Skip to content

King of Gods 8

King Of Gods

บทที่ 8 : ทักษะธนูที่เหนือกว่า

จ้าวเฟิงได้ทำให้ฝูงชนไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดที่จะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น

“ดี! อย่างน้อยเจ้าก็นับว่ามีความกล้าอยู่บ้าง” จ้าวหยู่รู้สึกมีความสุขอย่างมากเมื่อแผนของเขาสำเร็จอย่างง่ายดาย

คราแรกเขาคิดว่าจ้าวเฟิงจะขัดขืนและต้องใช้บางอย่างมากระตุ้น ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะตกลงอย่างง่ายๆ และเมื่อจ้าวเฟิงแพ้ สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องทำก็คือขอโทษ นั่นทำให้เขาดูมีทางถอยอยู่บ้าง

“น้องหยูเฟ่ย เจ้าเป็นผู้ตัดสินดีหรือไม่?” จ้าวหยู่ยิ้มให้กับจ้าวหยู่เฟ่ย ในด้านของพรสวรรค์และพลังนั้น จ้าวหยู่เฟ่ยนับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนที่รวมกันตรงนั้น ดังนั้นนางจึงสมควรที่จะเป็นผู้ตัดสิน

“ได้” เด็กสาวพยักศีรษะ ทว่าไม่ได้มีสีหน้าสนใจอันใด ในความคิดของนางนั้น จ้าวหยู่นับว่าเป็นอันดับ 3 ในด้านธนู จ้าวเฟิงมิอาจเอาชนะเขาได้

ไม่นานสนามก็ว่าง ผู้คนจำนวนกว่า 30 คนได้มาชมดูการแข่งขันนี้

“ วันนี้เรามีน้องหยูเฟ่ยอยู่ ดังนั้นแล้วจ้าวหยู่ย่อมต้องการอวดความสามารถของเขา” เหล่านักธนูต่างคาดคิด ไม่มีผู้ใดสงสัยเลยว่าผู้ที่ชนะย่อมเป็นจ้าวหยู่ แทนที่จะเรียกว่าการแข่งขันนั้น สู้เรียกว่าการแสดงของชายหนุ่มเสียจะเหมาะสมกว่า

“มา!”

จ้าวหยู่เรียกเด็กหนุ่มสี่คนให้ยกเป้ามา ไม่นานเป้าทั้งสี่ก็ถูกวางเรียงกันเป็นแถวตอนเบื้องหน้าเขา ทุกเป้าห่างกัน 10 เมตร

“เพราะว่าวันนี้เรามีผู้ชมจำนวนมาก เช่นนั้นข้าจะแสดงกระบวนท่าพิเศษของข้า ‘ศรฝูงอินทรี’ ให้ชม” ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ศรฝูงอินทรี?

ใบหน้าของเหล่าศิษย์ตระกูลจ้าวโดยรอบมีแววความตื่นเต้นปรากฏอยู่ กระทั่งจ้าวหยูเฟยยังมีสีหน้าสนใจเล็กๆ

เบื้องหน้าฝูงชน จ้าวหยู่เดินไปเบื้องหน้าเป้าทั้งสี่ ในเมื่อเป้าทั้งสี่วางเรียงซ้อนกัน การใช้ทักษะธนูธรรมดาก็ทำได้เพียงยิงเป้าหน้าสุดเท่านั้น

นั่นเขาจะ…

ทุกคนตะลึง ในตอนนั้นคันธนูของจ้าวหยู่ถูกรั้งจนสุดสาย กลายเป็นดวงจันทร์เต็มดวงที่หันหน้าเข้าหาท้องฟ้า ลูกธนู 4 ดอกถูกวางลงบนสายธนูนั้น

ซี้ดดด!

ทุกคนสูดลมหายใจเย็นยะเยือก

ในตอนนั้นเอง

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ลูกศรทั้ง 4 ดอกมุ่งหน้าฝ่าอากาศ สร้างมุมทั้ง 4 อย่างสมบูรณ์แบบ พุ่งสู่เป้าหมายราวอินทรี

ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!

ศรทั้งสี่ปักเข้าที่จุดศูนย์กลางเกือบจะในเวลาเดียวกัน

โอ้สวรรค์!

