ตอนที่ 1260 สามรกร้างประนีประนอม
“ภัยพิบัติเก้ามรณะ เปลี่ยนความหมายแห่งหนึ่งชีวิตเก้ามรณะให้เป็นความตายเก้าแบบ ให้ต้องรับความตายต่างกันเก้าชนิด ภัยพิบัตินี้ไร้รูปไร้ดวงจิต ทำให้ยากจะต่อต้าน ยิ่งเจ้าต่อต้านมากเท่าไร ภัยพิบัตินี้ก็ยิ่งแกร่งมากเท่านั้น วิธีทำลายมันมีเพียงอย่างเดียวคือพึ่งพาจิตใจแน่วแน่ของเจ้า ตามหาชั่วพริบตาของชีวิตในเก้ามรณะ!” คำพูดชายชราวิญญาณสวรรค์เข้าถึงหูซูหมิง น้ำเสียงจริงจังและยังคงดังก้อง
แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงได้ฟัง มือเท้าสี่ข้างของเขากลายเป็นสีเขียวมรกต ซ้ำยัง คล้ำลงอย่างรวดเร็ว วูบเดียวก็เป็นสีเขียวคล้ำ
ความรู้สึกชาลอยขึ้นมาในใจ มาจากร่างกายตลอดเวลาและส่งผลถึงจิตใจเขาโดยตรง ทำให้ยามนี้เขารู้สึกถึงความตายมาเยือน
หากร่างกายเป็นแค่นี้ก็คงไม่เท่าไร แต่เขากลับรู้สึกเด่นชัดว่าไม่ใช่เพียงแค่เขาที่เป็นแบบนี้ แม้แต่ทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมยังรับผลนี้และเกิดเป็นสีเขียวเช่นกัน
“ตาย!” ดวงจิตที่อัดแน่นอยู่ในน้ำวนมรณะหยินเอ่ยคำนี้ออกมาหลังจากพูดคำว่ามือเท้าสีเขียว ตอนนี้เองซูหมิงพลันรู้สึกเจ็บมือเท้า เส้นสีเขียวปกคลุมไปทั่วร่างและ ยังลามไปถึงวิญญาณกับจิตใจ
จุดที่ผ่านจะอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายมรณะ ซูหมิงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ระหว่างหน้าเหยเกยยังเผยเป็นแสงสีเขียว ใบหน้าเขาดูเหี้ยมโหด จิตใจแน่วแน่ต่อต้านความตายที่เกิดขึ้นในร่างกายอย่างเร็วไว ความรู้สึกถึงความตายนั้นถาโถมราวกับคลื่นทะเล และซูหมิงกำลังยืนหยัดดั่งเรือโดดเดี่ยวกลางคลื่น
ทว่ายืนหยัดไปได้ไม่นานนัก ดวงจิตที่แปรจากภัยพิบัติที่สี่ซึ่งอัดแน่นอยู่ใน น้ำวนมรณะหยินก็ส่งเสียงอู้อี้มาอีกครั้ง
“เส้นชีพจร…เหี่ยวแห้ง…ฟัน…หมดสิ้น ตาย!”
เกิดเสียงดังโครมในร่างซูหมิง ตอนนี้เส้นชีพจรในตัวเขาพากันแห้งเหี่ยวลงเหมือนเสียพลังชีวิตไป เสียพลังในการมีชีวิต แห้งลงราวกับแม่น้ำ ฟันยังคลายออกในความแห้งและฝืด ทั้งใบหน้าเหมือนแก่ชราลงไม่น้อย โลหิตไหลมาตรงมุมปาก ทำให้เขามี สีหน้าดูอ้างว้าง
โดยเฉพาะคำว่าตายคำสุดท้ายนั้นยังเหมือนกระแทกใส่ตัวเขาอย่างแรงประหนึ่งค้อนหนัก ทำให้เขาโซเซถอยไปพร้อมกระอัดเลือดสีดำ พลังหายไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายอ่อนแอลงอย่างเร็วไว เงามืดมรณะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนปกคลุมทั่วร่าง
ชายชราวิญญาณสวรรค์เห็นภาพนี้อยู่ไกลๆ จึงลอบถอนหายใจอยู่ภายใน เขามองออกว่าซูหมิงถึงขีดจำกัดแล้ว ขณะกำลังจะลงมือช่วยนั้น ซูหมิงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด ดวงตาแดงก่ำ ซ้ำยังยกมือขวาเหน็บชาขึ้นอย่างลำบาก คว้าอากาศไปทางชายชราวิญญาณสวรรค์เหมือนจะห้ามเอาไว้
“ข้า…ยังไหว!” ซูหมิงกัดฟันพูดออกไป ขณะกล่าวมีโลหิตไหล สีหน้าดูเด็ดขาดและบ้าคลั่ง
“เปลี่ยน…เทพหมาน!” ช่วงที่เสียงซูหมิงดังขึ้นเหมือนกัดฟันกล่าวด้วยความโกรธ ตอนนี้เองวิญญาณเผ่าหมานใหญ่ร้อยล้านดวงพุ่งออกมาอัดแน่นรอบตัวเขา หลอมรวมเข้าไปในร่างกาย ทำให้ตัวเขาในยามนี้เหมือนได้รับการเติมเต็ม เลยฟื้นฟูกลับมาอย่างเร็วไว
ทว่ายามนี้เองเสียงอู้อี้ของภัยพิบัติที่สี่ก็ดังแว่วมาอีกครั้ง
“เสียง…กระจัด…กระจาย ตาย!”
