Skip to content

สู่วิถีอสุรา 841

ตอนที่ 841 แผ่นศิลาหนึ่งแสนอัน

ธารดารา กลางดาราแสนดวง พริบตานี้ปรากฏภูเขาขึ้นทีละลูก

ภูเขานั้นคือยอดเขาลำดับเก้าในความทรงจำซูหมิง

ตอนที่ยอดเขาลำดับเก้าแสนลูกปรากฏในดาราแสนดวง สองร่างแยกซูหมิงที่หลับตาอยู่ยกมือขึ้นพร้อมกัน เส้นถี่สีทองปรากฏขึ้นหลายเส้น วนเวียนอยู่รอบๆ ร่างแยกสองคน หลังจากสองร่างแยกบีบมือตามใจแล้ว เขา….ก็เริ่มผูกเส้นถี่เป็นปม เริ่มผูกออกมาเป็นผู้คนในความทรงจำ

ไม่มีดวงจิตแห่งแดนมรณะหยินรบกวน ซูหมิงที่เกิดความรู้สึกขึ้นอีกครั้งและมีความเจ็บปวดก็ตกอยู่ในห้วงการผูกปมโดยใช้ต้นกำเนิดจิตเป็นเชือก ปล่อยให้เวลาผ่านไป สร้างทุกคนที่ยากจะลืมเลือนในความทรงจำให้กลายเป็นตุ๊กตาจากต้นกำเนิดจิตในมือ

นี่คือจิตใจเปลี่ยนครั้งที่สามที่เขายังทำไม่สำเร็จตอนอยู่บนดาวแดงเพลิง ความจริงแล้วในโลกแผ่นศิลา ตอนที่เขากลับไปยังภัยพิบัติของยอดเขาลำดับเก้า หลังจากสังหารศัตรูแล้ว เขาจะสำเร็จจิตใจเปลี่ยนครั้งที่สามได้ตลอดเวลา

ทว่าเขามีปมอยู่ ปมนี้คือหน้ากากจากดวงจิตแห่งแดนมรณะหยิน หากปมนี้ยังไม่คลาย จิตใจเปลี่ยนครั้งที่สามก็ยากจะสมบูรณ์ได้

แต่หลังจากหลุดพ้นจากการควบคุมของดวงจิตแห่งแดนมรณะหยิน ปมในใจก็คลายออก ฉะนั้นยามนี้ขณะหลับตา เขาจึงเริ่มจบจิตใจเปลี่ยนครั้งนี้

กลางฟ้ากระจ่างดาวอันเงียบสงัด สองร่างแยกซูหมิงเผยรอยยิ้ม รอยยิ้มมาจากการหาความสุขเจอในความทรงจำ ตกอยู่ในห้วงความสุขนั้น หรือบางทีอาจตกอยู่ในห้วงการสูญเสีย เขาใช้วิธีผูกปมหญ้าทำให้ตัวเองนึกถึงภาพในอดีต

จิตใจเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ไม่มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว มีเพียงความเงียบ วิญญาณซูหมิง สองร่างแยก พวกมันดูเหมือนความสุข แต่หากมีคนเห็นเข้าจะรู้สึกถึงรอยยิ้มเศร้าโศก

วิญญาณเศร้าโศก ย้อมไปถึงสองมือ หลอมรวมอยู่ในเชือกสีทอง กลายเป็นตุ๊กตา

ตุ๊กตากำเนิดจิตปรากฏขึ้นทีละตัว จนกระทั่งเวลาผ่านไปสิบปี

สิบปีต่อมา ร่างแยกซูหมิงสองคนลืมตาขึ้นพร้อมกัน น้ำตารินไหล จิตใจเปลี่ยนครั้งที่สามสิ้นสุดลงแล้ว

สำหรับซูหมิงแล้ว จิตใจเปลี่ยนครั้งนี้คือการสิ้นสุดหนึ่งครั้งของเรื่องราวในอดีต และก็เป็น….การเกิดใหม่