ทุกคนล้วนกรีดร้องออกมากับภาพตรงหน้า

“ธนูนั้นยิงเช่นนี้ได้ด้วยสินะ! ไม่จำเป็นตรงยิงตรงไป แต่ยิงในมุมโค้งได้! และจากแรงโน้มถ่วง พวกมันก็จะปักลงที่เป้าหมาย…”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงบันทึกเส้นทางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

ผลลัพธ์สุดท้ายทำให้ดวงใจของเขาสั่น

ศรฝูงอินทรี!

กว่าที่ทุกคนจะกลับมาสงบดังเดิมได้นั้นใช้เวลาไปไม่น้อย

“ช่างเป็นทักษะธนูที่สูงส่งอันใดเช่นนี้!” ดวงตาของจ้าวหยูเฟ่ยแสดงความตกตะลึงออกมา

“ขอบคุณที่รับชม” เมื่อเห็นท่าทางของเด็กสาว จ้าวหยู่ก็หัวเราะกับตนเอง

“เจ้าหนู! ตาเจ้าแล้ว!” หลังจากจ้าวหยู่ยิงเสร็จ ทุกสายตาจึงเลื่อนไปจับจ้องยังจ้าวเฟิงด้วยความเหยียดหยาม ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าทักษะธนูของเด็กหนุ่มจะสามารถเทียบกับจ้าวหยู่ได้

“อืมมม… ให้ข้าคิดเสียหน่อย…”

จ้าวเฟิงหยิบคันธนูขึ้น ศรฝนอุกกาบาตในสมองได้หลอมรวมกับหัวใจของเขาอีกครั้ง เขาสรุปได้ว่าการที่เขาจะเอาชนะจ้าวหยู่ได้นั้นเป็นไปไม่ได้ นอกจากเขาจะมีเวลาเพิ่มอีก 2-3 วัน ดังนั้นแล้วเขาไม่อาจใช้วิธีปกติในการเอาชนะอีกฝ่าย

ดวงตาของจ้าวเฟิงกวาดมองไปบนท้องฟ้าและบนสนามยิงธนู เมื่อนั้นเองที่เขาตัดสินใจในสิ่งที่จะทำได้

“เอาล่ะ ข้าจะเริ่มล่ะนะ”

จ้าวเฟิงหยิบลูกศรออกมาช้าๆ

“ศรดอกแรก” เด็กหนุ่มดึงสายธนูก่อนจะยิงออกไปบนท้องฟ้าอย่างสุ่มๆ

เจ้าหมอนั่นทำอันใด…

ทุกคนนิ่งงันไป

ทว่า ในตอนนั้นเอง เสียงบางอย่างร่วงหล่นก็ดังขึ้น

ปั่ก!

เงาสีดำร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างเพราะสิ่งที่ร่วงลงมาคือนกอินทรี

“ทักษะธนูของเจ้าเด็กนี่ย่อมไม่อาจนับว่าธรรมดา ทำได้กระทั่งยิงนกตกจากท้องฟ้าได้ง่ายดายเช่นนี้”

“ฮึ่มม… แค่เทคนิกเล็กๆ น้อยๆ” ใบหน้าของจ้าวหยู่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม แม้ว่าจ้าวเฟิงจะทำได้ดี ทว่ามันก็ไม่อาจนับเป็นอันใดได้เมื่อเทียบกับ ‘ศรฝูงอินทรี’

ปั่ก! ปั่ก!

จ้าวเฟิงยิงศรออกไปอีก 2 ดอก และทุกศรนั้นได้คร่าชีวิตปักษาไปหนึ่งชีวิต

“เจ้าหนู! อย่าได้แสดงทักษะขยะพวกนี้ รีบๆ ยอมรับความพ่ายแพ้ได้แล้ว” นักธนูคนหนึ่งเอ่ยอย่างหมดความอดทน

“อืมมม… มือของข้าเข้าที่แล้ว”

จ้าวเฟิงไม่ใส่ใจกับคำพูดของอีกฝ่าย เพราะว่าบัดนี้เขาได้รับความรู้สึกนั้นแล้ว หลังจากนั้นเด็กหนุ่มจึงสูดหายใจลึก และใช้พลังทั้งหมดไปยังนัยน์ตาซ้าย ในตอนนั้นเองที่มันส่องแสงสีเขียวซีดจางออกมา

ฟุ่บ!

ลูกธนูอีกดอกพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา รวดเร็วราวสายฟ้า

ปั่ก!

จากนั้นทะเลเบื้องบนจึงส่งเงาดำร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง

จ้าวหยู่หัวเราะเสียงเย็น ทว่าไม่เอ่ยอันใด

“สวรรค์! ธนูดอกนั้นยิงนกลงมาทีเดียว 2 ตัว!”

นักธนูคนหนึ่งอุทานออกมา เมื่อนั้นที่จ้าวหยู่ได้หันไปมอง บนพื้นนั้นปรากฏร่างของนกสองตัวขึ้นจริงๆ

ศรหนึ่งดอก ปักษาสองตัว!

หัวใจของจ้าวหยู่ดำดิ่ง เขาไม่เคยคาดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีทักษะธนูสูงเช่นนี้ กระทั่งชายหนุ่มเองก็ไม่มีความมั่นใจในสิ่งนี้ ขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น

“นกกระจอกนั้นมีร่างที่เล็กทั้งยังบินได้รวดเร็ว การที่ยิงออกไปเพียงครั้งเดียวทว่าฆ่านกกระจอกได้ถึงสองตัวนับว่าเทียบเท่าได้กับ ‘ศรฝูงอินทรี’ ของจ้าวหยู่เลยทีเดียว” นักธนูคนหนึ่งเอ่ย

“นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น” จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มบางเบา

หัวใจของกลุ่มคนได้ดำดิ่งลง

ทักษะของเขายังสูงกว่านี้อีกหรือ?

เด็กหนุ่มไม่ได้เอ่ยปากอธิบาย เขาค่อยๆ ยกคันธนูขึ้นช้าๆ และยิงไปยังเป้าที่ห่างออกไป 50 เมตร

หมายความว่าอย่างไร?

ไม่มีผู้ใดเข้าใจการกระทำของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

50 เมตรนั้นเท่ากับ 100 ก้าว

การยิงเป้าที่ห่างออกไป 100 ก้าวนั้น กระทั่งยิงเข้าจุดกลางก็ไม่อาจเทียบเท่ากับศรฝูงอินทรีหรือศรหนึ่งดอก ปักษาสองตัวได้

ฟุ่บ!

ศรของจ้าวเฟิงพุ่งฝ่าอากาศและปักลงบนเป้าที่ห่างออกไป 50 เมตร

ปั่ก!

ศรดอกนั้นไม่ได้เข้าใกล้จุดศูนย์กลางแม้แต่น้อย มันปักลงบนวงนอก

จ้าวเฟิงปาดเหงื่อและถอนหายใจยาว

“ฮ่าฮ่าฮ่า… ศรดอกนั้นเกือบจะไม่โดนเป้าแล้ว…” เหล่าศิษย์เริ่มหัวเราะออกมา จ้าวหยู่เองก็เช่นกัน

จ้าวเฟิงพลาดโดยบังเอิญเช่นนั้นหรือ?

ทว่าเมื่อพวกเขามองไปยังเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ผู้ตัดสินเช่นจ้าวหยูเฟ่ยยังมีคำถามบนใบหน้า นางรู้สึกว่าศรของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ง่ายดายเช่นที่มองเห็น

“เจ้าเดินไปดูสิ”

จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

ฝูงชนเดินไปยังเป้าและมอง

บนขอบของเป้านั้น ศรดอกนั้นยังคงสั่นอยู่

ทุกคนจ้องมองไปยังลูกธนู

ไม่นานลูกธนูก็ถูกดึงออก ที่ปลายลูกธนูมีซากขนาดราวๆ เมล็ดถั่วและรอยเลือดปรากฏอยู่…

อันใดกัน!

“โอ้สวรรค์… นี่มันแมลงวัน! แมลงวัน!” หนึ่งในศิษย์กรีดร้องขึ้นด้วยความตกตะลึง

อะไรนะ!

