ตอนที่ 1040 ไม่ออกมาก็ได้
ซูหมิงยึดร่างเอ้อชางสีม่วงใช้เวลาหลายสิบลมหายใจ ทว่าการหลอมหลวมเปลี่ยนเป็นสูบกินกลับใช้เวลาหกสิบปี
ทว่าตอนนี้เขากินเอ้อชางสีฟ้า หากเวลาช้าลง ก็คงไม่ทำให้เอ้อชางตัวอื่นตกตะลึงถึงเพียงนี้ คงเพียงแค่หวาดกลัว แต่ซูหมิงใช้เวลากินเพียง…ชั่วพริบตา!
เพียงชั่วพริบตาที่เขาปะทะกับเอ้อชางสีฟ้า ทุกอย่าง…ก็เสร็จสิ้น
ฟ้ากระจ่างดาวสีฟ้าเหมือนถูกสีม่วงย้อมคลุมในพริบตา ทำให้ฟ้ากระจ่างดาวสีฟ้าแสนแห่งกลายเป็นโลก สีม่วง ทำให้ร่างเอ้อชางของซูหมิงมีผืนฟ้าจากแสนแห่งก่อนหน้านี้กลายเป็นสองแสนแห่ง!
มิหนำซ้ำช่วงที่เขากินสำเร็จยังกลายเป็นเอ้อชางที่แกร่งที่สุด ถึงก่อนหน้านี้จะแกร่งที่สุดอยู่แล้วก็ตาม แต่ตอนนี้….แกร่งยิ่งกว่าเดิม!
ทั้งฟ้าเป็นสีม่วง ระลอกคลื่นไร้รูปหมุนวนไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว ซูหมิงหมุนตัวกลับ ภายในลูกตายังคง…เป็นสีม่วง เพราะสีม่วงคือรากฐาน แต่มันจะสว่างกว่าก่อนหน้านี้ และแสบตายิ่งกว่า ชั่วร้ายยิ่งกว่า กลิ่นอายชั่วร้ายที่แผ่มาจากตัวมหาศาลยิ่งกว่า!
เส้นผมยาวแกว่งไกว อาภรณ์ยังคงปลิวไสวแม้ไร้ลม เขายืนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวสีม่วง ก้มหน้าลงเล็กน้อย เสียงหัวเราะอันธพาลดังลอดมาจากมุมปาก ตอนที่ดังกังวานไปทั้งฟ้า ความรู้สึกชำเลืองตาจากในเสียงหัวเราะอัดแน่นอยู่รอบๆ ทำให้ส่วนวิญญาณเอ้อชางแปดตัวที่เหลือใจสั่นสะท้านพร้อมกับถอยห่างอย่างว่องไว หมายจะออกจากฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงที่เพิ่งถูกซูหมิงกินไป
ที่นี่คือใจกลางโลกแผ่นศิลาแสนอันของแดนประหลาดวงแหวนบูรพา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ ภายนอกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย แทบเป็นช่วงที่ฟ้ากระจ่างดาวสีฟ้ากลายเป็นสีม่วง ชั่วขณะที่เอ้อชางสีฟ้าถูกซูหมิงกิน ณ แดนแผ่นศิลาแสนอัน แผ่นศิลาสีม่วงหมื่นอันเปล่งแสงสีม่วงสว่างจ้า พริบตาเดียวก็ปกคลุมทั้งแผ่นดิน
ต่อมาพลันเกิดเสียงร้องโหยหวนดังก้องในโลกแผ่นศิลาแสนอัน คนที่กรีดร้องไม่ใช่คนของแผ่นศิลาสีม่วง แต่เป็น…หมื่นคนของแผ่นศิลาสีฟ้ากลางแผ่นศิลาแสนอัน!
