มองชั้นเมฆบนท้องฟ้าด้วยความสับสน ส่วนชายชรามองเมฆครามบนท้องฟ้าไกลอย่างเงียบๆ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิบนยอดเขาผู่เชียง เส้นเลือดเก้าร้อยเก้าสิบสี่เส้นในร่างกายเขาถึงขีดจำกัดที่เขาจะทนรับไหวแล้ว มุมปากเขามีโลหิตไหล กัดฟันแน่น ก่อนละลายกระดูกหมานชิ้นนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะละลายอย่างไรเขาก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว เส้นเลือดหยุดอยู่ที่เก้าร้อยเก้าสิบสี่เส้น!

เขาเห็นสายฟ้าผ่าลงมาจากเมฆคราม เห็นเทวรูปชำระล้างเกราะดำกำลังยืนขึ้นอย่างช้าๆ เวลากระชั้นยิ่งนัก เขาเงยหน้ามองเมฆครามแวบหนึ่ง ความลังเลในแววตาก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเพราะเส้นเลือด ทว่านอกจากความลังเลในแววตาแล้ว ยังมีความเหลือเชื่ออยู่เช่นกัน

ความเหลือเชื่อนี้มิใช่เพราะเส้นเลือด และมิใช่เพราะการข้ามผ่านนั้นชำระล้าง แต่เป็น…สายฟ้าลักษณะโค้งที่ส่งมาถึงตัวเขาตอนมหันตภัยครั้งที่สอง มันหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายเขา ทำให้ตัวสั่นสะท้าน แม้หายไปแล้วแต่กลับหยุดอยู่ในร่างกายเขาเพียงชั่วพริบตา

เพียงแต่การหยุดเพียงชั่วพริบตานั้นทำให้เขาเกิดความคิดน่าตะลึงและเหลือเชื่อขึ้น กระทั่งเขาไม่เคยพานพบมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่าจะทำได้หรือไม่ ความคิดนี้เป็นเรื่องบ้าบิ่นยิ่งนัก กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ยามนี้แม้แต่ซูหมิงยังคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันเช่นกัน ทว่าก็หยุดคิดมิได้

‘โอกาสมีแค่ครั้งเดียว จะเป็นเรื่องเพ้อฝันหรือความจริงก็มีแค่ครั้งนี้เท่านั้น…ข้าต้องลอง!’ ซูหมิงจ้องเมฆครามบนท้องฟ้า นัยน์ตาฉายแววบ้าคลั่งภายใต้ความใจเย็น

‘บางทีโอสถชิงวิญญาณอาจเป็นวัตถุประจำตัวขั้นชำระล้างของข้าได้ เพราะมันเป็นรูปธรรม…มิใช่นามธรรม วัตถุประจำตัวนี้เหมือนว่าต้องใช้วัตถุที่เป็นรูปธรรม…

แต่ว่า…สายฟ้าสีครามทรงพลังนั่น มันสามารถไหลเวียนในร่างกายของข้าในชั่วพริบตา นั่นหมายความว่าในชั่วพริบตานั้นมันคือรูปธรรม เพียงแต่ชั่วพริบตาให้หลังกลับกลายเป็นนามธรรม…’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!