ดวงตาของนักธนูหลายคนแทบถลนออกจากเบ้าด้วยความผวา

“สวรรค์! ฆ่าแมลงวันในระยะห่าง 100 ก้าว เขาทำได้อย่างไร?”

“การมองเห็นแมลงวันที่ห่างออกไป 100 ก้าวนับว่ายากแล้ว ทว่าแมลงวันนั่นย่อมบินไปทั่ว…”

“มะ…มันเป็นไปได้อย่างไร!?”

ใบหน้าของจ้าวหยู่แปรเปลี่ยนเป็นขาวซีดขณะมองไปยังซากของแมลงวัน ราวกับวิญญาณลอยออกจากร่าง

หากเขาโชคดีพอ เขาอาจจะยิงนกสองตัวได้ด้วยศรดอกเดียว ทว่าการยิงแมลงวันที่อยู่ห่างออกไป 100 ก้าวนั้นนับว่าเป็นไปไม่ได้

แมลงวันนั้นเล็กเกินไป คนปกติไม่แม้กระทั่งมองเห็นมันได้จากระยะ 100 ก้าว

การแข่งขันยิงธนูจบลงตรงนั้น

ผู้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว

“ผู้ชนะการแข่งขันยิงธนูคือจ้าวเฟิง”

จ้าวหยูเฟ่ยหายตะลึงอย่างรวดเร็วและมองไปที่เด็กหนุ่มด้วยสายตาซับซ้อน

นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางได้เจอกับเขาจริงๆ เด็กหนุ่มที่นางเห็นนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและมีความเยือกเย็นเกินผู้คนในวัยเดียวกัน

“ข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่?”

จ้าวเฟิงเดินออกไปด้านนอก ฝูงชนเปิดทางให้เขาโดยอัตโนมัติ

คนส่วนมากที่สนามยิงธนูนั้นได้เรียนรู้วิธีการยิงธนู ทว่าฝีมือของจ้าวเฟิงนั้นทำให้ความสามารถของพวกเขาดูด้อยไปนัก กระทั่งจ้าวหยู่ยังไม่อาจพูดอันใดออกมาได้เพียงสักคำ

หลังจากที่เดินออกจากสนามยิงธนู จ้าวเฟิงจึงพ่นลมหายใจยาว การยิงธนุในวันนี้ได้สร้างประโยชน์ให้เขามากมายนัก

ทันที่ทีจ้าวเฟิงเดินออกจากสนามยิงธนู เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า… จ้าวเฟิง ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอ!”

เสียงหัวเราะโหดเหี้ยมประการหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องหน้าเขา

ทันทีที่สิ้นคำ เด็กหนุ่มสามคนก็ขวางทางของจ้าวเฟิงไว้ เด็กหนุ่มคนที่อยู่หน้าสุดมีคิ้วดกหนาและใบหน้าที่ราวกับประสบความสำเร็จ

เขาคือจ้าวคัง!

“เจ้าตัวโง่งม คราที่แล้วข้าแพ้เจ้า ทว่าคราวนี้ข้าจะทำให้เจ้าพ่ายแพ้และต้องอ้อนวอนขออภัย”

จ้าวคังเลียริมฝีปาก ดวงตามีร่องรอยของความร้ายกาจอยู่ภายใน คราวนี้เขาจะเอาชนะจ้าวเฟิงอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ทั้งยังจะเยาะเย้ยอีกฝ่ายด้วย…

จ้าวเฟิงพบว่าผู้ช่วยอีกสองคนของอีกฝ่ายนั้นล้วนเป็นผู้ฝึกตนขั้น 2 และขวางไม่ให้เขาหนีไป

“พี่หยูเฟ่ย จ้าวเฟิงผู้นั้นดูท่าจะมีปัญหานะเจ้าคะ”

หนึ่งในดรุณีข้างกายจ้าวหยูเฟ่ยเอ่ย

ในตอนนั้น ผู้คนที่อยู่ในสนามยิงธนูต่างก็ค้นพบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้านนอก

บนใบหน้าของจ้าวหยู่ปรากฏแววพึงพอใจ…

ทว่าแม้จะเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่ได้มีความหวาดกลัว เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว

“มาเถอะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!