Skip to content

สู่วิถีอสุรา 467

ตอนที่ 467 จิ่วอิน จิ่วอิง

ซูหมิงใจสั่นสะท้าน ก่อนหน้านี้เขาใช้จิตสัมผัสกับสายตาตรวจดูแล้ว โครงกระดูกนี้ตายมาไม่รู้กี่ปี อีกทั้งยังแห้งกรังแล้วด้วย

ทว่าตอนนี้โครงกระดูกลับจับแขนเขา ในใจจึงเกิดคลื่นลูกใหญ่ ทั้งกายสั่นสะท้านจนแทบจะลืมไปเลยว่ามีสัตว์ร้ายกำลังคำรามไล่ตามหลังมาแต่ไกล

เรื่องเหนือความคาดหมายนี้ทำให้เขาพลันหรี่ตาลง

“ข้าหา…รุ่นสามเจอแล้ว…เขาอยู่…หมื่น…” นัยน์ตาโครงกระดูกขยับแสงอ่อนจาง แต่ยังกล่าวไม่จบ แสงนั้นก็พลันหายไป มือแห้งกรังที่จับซูหมิงอยู่หล่นลงตาม

จิตใจซูหมิงสั่นไหวอย่างรุนแรง ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาขบคิด หลังจากคว้าเกราะบนตัวโครงกระดูกเอาไว้แล้ว ก็มีชิ้นหยกโปร่งใสทุกส่วนขนาดเท่าฝ่ามือไหลออกมาจากตัวโครงกระดูก ชิ้นหยกนี้โปร่งใสจึงมองเห็นได้ยากนัก ตอนที่ซูหมิงดึงเกราะออกมาถึงได้เห็นมัน เขาสะบัดแขนเสื้อม้วนชิ้นหยกนั้นมาอย่างไม่ลังเลแล้วห้อเหยียดต่อไป ช่วงที่สัตว์ร้ายมุดออกมาจากผนังเนื้อเขาก็ทะยานไปไกลแล้ว

ขณะเดียวกัน ในผนังโดยรอบที่นูนออกมาฉีกขาดออก มีสัตว์ร้ายซึ่งต่างจากสัตว์หมอกที่ซูหมิงเคยเห็นก่อนหน้านี้พุ่งออกมาพร้อมกับร้องคำรามจำนวนมาก

สัตว์ร้ายเหล่านี้มีลักษณะคล้ายงูเหลือม ทว่ามีใบหน้าคนรางๆ แลบลิ้นขู่ฟ่อ ดวงตาเย็นยะเยือก สะบัดหางใส่พื้นแล้วบินตามซูหมิงมาในทันใด

พร้อมกันนั้น หนามกระดูกบนพื้นระเบิดออกหลังแทงทะลุขึ้นมา ก่อนกลายเป็นคนเล็กสีเทาที่มีหางยาวหลายตัว ใบหน้าคนเล็กเหล่านี้มีรอยเปิดของดวงตาและปาก ตรงศีรษะยังมีรอยเปิดเช่นกัน ตอนนี้รอยเปิดฉีกขยายไปมากกว่าครึ่ง ราวกับว่ามีตัวประหลาดกำลังจะมุดออกมาจากในศีรษะของพวกมัน

นอกจากสัตว์หมอกกับมารกระดูกแล้ว ด้านหลังยังมีเงาสีขาวสะอื้นไห้ลอยตามมา พวกมันต่างออกไปเช่นกัน เดิมทีเครื่องหน้าจะซ่อนอยู่ใต้เส้นผมและยังขมุกขมัวเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับเงยหน้าขึ้นเผยใบหน้างดงาม โดยเฉพาะเสน่ห์ตรงคิ้วและดวงตา มากพอจะทำให้คนมองหลงใหลได้

ซูหมิงไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ตอนนี้เขากำลังห้อวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ตั้งแต่ขาดการเชื่อมต่อกับหนอนงู ในใจเขาก็ร้อนรนยิ่งนัก ทว่าก็ยังสัมผัสได้ถึงจุดสุดท้ายก่อนที่จะตัดขาดการเชื่อมต่อกับมัน!

ยามนี้ทะยานไปนานมากแล้ว เส้นทางตรงหน้าพลันขยายใหญ่ขึ้นอีกไม่น้อย กลายเป็นถ้ำเลือดเนื้อยักษ์ปานลานกว้าง!

