ตอนที่ 670 บทเพลงปฏิญาณเทพหมาน
ครั้นปรากฏมือซ้ายเทวรูปหมาน กลิ่นอายพลังทั้งตัวซูหมิงพลันปะทุขึ้นอย่างไร้การควบคุม มันหลั่งทะลักออกมาอย่างต่อเนื่องคล้ายน้ำมันผุดขึ้นจากผิวดิน ทำให้มีเสียงดังก้องมาจากในตัวเขา อีกทั้งยังช่วยขั้นพลังบรรลุถึงจุดสูงสุดของขั้นวิญญาณหมานตอนต้นในพริบตา ตอนนี้ปะทุพลังออกมาแล้วก็หยุดชะงักไป
ทว่าเพียงครู่เดียวก็มีเสียงระเบิดดังอีกครั้ง การบุกทะลวงขั้นวิญญาณหมานตอนต้นสำเร็จแล้ว ซูหมิงเงยหน้าลากเสียงคำราม ขณะเดียวกันก็ข้ามผ่านขั้นวิญญาณหมานตอนต้น กลายเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานตอนกลาง!
ขั้นวิญญาณหมานตอนกลางส่งผลให้พลังฟ้าดินรวมเข้ามามากขึ้นและเร็วขึ้น กระทั่งยังสามารถเสาะหากฎบางอย่างของโลก แล้วให้กฎของโลกหมานช่วยเหลือตนหากเป็นขั้นวิญญาณหมานตอนกลางธรรมดาบางทีอาจไม่แกร่งขนาดนี้ ทว่าซูหมิงต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ขั้นวิญญาณหมานตอนกลางสำหรับเขา เพียงใช้ร่างกายที่ทรงพลังและความแตกต่างของสองแขนเทวรูปหมานก็เค้นพลังออกมาได้ถึงขีดจำกัดแล้ว
เมื่อขั้นพลังปะทุขึ้น ผนึกในหัวเขาก็คลายออกเรื่อยๆ ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ว่ายังคงมีพลังจากที่ใดไม่รู้มาเสริมผนึกเอาไว้ หมายมั่นไม่ให้ซูหมิงเปิดผนึกความทรงจำได้
ตอนอยู่ขั้นวิญญาณหมานตอนต้นเขาก็รู้สึกถึงจุดนี้แล้ว แต่ก็มองร่องรอยของพลังภายนอกนั้นออกเพียงเล็กน้อย จนถึงตอนนี้ เมื่อบรรลุถึงวิญญาณหมานตอนกลางแล้วผนึกคลายตัวมากขึ้น เขากับพลังจากภายนอกนั้นก็ต่อต้านกันเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ เขายังรู้สึกรางๆ อีกว่าพลังภายนอกนี้ไม่ได้อยู่ในแดนหมาน แต่อยู่ด้านบนห่างออกไปไกลไร้พรมแดน ส่งมาจากฟ้ากระจ่างดาวของแดนเซียนด้านหลังท้องฟ้าแห่งนี้
กระทั่งเขายังมีความรู้สึกเด่นชัดว่าหากขั้นพลังตนสูงขึ้นอีกเล็กน้อย เขาจะถึงขั้นใช้พลังภายนอกนี้คลำไปหาต้นตอ และดูว่าใครเป็นคนรบกวนผนึกความทรงจำของตน!
แม้ในใจซูหมิงจะมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากเห็นร่างจริงของตี้เทียนในโลกเซียนที่เข้ามาในโลกหมานได้เพียงร่างแยก
ยามนี้ในที่สุดจี๋อั้นก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาเลิกสนใจหอคอยรกร้างบูรพาก่อนชั่วคราว และต้องขวางซูหมิงเอาไว้ ถึงการทำเช่นนี้จะเท่ากับช่วยตี้เทียนก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเขามาจากโลกเซียนเหมือนกัน
เขาไม่มีทางนิ่งเฉยมองซูหมิงแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ได้ ผลสุดท้ายแบบนั้นคือสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้
‘ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตี้เทียน ไม่รู้ว่าเขามีแผนอะไรกันแน่ แต่ไม่เพียงแผนนี้จะล้มเหลว มันกลับทำให้ซู่มิ่ง…เปลี่ยนไปเช่นนี้…’ จี๋อั้นมีสีหน้าทะมึน ทว่าไม่ลงมือในทันที แต่จ้องซูหมิงพลางรอคอยโอกาส
‘อีกอย่าง…เทวรูปหมานนี่ไม่ใช่เทวรูปหมาน ข้าศึกษาเผ่าหมานมานานปี ไม่เคยได้ยินเลยว่าตอนข้ามสู่ขั้นวิญญาณหมานจะมีเทวรูปหมานแบบนี้!