เขาผูกเป็นตุ๊กตาของคนในความทรงจำทั้งหมด มีทุกคน เว้นแต่ตัวเอง

วินาทีที่ลืมตาขึ้น ความเศร้าในแววตาค่อยๆ อ่อนลง กลายเป็นการเห็นคุณค่าอยู่ตรงส่วนลึกในวิญญาณ กลายเป็นนิจนิรันดร์ในก้นบึ้งหัวใจ

เวลานี้ขั้นพลังเขาทะลวงผ่านจุดสูงสุดระดับดิน หลังกลายเป็นระดับฟ้าแล้วก็บรรลุถึงระดับฟ้าสมบูรณ์ ทว่านี่ไม่สำคัญแล้ว เขามองตุ๊กตาทั้งหมดตรงหน้า มองคนเหล่านี้ที่มีกลิ่นอายความทรงจำของตน ใบหน้าเขาเหมือนยิ้ม แต่ก็เหมือนร้องไห้เช่นกัน

เวลาพันปีแทรกซึมไปด้วยการหวนคิดถึงหลายครั้ง ทุกครั้งที่หวนคิดถึงจะเป็นส่วนหนึ่งของจิตใจเปลี่ยนครั้งที่สาม พวกมันเหมือนกับเศษชิ้นส่วน ทว่ากลับมีเส้นหนึ่งเชื่อมพวกมันเข้าด้วยกัน

เส้นนี้เหมือนกับเชือกปมหญ้า การหวนคะนึงคิดในแต่ละครั้งจึงเหมือนกับผูกปมหญ้าออกมาทีละปม ตอนเริ่มจิตใจเปลี่ยนบนดาวแดงเพลิงนั่นคือปมแรก การหวนคะนึงคิดพันปีคือปมสุดท้าย จนถึงตอนนี้ที่เขาลืมตาขึ้น ก็ผูกปมสุดท้ายของจิตใจเปลี่ยน

ทำให้จิตใจเปลี่ยนครั้งที่สามซึ่งดูเหมือนเศษชิ้นส่วนรวมกันอย่างสมบูรณ์ในใจเขา เชือกสานไร้รูปเส้นนี้ผูกออกมาเป็นตุ๊กตาจิตใจเปลี่ยนตัวหนึ่ง มันก็คือตัวที่ขาดหายไปจากในตุ๊กตาทั้งหมดที่ผูกมาสิบปี…..

คือตัวเขาเอง

ผ่านไปพักใหญ่ ซูหมิงหลับตาลงอีกครั้ง จนเมื่อลืมตาขึ้น นัยน์ตาดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก

“ถึงเวลาออกไปแล้ว” ซูหมิงกล่าวพึมพำเสียงเบา ร่างแยกเอ้อชางเดินหน้าหนึ่งก้าว ไม่ได้ออกจากฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้ แต่เข้าไปในธารดาราแสนดวง ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงและหลับตา ในเวลาเดียวกัน ร่างแยกกลืนนภาเงยหน้าขึ้นมองธารดาราแสนดวงด้วยแววตาเด็ดขาด

เขาล้มเลิกความคิดจะให้ร่างแยกเอ้อชางออกไปจากที่นี่

ความจริงแล้วจะให้ร่างแยกเอ้อชางออกจากที่นี่หรือไม่ ซูหมิงยังคงตรึกตรองในใจมาตลอด จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

เอ้อชางสีม่วงเป็นเพียงหนึ่งในสิบส่วนของเอ้อชางแท้จริง ยังไม่สมบูรณ์แบบ แม้จะมีกำลังรบสามารถสู้กับดวงจิตแห่งแดนมรณะหยิน ซูหมิงก็สังเกตเห็นนานแล้วว่าหากออกจากแดนประหลาดวงแหวนบูรพา ถึงร่างแยกนี้จะแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทว่ากลับไม่อาจฝึกฝนได้เร็วเท่ากับที่นี่ เทียบกับโลกภายนอกแล้ว ที่นี่ต่างหากที่ปลอดภัยที่สุด และก็เหมาะกับการเติบโตของร่างแยกเอ้อชางที่สุด หากสุดท้ายซูหมิงอยากให้ร่างแยกเอ้อชางกินอีกเก้าส่วนเพื่อความสมบูรณ์ เช่นนั้นการให้อยู่ที่นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