หมื่นคนนี้ ไม่ว่าขั้นพลังใด ไม่ว่าหญิงหรือชาย ไม่ว่าคนชราหรือผู้เยาว์ ในตอนนี้ล้วนส่งเสียงกรีดร้องดังถึงขีดสุด โลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด ทุกคนต่างคุกเข่าลง ทั่วร่างสั่นไหวไม่หยุด ตรงระหว่างคิ้วพลันปรากฏอักขระซับซ้อนนูนขึ้น ดูลักษณะเหมือนกับตราประทับ มันมีสีฟ้าและกำลังขยับแสงสีฟ้าอย่างรวดเร็ว
แผ่นศิลาของพวกเขาปรากฏรอยแตกจำนวนมาก รอยแตกลุกลามไปอย่างเร็วไว เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ภาพนี้ทำให้คนอื่นรอบๆ ต่างตกใจกลัว สีหน้าอดเกิดความหวาดกลัวขึ้นมามิได้
ถึงคนที่กรีดร้องจะไม่ใช่ผู้มองอยู่รอบๆ เหล่านี้ ทว่าความรู้สึกเจ็บแทนกลับเด่นชัดอย่างยิ่ง นั่นคือความไม่รู้ต่อเหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นความตื่นกลัวในก้นบึ้งหัวใจพวกเขา แดนแผ่นศิลาแสนอันจึงเกิดเสียงดังเกรียวกราวขึ้น เพียงแต่ว่าเสียงดังของคนหลายหมื่นคนก็ยังกลบเสียงกรีดร้องแหลมถึงขีดสุดของคนแผ่นศิลาสีฟ้าไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น!”
“นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงเป็นแบบนี้!”
“แผ่นศิลาของพวกเขา….พังลง!”
ชั่วขณะที่เกิดเสียงดังเกรียวกราวไปรอบๆ ทันใดนั้นแผ่นศิลาสีฟ้าหมื่นอันกลางแผ่นศิลาแสนอัน สีฟ้าที่สว่างออกมาจากในรอยแตกพลันมอดดับลงจนหายไปแล้วก็มีแสงสีม่วงเข้มข้นสว่างออกมาจากข้างในทันที วูบเดียวจากแผ่นศิลาสีฟ้าหมื่นอันก็กลายเป็น…สีม่วง!
เมื่อแผ่นศิลาหมื่นอันกลายเป็นสีม่วง ผู้ฝึกฌานหมื่นคนใต้แผ่นศิลาต่างร้องโหยหวน พวกเขาไม่ได้ตายลง แต่สัญลักษณ์สีฟ้าที่เดิมทีขยับวูบวาบตรงระหว่างคิ้วกลายเป็นสีม่วง!
สัญลักษณ์สีม่วงขยับแสงติดกันหลายครั้งแล้วก็หายไปในระหว่างคิ้วของผู้ฝึกฌานหมื่นคนนี้ เสียงกรีดร้องก็เบาลงเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าทุกคนอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อ สายตามองแผ่นศิลาของตนด้วยความกลัว
บนแผ่นดินแผ่นศิลาแสนอันแห่งนี้ มีแผ่นศิลาสีม่วงตั้งตระหง่านอยู่ทั้งหมด สองหมื่นอัน ภาพนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนโดยพลัน ต่อมาก็เงียบเป็นเป่าสาก
พวกเขาเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ที่มากกว่าคือความกลัวจากความสับสนและไม่รู้
เวลานี้ในใจกลางแดนประหลาดวงแหวนบูรพาที่พวกเขามองไม่เห็น กลางฟ้ากระจ่างดาวล้านแห่งกว้างใหญ่ ภายในฟ้าสีม่วงสองแสนแห่งของซูหมิง ซูหมิงเงยหน้าขึ้นช้าๆ กลิ่นอายชั่วร้ายสุดบรรยายแผ่มาจากตัวเขาอย่างนุ่มนวล รอยยิ้มมุมปากเขามาพร้อมกับความประหลาด ลูกตาสีม่วงกลายเป็นสายตาจับจ้องส่วนวิญญาณเอ้อชางตัวอื่นที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็วหมายจะออกจากฟ้ากระจ่างดาวสีม่วง
ซูหมิงไม่ขวาง เขาปล่อยให้ส่วนวิญญาณเอ้อชางแปดดวงหนีไป ถึงอย่างไรต่อให้เขาขวางพวกมันไว้ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์มากนัก เป้าหมายเขาคือกินร่างพวกมันไปทีละตัว
แทบเป็นช่วงที่ส่วนวิญญาณเอ้อชางเหล่านั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ซูหมิงพลันหันหน้ากลับพร้อมกลายเป็นสายรุ้งยาวม้วนพาฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงสองแสนแห่งรวมขึ้นเป็นพลังที่ไม่เคยมีมาก่อนมุ่งหน้าไกลออกไป
‘ต่อไปไม่รู้ว่าเป็นสีอะไร’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายสีม่วง ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เสียงดังสนั่นกึกก้องฟ้า หลายลมหายใจต่อมาเขาก็มาถึงสุดทางของฟ้า อีกแห่ง เป็นปราการของชายขอบ
โครม!