ในอดีตหลังก้าวสู่ขั้นวิญญาณหมานได้แล้ว เทวรูปหมานของตนจะรวมขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ซูหมิง…ไม่อยากเชื่อว่าสองครั้งแล้วเทวรูปหมานก็ยังไม่สมบูรณ์ โผล่ออกมาเพียงแขนสองข้างเท่านั้น หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป หากเทวรูปหมานที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ปรากฏอย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นมันจะแข็งแกร่งระดับใด…
จากการตรวจสอบของสำนักอสูร ตอนเทพหมานรุ่นสามสืบทอดเจตนารมณ์ของรุ่นหนึ่งก็ไม่มีปรากฏการณ์พิลึกอะไรเช่นนี้ กระทั่งเทพหมานรุ่นสองก็เช่นกัน แม้ไม่รู้ว่าตอนเทพหมานรุ่นหนึ่งเป็นอย่างไร ทว่าคิดๆ ดูแล้ว…’ จี๋อั้นพลันหรี่ตาลง หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นหลายเท่า ก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องสองแขนเทวรูปหมานของซูหมิง ใบหน้าซีดขาวขึ้นทีละน้อย
‘ตอนนั้นชือหวงเคยทำนายไว้ว่ามรดกเทพหมานรุ่นหนึ่งจะสิ้นสุดที่รุ่นสาม ไม่มีทางปรากฏเทพหมานรุ่นสี่ที่รับเจตนารมณ์ของรุ่นหนึ่งได้อีก…เรื่องนี้ไม่น่าผิดพลาดแน่…
แต่หากมีคนไม่สืบทอดเจตนารมณ์ของเทพหมานรุ่นหนึ่ง แต่ใช้พลังของตัวเองเดินไปตามเส้นทางคล้ายกับรุ่นหนึ่ง เพียงแต่เป็นเส้นทางที่ต่างกัน ใช้พลังของตัวเองเป็นเทพหมานคนใหม่ นี่…นี่มันไม่อยู่ในการทำนายของชือหวง!’
‘รวมดวงชะตาทั้งโลกหมานมาอยู่ในร่างเดียว วิญญาณหมานคือการแปรเปลี่ยนฟ้าดิน ทั้งโลกหมานมีหิมะโปรยปราย สายฟ้าเข้ามาแทนท้องฟ้า…..สิ่งเหล่านี้…ล้วนอธิบายได้ว่าซูหมิงกำลังจะเป็น….เทพหมานรุ่นสี่!’ จี๋อั้นหรี่ตาลง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเร็ว
สุดท้ายก็เกิดจิตสังหารในใจ พริบตาเดียวก็รุนแรงขึ้นเป็นร้อยเป็นพันเท่า เผ่าเซียนจะไม่ยอมให้เผ่าหมานถือกำเนิดเทพหมานอีกเด็ดขาด!
โดยเฉพาะคนที่ไม่รับเจตนารมณ์ของรุ่นหนึ่ง แต่เป็นเหมือนรุ่นหนึ่งในอดีต คือกลายเป็นเทพหมานด้วยตนเอง โดยเฉพาะ…คนที่ได้รับดวงชะตาเผ่าหมานรวมอยู่ในกายแล้วเหนี่ยวนำให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าดินเช่นนี้
ทว่าช่วงที่จี๋อั้นตัดสินใจได้ ซูหมิงที่ยืนอยู่บนมือซ้ายเทวรูปหมาน กลิ่นอายพลังพุ่งทะยานขึ้นไม่หยุดหย่อน วินาทีที่บรรลุถึงขั้นวิญญาณหมานตอนกลาง เขาก้มหน้ามองตี้เทียนแล้วยกมือขวาสะบัดออกไปข้างนอก ฟ้าดินส่งเสียงกึกก้องในทันที
การเคลื่อนไหวเนิบช้าทุกอย่างหายไปในพริบตา แรงกดดันหายไป ขณะเดียวกับที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ซูหมิงเดินหน้าไปหนึ่งก้าว
เวลานี้เอง เสียงคำรามจากตี้เทียนก็ดังก้องตามมา พริบตานั้น ดวงตะวันสีขาวซึ่งรวมมาจากวิชาตะวันขึ้นนภาแท้จริงที่เขาใช้ตัวเองเซ่นไหว้พุ่งตรงไปหาซูหมิง
ภายในดวงตะวันสีขาวแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาลอย่างไม่อาจบรรยาย และยังมีพลังที่ขับไล่ทุกอย่างในโลกใบนี้ไป วิชานี้หงหลัวเคยพ่ายให้กับมัน ซูหมิงเมื่อหลายปีก่อนก็บาดเจ็บสาหัสจากวิชานี้ ก่อนจะมีคนมาช่วยเอาไว้ในสภาพเกือบตาย ทว่าวิชานี้ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน ซูหมิงจำได้แม่นว่าตอนสู้กับตี้เทียนครั้งแรกแล้วใช้พลังแห่งเทพหมาน มันไม่เพียงทำลายวิชานี้เท่านั้น แต่ยังสังหารร่างแยกตนหนึ่งของตี้เทียนไปด้วย
เขาในตอนนั้นทำได้แม้จะอาศัยพลังแห่งเทพหมานก็ตาม ทว่าเขาในตอนนี้ทำได้อีกครั้งโดยไม่ต้องมีพลังแห่งเทพหมานแล้ว
ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเปล่งประกาย เขายกมือขวาขึ้นสะบัดไปทางตะวันขาว ฉับพลันนั้นแขนขวาเทวรูปหมานใต้ร่างเขาพลันยกขึ้นทำสัญลักษณ์มือ แล้วพุ่งไปหาดวงตะวันขาว
แขนขวาเทวรูปแฝงไว้ด้วยภาพมายาที่ซ้อนทับกันจากยอดเขาลำดับเก้าและภูเขาทมิฬ มันจึงมีพลังทำลายล้างฟ้าดินและพุ่งเข้าไปพร้อมกับแรงบีบอัดมหาศาล มิหนำซ้ำแขนขวานี้ยังมีวิชาของซู่มิ่งอยู่ นั่นคือวิชาย้อนเวลา จึงส่งผลให้อากาศจุดที่มือขวาผ่านไปเกิดรอยย่นประดุจแห้งเหี่ยว ราวกับว่าหมัดนี้ไม่ใช่แค่หมัดเดียว แต่หนึ่งลมหายใจก่อนยังมีหนึ่งหมัด สองลมหายใจก่อนก็มีหนึ่งหมัดเช่นกัน
ภายใต้กาลเวลาที่ย้อนคืน ไม่มีใครรู้ว่าในหมัดนี้มีหมัดที่อยู่ในห้วงการย้อนเวลากี่หมัด เห็นเพียงเศษเสี้ยวเงานับไม่ถ้วน คล้ายกับการเกิดและดับสูญของโลกครั้งแล้วครั้งเล่าในบริเวณรอบๆ
เหมือนชั่วพริบตาเดียว…
ช่วงที่มันเข้ามาใกล้ ฟ้าดินถอดสี แขนขวาที่เสมือนควบคุมกาลเวลานี้พลันพุ่งเข้าไปใกล้ดวงตะวันขาว
พร้อมกันนั้นซูหมิงยกมือซ้ายขึ้นชี้ไปยังดวงตะวันขาว มือซ้ายเทวรูปหมานใต้เท้าเขาพลันขยับวูบไหว ทั้งแขนกลายเป็นสีแดงฉานดุจจันทร์โลหิตในทันที อีกทั้งรอบๆ ยังปรากฏเกล็ดหิมะโปรยปรายนับไม่ถ้วน ความกระหายเลือดและแรงฉีกทึ้งปะทุออกมาจากแขนซ้าย
นอกจากนี้ บนแขนซ้ายเทวรูปหมานยังมีสายฟ้าเทพสวรรค์ลิขิตอีกเก้าสายพันอยู่รอบๆ มันตรงไปหาดวงตะวันขาวพร้อมด้วยพลังที่ไม่อาจบรรยาย และแฝงไว้ด้วยอภินิหารสั่นสะเทือนฟ้าดิน
แขนสองข้างของเทวรูปหมานแฝงไว้ด้วยจิตแน่วแน่ของซูหมิง แฝงไว้ด้วยวิชาและอภินิหารของเขา ตอนนี้จากการรวมกันของวิชาและอภินิหาร จึงกลายเป็น…ขอบเขตหนึ่งที่เขาเองก็ยังไม่รู้จักชื่อ
นั่นคือ
“เต๋า! นี่มันเต๋า! ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะตระหนักรู้ในเต๋า!” จี๋อั้นสูดลมหายใจเข้า ด้วยฐานะของเขาไม่ควรเป็นแบบนี้ ทว่ายามนี้กลับหลุดเสียงออกมาโดยไม่อาจควบคุม
เมื่อสิ้นเสียงเขา เผ่าเซียนหลายหมื่นคนโดยรอบพากันเบิกตากว้างอ้าปากค้าง เต็มไปด้วยความสับสนมึนงง ในนั้นมีผู้แข็งแกร่งขั้นทรงอำนาจระดับเดียวกับเซินตงอยู่ด้วย พวกเขาเบิกตากว้างมองซูหมิงเช่นกัน
นั่นเป็นเต๋าจริงๆ มันคือเต๋าประจำตัวที่ในโลกเซียนของพวกเขายังหายากยิ่ง!