หากออกไปข้างนอก ตอนนี้ผู้ฝึกฌานที่กำราบร่างแยกเอ้อชางได้ยังมีอยู่เล็กน้อย แต่ขอเพียงให้เวลาเขา ร่างแยกเอ้อชางก็จะเติบโตขึ้นจนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้สวรรค์สั่นสะเทือน

อีกอย่างหากอยู่ที่นี่ ถึงร่างแยกเอ้อชางยากจะช่วยเขาสู้กับผู้ฝึกฌานภัยพิบัติตะวัน แต่ก็สามารถใช้พลังแห่งต้นกำเนิดจิตผ่านวิญญาณได้ ทำให้ขั้นพลังเขากับร่างแยกกลืนนภาใช้ต้นกำเนิดจิตได้และแข็งแกร่งขึ้นมากด้วย

เมื่อร่างแยกเอ้อชางแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงในโลกภายนอกก็จะแกร่งขึ้นเช่นกัน ก่อนที่จะกลับไปหาร่างจริง ร่างแยกเอ้อชางคือรากฐานของเขา

ดังนั้น เขาจึงใช้พลังแห่งฟ้ากระจ่างดาวที่นี่ทำให้ร่างแยกกลืนนภาแข็งแกร่งขึ้น แม้ร่างแยกนี้จะไม่บรรลุถึงระดับเจ้าปกครองโลกตอนปลาย แต่เมื่อรวมกับขั้นพลังเขาและที่สำคัญกว่าคือพลังแห่งต้นกำเนิดจิต เขามีความมั่นใจว่าจะสู้กับเจ้าปกครองโลกตอนปลายได้ อีกอย่าง ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตแห่งนี้ หากเขาเจอกับภยันตรายเป็นตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ด้วยความแกร่งของร่างแยกเอ้อชาง ก็สามารถเรียกให้มาถึงในเวลาอันสั้นได้

นอกจากนี้ขอเพียงให้ร่างแยกเอ้อชางอยู่ที่นี่ แดนประหลาดวงแหวนบูรพาจะกลายเป็นแดนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขา กระทั่งยังมองว่าเป็นถ้ำอาศัยที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ ที่นี่ ซูหมิงที่ใช้กฏของซุ่ยเฉินจื่ออย่างไม่ต้องกังวลสิ่งใด

ทว่าหากให้ร่างแยกเอ้อชางออกไปนานเกินไป เช่นนั้นข้อได้เปรียบทุกอย่างก็จะหายไป มิหนำซ้ำยังเสียโอกาสในการทำให้ร่างแยกเอ้อชางสมบูรณ์แบบด้วย

หลังจากซูหมิงตัดสินใจแล้ว เขาก็เลือกให้ร่างแยกเอ้อชางอยู่ที่นี่

นอกจากความคิดเหล่านี้แล้ว ก้นบึ้งหัวใจเขายังมีการคาดเดาอย่างหนึ่ง และก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ให้ร่างแยกเอ้อชางอยู่ที่นี่ การคาดเดานี้อยู่ในใจเขามานานมาก

‘แดนประหลาดวงแหวนบูรพาเลื่องลือข้างนอกว่าเป็นสถานที่อันตรายอย่างยิ่ง เมื่อเข้ามาแล้วก็ยากจะมีคนออกไป จุดนี้…แทบทุกคนในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตรู้

หากแต่…ในเมื่อพวกเขารู้อย่างนี้แล้ว เหตุใดในพันปีนี้ถึงมีคนเข้ามาจำนวนมาก หากหลายสิบคนหรือหลายร้อยคนคงไม่เท่าไร ยังมองว่าเป็นการเลือกได้