ซูหมิงร้องโหยหวนเสียงแหลม เปลี่ยนเทพหมานเกิดเค้าลางจะสลายไป วิญญาณเผ่าหมานใหญ่ร้อยล้านดวงไม่อาจฟื้นฟูร่างกายเขาได้แล้ว โดยเฉพาะเสียงร้องแหลมของเขาดูอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ประหนึ่งว่ากระจัดกระจายไป ทำให้ผู้ได้ยินไม่รู้สึกถึง การต่อสู้ดิ้นรนใดๆ แต่เป็นการถอนหายใจก่อนตายในเฮือกสุดท้าย
แม้แต่โลกแท้จริงของซูหมิงยังเสื่อมสภาพลงเป็นวงกว้าง ราวกับว่าจะหายไปจากสามรกร้างชั่วนิรันดร์
“รู…จมูก…เปิด…ออก ตาย!”
“ริมฝีปาก…หนาวเยือก…ระบำย…ออก ตาย!”
เสียงอู้อี้ดังต่อเนื่องกัน แรงปะทะจากคำว่าตายกับประโยคเหล่านี้ของดวงจิตนั้นเป็นเหมือนคำสาปแห่งโชคชะตาที่ฟ้าดินยังไม่อาจต่อต้าน ตอนนี้ทั้งหมดเป็นผลกับ ซูหมิงพร้อมกัน ทำให้ริมฝีปากบนล่างเป็นสีม่วง เกิดความหนาวเยือกเหมือนเสียไออุ่นไปทั้งหมด จึงทำให้ลมหายใจเหมือนจะหมดกำลังลง ดังนั้นจมูกจึงขยายออกโดย จิตใต้สำนึก
‘สมควรตาย นี่มันภัยพิบัติอะไร!’ ความบ้าคลั่งในดวงตาซูหมิงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขายืนหยัดใช้เปลี่ยนเทพหมานต่อ เหมือนว่ามีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะให้ร่างกายเขาฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ทว่าต่อให้เป็นเปลี่ยนเทพหมาน ตอนนี้ก็ยังไม่อาจฟื้นร่างเขากลับมา ดั่งตอนแรก อีกทั้งยังเริ่มไม่มีประโยชน์ไปทีละนิด ร่างกายเขาจึงแย่ลงจนสาหัสยิ่ง
คล้ายว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่ใกล้จะตายคนหนึ่ง กำลังดิ้นรนก่อนตาย
เขาในตอนนี้ หากเรียกชายชราวิญญาณสวรรค์ อีกฝ่ายจะลงมือช่วยทันที แต่ซูหมิงกลับไม่เรียก!
เขาไม่เชื่อว่าตนจะต่อต้านภัยพิบัติที่สี่ไม่ได้ และยังไม่เชื่อว่าตนจะตายไปใน ภัยพิบัติที่สี่ เขาไม่เชื่อ ไม่ยอม ความโอหังไม่ยอมให้เขาล้มเหลวเช่นนี้
‘นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติ นี่คือคำสาป…’ ซูหมิงเจ็บปวดไปทั่วร่าง ดวงตาแดงก่ำสองข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ความมัวหมองในแววตาคล้ายกับเพลิงเทียนที่ถูกสายลมพัดและจะมอดดับได้ตลอดเวลา ทว่าช่วงที่จะมอดดับนั้น เขาพลันเข้าใจ
ภัยพิบัติเก้าสังหารที่ว่านี้ สังหารคนอย่างไร้รูป เห็นได้ชัดว่านี่คือ คำสาป!