“เต๋า…” เทียนหลันเมิ่งอยู่ในกลุ่มคน ร่างกายอ่อนยวบลงทันที นางกัดริมฝีปากล่างพลางซูหมิงบนฟ้าอย่างเงียบงัน ในใจว่างเปล่า สีหน้าฝาดเฝื่อน
นางจำได้รางๆ ว่าตอนนั้นระหว่างตนกับซูหมิงอาจมีสัมพันธ์ในอนาคตร่วมกันอยู่เสี้ยวหนึ่ง แต่พอเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์นี้ก็ถูกการกระทำของตนในโลกเก้าหยินตัดขาดสะบั้น
หลายปีมานี้ เดิมทีนางคิดว่าตนลืมอดีตไปแล้ว แต่ตอนที่เห็นซูหมิงบนสนามรบ นางก็ยังคงน้ำตารินไหล
“เขาไม่เหมาะกับเจ้า” มีเสียงถอนหายใจแว่วมาข้างเทียนหลันเมิ่ง นั่นคือพี่สาวนาง เทียนหลันโยว
เสียงโครมครามสนั่นนภากลบคำพูดของสองพี่น้องคู่นี้ เวลานี้สองแขนเทวรูปหมานปะทะกับดวงตะวันขาว จนเกิดเสียงดังกึกก้อง ทำให้เซียนหลายหมื่นคนส่วนใหญ่กระอักเลือด สั่นสะเทือนไปถึงเส้นชีพจรหัวใจ
ภายใต้เสียงดังสนั่น มีเซียนไม่น้อยที่ฝืนอดกลั้นความเจ็บปวดในร่างกายเอาไว้ ยังคงกัดฟันมองฟ้า อยากเห็นเต๋าของซูหมิง อยากเห็นฉากจบของการต่อสู้ครั้งนี้ว่าจะเป็นอย่างไร
ท่ามกลางเสียงเลื่อนลั่น พวกเขาเห็นซูหมิงยืนหลับตาอยู่กลางอากาศ ยกมือขวาขึ้นวาดตรงหน้าเหมือนจิตรกร ช่วงที่วาดลายเส้นแรกเหมือนกำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
หนึ่งลายเส้นหมานสังหาร
วิชานี้ซูหมิงใช้มาหลายครั้งมาก ทว่าครั้งนี้เขาใช้การยอมรับจากแผ่นดินหมาน ใช้ดวงชะตาที่รวมอยู่ในร่าง และฐานะของเทพหมานรุ่นสี่…ในการสรรเสริญหมานสังหารของเทพหมาน!
“ตอนข้าเกิดชีวิตข้าไม่มีความหมาย หลังจากข้าเกิดหมานเสื่อมถอยแล้ว…
ฟ้าไม่มีเมตตา สร้างสงครามวุ่นวายจนผู้คนต้องเร่ร่อน ปฐพีไม่มีเมตตา ทำให้ภูเขาทมิฬของข้าต้องถูกทำลาย…
ฟ้าไม่มีตา ข้าจะเหยียบย่ำสวรรค์ ใช้ดวงตาผนึกสวรรค์
ดวงชะตาเสริมร่าง ข้าจะใช้คมมีดสังหารตี้เทียน
ปฐพีไม่มีตา ข้าสาบานว่าจะสังหารแดนที่มีเทพจุติ
วิญญาณหมานผนึกรวมกัน ชีวิตนี้จะต้องย้อมนภาเซียนด้วยโลหิต นับพันหมื่นคนต้องสูญสิ้น!!
ส่งหมานสังหารเพลงนี้ไปให้สุด ใช้ความหมายของมัน…ทำลายล้างเซียนให้สิ้นซาก!”