ทว่าหลายหมื่นคนเข้ามา จะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน ไม่ต้องคาดเดาข้าก็พอจะรู้ว่าเป็นเพราะขุมอำนาจสี่มหาโลกแท้จริงประกาศรางวัลที่ทำให้แทบจะทุกคนสนใจ ฉะนั้นเลยมีความกล้าขึ้นมา

อีกทั้งขุมอำนาจสี่มหาโลกแท้จริงจะต้องรู้จักแดนประหลาดวงแหวนบูรพามากกว่าที่อื่นอย่างแน่นอน เลยประกาศรางวัลให้คนมาล่าสังหารข้าที่นี่ มันดูเหมือนจะเข้าใจได้ แต่ความจริงแล้ว…..’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา

‘เว้นแต่ขุมอำนาจสี่มหาโลกแท้จริงจะไม่มีใครรู้ความลับของแดนประหลาด ทว่าเป็นไปไม่ได้ หากข้าเป็นพวกเขา ถึงจะพูดความลับนี้ไม่ได้ แต่ถ้าหากอยากให้ข้าตายจริงๆ ก็แค่ส่งผู้ฝึกฌานทาสหนึ่งแสนคนเข้ามายังแดนประหลาด เท่านี้ก็ทำการผลัดเปลี่ยนทั้งหมดแล้ว

กระทั่งหากแสนคนไม่พอก็สองแสน สามแสนหรือมากกว่านั้น แบบนี้ก็ผลัดเปลี่ยนไปหลายครั้ง ข้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!’

‘ทว่าพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ได้คิดถึงจุดนี้ ถ้าอย่างนั้น…’ ดวงตาซูหมิงแวววาว แล้วยิ้มเยาะมุมปาก

‘พวกเขาไม่อยากให้ข้าตาย แต่อยากสร้างเรื่องขึ้น เช่นนั้นเป้าหมาย…’ ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองจุดที่ร่างแยกเอ้อชางอยู่แวบหนึ่งแล้วหรี่ตาลง

‘หรือจะเพื่อร่างแยกเอ้อชาง ทว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำเยอะมาก ข้าตัดสินใจในจุดนี้ไม่ได้ อีกอย่างต่อให้ข้าทำสำเร็จได้อย่างหวุดหวิด พวกเขาก็ไม่มีทางคาดถึงแน่ แต่ก็ต้องระวังเอาไว้ก่อน

ยังมีอีกข้อหนึ่งคือ…พวกเขาหวังจะได้รับต้นกำเนิดจิตจากข้า อย่างเช่นเมื่อแผ่นศิลาสูงถึงแสนจั้งตามวิธีปกติแล้ว ก็จะได้รับต้นกำเนิดจิตไม่มากและได้ออกจากที่นี่พันปี

หรือว่า…ในโลกภายนอก หากสังหารคนที่มีต้นกำเนิดจิตจะมีข้อดีอะไรอย่างนั้นหรือ?’ ซูหมิงใจสั่นไหว ตรึกตรองอยู่ชั่วครู่แล้วก็เก็บคำถามนี้ไว้ในก้นบึ้งหัวใจ ก่อนเบนสายตาจากร่างแยกเอ้อชาง แล้วเดินหน้าพลางค่อยๆ หายไป ทว่ากลับมีแสงสีแดงสายหนึ่งบินตรงไปยังธารดาราแสนดวง

นั่นคืองูน้อยจู๋จิ่วอิน ซูหมิงให้มันอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่มีพลังแห่งโลกเข้มข้น เป็นสารอาหารให้มันได้

ทันทีที่ร่างแยกกลืนนภาจากไป ร่างแยกเอ้อชางในธารดาราแสนดวงก็ลืมตาขึ้นจากสมาธิ

“ในเมื่อเลือกอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องไปทำ”