เสียงดังสนั่นฟ้า ซูหมิงชนเข้ากับปราการไร้รูป ปราการเกิดการสั่นไหวเป็นวงกว้าง ก่อนหน้านี้ที่เขาชนเข้ากับปราการของฟ้ากระจ่างดาวสีฟ้า เขาชนเพียงสองครั้งเกือบสามก็พังลง แต่ตอนนี้เพียงครั้งเดียวก็ทำให้ปราการเกือบพังลง จากนั้นยกมือขวาตบไป ฟ้าสีม่วงสองแสนแห่งพลันมารวมอยู่ที่มือขวาก่อนกดฝ่ามือลงปะทะกับปราการ ไร้รูป พลันเกิดเสียงดังสะเทือนฟ้าดินขึ้น
ปราการไร้รูปนี้…แตกออกเป็นเสี่ยงๆ พังลงไม่มีชิ้นดี ทันใดนั้นมีม่านแสงสีแดงแผ่มาจากข้างใน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคำรามของเอ้อชางสีแดงฉาน
“เป็นสีแดง” ซูหมิงขยับวูบไหวตัวไปพร้อมกับฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงมหึหา พุ่งเข้าไปในฟ้ากระจ่างดาวสีแดงในครั้งเดียว ช่วงที่สีม่วงปกคลุมไปในชั่วพริบตา ดวงตา ซูหมิงจับจ้องไปยังแม่น้ำดาราของฟ้ากระจ่างดาวสีแดง ก่อนกลายเป็นสายรุ้งยาว ห้อเหยียดไปเกือบจะฉีกฟ้ากระจ่างดาวสีแดง
“คิดจะหลอมรวมกับข้ารึ ไม่มีทาง!” เสียงคำรามด้วยความโกรธดังแว่วมาจากในแม่น้ำดารา ฟ้ากระจ่างดาวพลันหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงครึกโครมดังก้อง เมื่อแม่น้ำดาราหมุนโคจรจึงเกิดน้ำวนยักษ์ขึ้น มันม้วนตลบไปรอบๆ ก่อขึ้นเป็นพายุกลางฟ้า
พายุนี้มาพร้อมกับพลังทำลายล้าง ช่วงที่มันถาโถมไปรอบๆ จะเห็นว่าในน้ำวนมีต้นไม้ใหญ่สีแดงอยู่ต้นหนึ่ง ร่างกายมันใหญ่ยักษ์ ลำต้นก็เป็นสีแดงฉาน เต็มไปด้วยการทำลายล้างและบ้าคลั่ง แต่ทว่า….มันไม่กล้าออกจากน้ำวนแม้แต่ครึ่งก้าว เพียงซ่อนตัวอยู่ในน้ำวน ดวงตาสองข้างเหมือนกับวงปีบนลำต้นจ้องซูหมิงที่เข้ามาตาเขม็ง
ในลูกตาสีม่วงของซูหมิงสะท้อนเป็นน้ำวนรวมถึงเอ้อชางสีแดงภายใน ไม่มีคำพูดใด เพียงยกมือขวาขึ้นกางห้านิ้วมือไปบนฟ้า จังหวะที่กำลงช้าๆ ฟ้าสีม่วงที่เขาพามา ปกคลุมภายในฟ้าสีแดงทุกส่วนในทันที ทำให้มองไปจะเห็นได้ชัดว่านอกจากนอก สีแดงฉานตรงใจกลางแล้ว พื้นที่โดยรอบทั้งหมดกลายเป็นสีม่วง
แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงยกมือขวาขึ้นกำหมัด สีม่วงทั้งหมดที่อบอวลอยู่โดยรอบพลันชะงักราวกับหยุดนิ่ง จากนั้นเขาแกว่งมือขวาเป็นวงกลมช้าๆ หนึ่งรอบ เมื่อวนเป็นวงกลมแล้วสีม่วงที่หยุดนิ่งเหล่านั้นก็หมุนวนตาม