จุดที่ตัดขาดการเชื่อมต่อกับหนอนงูก็คือตรงนี้!

ทันทีที่มาถึง ซูหมิงมองตรงใจกลางถ้ำยักษ์เป็นอย่างแรก เห็นเส้นเอ็นสีดำหนาหลายเส้นพันตัดสลับเข้าด้วยกัน ราวกับวัตถุพิลึกคล้ายยอดต้นไม้!

ตรงปลายสุดของเส้นเอ็นสีดำเป็นก้อนเนื้อเหี่ยวแห้งขนาดเกือบพันจั้ง ก้อนเนื้อนี้เต็มไปด้วยปุ่มพอง มีสีเทาอมดำ ทั้งยังมีหลายจุดเหี่ยวจนแฟบ

บนก้อนเนื้อ ซูหมิงเห็นเศษผลึกสว่างพร่างพราวเกือบร้อยชิ้นลอยอยู่ ผลึกเหล่านี้มีขนาดต่างกัน ทว่าทุกๆ ชิ้นให้ความรู้สึกเหมือนมองแล้วจิตใจจะถูกดูดเข้าไป และเหมือนเห็นฟ้าดินผืนหนึ่ง

เศษผลึกเหล่านี้มีทั้งหมดเก้าสิบเจ็ดชิ้น!

พวกมันลอยอยู่รอบก้อนเนื้อ หากมองดีๆ จะเห็นว่ามีเส้นดำหลายเส้นเชื่อมเศษผลึกและก้อนเนื้อเข้าด้วยกัน

แทบจะเป็นช่วงที่มาถึงตรงนี้ ก้อนเนื้อยักษ์พลันหดเล็กลงก่อนพองบวมเล็กน้อยมาตรงหน้าซูหมิง บนก้อนเนื้อค่อยๆ ฉีกออกเป็นรอยเปิด และฉีกแยกออกเรื่อยๆ

ซูหมิงเห็นในแวบแรกเลยว่าลึกๆ ในนั้นมีศีรษะอยู่หนึ่ง!

มันเป็นศีรษะของสตรีเส้นผมยาวมาก แต่มีเพียงศีรษะเท่านั้น ตรงส่วนคอเป็นเส้นเอ็นสีดำ ยามนี้สตรีนางนี้หลับตาอยู่ ใบหน้าซีดขาว ไม่มีความรู้สึกถึงชีวิตแม้แต่น้อย ตรงระหว่างคิ้วมีตราสัญลักษณ์ขยับวูบวาบ ลักษณะตราดูเหมือนกับดวงดาว

ข้างศีรษะหญิงผู้นี้ ซูหมิงเห็นหนอนงูน้อยกำลังลอยอยู่อย่างสงบนิ่ง มันไม่มีสีหน้าดิ้นรนแต่ดูสับสน มีหมอกขาวลอยมาจากตัวมัน และไหลเข้าสู่ตราสัญลักษณ์ตรงระหว่างคิ้วนาง

“นี่คือโชคชะตาของสายเลือดจู๋อิน…เจ้าขวางไม่ได้…” ตอนซูหมิงเห็นหนอนงู ก็มีเสียงที่คล้ายผ่านโลกมามากแบบเดิมดังกังวานข้างหูเขาอีกครั้ง

ยามนี้ก็ยังแยกไม่ออกว่าเสียงนี้เป็นของบุรุษหรือสตรี ทว่าในความรู้สึกซูหมิงตอนนี้ จะต้องเป็นของสตรีคนนี้แน่นอน

“ในตัวมันมีสายเลือดของเผ่าจู๋อินของข้าอยู่เล็กน้อย แต่ในเมื่อมีสายเลือดนี้มันก็เป็นเผ่าข้า…นี่คือโชคชะตา สายเลือดจู๋อินต้องกินกันเอง ที่มันมาพบข้าตอนนี้คือสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว….

ก่อนที่มันจะไม่รู้สึกตัว ความปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือให้เจ้านายของมันออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย…เจ้าเป็นเจ้านายของมัน ขอแค่เจ้าไม่ยั่วโทสะข้าขณะทำพิธีกรรมเทพของเผ่าข้า เมื่อพิธีสิ้นสุดลง ข้าจะให้เจ้าออกไปอย่างปลอดภัย”

เสียงเฒ่าชราที่แฝงไว้ด้วยความไร้ปรานีก้องในความคิดซูหมิง

ซูหมิงมองหนอนงู มองมันที่กำลังหลับตาและแน่นิ่ง เขาพลันกำมือขวาแล้วเรียกเกราะแม่ทัพเทพขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่ได้กำหมัดขวา แต่กำกระบองเขี้ยวที่กำลังปรากฏ!