ความน่ากลัวของมันคือให้คนเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง นั่นเป็นเพราะดวงจิตทั้งสามรกร้างสาปใส่คนเดียว ดังนั้น…จึงไม่อาจต่อต้าน ทำได้เพียงถูกสาป!
นี่คือการแสดงออกอีกอย่างหนึ่งของดวงจิตสามรกร้าง…ซูหมิงเข้าใจแล้ว ไม่เพียงแต่เข้าใจว่าเก้ามรณะคือคำสาปเท่านั้น แต่ยังเข้าใจภัยพิบัติยกระดับวิญญาณอีกด้วยว่าเป็นการแสดงออกชนิดหนึ่งของดวงจิตสามรกร้างเช่นกัน เหมือนกับเขาใช้ดวงจิตโลกแท้จริงลบผู้ฝึกฌานในโลกของตัวเอง เช่นนั้นเขาซูหมิงก็จะเป็นภัยพิบัติที่คล้ายๆ กับใช้ดวงจิตลงมาเยือนเหมือนกัน!
“ริมฝีปาก…บวม…ฟัน…ไหม้เกรียม ตาย!” ชั่วพริบตาที่ซูหมิงเข้าใจ เสียงอู้อี้จากดวงจิตนั้นก็ดังแว่วมาอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้ใบหน้าซูหมิงเปลี่ยนไป ใบหน้าพองบวม ทำให้เขารู้สึกหนาวเยือกในร่างกาย แต่ฟันที่คลายออกกลับเป็นสีแดงฉาน ความรู้สึกนี้ขัดแย้งกันมาก เหมือนความขัดแย้งระหว่างความเป็นกับความตาย แต่ว่าช่วงที่ เกิดความรู้สึกนี้ เขากลับรู้สึกจริงๆ ว่า….ความตายที่ไม่อาจต่อต้านมาถึงแล้ว เปลี่ยนเทพหมานยังคงดำเนินต่อไป แต่กลับใกล้จะถึงขีดจำกัดต้องสลายไปแล้ว
“มือ…ปฏิบัติตาม…รอยขาด…อาภรณ์ ตาย!”
“เหงื่อ…ไหล…ไม่…ออก ตาย!”
เกิดเสียงอึกทึกขึ้น เปลี่ยนเทพหมานสลายหายไป วิญญาณเผ่าหมานใหญ่ ร้อยล้านดวงไม่อาจรวมที่ร่างกายเขา ไม่อาจต่อต้านคำสาปของดวงจิตสามรกร้าง!
‘แค่คำสาปเองมิใช่รึ คำสาป…ข้าก็มีเหมือนกัน!’ ซูหมิงรู้สึกอ่อนแรงไปทั่วร่าง เขาใกล้จะตายแล้ว ช่วงที่ชายชราวิญญาณสวรรค์จะลงมือช่วยอย่างไม่ลังเลอีกนั้น ซูหมิงพลันส่งเสียงหัวเราะ
เสียงหัวเราะอ่อนแอถึงขีดสุดและยังไม่ดังออกไป เพียงแค่ดังก้องอย่างไร้เสียง ทว่ามุมปากบนใบหน้าปูดบวมกลับยกยิ้ม ระหว่างที่หัวเราะเสียงดังอย่างไร้เสียงเขายังพ่นโลหิตคำใหญ่มาหนึ่งคำ
หลังพ่นโลหิต เสียงอู้อี้ดังมาจากปากเขา เสียงนี้มีพลังมหัศจรรย์บางอย่าง มันพลันดังก้องไปรอบๆ เหนี่ยวนำร่างแยกโลกแท้จริงของเขา นั่นคือเขากำลังใช้ พลังของโลกแท้จริงตัวเองสาปสามรกร้าง!
นี่คือวิชาที่แกร่งที่สุดของเขา อภินิหารคำสาปรกร้าง ความแกร่งของมัน สร้างความตื่นตกใจแก่คนขั้นไม่อาจกล่าว
ทว่าพลานุภาพจริงๆ ของมันคือ สาปดวงจิตสามรกร้าง ให้ดวงจิตสามรกร้าง ที่หลับใหลเกิดเค้าลางจะตื่นขึ้น
“ลิ้น…ม้วน…หัวมังกร…หดเล็ก ภัยพิบัติเก้ามรณะ…ตาย!” ดวงจิตจากภัยพิบัติเก้ามรณะที่สี่เอ่ยเสียงอู้อี้ครั้งสุดท้ายดังก้องไปรอบๆ กลายเป็นเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น สะเทือนฟ้าดินจนทำให้น้ำวนมรณะหยินสั่นสะเทือน ระหว่างนั้นเองซูหมิงใช้วิชา คำสาปของตนเสร็จสิ้นพอดี
“สาปสามรกร้าง!”