ซูหมิงวนมือขวาเป็นวงกลมอีกครั้ง การหมุนวนของฟ้าสีม่วงจึงเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยเท่า เสียงโครมครามดังสนั่นฟ้าดิน สั่นสะเทือนไปรอบๆ หากมองดีๆ จะเห็นชัดว่าทิศทางการหมุนของฟ้าสีม่วงตรงข้ามกับการหมุนของฟ้ากระจ่างดาวที่นี่
“เจ้าจะไม่ออกมาก็ได้” ซูหมิงกล่าวด้วยเสียงทะมึนทึบ
นัยน์ตาเอ้อชางสีแดงในน้ำวนฟ้ากระจ่างดาวฉายแววตื่นกลัว เห็นได้ชัดว่ามันอ่านเป้าหมายของซูหมิงออก จึงร้องคำรามดังขึ้น
“สหายทุกท่าน หากพวกเจ้าไม่คิดวิธีช่วยข้า เช่นนั้นวันนี้…จะเป็นวันที่พวกเรา เอ้อชางต้องสูญสิ้นไป!” ขณะที่เอ้ชางสีแดงร้องคำราม ซูหมิงยกมือขวาขึ้นวนเป็นวงกลมรอบที่สาม เสียงครึกโครมดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม ฟ้าสีม่วงโดยรอบหมุนวน ครั้งนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นร้อยเท่า แต่เป็นพันเท่า!
ท่ามกลางเสียงโครมคราม ซูหมิงลดมือขวาลงชี้ไปยังน้ำวนฟ้ากระจ่างดาวนั้น น้ำวนฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงพลันหดเล็กลง ก่อนพุ่งชนใส่น้ำวนฟ้ากระจ่างดาวนั้นด้วยทิศทางการหมุนตรงกันข้าม
โครม!
คล้ายกับว่าผืนฟ้ากำลังสั่นไหว เสียงดังสนั่นกลบเสียงร้องคำรามของเอ้อชางสีแดง ชั่วขณะที่น้ำวนหมุนตรงข้ามกันสองวงปะทะกัน น้ำวนผืนฟ้าที่นี่เหมือนกับวัตถุ ไร้รากฐาน จึงยากจะต่อต้านกับน้ำวนที่รวมขึ้นจากฟ้าสองแสนแห่ง มันพลันพังทลายลงท่ามกลางเสียงระเบิด เอ้อชางสีแดงข้างในมีสีหน้าสิ้นหวัง ด้วยความต่างของระดับชีวิต การที่เอ้อชางสีฟ้าถูกกินทำให้มันได้เข้าใจว่านี่คือโชคชะตาที่ไม่อาจต่อต้าน
ท่ามกลางความสิ้นหวัง ร่างเงาซูหมิงห้อเหยียดเข้าไปใกล้ตามการหมุนวนของฟ้ากระจ่างดาวสีม่วง ฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงแผ่ขยายไปปกคลุมเอ้อชางสีแดงกับซูหมิง ครู่ต่อมาฟ้ากระจ่างดาวสีแดงในตอนแรกก็กลายเป็นสีม่วงโดยสมบูรณ์ จากนั้น ซูหมิงเดินออกมาช้าๆ กลางสีม่วงด้วยลักษณะที่เด่นตายิ่งกว่าเดิม
เขาเส้นผมยาวถึงเอว เดินอยู่ในสีม่วงพร้อมเส้นผมพลิ้วไหว รูปร่างสูงเพรียว รอบตัวเต็มไปด้วยกิ่งไม่ตวัดไปมา และยังมีลูกตาสีม่วงยิ่งกว่าเดิม ถึงจะก้มหน้าอยู่ แต่กลับมีกลิ่นอายดิบเถื่อนเผยมาจากในตัวเขาอย่างคลุ้มคลั่ง
กลิ่นอานพลังนี้มาจาก…เอ้อชาง