ลายหมานบนใบหน้าขยับไหววูบ กระดูกหมานเจ็ดชิ้นในกายเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า มองไปแล้วเหมือนทั้งตัวเขาโอบล้อมด้วยแสงทอง ขณะเดียวกัน วิญญาณแรกในตัวซูหมิงทำสัญลักษณ์สองมือ แม้ไม่ออกมาข้างนอก ทว่าก็เตรียมการต่อสู้ครั้งใหญ่อยู่ในจุดตันเถียนของซูหมิง

กระบี่เล็กแสงดำขยับวิบวับตรงหน้า ท่ามกลางแสงดำ ซูหมิงไม่กล่าวให้มากความ เขาเดินหน้าตรงไปยังก้อนเนื้อยักษ์ในทันใด

“แม้ข้าเป็นเพียงจิตที่เหลืออยู่ ทว่า…มดปลวกอย่างเจ้ากลับกล้าหยาบคายต่อหน้าข้า…เลือดเนื้อในหมอก สร้างร่างขึ้นจากจิตของข้า!”

ขณะเสียงนั้นดังกังวานอย่างราบเรียบ ท่ามกลางสัตว์ร้ายจำนวนมากที่ไล่ตามอยู่ด้านหลังซูหมิง สัตว์หมอกลักษณะงูเหลือมล้วนร้องคำราม ร่างระเบิดกระจุยทันใด ไม่รู้ว่าพวกมันระเบิดตัวไปเยอะเท่าไร เลือดเนื้อเน่าเปื่อยแต่ละชิ้นจากร่างเหล่านั้นพลันปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าซูหมิง

เลือดเนื้อเหล่านี้รวมตัวขึ้นแล้วกลายเป็นร่างงูยักษ์สูงหนึ่งพันจั้ง ทุกส่วนเป็นสีแดงฉาน อีกทั้งยังมีศีรษะมังกร หน้าตาดุร้าย ดวงตาสีเทา เกล็ดมีขนาดเท่าศีรษะคน พลังอำนาจที่ไม่อาจบรรยายพลันแผ่กระจายมาจากตัวสัตว์พิลึกตัวนี้

“วิญญาณชั่วร้ายในกระดูก สร้างเส้นเลือดและกระดูกขึ้นจากจิตข้า!”

เสียงแก่ชราดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มารกระดูกด้านหลังซูหมิงกลายเป็นหนามแหลมตรงมายังร่างยักษ์สูงพันจั้ง ก่อนแทงเข้าไปข้างใน มังกรงูพิลึกพลันขยับตัว ดวงตาเป็นประกายสีเทามากขึ้น

“วิญญาณจากจิตวิญญาณข้า รวมขึ้นเป็นจิตวิญญาณจากเจตจำนงข้า…”

ช่วงที่เสียงนี้กล่าวขึ้น เงาสีขาวสะอื้นไห้ด้านหลังเขาล้วนละลายและผสานเข้าด้วยกัน ก่อนตรงมายังมังกรงูแล้วหายเข้าไปในร่าง

ทันใดนั้นดวงตามังกรงูพลันเป็นมันวาว ประดุจดวงจันทร์และตะวันส่องสว่างสองดวง มันเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า นัยน์ตาขยับประกายสีเทา พุ่งตรงมายังซูหมิงพร้อมกับร้องคำรามปานฟื้นคืนชีพ

มือขวาซูหมิงควงกระบองเขี้ยวจนมีขนาดใหญ่ขึ้นหลายเท่า ก่อนเหวี่ยงไปทางมังกรงู ขณะเดียวกันก็วาดหนึ่งลายเส้นหมานสังหารด้วยมือซ้าย!