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นในยามนี้ คำสาปของซูหมิงต้องการตุ๊กตาคน แต่เขาในตอนนี้ไม่มี เช่นนั้นเขาจึงใช้ตัวเองเป็นตุ๊กตา ใช้ดวงจิตร่างแยกโลกแท้จริงสาปดวงจิตสามรกร้าง สาปภัยพิบัติที่สี่ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตอนนี้!
นี่คือการต่อต้านกันระหว่างคำสาปกับคำสาป และยังเป็นการโต้กลับที่แกร่งที่สุดในชีวิตจากจิตใจที่จะผงาดขึ้นจากความตาย ในการโต้กลับนี้ นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาแสดงต่อดวงจิตสามรกร้างว่าไม่ยอมศิโรราบ และยังมีความบ้าคลั่งและ การสร้างอำนาจคุกคามที่ไม่ยอมถูกทำลายล้าง
จะใช้ความตายของข้าให้เจ้าตื่นก่อนเวลา ทว่าการตื่นก่อนเวลานี้ เพราะคำว่าก่อนเวลา ดังนั้นทุกอย่างจึงไม่สมบูรณ์ ทุกอย่างไม่ตรงตามความต้องการของ สามรกร้าง หลังจากตื่นก่อนเวลาแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น แม้ซูหมิงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาเชื่อว่าดวงจิตสามรกร้างมีจิตวิญญาณ และมันย่อมไม่หวังให้เป็นอย่างนั้นแน่
หรือว่า…จะให้ข้าทำลายภัยพิบัตินี้ ให้มันหายไป แล้วอย่าใช้วิชาคำสาปต่อหน้าข้าอีก!
นี่คือการสร้างอำนาจคุกคามอย่างเปิดเผยและยังตรงไปตรงมามาก ถึงขั้นเรียกได้ว่าถึงที่สุด!
แทบเป็นทันทีที่ซูหมิงใช้วิชาคำสาปเข้าปะทะอย่างไร้รูปกับภัยพิบัติเก้ามรณะ พลันมีเสียงเกรี้ยวโกรธเหมือนอยู่ในความฝันดังก้องในมหาโลกสามรกร้าง อันเงียบสงบ เสียงนี้มาพร้อมกับแรงกดดันยากจะบรรยาย เสียงดังกังวานทั้ง มหาโลกสามรกร้าง หากตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตตื่นอยู่ จะต้องวิญญาณแหลกสลายไปด้วยเสียงนี้ไม่ว่าขั้นพลังใดก็ตาม
ระหว่างที่เสียงนี้ดังแว่วมา ภัยพิบัติเก้ามรณะรอบตัวซูหมิงพลันหายไปอย่าง ไร้ร่องรอย จากนั้นความอ่อนแอจากการถูกสาปในตัวเขาก็หายไปทั้งหมด ทุกอย่างฟื้นกลับมาตอนก่อนที่ภัยพิบัติจะมาเยือน ขณะเดียวกัน ดวงจิตในตัวซูหมิงพลันทะลวงผ่าน ทำให้พลังของเขามหาศาลยิ่งกว่าเดิมหลังการผงาดขึ้น น้ำวนที่ก่อขึ้นมีขนาดใหญ่หลายร้อยจั้ง และเขายังรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าตนเหมือนผ่านการชะล้าง อย่างหนึ่ง เขาในตอนนี้…มีความมั่นใจในการยกระดับวิญญาณครั้งที่สี่แล้ว!
ดวงจิตสามรกร้างที่หลับใหลยอมประนีประนอม!
ดวงตาซูหมิงเป็นประกายวาว ทันใดนั้นเองชายชราวิญญาณสวรรค์เดินหน้า หนึ่งก้าวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าซูหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนยกมือขวาคว้าไปทาง ภัยพิบัติที่สี่ที่กำลังหายไปในน้ำวน
เมื่อคว้าไป ภัยพิบัติที่สี่พลันหยุดชะงักครู่หนึ่ง
“ต่อไป ข้าจะผ่านภัยพิบัติแทนเจ้าเอง หน้าที่ของเจ้าคือไปส่วนลึกของ น้ำวนมรณะหยิน ไปยืนยันการคาดเดาของข้า! รีบไป!”