ช่วงที่ร่างแยกเอ้อชางกล่าวเสียงเบา มวลอากาศด้านหลังพลันบิดเบี้ยว ปรากฏร่างเงาต้นไม้ใหญ่ยักษ์ไร้ที่เปรียบสีม่วงขึ้นหนึ่งต้น มันขยับไหวเบาๆ มีแสงสีม่วงหมื่นสายกระจายออกไป พวกมันแผ่เป็นวงกว้างในพริบตาแล้วหายไปในฟ้ากระจ่างดาว

หลังทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ร่างแยกเอ้อชางก็หลับตาลงอีกครั้งและเริ่มนั่งฌานระยะยาว

ณ โลกแผ่นศิลาเก้าหมื่นอัน ตอนนี้แผ่นศิลาอยู่ในสภาพเก้าหมื่นอันมาสามร้อยกว่าปีแล้ว ครั้นปรากฏแสงสีม่วงหมื่นสายขึ้น ก็เกิดเสียงดังอื้ออึงขึ้นทันที

คนในโลกแผ่นศิลาเก้าหมื่นคนถูกบีบออกมาทั้งหมดในพริบตา ในนั้นมีจำนวนหนึ่งเพิ่งเคยเจอเรื่องนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็มีไม่น้อยที่เจอครั้งที่สอง ขณะตื่นกลัว พวกเขาก็นึกถึงภาพที่เกือบจะลืมเลือนไปแล้วเมื่อสามร้อยปีก่อน

หลังทุกคนถูกบีบออกมา แสงสีม่วงหมื่นสายหลอมรวมเข้าสู่พื้นดิน แผ่นดินสั่นเทือน และมีแผ่นศิลาโผล่ขึ้นมาหนึ่งหมื่นอัน ตำแหน่งก็คือจุดเดียวกับที่พวกมันหายไปเมื่อสามร้อยปีก่อน

เมื่อแผ่นศิลาหมื่นอันปรากฏขึ้นแล้ว ที่นี่จึงกลับมามีแผ่นศิลาแสนอันอีกครั้ง!

ทว่าหนึ่งหมื่นอันที่เพิ่มมาไม่ใช่ของเอ้อชาง ไม่ใช่ของซุ่ยเฉินจื่อ แต่เป็นของ…..ซูหมิง!

นี่คือแผ่นศิลาของซูหมิง คนที่ถูกสลักชื่อบนแผ่นศิลาเหล่านี้จะถูกซูหมิงกุมความเป็นตาย ต้องถวายเวลาและขั้นพลังทั้งหมดเพื่อให้ร่างแยกเอ้อชางแข็งแกร่งขึ้น

หลังจากนี้ไป กลอุบายแดนประหลาดวงแหวนบูรพามีผู้สมรู้ร่วมคิดเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

คนเกือบเก้าหมื่นตอนนี้เงียบกริบ ความคิดต่างๆ ผุดขึ้น กลายเป็นความหวาดกลัว ตื่นตะลึง และสับสน กระทั่งลมหายใจยังเหมือนจะแข็งค้าง สายตาเหม่อมองแผ่นศิลาหนึ่งหมื่นอันที่ปรากฏขึ้นมา

มีเพียงคนเดียวที่มีสีหน้าตื่นเต้น เขาไม่ได้มองแผ่นศิลาหมื่นอัน แต่มองแผ่นศิลาของซูหมิงที่เกือบจะถูกคนลืมเลือนในช่วงสามร้อยปีมานี้ เขามองศิลาพลางเฝ้ารอคนคนหนึ่งออกมา

ไม่นานเขาก็เห็นว่าบนแผ่นศิลาที่สลักชื่อโม่ซูปรากฏน้ำวนขึ้น คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากน้ำวน

ร่างเงาสูงตรง เส้นผมยาวสีเทา ใบหน้าซีดขาว ดวงตาขวามีเงาอักขระซ้อนทับกัน เขาก็คือ….ร่างแยกกลืนนภาที่มีต้นกำเนิดจิตของเอ้อชาง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!