จากนั้นวิญญาณแรกในตัวเขาส่งเสียงร้อง โดยรอบเกิดระลอกคลื่นจำนวนมาก ตอนนี้วิญญาณแรกใช้อภินิหารที่รับสืบทอดมาจากหงหลัวทั้งหมดได้ในเวลาเดียวกัน

เสียงระเบิดดังสนั่นอย่างรุนแรงและแผ่กระจายออกโดยรอบ หลังจากเสียงระเบิด กระบองเขี้ยวถูกสะท้อนกลับมาอยู่ข้างๆ ส่วนอภินิหารของวิญญาณแรกสลายไปทั้งหมด ทำให้วิญญาณแรกพลันเหี่ยวเฉา แทบจะสลายหายไป

เกราะแม่ทัพเทพระเบิดกระจุย ลายเส้นหมานสังหารก็ไร้ผลเช่นกัน ทุกอย่างของเขาล้วนพ่ายแพ้ต่อหน้ามังกรงูตัวนี้!

เมื่อมังกรงูพุ่งเข้ามาหา ซูหมิงกระอักโลหิต กระเด็นถอยไปสิบกว่าจั้ง ทว่าดวงตาทั้งสองข้างกลับไม่ตื่นกลัวแม้แต่น้อย

“เจ้าเปราะบางจริงๆ ต่อให้จิตที่เหลืออยู่มากกว่านี้ ก็ยังปิดบังความกลัวของเจ้าไม่ได้…” ขณะซูหมิงยิ้มเยาะก็ยกมือขวาขึ้น ทำสัญลักษณ์มือแล้วชี้ไปข้างหน้า ระฆังเขาหานปรากฏขึ้นทันควัน ครั้งนี้เขาไม่ได้เรียกระฆังมาเพื่อป้องกัน แต่จะใช้พลังของหัวที่หกที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน!

ตอนอยู่โลกภายนอก ยามซูหมิงเรียกหัวที่หกของจิ่วอิงออกมา เขาเห็นเงาสีขาวกรีดร้องแล้วถอยไป อีกทั้งช่วงที่เขาเรียกจิ่วอิงออกมาต่อหน้าหนอนงูน้อยเป็นครั้งแรก มันร้องคำรามและดูตื่นตัวสุดขีดราวเจอกับศัตรูโดยธรรมชาติ

หากไม่ใช่เพราะสิ่งเหล่านี้ หลังจากเข้ามาในร่างของจู๋จิ่วอินแล้ว เขาคงลังเลว่าจะจัดการกับจิตของจู๋จิ่วอินที่ถึงแม้นตายไปแล้ว แต่ทุกสิ่งกลับไม่เหมือนเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!

“จิ่วอิง คำสั่งจักรพรรดิแดนใต้!” ซูหมิงทำสัญลักษณ์มือขวาชี้ไปยังระฆังเขาหาน เมื่อกล่าวเบาๆ โดยไม่คิดจะเช็ดเลือดที่ไหลมุมปาก ระฆังก็พลันส่งเสียงร้องอย่างดุเดือด

ขณะเดียวกัน มังกรงูพันจั้งมีสีหน้าตื่นตัว ทั้งยังร้องคำรามเช่นกัน ท่าทางแบบนี้ราวกับเจอศัตรูทางธรรมชาติเหมือนกับหนอนงูน้อยในตอนนั้นไม่มีผิด!

“ตอนอยู่ข้างนอกข้าเคยใช้วิชานี้มาแล้ว เจ้าก็น่าจะเห็น! นี่คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดพอข้าเข้ามาในร่างเจ้าแล้ว ถึงให้สัตว์ร้ายพวกนั้นมาขวางทางและสังหารข้าโดยไม่สนสิ่งใด นั่นเป็นเพราะเจ้าเปราะบาง บางทีข้ายังสู้เจ้าไม่ได้ ทว่าข้ามีสิ่งที่เจ้ากลัวอยู่! สิ่งนี้ก็คือมัน!”

ยามซูหมิงกล่าว เสียงคำรามจากในระฆังเขาหานดังสนั่นขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันก็ปรากฏสัตว์ยักษ์เก้าเศียรสูงพันจั้งบนระฆัง หกหัวคำรามใส่มังกรงูพร้อมกัน อีกสามหัวที่หลับตาอยู่เพียงสั่นไหวเบาๆ

ดูจากลักษณะแล้ว วิญญาณของจิ่วอิงตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าหรือแววตาก็ล้วนตื่นตัวและเคียดแค้น เหมือนกับจู๋จิ่วอินก็เป็นศัตรูทางธรรมชาติของมันเช่นกัน

“จิ่วอิน…จิ่วอิง…” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!